Share

บทที่ 28 จวนสกุลเจียง

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-22 22:37:28

เมื่อจวนนิ่งอันโหวอยู่ในความสงบเรียบร้อยดีแล้วโม่ชิงเยว่จึงได้จัดเตรียมของขวัญและของกำนัลหลายคันรถเพื่อนำไปเป็นของกำนัลให้แก่คนสกุลเจียง ในฐานะที่นางเป็นฮูหยินแต่กลับถูกคนในจวนโหวกดขี่มานานถึงสามปีข้าวของเหล่านี้นางจึงถือว่าเป็นของชดเชยที่นางควรจะได้รับ ในเมื่อเป็นของที่นางควรจะได้รับนางก็มีสิทธิ์ที่จะนำไปมอบให้แก่ผู้ใดก็ได้ ดังนั้นวันต่อมานางจึงได้พาลูกทั้งสองไปคารวะเยี่ยมเยียนเหล่าผู้อาวุโสในจวนสกุลเจียงด้วยตนเองพร้อมด้วยของกำนัลอีกหลายคันรถ

ยามที่นางลงจากรถม้าซุนต้าเหนียงผู้เป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลเจียงเป็นผู้มารอรับนางด้วยตนเอง แม้ว่าโม่ชิงเยว่จะไม่เคยพบหน้าแต่เมื่อได้เห็นสัญญาณที่ชุ่ยเหมยส่งมาให้นางก็รีบพาลูกๆ ไปคารวะซุนต้าเหนียงในทันที

“โม่ชิงเยว่คารวะท่านป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ” ซุนต้าเหนียงรีบเบี่ยงกายหลบการคารวะของนางแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความยกย่องอย่างเต็มที่

“ข้าเป็นแค่เพียงสตรีจากสกุลพ่อค้าจะรับการคารวะจากนิ่งอันโหวฮูหยินได้อย่างไร แค่ท่านยินดีมาเป็นแขกที่จวนสกุลเจียงของข้าก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติข้าและสกุลเจียงแล้ว” เมื่อซุนต้าเหนียงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า

“ท่านแม่ของข้าคือบุตรสาวสกุลเจียง ข้าไม่มีทางคิดดูหมิ่นจวนสกุลเจียงเพียงเพราะเป็นสกุลของพ่อค้าหรอกเจ้าค่ะ อีกทั้งก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะข้าได้รับการช่วยเหลือจากสกุลเจียง ชีวิตของข้าและลูกๆ ก็คงจะย่ำแย่ไปแล้ว จื่อเหยา จื่อเยว่ พวกเจ้ามาคารวะท่านยายเร็ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ทั้งซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่ก็ต่างรีบเข้าไปคารวะซุนต้าเหนียงอย่างพร้อมเพรียงกัน ดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งในสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น

“เป็นแฝดหงส์คู่มังกรที่หาได้ยาก นิ่งอันโหวฮูหยินช่างโชคดีนัก เอาล่ะอย่ามัวแต่พูดคุยกันอยู่ด้านนอกเลย ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าและบรรดานายท่านต่างรอท่านอยู่ด้านในแล้ว” ซุนต้าเหนียงเอ่ยพลางผายมือเชื้อเชิญให้โม่ชิงเยว่เดินเข้าไปด้านใน ซึ่งโม่ชิงเยว่ก็เดินเข้าไปตามคำเชื้อเชิญโดยมีลูกๆ ชุ่ยเหมยและสาวใช้ที่ติดตามมาเดินตามนางเข้าไปด้านในด้วย

จวนสกุลเจียงแม้ว่าจะเป็นจวนของพ่อค้า แต่การตกแต่งกลับหรูหราและมีความโดดเด่นไม่แพ้จวนขุนนางที่โม่ชิงเยว่เคยได้มีโอกาสไปเที่ยวชม ยามที่นางเข้าไปในโถงรับรองของสกุลเจียงบุคคลแรกที่ปรากฏเข้าสู่สายตาของนางก็คือสตรีสูงวัยที่นั่งเด่นบนเก้าอี้ประธานกลางห้องโถง ถัดมาคือชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างท้วม แต่ดวงตาที่คล้ายคลึงกับมารดาของนางคู่นั้นทำให้นางคาดเดาได้แล้วว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นนายท่านใหญ่เจียง ส่วนชายวัยกลางคนอีกคนมีรูปร่างสูงโปร่งรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าทำให้โม่ชิงเยว่คิดถึงมารดาของนางเช่นกัน นางคาดเดาเอาว่าเขาน่าจะเป็นนายท่านรอง ส่วนสตรีวัยกลางคนที่มีดวงหน้างดงามแต่ร่างกายกับดูซูบผอมราวกับคนไม่มีแรงผู้นั้นคงจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากจะเป็นฮูหยินผู้อ่อนแอของนายท่านรอง

“โม่ชิงเยว่คารวะท่านยาย ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรองและท่านป้าสะใภ้รองเจ้าค่ะ” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางย่อกายคารวะตามธรรมเนียม ซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่ก็ต่างคารวะตามมารดาโดยที่ไม่ต้องมีผู้ใดบอกกล่าว

“นิ่งอันโหวฮูหยินไม่ต้องมากพิธี ที่จริงแล้วควรจะเป็นข้าที่สมควรออกไปรับเจ้าที่หน้าประตูจวนด้วยตนเอง แต่เพราะขาแก่ๆ ของข้าไม่ค่อยจะดีแล้วจึงจำต้องไหว้วานสะใภ้คนโตของข้าให้ออกไปต้อนรับเจ้าด้วยตนเอง ส่วนสะใภ้รองของข้าก็อย่างที่เจ้าเห็นสุขภาพของนางไม่ค่อยจะดีนักหวังว่าเจ้าคงจะไม่ถือสาที่พวกข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับเจ้าด้วยตนเอง” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่างเหินของนางทำให้จิตในของโม่ชิงเยว่พลันสั่นไหวอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าการที่นางสามารถผ่านความยากลำบากในจวนนิ่งอันโหวมาได้ก็ล้วนเป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากสกุลเจียง นางย่อมไม่กล้าถือสาความห่างเหินที่ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงมอบให้

“หลานหรือจะกล้า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหากไม่ใช่เพราะได้รับความช่วยเหลือของสกุลเจียงหลานก็คงไม่อาจจะมีชีวิตรอดมาได้จนถึงป่านนี้ ส่วนลูกๆ ของหลานก็คงไม่อาจจะมีชีวิตดีๆ ได้ดังเช่นตอนนี้” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้า

“หากไม่เพราะนิ่งอันโหวฮูหยิน กิจการผ้าปักของสกุลเจียงก็คงจะไม่อาจจะเฟื่องฟูได้จนถึงเช่นนี้” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ทั้งนายท่านใหญ่และนายท่านรองต่างก็พยักหน้า

“เป็นอย่างที่ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยมา หากไม่ใช่เพราะฝีมือปักผ้าของนิ่งอันโหวฮูหยิน กิจการผ้าปักของสกุลเจียงก็คงจะไม่ได้รับความนิยมดังเช่นในตอนนี้ ท่านคงจะไม่รู้ว่ายามนี้แม้แต่พระสนมในวังก็ยังส่งคนออกมาสั่งซื้อผ้าปักสกุลเจียงของพวกเรา ว่ากันว่ายามนี้ทางกองผ้าปักต่างก็พยายามแกะลายและพยายามลอกเลียนแบบวิธีการปักของนิ่งอันโหวฮูหยินแต่กลับไม่เป็นผล” ซุนต้าเหนียงผู้เป็นฮูหยินใหญ่สกุลเจียงเอ่ยสนับสนุนคำพูดของแม่สามีของนางด้วยรอยยิ้ม ส่วนนายท่านใหญ่ก็เอ่ยสนับสนุนคำพูดของนางเช่นเดียวกัน

“วิธีการปักผ้าของนิ่งอันโหวฮูหยินแม้แต่ช่างปักในสกุลเจียงก็ยังลอกเลียนไม่ได้ ท่านแม่บอกว่าเป็นวิธีการเฉพาะที่หวันหว่านเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง คิดไม่ถึงว่านิ่งอันโหวฮูหยินจะสามารถเรียนรู้จากหวันหว่านได้มากถึงขั้นนี้” เมื่อนายท่านใหญ่เอ่ยถึงเจียงหวันหว่านผู้เป็นมารดาของโม่ชิงเยว่สีหน้าของนางก็พลันเศร้าหมองลงด้วยความอาลัย

“ท่านแม่มักจะสอนวิชาปักผ้าให้ข้าเสมอทุกครั้งที่ข้าว่าง ชั่วชีวิตของนางเฝ้าคิดถึงแต่จวนสกุลเจียงเสมอ แต่เพราะสำนึกในความผิดของตนเองทำให้ท่านแม่ไม่กล้ากลับมาที่สกุลเจียง ทำได้แค่เพียงส่งผ่านความคิดถึงลงไปในลวดลายของผ้าปักเพียงเท่านั้น” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางเหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าที่ในยามนี้บนใบหน้าเต็มไปด้วยความคิดถึงและความอาลัยในตัวบุตรสาวอย่างเจียงหวันหว่านจนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา

“ทุกครั้งที่คิดถึงท่านยายท่านแม่ก็มักจะนั่งปักผ้า แถมยังนำคำสอนของท่านยายมาถ่ายทอดให้ข้าด้วย วิธีการปักแต่ละฝีเข็มที่ข้าได้เรียนรู้ล้วนกลั่นมาจากประสบการณ์จากการฝึกฝน ฝีมือของท่านแม่และคำสอนที่ท่านแม่เคยได้เรียนรู้จากท่านยาย จวบจนวาระสุดท้ายนางก็ยังคงคิดถึงท่านยายและทุกคนในจวนสกุลเจียงเสมอ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลเจียงก็หลั่งน้ำตาออกมา

“ในเมื่อรู้ตัวว่าผิดก็ควรจะกลับมาขอขมาข้าสิ นางเป็นบุตรสาวของข้าต่อให้ข้าเอ่ยปากว่าตัดขาดกันแล้วแต่ตัวนางเองก็มีลูกแล้วเช่นกัน น่าจะรู้ว่าคนเป็นมารดาไม่อาจจะตัดขาดบุตรสาวของตนเองได้ลงคอหรอก” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงทำให้โม่ชิงเยว่ก้มหน้าลง พลางคิดถึงคำพูดของมารดาก่อนที่นางจะสิ้นใจไปเพราะโรคภัยที่มารุมเร้า

ยามนั้นสาเหตุที่ถูกตัดขาดก็เพราะท่านแม่ของนางเลือกแต่งออกกับนายทหารจนๆ ผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าต่อมาโม่เหิงผู้เป็นบิดาของนางจะสร้างความดีความชอบจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ พอได้เป็นฮูหยินแม่ทัพแล้วเดิมทีมารดาของนางตั้งใจจะมาขอขมาฮูหยินผู้เฒ่าที่สกุลเจียงด้วยตนเองแต่เพราะโรคภัยที่รุมเร้าทำให้นางไม่กล้าแบกสังขารที่เต็มไปด้วยโรคภัยมาให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงได้เห็น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 32 แผนการในใจ

    ยามที่ชุ่ยเหมยได้พบกับหรงมามาเดิมทีนางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดด้วยรู้ดีว่าโม่ชิงเยว่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกาย แต่เมื่อได้รู้ว่าหรงมามาได้รับการแนะนำมาจากผู้ใดทำให้นางอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จนต้องสอบถามโม่ชิงเยว่ออกมาตามตรง“ในเมื่อนางเป็นคนที่ท่านโหวพามา แล้วฮูหยินก็ยังยินดีที่จะให้นางมาอยู่ข้างกายอีกหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า“เขาจะมาไม้ไหนข้าเองก็อยากจะรู้ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปที่สกุลสุ่ยแล้ว ข้ากำลังขาดคนข้างกายที่จะคอยแนะนำเรื่องการคบค้าสมาคมกับบรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนหลังของบรรดาขุนนางชั้นสูงพอดี เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเพราะท่านแม่ชาติกำเนิดไม่สูง อีกทั้งท่านพ่อก็ไม่ได้ถือกำเนิดในแวดวงเดียวกันกับชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าจึงแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาสตรีที่เป็นชนชั้นสูงของแคว้นเหลียนดังเช่นบุตรสาวของแม่ทัพคนอื่นๆ เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาพลางจ้องมองด้านนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแล้วจึงได้เอ่ยต่อ“คนสกุลสุ่ยมีแผนการเช่นไรกับข้า ตัวข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน คิดจะเหยียบย่ำข้าเพื่อแก้แค้นให้สุ่ยอี้โหรวหรือว่าคิดจะใช้ข้าเป็นข

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 31 หรงมามา

    เมื่อส่งสุ่ยฮูหยินแล้วโม่ชิงเยว่ก็เดินกลับเรือนหลัก แต่เมื่อเห็นเงาของคนผู้หนึ่งอยู่แถวเรือนของนาง นางก็หันไปโบกมือไล่สาวใช้ที่ติดตามนางมาให้จากไปแล้วจึงได้เดินเข้าไปหาเขา“ท่านกลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่าท่านกลับมาแล้วเช่นนั้นหรือ เหตุใดจึงได้มาวนเวียนอยู่ที่นี่ดุจภูตผีที่มาขอส่วนบุญเล่า” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้คนของซ่งเหวินจิ้งลอบสบตากันแล้วก็พากันล่าถอยออกไป“ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะไม่ทันเล่ห์ของคนสกุลสุ่ย ช่วงนี้สกุลสุ่ยมีความประพฤติที่ไม่ดีเท่าใดนัก คบหากับคนที่ไม่ควรจะคบหาทำให้ฝ่าบาทกำลังจับตามองพวกเขาอยู่ หากเป็นไปได้เจ้าอย่าได้ข้องแวะกับพวกเขา” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่ขมวดคิ้ว“คนไม่ดีที่ท่านเอ่ยถึงใช่ท่านหรือไม่” คำถามของนางทำให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดนางจึงได้เอ่ยต่อเพื่ออธิบายความข้องใจของตนเอง“องค์ชายรองประสูติจากองค์ฮองเฮาที่มาจากสกุลสุ่ย ท่านเป็นคนขององค์ชายรองมิใช่หรือนั่นไม่เท่ากับว่าท่านก็ข้องเกี่ยวกับคนสกุลสุ่ยมิใช่หรือ ยังไม่นับคนรักของท่านที่ยามนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ศาลบรรพชนนั่นอีก” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 30 ตอบรับคำเชิญ

    หลังจากทำการคารวะและเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสที่จวนสกุลเจียงเรียบร้อยแล้วโม่ชิงเยว่ก็พาลูกๆ ของนางกลับจวน แม้ว่าเด็กทั้งสองจะรบเร้าขอให้นางพาพวกเขาไปนั่งรถม้าเล่นรอบเมืองแต่เพราะวันนี้นางทิ้งจวนออกมาข้างนอกนานแล้วจึงกังวลว่าภายในจวนจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น จึงได้แต่สัญญากับลูกๆ ว่าวันหน้านางจะหาโอกาสพาพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นซึ่งพวกเขาก็ยินยอมรับคำสัญญาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่อกลับไปถึงจวนนิ่งอันโหวแล้วโม่ชิงเยว่ก็สั่งให้ชุ่ยเหมยพาซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่กลับเรือนพักไปก่อน ส่วนนางก็ไปสะสางบัญชีกับผู้คุมบัญชีที่ห้องหนังสือก่อน หลังจากที่สะสางบัญชีเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็ตั้งใจว่าจะกลับเรือนไปกินอาหารร่วมกับลูกๆ แต่ยังไม่ทันออกจากห้องบัญชีกลับมีสาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงานนางด้วยน้ำเสียงระมัดระวังเข้าเสียก่อน“ฮูหยินเจ้าคะ สุ่ยฮูหยินมาขอเข้าพบฮูหยินเจ้าค่ะ” คำพูดประโยคนี้ของสาวใช้ทำให้โม่ชิงเยว่พลันเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ“เจ้าหมายถึงสุ่ยฮูหยินผู้เป็นภรรยาเอกของท่านเจ้ากรมพิธีการสุ่ยน่ะหรือ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยถามเช่นนี้สาวใช้ผู้นั้นก็พยักหน้า“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ยามนี

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 29 นับญาติกับสกุลพ่อค้า

    แม้ว่าจะรู้สึกเห็นใจมารดาของตนแต่เมื่อคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงเองก็เป็นมารดาเช่นเดียวกันย่อมจะรักและเป็นห่วงลูกมากเป็นธรรมดา เพียงแต่การแสดงออกอาจจะรุนแรงเกินไปหน่อยทำให้พลาดพลั้งเอ่ยคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจออกมา ส่วนมารดาของนางก็เป็นคนอ่อนแอที่ไม่กล้าทำตามที่ใจของตนคิด สิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิตก็คือการเลือกแต่งกับคนที่ครอบครัวไม่เห็นด้วย พอถูกมารดาเอ่ยวาจาตัดขาดก็เศร้าเสียใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก พอคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว ก่อนที่เจียงหวั่นหว่านผู้เป็นมารดาจะตายความปรารถนาสุดท้ายก็คืออยากจะขอขมาฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียง นางในฐานะบุตรสาวจึงได้ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของมารดาด้วยตนเอง“เดิมทีตอนที่ท่านพ่อได้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว ท่านแม่ก็เคยคิดว่าจะมาขอขมาท่านยายด้วยตนเอง แต่เพราะเกิดล้มป่วยขึ้นมาเสียก่อนจึงไม่ได้มีโอกาสมาขอขมาท่าน ยามนี้ข้าจึงขอเป็นตัวแทนท่านแม่มาขอขมาท่านยายแทนท่านแม่นะเจ้าคะ” เมื่อเอ่ยจบโม่ชิงเยว่ก็เดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงแล้วโขกศีรษะเพื่อขอขมานางอย่างเต็มพิธีการ“ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้หลานโง่เขลา ไม่รู้จักมาขอขมาตามความตั้งใจของท่านแม่ ทำให้ท่านยายยังคงขุ่นเคือ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 28 จวนสกุลเจียง

    เมื่อจวนนิ่งอันโหวอยู่ในความสงบเรียบร้อยดีแล้วโม่ชิงเยว่จึงได้จัดเตรียมของขวัญและของกำนัลหลายคันรถเพื่อนำไปเป็นของกำนัลให้แก่คนสกุลเจียง ในฐานะที่นางเป็นฮูหยินแต่กลับถูกคนในจวนโหวกดขี่มานานถึงสามปีข้าวของเหล่านี้นางจึงถือว่าเป็นของชดเชยที่นางควรจะได้รับ ในเมื่อเป็นของที่นางควรจะได้รับนางก็มีสิทธิ์ที่จะนำไปมอบให้แก่ผู้ใดก็ได้ ดังนั้นวันต่อมานางจึงได้พาลูกทั้งสองไปคารวะเยี่ยมเยียนเหล่าผู้อาวุโสในจวนสกุลเจียงด้วยตนเองพร้อมด้วยของกำนัลอีกหลายคันรถยามที่นางลงจากรถม้าซุนต้าเหนียงผู้เป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลเจียงเป็นผู้มารอรับนางด้วยตนเอง แม้ว่าโม่ชิงเยว่จะไม่เคยพบหน้าแต่เมื่อได้เห็นสัญญาณที่ชุ่ยเหมยส่งมาให้นางก็รีบพาลูกๆ ไปคารวะซุนต้าเหนียงในทันที“โม่ชิงเยว่คารวะท่านป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ” ซุนต้าเหนียงรีบเบี่ยงกายหลบการคารวะของนางแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความยกย่องอย่างเต็มที่“ข้าเป็นแค่เพียงสตรีจากสกุลพ่อค้าจะรับการคารวะจากนิ่งอันโหวฮูหยินได้อย่างไร แค่ท่านยินดีมาเป็นแขกที่จวนสกุลเจียงของข้าก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติข้าและสกุลเจียงแล้ว” เมื่อซุนต้าเหนียงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า“ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 27 ได้เวลาตอบแทน

    หลังออกจากจวนโหวมาแล้วซ่งเหวินจิ้งก็เร่งรุดไปที่บ้านหลังหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นแม้ว่าจะตั้งอยู่ในกำแพงของเมืองหลวงแต่กลับเปลี่ยวร้างและห่างไกล บ้านที่เขาเดินเข้าไปสภาพภายนอกบ้านทั้งเก่าและทรุดโทรมแต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในกลับแตกต่างจากสภาพด้านนอกเป็นอย่างมาก สภาพเรือนด้านในทั้งสะอาดสะอ้านเครื่องเรือนที่ใช้ประดับตกแต่งล้วนเป็นของใหม่ แม้ว่าจะดูเรียบง่ายและเน้นการใช้งานอย่างแท้จริงแต่เมื่อสังเกตดีๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าล้วนเป็นของดีที่หาซื้อได้ยาก“เป็นอย่างไรบ้าง! เจ้าสะสางเรื่องส่วนตัวเรียบร้อยแล้วหรือ” คำถามขององค์ชายรองที่ประทับอยู่ด้านในทำให้ซ่งเหวินจิ้งทอดถอนใจออกมาด้วยความหนักใจ“ยังไม่นับว่าเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ แค่กระหม่อมยืดเวลาที่จะแตกหักออกไปเพียงเท่านั้น คนเช่นนางถ้าได้ลองตัดสินใจแล้วต่อให้เป็นท่านแม่ทัพโม่ผู้เป็นพ่อตาของกระหม่อมลุกขึ้นมาจากหลุมด้วยตนเองก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจของนางได้” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้องค์ชายรองทรงส่ายพระพักตร์“ข้าไม่รู้ว่าสมควรจะเห็นใจเจ้าหรือว่าควรจะสมน้ำหน้าเจ้าดี เอาเป็นว่าข้าพูดได้คำเดียวว่า…ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว” เมื่อองค์ชายรองทรงตรัสเช่นนี้ซ่ง

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 26 ขอหย่า

    เรื่องราวความวุ่นวายของเรือนหลังในจวนนิ่งอันโหวถูกเอ่ยถึงอย่างแพร่หลาย โม่ชิงเยว่ไม่คิดจะปกปิดข่าวลือใดๆ แถมยังให้ชุ่ยเหมยนำเงินบางส่วนไปมอบให้แก่ชาวบ้านที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างลับๆ และกำชับไปว่าเรื่องที่พวกเขากำลังเอ่ยถึงเหล่านี้ฮูหยินของจวนนิ่งอันโหวเช่นนางล้วนเป็นผู้ถูกกระทำ เรื่องราวที่นางถูกส่งไปอยู่เรือนเหมันต์และถูกรังแกสารพัดถูกเอ่ยถึงอย่างแพร่หลายอีกทั้งยังแพร่กระจายออกไปในหมู่ชาวบ้าน แน่นอนว่าความยากลำบากที่ชาวบ้านเหล่านั้นเอ่ยถึงล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ซึ่งนางเชื่อว่าข่าวลือเหล่านี้ย่อมจะทำให้คนผู้หนึ่งนั่งไม่ติดแน่และจะต้องมาหานางในเร็ววันนี้เป็นแน่หลังจากที่นางย้ายออกจากเรือนเหมันต์เข้ามาอยู่ในเรือนหลักก็มีเรื่องราวมากมายให้ต้องจัดการ ทั้งการกำจัดข้ารับใช้ที่ไว้ใจไม่ได้ทั้งพยายามรวบรวมอำนาจการดูแลจวนทั้งหมดมาไว้ในมือ แน่นอนว่าเรื่องการดูแลจวนไม่ใช่เรื่องที่นางถนัด ดังนั้นนางจึงต้องส่งชุ่ยเหมยไปขอยืมคนที่สามารถไว้ใจได้มาจากสกุลเจียงให้คอยช่วยเหลือนาง แต่ถึงกระนั้นนางก็พยายามที่จะศึกษาและเรียนรู้พลางคิดถึงความฝันที่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำทำโม่ชิงเยว่ไม่คิดจะถอดใจ นางเอ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 25 ยั่วยุ

    โม่ชิงเยว่จ้องมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยโกรธแค้นและชิงชังบนใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความพึงพอใจ ยามนี้สิ่งที่นางต้องการก็คือทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะมากที่สุดยิ่งมีโทสะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อนางมากเท่านั้น“เหตุใดข้าจึงจะไม่กล้าเล่าเจ้าคะ ข้าทนเสแสร้งมาถึงสามปี ประสบกับความยากลำบากมาตั้งเท่าไหร่ท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเคยป่วยจนเกือบตายมาแล้วเสียด้วยซ้ำก็เพราะอยากจะเอาชนะใจท่าน แต่ยามนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวข้านั้นโง่เขลา หวังใช้ความดีเอาชนะใจสามี ใช้ความกตัญญูขอความเมตตาจากท่าน แต่พอใกล้ตายขึ้นมาข้าจึงพึ่งจะคิดได้ว่าข้าคิดผิด เหตุใดจะต้องเอาชนะใจเขาด้วยเล่าในเมื่อข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้เขา เหตุใดจะต้องขอความเมตตาจากท่านในเมื่อต่อให้ข้าตายไปท่านก็ไม่มีวันที่จะมอบความเมตตาให้” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาตามที่ใจคิดแล้วจึงได้เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ยามนี้โอกาสของข้ามาถึงแล้ว ในเมื่อท่านและบุตรสาวของท่านคิดจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ข้าก็ควรจะตอบแทนท่านให้มากสักหน่อย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ร้อง เฮอะ! แล้วส่ายหน้า“เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ จำที่ท่านผู้บัญชาการเยี่ยเอ่ยเตือนเจ้าไม่ได้

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 24 ไล่ออกจากเรือนฝูโซ่ว

    ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นขึ้นมาแล้วได้ยินว่าซ่งเหวินหนิงถูกจับตัวไปที่กรมอาญาแล้วนางก็เป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง พอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งนางก็บอกกับเฉินมามาว่านางจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่กรมอาญา แล้วประกาศให้ผู้คนภายนอกรู้ว่าบุตรชายและสะใภ้ของนางนั้นเป็นคนอกตัญญู..“หากฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนั้นไม่ใช่แค่เพียงท่านโหวจะได้รับความยุ่งยาก แม้แต่ตัวท่านเองก็อาจจะถูกผู้คนภายนอกหัวเราะเยาะด้วยนะเจ้าค่ะ ยังไม่นับคนสกุลสุ่ยอีกหากพวกเขารู้ว่าเกิดข้อพิพาทระหว่างฮูหยินและท่านโหว พวกเขาจะต้องหาช่องว่างเพื่อโจมตีท่านกลับแน่เจ้าค่ะ” คำพูดของเฉินมามาทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะทำเช่นไรดี ถ้าโม่ชิงเยว่ยึดอำนาจการปกครองเรือนไปแล้วข้าจะอยู่อย่างไร ยังมีหนิงเอ๋อของข้าอีก ยามนี้ชีวิตของนางป่นปี้แล้วข้าควรจะทำเช่นไรดี” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน ดวงตาอันล่องลอยของนางทำให้เฉินมามาได้แต่ทอดถอนใจออกมา นางอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่ามาตั้งแต่สาวจนแก่ชรา นี่นับเป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีท่าทางอับจนหนทางเช่นนี้“เรื่องนี้ข้าเองก็จนปัญญาเจ้าค่ะ” เฉินมามาเอ่ย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status