เสินหว่านตกตะลึงไปอวี๋อวี่เวยเหมือนถูกเหยียบหาง"เจ้าเป็นใครกัน? นั่นเป็นย่าของข้า แม่ของแม่ข้า! มีเหตผลอะไรที่คนนอกที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างเจ้าถึงมานั่งบนเตียงนาง แล้วกลับบอกให้พวกเราถอยออกไป?"ในบ้านตระกูลเสิ่น ตอนไหนกันที่ให้คนอื่นมาออกคำสั่งได้?เสินหว่านยังสั่นสะเทือนกับหน้าตาของฟู่จาวหนิงอยู่เสิ่นเสวียนตรงเข้ามา ยื่นมือออกมาขวางพวกนางไว้"จาวหนิงให้พวกเจ้าถอยออกไป พวกเจ้าก็รีบถอยออกไป" จะมายืนพูดไร้สาระทำไมกัน?"ท่านลุง?" อวี๋อวี่เวยมองเสิ่นเสวียนอย่างไม่อยากเชื่อจาวหนิง?เขาเรียกชื่อของนางตรงๆ แล้วยังเรียกอย่างสนิทสนมด้วย? ถ้าหากนางเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่ง แล้วเป็นไปได้อย่างไรกัน?หรือว่าพอหมอหญิงคนนี้ยืมเรื่องที่ตนเองรู้วิชาแพทย์นิดหน่อย ก็เข้ามายั่วยวนท่านลุงอย่างหน้าไม่อาย?นางรู้ว่าข้างกายหมอมีชื่อบางส่วนจะรับหมอหญิงบางส่วนไว้ ช่วยเหลือการตรวจรักษาภายในของสตรี บางครั้งก็มาเป็นลูกมือเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ไปหาหมอมีชื่อมาแล้วมากมาย และไม่รู้ว่าจะมีพวกหมอหญิงลูกมือหมอใหญ่คนไหนที่ถือโอกาสนี้เข้ามา"ถอยไป"เสิ่นเสวียนไม่เกรงใจพวกนางแม้แต่น้อยเสินหว่านดึงอวี๋อวี่เ
แม่ลูกเสินหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าจะให้พวกนางปลดถุงหอมลงมาอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้"อย่าให้ข้าต้องพูดอีกรอบ"น้ำเสียงเสิ่นเสวียนเย็นชามาก แต่ว่าพวกนางกลับไม่กล้าปฏิเสธ รีบปลดถุงหอมลงมาแต่อวี๋อวี่เวยกลับดูน้อยเนื้อต่ำใจมากท่านลุงตอนนี้พูดกับนางเย็นชามากเลย ท่าทีเช่นนี้นางเจ็บปวดมาก"วางไว้ด้านหนึ่งของโต๊ะ ยังไม่ต้องแตะต้อง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ได้ยินแล้วใช่ไหม? วางทางนั้น" เสิ่นเสวียนส่งสัญญาณให้พวกนางทำตามที่ฟู่จาวหนิงบอกตอนนี้อวี๋อวี่เวยก็ยิ่งน้อยใจลงไปอีกท่านลุงทำไมถึงฟังหมอหญิงคนนั้นล่ะ?เสิ่นเสวียนไม่สนใจพวกนาง แต่ในใจกลับนิ่งขรึมลงมาฟู่จาวหนิงไม่มีทางให้พวกนางปลดถุงหอมลงมาโดยไม่มีเหตุผลหรอก ถุงหอมสองใบนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน"ถุงหอมนี้ได้มาจากไหน?" เขาถาม"พี่รอง ถุงหอมสองใบนี้พวกชั้นสูงในวังมอบให้มา" เสินหว่านเอ่ยขึ้นพอได้ยินว่าเป็นพวกชั้นสูงในวัง สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเสวียนก็เปลี่ยนไปแล้ว"ฮองเฮา?" ท่านผู้เฒ่าถาม"ใช่ ท่านพ่อ องค์จักรพรรดิแม้จะไม่ค่อยชอบตระกูลเสิ่นของเรา แต่ฮองเฮาก็เอาใจใส่พวกเราอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีเมตตากับพวกเรามากด้วย ข้าเดิม
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจโล่งตอนนี้ขอแค่ให้ไท่ไท่อาวุโสผ่านด่านอันตรายนี้ไปก่อน ให้พ้นจากอันตรายก่อนชั่วคราว แต่ก็ต้องให้สุขภาพของนางฟื้นฟูขึ้นเสียหน่ยอ ต้องบำรุงเข้าไป แล้วหลังจากนี้จึงจะถอนพิษได้นางเตรียมตอนที่ไม่มีใครแล้ว ตนเองจะไปแขวนน้ำตาลกลูโคสให้นางเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นไท่ไท่อาวุโสคงทนไม่ไหวแน่พอได้ยินคำพูดของนาง ท่านผู้เฒ่าก็ผ่อนคลายลง"ดี ดี ดีจริงๆ" เขางึมงำขึ้นมาใจของเสิ่นเสวียนเองก็กลับไปอยู่ที่เดิมเรียบร้อยเขารู้ว่าฟู่จาวหนิงรีบมาถึงที่นี่ก็เร่งเดินทางจนเหนื่อยล้าไปหมดแล้วเดิมทีแคว้นเจานางนั้นนางจะออกมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนเองก็ยังไม่ดี เขาสามารถปล่อยให้ฟู่จาวหนิงออกมาในในเวลาเช่นนี้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเองก็ไม่เลวเช่นกันไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นคนอื่น จะมาสนใจความเป็นตายของคนอื่นได้อย่างไร? เวลาเช่นนี้จะต้องผูกฟู่จาวหนิงไว้ข้างกายแน่นอน ถึงจะรับประกันชีวิตเอาไว้ได้"เจ้าคงจะเหนื่อยแย่แล้ว รีบนั่งลงพักผ่อนเถอะ"ท่านผู้เฒ่ารีบสั่งคนยกน้ำเข้ามา ล้างมือให้ฟู่จาวหนิง เช็ดจนสะอาด หลังจากนั้นก็ให้คนปอกผลไม้ รินน้ำชาเข้ามา"พวกเราไปที่โถงกันเถอะ" ท่านผู้เฒ
"ไม่ต้องแล้ว ข้าอีกเดี๋ยวข้าไปแช่น้ำหยอดน้ำมันยาก็พอแล้ว"อวี๋อวี่เวยประหลาดใจ "หญิงสาวที่ไหนเขาบอกผู้ชายบ้างว่าจะไปอาบน้ำ?" หน้าไม่อายหรือเปล่า?อวี๋อวี่เวยรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงพูดเรื่องอาบน้ำต่อหน้าเสิ่นเสวียน เป็นเรื่องหน้าไม่อายเอามากๆ!เรื่องลับๆ แบบนี้ ทำไมถึงพูดออกมาลอยๆ ได้กัน? ไม่อยู่กับร่องกับรอยเอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้น ท่านลุงเองก็อ่อนโยนกับนางเกินไปไหม? ยังจะเรียกสาวใช้เข้ามาบีบนวดให้นางอีก?นางเป็นใครกันแน่!"ข้าให้เจ้าไปอาบน้ำต่อหน้าผู้ชายหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองไปทางอวี๋อวี่เวย เลิกคิ้วขึ้นนางมองออกแล้ว หญิงสาวคนนี้ไม่ชอบขี้หน้านางตั้งแต่แรกจะมากน้อยก็มีความเจาะจงมาทางตัวนางเหมือนกันยิ่งไปกว่นั้น สายตาที่นางมองเสิ่นเสวียนก็ดูจะมีความหมายลึกซึ้งอยู่นะ"เจ้า เจ้า เจ้าทำไมถึงหน้าไม่อายเช่นนี้" อวี๋อวี่เวยหน้าแดงก่ำ"อวี๋อวี่เวย!" ท่านผู้เฒ่าเรียกชื่อนางเสียงขรึม"ระวังท่าทีการพูดของเจ้าด้วย!" เสิ่นเสวียนเองก็ดุนางขึ้นมาด้วยอวี๋อวี่เวยตะลึงงันไปพวกเขา พวกเขาทำไมถึงยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงกัน?เสินหว่านเห็นว่าเริ่มตึงเครียดเลยเข้าไกล่เกลี่ย"ท่านพ่อ พี่รอง เสี่ยวเ
หมอหญิง?ฟู่จาวหนิงคิดๆ พยักหน้า ก็จริงนั่นล่ะ ไม่เช่นนั้นฮูหยินหลิ่วฮูหยินฟางพวกนางมีโรคทางนรีเวชแล้วทำไมจึงหาหมอมาดูไม่ได้"ต้าชื่อทางนี้มีหมอหญิงอยู่ไม่น้อยเลย" อวี๋อวี่เวยบอก"อย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกใจ "นั่นก็ดีมากเลย"นางรู้สึกว่าดีมากจริงๆ สามารถละทิ้งอคติทางเพศได้ ให้หญิงสาวเป็นหมอได้ ความคิดทางต้าชื่อพัฒนาขนาดนี้แล้วหรือ?แต่คำพูดต่อมาของอวี๋อวี่เวยก็ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ใช่อย่างนั้น"ดังนั้น ที่เจ้าจะบอกว่าเป็นหมอหญิงน่ะก็ได้อยู่หรอก ไม่จำเป็นต้องมาสวมรอยเป็นหมอใหญ่" ตอนที่อวี๋อวี่เวยพูดประโยคนี้ สายตาก็ยังมีความดูถูกเหยียดหยามอยู่ฟู่จาวหนิงมองออกแล้วยิ่งไปกว่านั้นฟังจากความหมายของนาง หมอหญิงยังเทียบกับหมอใหญ่ไม่ได้สินะ?ทำไม เป็นหมอใหญ่หญิงไม่ได้หรือ?เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำหนึ่ง "จาวหนิงเป็นหมอใหญ่ เจ้ามีความเห็นอะไรหรือ?""ท่านลุง ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!" อวี๋อวี่เวยกระทืบเท้า"ฮองเฮาหลังจากให้ถุงหอมพวกเจ้ามาแล้วพูดอะไรบ้าง? แล้วยังให้อะไรพวกเจ้ามาอีก?" เสิ่นเสวียนไม่สนใจนาง ถามไปทางเสินหว่านเสินหว่านยื่นมือออกมาลูบกำไลหยกมรกตที่ดูสะดุดตาบ
"ท่านลุงเรื่องเลห่านี้ทำไมต้องให้นางรู้ด้วย? นี่เป็นเรื่องในบ้านตระกูลเสิ่นของพวกเรานะ" อวี๋อวี่เวยเดินเข้าไปหาเสิ่นเสวียน กดเสียงลงต่ำ "จะว่าไป พวกเราพูดถึงฮองเฮาด้วย ถ้านางพูดออกไปจะไม่ดีกับพวกเราไหม?""ข้าบอกเจ้าแล้วหรือยัง?" เสิ่นเสวียนย้อนถาม"อะไรหรือ?""่จาวหนิงเป็นคนของบ้านเรา" เสิ่นเสวียนพูดขึ้นมาตรงๆอวี๋อวี่เวยร่างไหววูบ รู้สึกเหมือนตนเองถูกทำร้ายจิตใจจนกระทบกระเทือนนางก่อนหน้านี้ได้ยินญาติๆ พวกนั้นคาดเดาไว้แล้ว บอกว่าเสิ่นเสวียนอาจจะพาคนในดวงใจกลับมาแล้วเตรียมแต่งงาน หนึ่งก็เพื่อให้ไท่ไท่อาวุโสวางใจ สองก็อาจจะเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายตอนนี้เสิ่นเสวียนบอกว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนของตนเอง นั่นไม่ใช่บอกว่าความเป็นไปได้นี้มีมากหรอกหรือ?"ท่านลุง...""พวกเจ้าออกไปได้แล้ว" เสิ่นเสวียนพอเห็นฟู่จาวหนิงหยิบถุงหอมสองใบออกมาตรวจสอบ ก็ให้พวกเสินหว่านออกไปทันที"พี่รอง พวกเราต้องรู้ก่อนว่าถุงหอมมีปัญหาหรือไม่" เสินหว่านไม่ค่อยชอบที่ของที่ฮองเฮาให้มาไปอยู่ในมือของฟู่จาวหนิงนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงตอนนั้นถ้าหากฮองเฮาเรียกพบนาง พบว่าบนตัวนางไม่มีถุงหอมพวกนั้นแล
เป็นเด็กน่าสงสารที่ไม่มีพ่อมีแม่หรือ?มิน่าอายุเช่นนี้จึงไปเรียนแพทย์แล้ว ไม่เหมือนแม่นางอื่นๆ ที่เอาแต่ไปเรียนศิลปจิตรกรรมท่านผู้เฒ่ารู้สึกสงสารฟู่จาวหนิงขึ้นมาทันที"เจ้าคงจะเหนื่อยมากแน่ๆ รีบเดินทางมาแคว้นเจานับพันลี้ ลำบากเจ้าเสียแล้ว เจ้าก็ไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะ"ท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าเรื่องอื่นรอวันพรุ่งนี้ค่อยถามก็ได้ ฟู่จาวหนิงเพิ่งเข้าประตูมาก็วุ่นจนถึงตอนนี้ ทำเอานางเหนื่อยไปเสียแล้ว"อาเสวียน สวนสี่ซินเก็บออกมาให้จาวหนิงแล้วใช่ไหม? รีบพานางไปสิ" ท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าตนเองวันนี้ตลอดวันมีทั้งยินดีทั้งเสียใจ ตอนนี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้วเสิ่นเสวียนพาฟู่จาวหนิงออกมาคนข้างนอกพวกนั้นล้วนถูกพวกของหลิวหั่วเชิญออกไปแล้วเสินหว่านกับอวี๋อวี่เวยออกมา พวกเขาก็รู้สึกว่าไปถามแม่ลูกพวกนั้นก่อนก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้อาละวาดอีกสืออีสือซานรออยู่ด้านนอก พอเห็นฟู่จาวหนิงออกมาก็ผ่อนใจโล่ง ทั้งสองคนเดินตามอยู่ข้างหลัง ไปยังสวนสี่ซินด้วยกันพอเข้าไปในสวนสี่ซิน ฟู่จาวหนิงก็มองเสิ่นเสวียนอย่างประหลาด"สวนนี้สวยมากเลย"ในสวนมีต้นไม้เล็กๆ อยู่เป็นผืน ตอนนี้มีทั้งสีแดง และใบไม้ที่เริ่มสีเหลืองทอง
ฟู่จาวหนิงคิดๆ ดูมันก็ใช่ตอนนี้ถ้าพูดถึงเสิ่นเชี่ยวขึ้นมา ไท่ไท่อาวุโสคงไม่ได้หลับได้นอนแน่ วันวันคงเอาแต่ชะเง้อว่าไปหาคนหรือยัง พากลับมาแล้วหรือยังแล้วคงจะเอาแต่คิดถึงว่าก่อนหน้านี้นางไปตกระกำลำบากนั่นโน่นนี่ตลอดเวลาแน่นอนไม่แน่พอคิดขึ้นมาคงได้ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร"ท่านลุงพูดถูกต้อง อย่างน้อยรอหลังจากถอนพิษให้ไท่ไท่อาวุโสสักพักหนึ่งแล้วกัน""พิษของนาง เจ้ายืนยันว่าถอนได้สินะ?""ทำไมถึงไม่เชื่อข้าล่ะ?" ฟู่จาวหนิงยืดหลังตรง "ข้าครั้งที่แล้วออกไปกับเซียวหลันยวน ได้วัตถุดิบยามาไม่น้อยเลยนะ""เช่นนั้นก็ดี"ทั้งสองคนนั่งลงในโถงเล็ก เสิ่นเสวียนถามถึงเซียวหลันยวน"แล้วเจ้าห่างออกมาแบบนี้ อ๋องเจวี้ยนได้ขัดขวางบ้างไหม?""ไม่มี" ฟู่จาวหนิงเร่งเดินทางมาตลอด จึงไม่ได้สนใจคิดถึงเซียวหลันยวนเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้นนางเองยังรู้สึกว่าเซียวหลันยวนตอนนี้สถาพจิตใจไม่ค่อยถูกต้อง ทั้งสองคนแยกกันสักพักก็ดีแต่ว่า พอพูดถึงเรื่องที่ขัดขวางนางไม่ให้ออกมาไหม ฟู่จาวหนิงเองก็ว่าร้ายเขาไม่ได้เลยจริงๆ"ไม่ขวาง กระทั่งยังช่วยเป็นธุระให้ด้วย ช่วยข้าวาดแผนที่ ตลอดทางจุดไหนที่ไม่เหมาะจะหยุดพักก็ทำสัญลัก
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ