Share

บทที่ 4 บำรุงร่างกาย

Auteur: BigM00N
last update Dernière mise à jour: 2025-05-20 12:14:33

ยามที่โม่ชิงเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันใหม่แล้ว เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาไอกลางดึกอีกทำให้นางหลับรวดเดียวมาจนถึงเช้า กลิ่นหอมของอาหารทำให้นางยิ้มออกมา เสียงเด็กสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ด้านนอกพร้อมด้วยเสียงของชุ่ยเหมยที่คอยห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ซุกซน ทำให้บรรยากาศด้านนอกเต็มไปด้วยความสดใส โม่ชิงเยว่จึงค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนอนของตนไปหาพวกเขา

“ฮูหยิน! ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยทักทายด้วยความยินดี การที่เจ้านายของนางลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยตนเองได้ทำให้นางโล่งใจ แม้ว่าอากาศภายนอกเรือนจะยังคงหนาวเย็นอยู่ แต่เพราะได้กระถางไฟคอยให้ความอบอุ่นทำให้สีหน้าของทุกคนสดชื่นแจ่มใส ชุ่ยเหมยรีบกุลีกุจอไปช่วยพยุงเจ้านายของตนมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วตักโจ๊กข้าวขาวเนื้อข้นให้เจ้านายของตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“บ่าวต้มโจ๊กเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ทั้งคุณหนูและคุณชายก็ต่างพากันชื่นชมว่าฝีมือของบ่าวดีขึ้นมาก” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ทั้งสองก็ต่างพยักหน้าพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย!”

โม่ชิงเยว่ใช้ช้อนคนโจ๊กเนื้อเนียนหอมกรุ่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง พอตักโจ๊กเข้าไปในปากแล้วก็ได้ลิ้มรสข้าวขาวอันอ่อนนุ่มและหอมกรุ่น มีความเค็มเพียงเล็กน้อยจากการใส่เกลือ มีกลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ที่ใช้ต้มโจ๊กแม้ว่าจะไม่ถือว่าอร่อยล้ำแต่รสชาติเช่นนี้ถือว่าชุ่ยเหมยพัฒนาฝีมือการทำอาหารขึ้นมาแล้วจริงๆ

“อร่อย” โม่ชิงเยว่เอ่ยชื่นชมออกมาแล้วตักค่อยๆ ตักโจ๊กใส่ปากอย่างช้าๆ จนหมดชาม ทำให้ชุ่ยเหมยพลันยิ้มกริ่มอยู่ตลอดเวลาด้วยความพึงพอใจ

สิ่งที่นางทำแล้วไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าใดนักก็คือการทำอาหาร ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เรือนเหมันต์แห่งนี้โม่ชิงเยว่รับหน้าที่ปรุงอาหารด้วยตนเองเป็นประจำ จวบจนโม่ชิงเยว่ล้มป่วยคนลงมือทำอาหารจึงเป็นนาง เดิมทีก็ขาดแคลนวัตถุดิบอยู่แล้วคนปรุงอาหารยังขาดแคลนฝีมืออีก ดังนั้นที่ผ่านมาทั้งคนป่วยและเด็กต้องผอมลงเพราะกินอาหารไม่ถูกปากและกินอาหารได้ไม่อิ่มท้องกันมาเนิ่นนาน ทำให้นางที่คิดว่าตนเองนั้นเก่งกาจแทบจะทุกเรื่องต้องพลอยเสียความมั่นใจกับเรื่องการทำอาหาร ยามนี้พอได้รับคำชมสีหน้าของนางจึงเบ่งบานหัวใจดวงน้อยก็พลันพองโตจนแทบจะระเบิดออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ

“ยังดีกว่าโจ๊กไหม้ๆ ที่ท่านทำเมื่อสองวันที่แล้วเป็นอย่างมาก” เสียงเล็กของซ่งจื่อเยว่ทำให้สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนแปลงไป

“เจ้าอย่าปากมาก” เสียงตำหนิของซ่งจื่อเหยาทำให้สีหน้าของซ่งจื่อเยว่พลันสลดลงไป

“อาหารที่พี่ทำอร่อยแล้ว ต้องโทษที่เมื่อก่อนวัตถุดิบไม่เพียงพอ แท้จริงแล้วพี่ชุ่ยเหมยมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยออกเพื่อปลอบใจชุ่ยเหมยโดยจดจำคำแก้ตัวในการทำอาหารที่ล้มเหลวในครั้งก่อนของชุ่ยเหมยแล้วนำมาใช้พูดจาปลอบอกปลอบใจนางด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“เป็นคุณหนูเหยาเหยาที่น่ารักที่สุด” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้ซ่งจื่อเยว่ก็ไม่ยอมแพ้

“ยิ่งทำฝีมือของท่านก็ยิ่งดีขึ้น ข้ายังไม่เคยกินโจ๊กที่ไหนที่อร่อยเท่าโจ๊กที่พี่ชุ่ยเหมยทำเลย” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้าแม้จะรู้ว่าเป็นแค่เพียงการยกยอที่เกินจริงของเด็กชายตัวน้อยเพียงเท่านั้น แต่นางก็ยังคงรู้สึกชื่นอกชื่นใจอยู่ดีที่เด็กๆ รู้จักพูดจายกยอนาง

“คุณชายจื่อเยว่ก็น่ารักเช่นกัน” นางพูดพลางเอื้อมมือไปเช็ดคราบเปื้อนที่มุมปากของเขาด้วยความเอ็นดู พอทุกคนกินอาหารเช้าเสร็จแล้วเด็กๆ ก็ไปนั่งเล่นใกล้กระถางไฟที่มอบไออุ่นให้เป็นอย่างดี ส่วนโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยก็มานั่งพูดคุยกันถึงเรื่องที่ชุ่ยเหมยได้ เผชิญมาเมื่อวานนี้

"นี่คือเงินที่เหลือจากการซื้อของเจ้าค่ะ บ่าวได้มาสิบห้าตำลึง ใช้ซื้อของไปสองตำลึงกับแปดก้วน จึงเหลือเงินกลับมาสิบสองตำลึงกับสองก้วน ส่วนนี่คือเงินสามก้วนที่ฮูหยินให้บ่าวไปเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ใช้จึงนำมาคืนฮูหยิน" โม่ชิงเยว่รับเงินจากชุ่ยเหมยมานับ แล้วจึงแบ่งออกแล้วส่งคืนให้ชุ่ยเหมยห้าตำลึง

“เงินนี่เจ้าเก็บติดตัวเอาไว้ เจ้าไม่ได้รับเงินเดือนจากข้ามานานแล้ว ข้าสัญญาว่าต่อไปข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเงินขาดมืออีก” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็รับเงินไปและคิดในใจว่านางจะเก็บเอาไว้ใช้ซื้อของให้แก่เจ้านายในยามที่เจ้านายของนางขาดแคลนเงินทอง

“บ่าวไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอแค่ได้ปรนนิบัติท่านบ่าวก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา

“เจ้ารับไปเถิด จริงสิ! เหตุใดเงินสามก้วนนี้เจ้าจึงไม่ได้ใช้เล่า แล้วตอนที่ไปร้านขายยาเจ้าใช้เงินจากที่ใดซื้อยามาให้ข้า” เมื่อโม่ชิงเยว่ถามเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ยิ้มออกมา

“เดิมทีที่ฮูหยินให้เงินสามก้วนนี้แก่บ่าว ก็เพื่อให้บ่าวไปซื้อยาที่ร้านแล้วใช้โอกาสนี้สลัดคนของสุ่ยอี๋เหนียงนี่เจ้าคะ เพียงแต่คนของสุ่ยอี๋เหนียงนั้นพอรู้ว่าบ่าวไปร้านยาเพื่อซื้อยาให้ฮูหยินพวกเขาก็รีบวิ่งแจ้นกลับไปรายงานเจ้านายของพวกเขาแล้ว บ่าวก็เลยเก็บเงินสามก้วนนี้เอาไว้เพราะบ่าวรู้ดีว่าเป็นเงินที่โม่ฮูหยินทิ้งเอาไว้ให้ท่าน พอบ่าวได้เงินจากสกุลเจียงแล้วจึงได้นำเงินที่ได้จากสกุลเจียงไปจ่ายค่ายาที่ร้านยาเจ้าค่ะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ไหวพริบของเจ้ายังดีเช่นเดิม ว่าแต่ทางร้านผ้าสกุลเจียงเล่า พอพวกเขาเห็นลวดลายผ้าปักของข้า พวกเขาได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับที่มาของผ้าปักหรือไม่”

“ถามเจ้าค่ะ พวกเขาถามว่าเจ้านายของบ่าวคือผู้ใด ใช่ฮูหยินของจวนนิ่งอันโหวหรือไม่” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พึมพำออกมา

“ที่แท้พวกเขาก็ยังไม่ได้ลืมว่ามีข้าอยู่ แถมยังรู้ด้วยว่าข้าแต่งเข้าจวนนิ่งอันโหว” คำพูดของนางทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้า

“บ่าวก็เลยบอกกับพวกเขาว่ายามนี้ท่านโหวไม่อยู่ที่จวน ท่านอยู่ในจวนโหวอย่างยากลำบาก จึงให้บ่าวนำผ้าปักไปขายที่ร้านผ้าสกุลเจียง อีกทั้งยังบอกว่าหากทางร้านให้ราคาดีฮูหยินก็ยินดีที่จะปักผ้าส่งไปขายอีก พวกเขาก็เลยมอบเงินจำนวนนี้ให้บ่าวมาเจ้าค่ะ แล้วบอกกับบ่าวว่าพวกเขายินดีรับซื้อผ้าปีกของฮูหยินทั้งหมด บ่าวคิดว่าที่เถ้าแก่เอ่ยมาเช่นนี้คงตั้งใจจะช่วยเหลือท่านนะเจ้าคะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า

“ช่วงนี้คงต้องพึ่งพาเงินจากสกุลเจียงไปก่อน พอข้าหายป่วยแล้วค่อยไปคารวะขอบคุณที่สกุลเจียง” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพลันกลืนน้ำลาย

“ฮูหยินคิดจะลักลอบออกจากจวนหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“ข้าจะออกไปอย่างสง่าผ่าเผยต่างหาก ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรเหตุใดจึงต้องกลัวพวกนาง ที่ผ่านมาเพราะคิดว่าเมื่อท่านโหวกลับมาข้าก็จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา แต่ยามนี้ข้ารอไม่ไหวแล้ว สงครามแดนใต้ยังคงยืดเยื้อทางทิศอุดรก็ไม่สงบ เขาต้องดูแลกองกำลังทั้งสองฝั่งไม่มีทางมาสนใจเรื่องในเรือนหลังแน่ ดังนั้นหลังจากนี้ข้าคงได้แต่ต้องพึ่งพาตนเองแล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางไอออกมา

“เพียงแต่ช่วงนี้ข้าคงต้องอาศัยการขายผ้าปักให้แก่ร้านผ้าสกุลเจียงไปก่อน รอข้าแข็งแรงดีแล้วจึงค่อยลงมือ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจะต้องหมั่นบำรุงร่างกายของตนเองให้ดีนะเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยพลางช่วยลูบหลังให้นางอย่างอ่อนโยน ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นกำเงินในมือเอาไว้อย่างแนบแน่นในใจก็คิดว่าหากจะตอบโต้ทางเรือนใหญ่นางจะต้องแข็งแรงให้มากกว่านี้และสิ่งสำคัญก็คือถ้าจะต้องออกจากจวนโหวนางจะต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถมอบสถานที่พักพิงให้แก่ลูกๆ ได้

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status