ข้าเป็นหมอหญิงคนหนึ่ง ตอนที่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้ที่บาดเจ็บสาหัส เขาตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อแต่งข้าเป็นภรรยา เพื่อข้าแล้ว เขายอมขับไล่นางสนมในวังหลังออก แต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮาโดยไม่สนใจคำทัดทานของผู้คน สัญญากับข้าว่าจะรักเพียงข้าผู้เดียวตลอดชาติภพ แต่หลังจากข้าเป็นฮองเฮามาได้เจ็ดปี เขากลับพาตัวบุตรสาวจากจวนแม่ทัพเจิ้นกั๋วเข้ามาในวัง มอบความรักความโปรดปรานให้ทุกวัน แล้วยังพระราชทานปิ่นหงส์ที่เป็นของฮองเฮาให้นางอีก ข้าเห็นดังนั้นก็เขียนจดหมายไปหาท่านอาจารย์ “อาจารย์ ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว ใต้หล้านี้บุรุษล้วนโลเลหลายใจ ฮ่องเต้ก็มิต่างกัน สามวันหลังจากนี้ ข้าจะแกล้งตายแล้วหนีออกจากวัง นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะติดตามอยู่ข้างกายท่าน ไม่จากไปไหนอีก”
Lihat lebih banyakเซี่ยจิ่งหวนเพิ่งมีโอรสน้อยที่อายุยังไม่ครบขวบดี แต่เขากลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่าจะขับไล่มารดาของเด็กออกจากวังบางทีศาสตร์แห่งการเป็นฮ่องเต้ที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก อาจทำให้เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดในใต้หล้านี่คือสิ่งที่ข้าเพิ่งค้นพบหลังจากที่แยกตัวออกมาจากเขา"เซี่ยจิ่งหวน ถ้าข้ารักใครสักคนจริงๆ ข้าจะไม่มีวันนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่นหลังจากแต่งงานแล้ว""แล้วข้าก็จะไม่ไปนอนกับชายอื่นเพียงเพราะต้องการทายาท"เซี่ยจิ่งหวนพูดด้วยสีหน้าร้อนรน "อาเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธที่ข้าไม่รักษาความซื่อสัตย์ที่มีต่อเจ้า แต่ตอนนั้นข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าข้ารู้..."ข้าขัดจังหวะเขา "สำหรับข้า ตราบใดที่ยังรักเขาอยู่ ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปก็เหมือนกัน""เมื่อยอมรับคนอื่นเข้ามาในชีวิต นั่นหมายความว่าความรักที่ท่านมีต่อข้าไม่สะอาดบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว""ท่านเป็นฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ส่วนข้าเป็นเพียงหมอหญิงต่ำต้อย ระหว่างพวกเราไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ตอนนี้ขอให้ทุกอย่างกลับสู่ทางที่ควรเป็น ฝ่าบาทโปรดเสด็จกลับไปเถิด"พูดจบ ข้าก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านแต่เซี่ยจิ่งหวนโบ
ผู้คนต่างชื่นชมความรักที่เขามีต่อข้า และกล่าวว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกกับคนไม่มีดวง ทำให้คนรักต้องพลัดพรากจากกันข้าได้แต่ยิ้มให้กับเรื่องนี้ ผู้คนมักชอบทำให้ความรักดูสวยงาม เพื่อหลอกล่อชายหญิงที่ไร้เดียงสาให้ตกหลุมรักมีข่าวลือว่าเพราะการตายของข้า เซี่ยจิ่งหวนเสียใจหนักจนล้มป่วย นอนซมในตำหนักมาเป็นเดือนแล้ว อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแต่ข้ารู้ว่าเซี่ยจิ่งหวนจะผ่านมันไปได้ ในอดีตการแย่งชิงบัลลังก์ เขายังข้ามผ่านศพกองเป็นภูเขาและเลือดที่เจิ่งนองเป็นทะเลมาได้ แล้วจะติดหล่มกับเรื่องเล็กน้อยอย่างความรักได้อย่างไรสามเดือนต่อมา เกิดกบฏในวังหลังจากข้าตายไป หลินจื่อยวนก็ถูกเซี่ยจิ่งยวนจับขังในตำหนักเย็น ถูกหลบหลู่ดูหมิ่นทุกวันแม่ทัพผู้พิทักษ์แผ่นดินทราบข่าวจึงนำทหารบุกเข้าวัง แต่กลับติดกับดักที่เซี่ยจิ่งหวนวางไว้ ถูกริบอำนาจทางทหารไปทั้งหมดหลังจากนั้นเซี่ยจิ่งหวนก็นำทหารไปปราบกบฏที่ชายแดนด้วยตัวเอง และขับไล่ศัตรูที่รุกรานจากภายนอกดังนั้นไม่ใช่ว่าเขาไร้หนทางแก้ไขปัญหา เพียงแต่เขาคิดว่าข้าไม่คุ้มค่าพอที่เขาจะเสี่ยงมากขนาดนั้นในตอนนั้น เขาสามารถทนแรงกดดันจากทั้งราชสำนักเพื่อแต่งตั้งข้า
เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมากลางอกของเซี่ยจิ่งหวน ก่อนจะกระอักเลือดสดๆ ออกมาหมอหลวงต่างรีบเข้ามาตรวจวินิจฉัย วิงวอนขอให้ฝ่าบาทถนอมพระวรกายของตัวเองเซี่ยจิ่งหวนไล่ทุกคนออกไปแล้วเดินมาที่ข้างกายข้า อุ้มข้าเข้าสู่อ้อมอกของเขาอย่างแนบแน่น พยายามใช้ไออุ่นจากร่างกายของเขาทำให้ร่างที่เย็นเฉียบของข้าอุ่น"อาเหยา ขอโทษ ข้าขอโทษ..."น้ำเย็นๆ ไหลหยดจากคางของเขาลงมาบนแก้มของข้าเซี่ยจิ่งหวนร้องไห้ตั้งแต่รู้จักเซี่ยจิ่งหวนมา นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขาร้องไห้เขามักจะทำท่าราวกับกุมชัยชนะอยู่ในมือ มั่นใจในความสำเร็จของตัวเองเสมอแต่บัดนี้กลับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะการจากไปของข้า ราวกับเด็กน้อยที่ไร้ที่พึ่ง"อาเหยา ข้าต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะยอมกลับมาหาข้า""อาเหยา ข้ารู้ตัวแล้วว่าผิด ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป..."วันแรกหลังจากข้า "ตาย" เซี่ยจิ่งหวนก็กินอาหารที่ข้าทำไว้จนหมด ทั้งที่มันเย็นชืดไปแล้วเขาบอกว่าถ้าเขายอมทำตัวดีๆ และกินอาหารจนหมด ข้าก็จะให้อภัยเขา ไม่โกรธเขาอีกต่อไปวันที่สองหลังข้า "ตาย" เซี่ยจิ่งหวนเรียกช่างฝีมือมาทำโคมไฟกระต่ายหนึ่งร้อยดวง แขวนไว้ในตำหนักเฟิ่งชี"อาเหยา โคมไฟกระ
"ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไร ข้าต้องทำตามใจเจ้าอยู่แล้ว ทำไมเจ้าถึงเลือกจากไปด้วยวิธีการที่เด็ดขาดเช่นนี้?"เซี่ยจิ่งหวน หากในใจท่านมีเพียงข้าคนเดียวจริงๆ ท่านคงไม่เลือกที่จะนำหลินจื่อยวนเข้าวัง แล้วร่วมรักกับนางหรอกเมื่อท่านเลือกที่จะนำนางเข้าวัง ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปสอบถามหรือเรียกร้องสิ่งใดจากท่านอีกความรักที่มีให้กัน ล้วนมาจากใจ มาจากความสมัครใจบัดนี้ขอเพียงความตายครั้งนี้ ตัดขาดสายใยรักระหว่างเราได้อย่างสิ้นเชิง ปลดปล่อยให้ข้าเป็นอิสระในตอนนั้นเอง ไฉ่เยว่ก็คุกเข่าลงแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์ได้โปรดมอบความยุติธรรมให้ฮองเฮาด้วยเพคะ เมื่อวานนี้แม่นางจื่อยวนจากตำหนักเจิ้งเฉียน มาเข้าเฝ้าฮองเฮาที่กำลังลงมือทำพระกายาหารค่ำที่ห้องเครื่องหลวง”เซี่ยจิ่งหวนเงยหน้าขึ้นมองไฉ่เยว่ทันที "เจ้าว่าอะไรนะ? หลินจื่อยวนมาหาอาเหยา?"เซี่ยจิ่งหวนออกคำสั่งทันที "ทหาร นำตัวหลินจื่อยวนมาที่นี่”ไม่นาน หลินจื่อยวนก็ถูกทหารองครักษ์สองคนลากตัวเข้ามา กดให้คุกเข่ากลางตำหนักใหญ่หลินจื่อยวนถูกกดตัวจนลุกขึ้นไม่ได้ รีบเงยหน้ามองเซี่ยจิ่งหวน พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า"เมื่อครู่ฝ่าบาทยังกระซิบถ้อยคำหวาน
หลังจากกลืนยาลงไป ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมาในภวังค์ความคิดเป็นฉากๆข้าเป็นเด็กกำพร้า ถูกอาจารย์ที่เดินทางออกรักษาผู้คนเก็บมาชุบเลี้ยงต่อมาอาจารย์ออกไปทำธุระ ข้าที่รั้งอยู่ในหุบเขาไม้ไผ่จึงได้ช่วยชีวิตเซี่ยจิ่งหวนที่บาดเจ็บหนักจากการถูกตามล่าเซี่ยจิ่งหวนตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบและสารภาพรักกับข้าอาจารย์พร่ำสอนข้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่า บุรุษในใต้หล้าล้วนจิตใจโลเลไม่มั่นคง โลกใบนี้มีสตรีที่หลงงมงายในรักถูกผู้ชายหักหลังอยู่มากมาย ดังนั้นอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับความรักโดยเด็ดขาดข้าปฏิเสธเขาทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับการตามเกี้ยวพาราสีของเขาก่อนแต่งงานกับเซี่ยจิ่งหวน ข้าเคยแวะมาหาอาจารย์ ขอให้ท่านไปอยู่ในวังด้วยกัน จะได้ดูแลท่านอย่างดีอาจารย์ลูบผมข้าแล้วส่งยาแกล้งตายมาให้ พลางกล่าวว่า "อาเหยา ข้าจะอยู่ที่นี่ เป็นที่พึ่งสุดท้ายของเจ้า"ตอนนั้นข้าคิดแค่ว่าอาจารย์กังวลมากเกินไปเซี่ยจิ่งหวนรักข้ายิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง แล้วเขาจะทำให้ข้าอับจนหนทางได้อย่างไรตอนนี้ข้าเพิ่งจะบรรลุว่าการฝากชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง เป็นการทำลายทางหนีของตัวเองแต่โชคดีที่ข้ายังมี
พอเลี้ยวผ่านโค้งมาก็เห็นหลินจื่อยวนโผล่ออกมาจากหลังภูเขาจำลอง แล้วโผเข้ากอดเซี่ยจิ่งหวนเซี่ยจิ่งหวนรีบสำรวจร่างกายนางอย่างร้อนรน "ไม่ใช่บอกว่าตกน้ำหรอกหรือ?"หลินจื่อยวนเบียดกายแนบชิดร่างเขา พูดเสียงออดอ้อนว่า "ถ้าหม่อมฉันไม่พูดแบบนี้ ฝ่าบาทจะเสด็จมาได้อย่างไรเพคะ"เซี่ยจิ่งหวนเอ็ดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด "ช่างเหลวไหลสิ้นดี! เจ้าจะมาหลอกลวงข้าด้วยเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?"หลินจื่อยวนรวบรวมความกล้าเขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากเขา"ก็เพราะยวนเอ๋อร์คิดถึงฝ่าบาทเหลือเกินนี่เพคะ"เซี่ยจิ่งหวนยกมือทำท่าจะผลักออก "ในเมื่อไม่เป็นอะไรก็รีบกลับวังไปเถอะ ข้ายังต้องไปอยู่เป็นเพื่อนฮองเฮาอีก"หลินจื่อยวนใช้มือทั้งสองเกี่ยวผ้าคาดเอวของเขาเอาไว้แน่น "ฝ่าบาท วันนี้พวกเราอยู่ที่นี่กันดีไหมเพคะ?""วันนี้หม่อมฉันสวมเอี๊ยมตัวบางมาด้วยนะเพคะ"พอเจอการพูดหว่านล้อมยั่วยวนหนักเข้า เซี่ยจิ่งหวนก็เริ่มไม่ต่อต้านไม่นาน เสียงครางหวานก็ดังมาจากด้านหลังภูเขาจำลองข้ายืนตัวแข็งอยู่กับที่ขณะสวมอาภรณ์ที่เปียกโชก เสียงครางของทั้งสองเหมือนคมมีดที่แทงเข้ามาในหัวใจข้า ทำให้ข้าเจ็บปวดรวดร้าวดุจใจจะขาดน้ำตาไหลออกมาจากเ
Komen