องค์จักรพรรดิพอได้ยินปัญหานี้ ในสมองก็คิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาทันที"ตอนนี้วิธีที่เหมาะที่สุดไวที่สุด ก็คือให้องค์หญิงหนานฉือรั้งอ๋องเจวี้ยนไว้""องค์หญิงหนานฉือไม่ได้แสดงควาคิดที่อยากจะแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนเลยนี่นา"นี่ทำให้พวกเขาคลั่งขึ้นมา และไม่รู้ว่าองค์หญิงหนานฉือคนนี้จะวุ่นวายไปถึงตอนไหน จะเลือกสามีเป็นคนแบบไหนกันแน่"องค์จักรพรรดิ ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้" มีคนเสนอความคิดกับองค์จักรพรรดิ "ลองถามองค์หญิงหนานฉือดูว่าอยากไปเที่ยวที่ต้าชื่อไหม? ถ้าหากนางอยากจะไป ก็ให้อ๋องเจวี้ยนพานางไปสิ"องค์จักรพรรดิตกตะลึงใช้ความคิดนี้ได้ด้วยหรือ?"องค์จักรพรรดิท่านลองคิดดู แคว้นเจาจนถึงต้าชื่อระยะทางห่างไกลมาก อ๋องเจวี้ยนกับองค์หญิงหนานฉืออยู่ด้วยกันตลอดทาง ไม่ใช่ว่าจะเกิดความผูกพันขึ้นมาได้ง่ายหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ใช่ว่าไปต้าชื่อหรือ? ถ้าเห็นอ๋องเจวี้ยนกับองค์หญิงหนานฉือไปด้วยกัน เช่นนั่นมันจะไม่..."ขุนนางแอบหัวเราะอย่างชั่วร้าย นิ้วมือก็ทำท่าทางแยกออกจากกันคนข้างๆ เองก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว ทยอยกันหัวเราะพวกเขาพูดถึงภาพฉากออกงานของอ๋องเจวี้ยนกับพระชายา
องค์จักรพรรดิโพล่งออกมา แต่ก็สังเกตได้ทันทีว่าตนเองไม่ควรพูดประโยคนี้ คำพูดนี้ตรงเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเดาว่าอ๋องเจวี้ยนจะมาแย่งชิงบัลลังก์อยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นถ้าลือกันออกไป เขาคงได้ถูกประณามแน่ยังดีว่าตอนนี้ทั้งหมดเป็นคนสนิทของเขา พวกเขาเองก็รู้ว่าคำพูดเหล่านี้ห้ามลือออกไปเด็ดขาด กระทั่งแต่ละคนยังทำเป็นเหมือนองค์จักรพรรดิไม่ได้พูดเสียด้วยซ้ำ"อันที่จริงพวกเราเองก็ทำเพื่อช่วยอ๋องเจวี้ยน ถ้าเขาเอาแต่ซ่อน แล้วจะดึงหมอเทวดาที่เร้นตัวจากโลกได้อย่างไรกัน? ถ้ามีคนเห็นหน้าเขา แล้วลือกันออกไป ก็จะมีโอกาสให้หมอเทวดาที่จะมารักษาเขาได้ยิน ไม่แน่หมอเทวดาอาจจะเข้ามาก็ได้"นี่ต้องหน้าด้านไร้ยางอายแค่ไหน ถึงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้แต่องค์จักรพรรดิพอได้ยินก็พยักหน้า "อ้ายชิงพูดถูก เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ส่งให้พวกเจ้าแล้ว ไปคิดหาวิธีมา ลองดูว่าจะทำอย่างไรให้อ๋องเจวี้ยนเปิดเผยใบหน้าแท้จริงของตนเองต่อสาธารณชน!"องค์หญิงหนานฉือเองก็อยากเห็นใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน"ส่งคนไปหาข่าวเรื่องของหมอผีแล้วหรือยัง?" องค์หญิงหนานฉืออยู่ในวัง มองอันเหนียนที่กำลังเสวนากับเหล่าคุณชายในสวนดอก
"ข้าครั้งนี้จะพาอายวนไปด้วยกัน ข้ากลัว ขอให้องครักษ์เงามังกรคุ้มกันไปส่งหน่อย ไม่น่ามีปัญหาไหม?"ไทเฮาตอนที่บอกกับองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีคำพูดจะไปค้านนี่เป็นเสด็จแม่ของเขาเลยนะนี่ก็ตกอกตกใจจนหวาดกลัวขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะไปไหวพระกินมังสวิรัติให้สงบสุขสักระยะหนึ่ง ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ความอกตัญญูคงได้ทับเขาจนตายแน่ไทเฮาจะใช้องครักษ์เงามังกร จะบอกห้ามใช้ก็ไม่ได้"เสด็จแม่ ถ้าท่านอยากจะไปก็ไม่มีปัญหา แต่ทำไมต้องไปวัดพันพุทธที่ไกลขนาดนั้นด้วย? วัดคุ้มครองแคว้นที่อยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงไม่ดีหรือ?"องค์จักรพรรดิยังคิดจะเตือนไทเฮาว่าอย่าไปไกลนักเลยวัดพันพุทธอยู่ค่อนข้างไกล ไปกลับรอบหนึ่งก็กว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่ถ้ามีเรื่องอะไรก็คงจะไม่ทันการเอา"ข้าไม่เหมาะกับวัดคุ้มครองแคว้นมาโดยตลอด เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้"สีหน้าของไทเฮาขรึมลงมาแล้วองค์จักรพรรดิก็เพิ่งคิดออก ตอนนั้นเสื้อผ้าของเสด็จแม่เซียวหลันยวนก็ถูกส่งมาที่วัดคุ้มครองแคว้น ดังนั้นไทเฮาจึงไม่ค่อยชอบไปที่วัดคุ้มครองแคว้น นี่ก็ดูสอดคล้องกับนิสัยไทเฮาอยู่"แล้วก็ บทสวดที่เจ้าอาวา
โอกาสเพียงไม่นานก็มาถึงคืนนี้มีหิมะตกห่าใหญ่ วันถัดมาช่วงเช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงถูกหิมะขาวปกคลุม ขาวโพลนไปทั้งผืนด้านนอกประตูทางเหนือมีประชาชนกลุ่มใหญ่ทะลักกันเข้ามาพวกเขาล้วนมาจากเมืองเล็กห่างออกไปสิบกว่าลี้"เมืองเล็กของพวกเราอยู่ในภูเขา ในภูเขาหลายวันก่อนก็เริ่มมีหิมะตกแล้ว ปีนี้หนาวเย็นเป็นพิเศษ ทำเอาไร่นากับผักสดที่พวกเราปลูกไว้หนาวตายหมด หลายวันก่อนหิมะตกหนักมาก จนหิมะทับบ้านเรือนไปหลายหลัง พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ที่นั่น""ถูกต้อง รีบหนีภัยพิบัติออกมาก่อน รอฤดูใบไม้ผลิแล้วค่อยกลับไป พวกเราไม่ใช่ผู้ประสบภัยนะ ปล่อยพวกเราเข้าไปเถอะ"เมืองเล็กในภูเขานั่น คนในเมืองหลวงก็รู้จักกันเพราะตอนที่ฤดูใบไม้ผลิทิวทัศน์ในภูเขานั้นสวยงามเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่ไปพักค้างแรมที่นั่นกันวันสองวันเพื่อชมทิวทัศน์ ล่องเรืออะไรแบบนั้นยิ่งไปกว่านั้นเมืองเล็กนั่นก็ชื่อว่าเมืองงามตระการเมืองงามตระการ ยังเป็นบ้านเกิดแต่เดิมของตระกูลหลินด้วยเซี่ยซื่อออกไปซื้อซาลาเปาตอนเช้า และเห็นกับความอึกทึกนี้พอดี เห็นคนจากเมืองงามตระการเข้าเมืองมาแล้วเขาตอนนี้ไม่ใช่ฮูหยินรองตระกูลหลินอีกแล้ว ต่อ
"ไม่ใช่บอกว่า ฟู่หลินซื่อไม่ใช่ลูกสาวตระกูลหลินหรอกหรือ?"รอบๆ มีคนไม่น้อยถูกดึงดูดเข้ามา บ้านตระกูลฟู่ไม่ได้เอะอะขนาดนี้มาพักหนึ่งแล้ว พวกเขายังดูไม่ค่อยชินตอนนี้ตระกูลฟู่คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาจะไม่รีบเข้ามาล้อมดูได้อย่างไรกัน?บ้านนี้มีพระชายาอ๋องเจวี้ยนออกมาคนหนึ่งแล้วนะแต่ว่า พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ปรากฏตัวนานมากแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนมาเอะอะถึงหน้าบ้านแบบนี้จะเสียเปรียบหรือเปล่า"ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลิน ถ้าอย่างนั้นสิบกว่าปีก็เลี้ยงเสียเปล่าน่ะสิ?"ญาติตระกูลหลินจากเมืองงามตระการ ยายแก่คนนี้ไม่ใช่จะแหยมด้วยได้ง่ายๆ นะพอได้ยินคำพูดของเพื่อนบ้าน นางก็มือเท้าสะเอว ชี้นิ้วขึ้นฟ้า"เลี้ยงดูเด็กน้อยจนโต คอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว แล้วยังดูเรื่องแต่งงาน ให้ออกเรือน ส่งของหมั้นล้ำค่ามาให้ นี่ไม่ถือเป็นบุญคุณหรอกหรือ?""บ้านตระกูลฟู่แต่งหญิงสาวตระกูลหลินเข้ามา แล้วเช่นนี้คิดจะสะบัดญาติทิ้งอย่างนั้นหรือ? ได้ยินว่าหญิงสาวของตระกูลฟู่นี้ขึ้นเป็นพระชายา เป็นพระชายาแล้วยังมารังแกคนอื่นได้หรือไรกัน?""ถูกต้องถูกต้อง ได้ยินว่าพระชายาไปตัดขาดญาติมิตรแทนแม่ของนาง ท่านผู้เฒ่าฟู่ท
บ้านตระกูลหลินพอเห็นนางกับอันห่าวมีชีวิตดีดีในบ้านตระกูลฟู่ ใจก็คันยุบยิบขึ้นมาพอบวกกับหลังจากที่เซี่ยซื่อออกมาตระกูลหลินก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน มีเรื่องเสียเงินเสียทองอยู่ประจำ วันคืนที่ไม่ค่อยจะมั่งมีก็เหมือนถูกทับถมลงไปอีก พอมาเห็นพวกนางแม่ลูกได้ดิบได้ดี จะไม่เคืองได้อย่างไรกัน?นี่คือคิดจะดึงเซี่ยซื่อกับอันห่าวให้กลับไปกระมัง?แล้วยังคิดจะมาขอทานกับบ้านตระกูลฟู่ด้วยบ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ถือว่าไม่เลว ถ้าพวกเขาอยากจะมาขอทานกับบ้านตระกูลฟู่ก็เป็นเรื่องปกติ"อันห่าวจะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กของบ้านตระกูลหลินนะ พวกเราอย่างน้อยขอเข้าไปดูหน่อย เปิดประตู ให้ท่านผู้เฒ่าฟู่ออกมารับแขก!""ใช่ เปิดประตู พวกเราล้วนเป็นญาติของฟู่หลินซื่อ ตากับยาย ลุงป้าพี่น้องก็อยู่กันหมด อากาศเย็นขนาดนี้ปล่อยให้พวกเราหนาวอยู่ข้างนอกได้อย่างไรกัน?""เห็นว่ามีอ๋องเจวี้ยนหนุนหลังก็เลยไม่เห็นใครในสายตาแล้วหรือ?""เช่นนั้นพวกเราจะไปถามอ๋องเจวี้ยน เขาเป็นอ๋องแล้วยอดเยี่ยมนักหรือไร? เป็นอ๋องแล้วจะไม่สนเรื่องจรรยาบรรณความซื่อสัตย์ได้หรือ?"คนเหล่านี้พูดไปอาละวาดไป คิดจะไปหาอ๋องเจวี้ยนเสียแล้ว
ยืนยันว่ามีคนจงใจกวนน้ำให้ขุ่นยิ่งขึ้นรอจนท่านผู้เฒ่าฟู่รู้ว่าด้านนอกมีคนมากันมากมาย เรื่องก็เริ่มไม่ค่อยถูกต้องเสียแล้วมคนเริ่มขึ้นมาทุบประตู"เปิดประตู!"ในกลุ่มคนมีคนช่วยกันตะโกน "องค์จักรพรรดิบอกแล้วว่าต้องให้ผู้ประสบภัยอย่างพวกเราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเมืองหลวง แต่ผู้ประสบภัยอย่างพวกเราก็ไม่อยากจะไปรบกวนคนอื่นนัก และไม่อยากสร้างปัญหากับองค์จักรพรรดิด้วย แค่อยากจะมาร่วมอยู่กับญาติสนิทมิตรสหายไม่กี่เดือนเท่านั้น ตระกูลฟู่เห็นๆ อยู่ว่าบ้านก็ใหญ่โต ทำไมจึงขี้เหนียวนัก?""ถูกต้อง ได้ยินว่าคนที่อยู่ในบ้านตระกูลฟู่ก็มีน้อยมาก ให้ญาติตระกูลหลินพวกนี้เข้าไปพักก็ยังเพียงพอ นี่ทำไมถึงได้แล้งน้ำใจนัก""เป็นเพราะท่านผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นผู้อาวุโสของอ๋องเจวี้ยน ตัวตนฐานะก็ต่างออกไปแล้วใช่ไหม ดังนั้นเลยคิดจะวางก้ามสินะ?""นี่ก็เป็นไปได้มากเลย อ๋องเจวี้ยนคนนั้นเองก็เป็นคนเย็นชาแล้งน้ำใจด้วยใช่ไหม? ได้ยินว่าอำนาจเขาก็ใหญ่โตอยู่นี่ องค์จักรพรรดิเองก็ยังต้องถอยให้ระดับหนึ่ง""เฮอะ นี่ก็เกินไปหน่อยไหม? ไม่ใช่บอกว่าสุขภาพเขาไม่ค่อยดีหรือ? เห็นว่าป่วยจนพิการไปแล้ว ยังมีอำนาจขนาด
ชิงอีหน้าเปลี่ยนสี ถีบคนออกไปคนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยื่นมือคว้าจับอีกสองคน สะบัดพวกเขาออกไป แต่ตอนที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาสายตากลับเหม่อลอยคนพวกนี้ดูแปลกไป!มีคนยื่นมือมาทางขาเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนยื่นมือมาขวางการกระทำทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นพร้อมกันพวกเขาขวางไว้ได้ด้านหนึ่ง แต่ขวางการลอบโจมตีทั้งหมดไม่ได้เสียงกิ๊งดังขึ้น หน้ากากของอ๋องเจวี้ยนถูกเกี่ยวไว้แล้วด้ายเงินนั้นถูกออกแรงกระชาก"อ๊า! อ๋องเจวี้ยน!""ท่านอ๋อง!"กลุ่มคนร้องตกใจ ล้วนมองไปทางอ๋องเจวี้ยนตะขอด้ายเงินกระชากเปิดหน้ากากครึ่งหน้าของอ๋องเจวี้ยน ขณะเดียวกันก็ยังดึงกวานม่วงทองที่รวบผมไว้จนหลุดด้วยผมดำของอ๋องเจวี้ยนสยายลงมาขณะเดียวกัน ใบหน้าครึ่งหนึ่งนั้นก็ไม่มีอะไรปิดบังไว้อีกประชาชนหลายคนที่อยู่ข้างรถม้ามองเห็นใบหน้าอ๋องเจวี้ยนอย่างชัดเจน"อ๊า!""ผี!"พวกเขาล้วนตกตะลึงร้องเสียงหลงออกมาเสียงร้องเช่นนี้ ทำเอาคนอื่นหันมองมาทันควันพวกเขามองเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนแล้วพวกผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยที่หน้าประตูใหญ่ก็ล้วนมองเห็นแล้วพวกเขาราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่หน้าของอ๋องเจวี้ยน...น่ากลัวเกินไปแล้ว!และ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ