Accueil / รักโบราณ / ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์ / บทที่ 3 ชุ่ยเหมยสาวใช้ผู้ภักดี

Share

บทที่ 3 ชุ่ยเหมยสาวใช้ผู้ภักดี

Auteur: BigM00N
last update Dernière mise à jour: 2025-05-20 12:14:10

ยามที่ชุ่ยเหมยกลับมาก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้ว สิ่งที่นางนำกลับมานอกจากยารักษาโรคแล้วยังมีอาหารทั้งที่ปรุงสำเร็จมาแล้วและวัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนมาก เด็กทั้งสองตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้กินอาหารร้อนๆ อันหอมกรุ่น ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นนางหมดความอยากอาหารไปนานแล้ว แต่นางก็พยายามกินเพื่อให้ร่างกายมีกำลังเพียงพอที่จะต้านทานอาการป่วยไข

ช่วงหลายปีมานี้นางมีความเป็นอยู่อย่างอัตคัด ยิ่งหลังจากที่คลอดเด็กแฝดทั้งสองนางก็ยิ่งอ่อนแอลง เงินทองที่เคยมีได้ถูกใช้จ่ายออกไปจนเกือบหมด เริ่มแรกล้วนหมดไปกับการพยายามส่งจดหมายไปหาสามี แต่เมื่อนานวันเข้านางก็คิดได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปล้วนสิ้นเปลืองมิสู้รอให้เขากลับมาน่าจะดีกว่า

ตอนที่นางคลอดลูกแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะรังเกียจนางมากเพียงใด แต่ก็ยังคาดหวังว่าลูกที่นางอาจจะคลอดออกมาจะเป็นเด็กผู้ชาย พอว่าเห็นว่าเด็กที่คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงคนของฮูหยินผู้เฒ่าก็พากันกลับไปอย่างโล่งใจและกลับไปประกาศอย่างเปิดเผยว่านางคลอดลูกชู้ออกมาเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยไม่ได้รู้เลยสักนิดว่านางจะคลอดเด็กผู้ชายตามหลังมาอีกคนในภายหลัง แต่ในเมื่อประกาศไปแล้วว่าลูกของนางคือลูกชู้ ดังนั้นแม่สามีจึงไม่คิดจะกลืนน้ำลายตนเองด้วยการมาอุ้มหลานชายที่ตนเองประกาศว่าเกิดจากชายชู้กลับไปเลี้ยงดู ดังนั้นซ่งจื่อเยว่จึงยังคงได้อยู่กับนางที่เรือนแห่งนี้และถูกตราหน้าว่าเป็นลูกของชายชู้จากคนทั้งจวน

แน่นอนว่าเรื่องที่นางถูกกล่าวหาว่าคบชู้ผู้คนภายนอกต่างไม่รับรู้ รู้แค่เพียงว่าจวนโหวแห่งนี้ยังคงถูกปกครองโดยฮูหยินผู้เฒ่า โดยมีอี๋เหนียงจากสุ่ยที่ได้รับความโปรดปรานจากฮูหยินผู้เฒ่ามาคอยช่วยเหลือ ส่วนนางที่เป็นฮูหยินของท่านโหวนั้นเพราะสุขภาพไม่ค่อยดีจึงได้เก็บตัวพักรักษาตัวอยู่แต่ในจวนตั้งแต่แต่งเข้ามาไม่เคยย่างเท้าออกจากจวนเลยสักก้าว นานวันเข้าผู้คนที่อยู่นอกจวนก็ต่างลืมไปแล้วว่าในจวนแห่งนี้ยังมีนางอยู่ แม้แต่เรื่องที่นางมีลูกผู้คนในจวนแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดออกไป ฐานะของลูกๆ ของนางนั้นไม่ชัดเจนผู้คนในจวนต่างก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามายุ่ง นานวันเข้าผู้คนในจวนก็แทบจะไม่มีผู้ใดในจวนกล้าพูดถึงฮูหยินของจวนเช่นนางอีก

“ฮูหยินบ่าวต้มยาให้ท่านแล้ว ท่านดื่มสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” ชุ่ยเหมยพูดพลางวางถ้วยยาเอาไว้ตรงหน้าของโม่ชิงเยว่ นางเอื้อมมือไปยกถ้วยยาขึ้นมาดื่มความขมของยาทำให้นางรู้สึกยากจะทานทน แต่เมื่อคิดถึงสภาพร่างกายของตนเองในยามนี้นางก็รีบกลืนยาขมๆ ถ้วยนั้นลงคอไปจนหมด

“เจ้าเองก็รีบกินข้าวเถอะ ประเดี๋ยวจะหายร้อนหรอก” โม่ชิงเยว่ชี้ให้ชุ่ยเหมยนั่งร่วมโต๊ะกับนางและลูก สาวใช้ผู้นี้ท่านพ่อของนางมอบให้นางตอนที่นางมีอายุได้สิบขวบ จะเรียกว่าสาวใช้ก็ไม่ถูกต้องนักต้องเรียกนางว่าผู้คุ้มกันจึงจะเหมาะสมกว่า แต่เพราะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับนางนานวันเข้ากลิ่นอายชาวยุทธ์ของชุ่ยเหมยก็จางหายไป ยามนี้ชุ่ยเหมยก็มีลักษณะเหมือนกับสาวใช้ทั่วๆ ไปที่มีวิชายุทธ์ติดตัวเพียงเท่านั้น

“บ่าวสลัดคนของสุ่ยอี๋เหนียงได้ที่ร้านขายยา ดูเหมือนพวกเขาจะดีใจกันมากที่ได้รู้ว่าฮูหยินป่วยหนัก” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา

“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นฮูหยินที่ได้รับราชโองการพระราชทานสมรสให้ หากข้าไม่ตายมีหรือนางจะได้ขึ้นเป็นภรรยาเอก ต่อให้พวกนางใส่ร้ายข้าเรื่องที่ข้าตั้งครรภ์ตอนสามีไม่อยู่ แต่ทุกคนต่างก็รับรู้กันดีว่าหากนับวันจริงๆ แล้วลูกของข้าไม่มีทางเป็นลูกชู้ ตอนนี้พวกนางก็แค่ถือโอกาสรังแกข้าในยามที่ท่านโหวไม่อยู่เพียงเท่านั้น” เมื่อโม่ชิงเยว่พูดเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้า

“ฮูหยินอย่าได้คิดมากเลย หากท่านโหวกลับมาเมื่อไหร่สถานการณ์ก็คงจะดีขึ้นเองเจ้าคะ” นี่คือคำพูดที่ชุ่ยเหมยใช้ปลอบใจนางจนติดปาก

“ก็ไม่แน่ว่าเขากลับมาแล้วจะดีขึ้น เผลอๆ อาจจะโล่งใจเสียด้วยซ้ำที่แม่ของเขากำจัดตัวยุ่งยากเช่นข้าในช่วงที่เขาไม่อยู่ ส่วนลูกๆ ของข้าถ้าหากพ่อของพวกเขาไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำจนเกินไปก็คงจะสามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นคุณหนูและคุณชายของสกุลใหญ่ทั่วไปได้” โม่ชิงเยว่พูดพลางยิ้มออกมาพลางจ้องมองซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่ที่กำลังกินข้าวด้วยความเอ็นดู

“เพียงแต่พวกเราไม่อาจจะตั้งความหวังไว้ที่เขาได้อีกแล้ว ต่อให้เขากลับมาข้าก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะคิดเช่นไรต่อลูกของข้า หากวันหน้าเขามีลูกกับสุ่ยอี้โหรวลูกๆ ของข้าจะเป็นเช่นไรก็สุดรู้ แทนที่จะรอร้องขอความเมตตาจากเขามิสู้ข้าทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้นด้วยน้ำมือของตนเองจะไม่ดีกว่าหรือ” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้าด้วยความยินดี

“บ่าวก็จะช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านจะสั่งให้บ่าวทำอะไรบ่าวยินดีจะลงมือทำเพื่อท่าน”

“เช่นนั้นยามนี้เจ้าก็จงไปกินอาหารให้อิ่มท้องก่อนเถิด แล้วหลังจากนั้นพวกเราค่อยมาปรึกษากันว่าจะทำเช่นไรต่อ” เมื่อโม่ชิงเยว่พูดเช่นนี้ชุ่ยเหมยจึงได้ไปนั่งลงบนโต๊ะและกินอาหารร่วมกับเด็กๆ

แม้จะบอกกับชุ่ยเหมยว่าหลังนางกินอาหารอิ่มแล้วค่อยมาปรึกษากันว่าจะทำเช่นไร่ต่อไป แต่พอชุ่ยเหมยกินอาหารจนอิ่มแล้วจึงได้พบว่าโม่ชิงเยว่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไปด้วยความอ่อนเพลียแล้ว นางจึงได้ค่อยๆ ประคองโม่ชิงเยว่เข้าไปในห้องพักเพื่อที่โม่ชิงเยว่จะได้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบาย

“ข้าเผลอหลับไปหรือ” โม่ชิงเยว่ลืมตาขึ้นมาถามด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ

“เจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปนอนพักนะเจ้าคะ เมื่อท่านตื่นขึ้นมาแล้วพวกเราค่อยพูดคุยกันเจ้าค่ะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โม่ชิงเยว่จึงได้พยักหน้ารับ แล้วก็ทิ้งตัวลงไปนอนบนที่นอนด้วยความอ่อนเพลีย โดยไม่รู้เลยสักนิดว่ายามนี้มีสายตาสามคู่กำลังจ้องมองนางอยู่ด้วยความห่วงใย

“ท่านแม่จะหายดีใช่ไหม” ซ่งจื่อเยว่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล ชุ่ยเหมยจึงได้ปลอบเจ้านายตัวน้อยด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ

“เพื่อคุณหนูทั้งสองแล้ว ฮูหยินจะต้องหายดีแน่เจ้าค่ะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ นางติดตามโม่ชิงเยว่มาได้แปดปีแล้ว ทั้งในช่วงเวลาที่โม่ชิงเยว่มีความสุขมากที่สุดและในช่วงที่โม่ชิงเยว่ตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์ชุ่ยเหมยล้วนอยู่กับนางด้วยทุกช่วงเวลา ยามนี้จิตใจของเจ้านายอ่อนแอและบอบช้ำอย่างหนักนางย่อมรู้ดี แต่นางเชื่อว่าคนที่มีจิตใจเข้มแข็งอย่างนายหญิงจะต้องไม่ยินยอมพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเป็นแน่

หากเป็นสตรีอื่นยามนี้คงจะถูกดินกลบหน้าตั้งแต่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าใส่ความว่าเจ้านายของนางคบชู้ไปแล้ว แต่นายหญิงของนางกลับไม่ยอมแพ้ ทั้งอ้างชื่อเสียงของจวนนิ่งอันโหว ทั้งอ้างบารมีของฝ่าบาทที่ทรงพระราชทานสมรสให้ ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากจะฉวยโอกาสตอนที่ท่านโหวไม่อยู่กำจัดฮูหยินมากเพียงใดก็ไม่กล้าลงมือขั้นรุนแรงอยู่ดี สิ่งที่ทำได้ก็แค่เพียงขับไล่ให้มาอยู่เรือนเปลี่ยวร้างที่อยู่ท้ายจวนอย่างเรือนเหมันต์เพียงเท่านั้น แถมยังกลั่นแกล้งด้วยการไม่ส่งของกินของใช้มาให้ ตั้งใจสร้างความลำบากให้แก่เจ้านายของนาง โชคดีที่เรือนแห่งนี้อยู่ห่างไกลผู้คน นางจึงสามารถเล็ดลอดออกไปหาซื้อข้าวของมาไว้ใช้สำหรับดำรงชีพได้อย่างไม่ทุกข์ยากและลำบากเท่าใดนัก

มีเพียงช่วงสองสามเดือนมานี้ที่เงินเก็บและเครื่องประดับของเจ้านายของนางเริ่มจะร่อยหรอ อีกทั้งเจ้านายของนางยังล้มป่วยทำให้ความเป็นอยู่เริ่มขัดสน แต่แล้วเมื่อเช้านี้เจ้านายของนางก็สามารถหาทางออกได้อีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนว่าเจ้านายของนางไม่คิดจะรอคอยเพื่อขอความเมตตาจากท่านโหวอีกด้วย

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status