Share

บทที่ 37 โจรป่า

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:46:03

เสียงขยับไหว เสียงหอบหายใจและเสียงร้องครวญครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในของรถม้า ทำให้เสี่ยวเหยาผู้เป็นสาวใช้ของสุ่ยอี้หรงวุ่นวายใจจนต้องเดินไปเดินมารอบๆ รถม้า ส่วนคนขับรถม้าและผู้ติดตามคนอื่นๆ ยามนี้ได้พากันถอยออกไปเพื่อเว้นระยะห่างจากรถม้าแล้ว แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ทุกสายตาที่จ้องมองมาที่รถม้ากลับเต็มไปด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนทั้งสิ้น ยามนี้เสี่ยวเหยาได้แต่คิดว่าเจ้านายของนางจะต้องถูกคนเล่นงานแล้วแน่ๆ แม้ว่าจะคาดเดาได้แล้วแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดียามนี้นางจึงได้แต่เฝ้าวนเวียนอยู่รอบๆ รถม้า เพื่อรอให้เจ้านายของนางได้สติกลับคืนมา

เสียงฝีเท้าม้าหลายตัวที่ถูกควบขี่มาทางด้านนี้ทำให้เสี่ยวเหยารีบหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่ยืนห่างออกไปให้รีบไปปิดทางเอาไว้ไม่ให้คนเหล่านั้นเข้ามา องครักษ์เหล่านั้นก็รีบไปดำเนินการตามคำสั่งของนางในทันที แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังมาเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างมีสีหน้าลนลานจนคนบนหลังม้ารีบเร่งรุดมายังจุดที่รถม้าที่จอดเอาไว้ในทันที

“ฮูหยินเป็นอะไร เหตุใดจึงได้มาจอดรถม้าอยู่แถวนี้” คำถามของซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวทำให้เสี่ยวเหยาตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวในทันที เสียงร้องครวญครางและการขยับไหวของรถม้าทำให้ใบหน้าของซื่อจื่อเหยียนเซียวพลันมืดครึ้มขึ้นมาในทันที

“ถอยออกไปให้หมด” เสียงตวาดของเขาทำให้ทุกคนต่างพากันถอยออกไป ส่วนคนบนรถม้ายังคงไม่สนใจคนนอกแม้กระทั่งยามที่ผ้าม่านบนรถม้าถูกเปิดออกก็ยังคงกอดรัดฟัดเหวี่ยงลงมือทำเรื่องน่าอายกันอย่างเมามัน ซื่อจื่อเหยียนเซียวจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ เขาสะบัดผ้าม่านให้ปิดลงแล้วจึงได้เดินไปสอบถามคนของเขา

“เจ้าจำคนที่มาบอกกับเจ้าว่ารถม้าของฮูหยินได้รับอุบัติเหตุได้ไหม” คำถามของเหยียนเซียวทำให้คนของเขาพลันส่ายหน้าในทันที

“บ่าวจำไม่ได้แล้วขอรับ รู้แค่เพียงว่าเขามาบอกกับบ่าวว่าเกิดเรื่องกับรถม้าของฮูหยินทำให้รถม้าของฮูหยินจอดนิ่งอยู่ที่นี่บ่าวก็เลยรีบไปแจ้งให้ซื่อจื่อทราบขอรับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหยียนเซียวก็หันไปมองสาวใช้ของสุ่ยอี้หรง นางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเขาในทันที

“ขอซื่อจื่อได้โปรดอย่าลงโทษฮูหยินเลยเจ้าค่ะ ที่นางทำเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะถูกผู้อื่นเล่นงานแน่ๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหยาเอ่ยพลางร่ำไห้ออกมายามนี้ในใจของนางกำลังหวาดกลัวว่าหากเจ้านายของตนถูกลงโทษตัวนางเองก็คงไม่อาจจะพ้นโทษทัณฑ์ในครั้งนี้ด้วย

“นายของเจ้าไปก่อเรื่องใดมาหรือ เหตุใดจึงได้ถูกผู้อื่นเล่นงานจนต้องมาทำเรื่องเช่นนี้ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย” คำถามของเขาทำให้เสี่ยวเหยารีบก้มหน้าลงแล้วเม้มปากแน่น เมื่อเห็นท่าทางของสาวใช้เหยียนเซียวจึงได้แค่นหัวเราะออกมา

“เรื่องดีๆ ไม่เคยทำ วันทั้งวันคิดจะทำแต่เรื่องชั่วช้าโสมม” เขาเอ่ยออกมาแล้วจึงได้ดึงกระบี่ข้างกายของตนเองออก เขาถือกระบี่เดินตรงไปที่รถม้าอีกครั้งแล้วลงมือจัดการคนที่ทำเรื่องน่าอายบนรถม้า เสียงกรีดร้องและกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งออกมาจากบนรถม้าทำให้สาวใช้ของสุ่ยอี้หรงหวาดกลัวจนตัวสั่น ยามที่เหยียนเซียวเดินมาจนถึงตัวนางก็ใช้กระบี่แทงเข้าไปที่ร่างของนางอย่างรุนแรงและแม่นยำทำให้สาวใช้นางนั้นสิ้นใจไปในทันที

“ซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด” คนขับรถม้าและเหล่าองครักษ์ต่างก็รีบอ้อนวอนขอชีวิตแต่กลับช้ากว่าคมกระบี่ของเหยียนเซียวและคนของเขา

“พวกเจ้าช่วยกันจัดฉากว่านางถูกโจรปล้นและถูกฆ่าตายระหว่างทางกลับจวน หลังจากนี้พวกเจ้าควรจะปิดปากให้สนิท อย่าให้ข้ารู้ว่ามีผู้ใดเอาเรื่องในวันนี้ออกไปพูดให้คนนอกรับรู้” เหยียนเซียวเอ่ยพลางหันไปมองรถม้าด้วยสายตารังเกียจ

“ปล่อยให้นางอยู่ในสภาพนั้นนั่นแหละ ในเมื่อยามอยู่นางไม่อาจจะรักษาความบริสุทธิ์ของร่างกายและจิตใจเอาไว้ได้ ดังนั้นยามตายนางก็สมควรจะตายไปพร้อมกับความมัวหมองเช่นนี้ อย่าลืมนำร่างของคู่นอนของนางไปโยนให้สุนัขป่ากินเสีย ทำให้เหมือนนางถูกโจรป่าล่วงเกินแล้วถูกฆ่าตาย ชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของนางก็ให้แหลกเหลวไปเพราะถูกโจรป่าย่ำยีก็แล้วกัน” เมื่อเอ่ยจบเหยียนเซียวก็สะบัดชายแขนเสื้อแล้วขี่ม้าจากไปทิ้งให้ลูกน้องของเขาช่วยกันปรับแต่งสถานที่ทำให้เหมือนกับว่ามีโจรป่าบุกเข้ามาปล้นรถม้าของฮูหยินซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกง

ยามที่เหยียนเซียวขี่ม้าจากไปแล้วคนที่ลอบดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ก็พากันล่าถอยจากมาเช่นเดียวกัน องค์ชายรองหลี่เสวียนที่ในยามนี้สวมใส่ชุดดำอำพรางตัวอยู่ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความคาดไม่ถึง

“คิดไม่ถึงว่าเหยียนเซียวจะโหดเหี้ยมและอำมหิตถึงเพียงนี้ แม้แต่ฮูหยินของตนเองก็ยังจัดการอย่างไร้เยื่อใย แต่ที่ทำให้ข้าคาดไม่ถึงมากกว่าก็คือฮูหยินของเจ้าที่สามารถคาดเดาแผนการและโต้ตอบกลับอย่างเจ็บแสบเช่นนี้” ถ้อยคำขององค์ชายรองทำให้ซ่งเหวินจิ้งพ่นลมหายใจออกมา

“สุภาพบุรุษจอมปลอมอย่างเหยียนเซียวมีหรือจะทนได้หากได้เห็นว่าฮูหยินของตนกำลังโรมรันพันตูและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่กับผู้อื่น” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้องค์ชายรองทรงพยักหน้า

“เจ้าก็เลยส่งคนไปบอกเขาว่าเกิดเรื่องกับรถม้าของฮูหยินของเขาทำให้เขาต้องรีบมาช่วยเหลือนางตามหน้าที่ของสามีที่ดี แล้วเขาก็เลยได้เห็นภาพบาดตาด้วยตนเองเช่นนี้” คำพูดขององค์ชายรองทำให้ซ่งเหวินจิ้งพยักหน้า แล้วเขาจึงจ้องมององค์ชายรองด้วยสายตาไม่พอใจ

“เพียงแต่ที่กระหม่อมไม่เข้าใจก็คือเหตุใดองค์ชายรองยังไปเป็นแขกที่เรือนส่วนหน้าของจวนสกุลสุ่ยอีกทั้งๆ ที่รู้ว่าจวนสกุลสุ่ยคิดจะเล่นงานพระองค์” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้องค์ชายรองทรงพระสรวลออกมาเบาๆ

“วางใจเถิดน่าข้าไม่ได้คิดไม่ดีต่อฮูหยินของเจ้าหรอก ที่ข้าไปก็เพราะเกรงว่าหากท่านตาใช้แผนการอื่นแล้วเจ้าที่เตรียมการรับมือท่านตาเอาไว้แล้วจะคิดแผนการรับมือใหม่ไม่ทัน คิดไม่ถึงว่าฮูหยินของเจ้าก็จะมีแผนการของตนเองเช่นนี้แถมดีกว่าแผนที่เจ้าวางเอาไว้เสียอีก” องค์ชายรองทรงตรัสออกมาแล้วก็เดินจากไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงการโต้กลับของโม่ชิงเยว่

เดิมทีซ่งเหวินจิ้งวางแผนเอาไว้ว่าเขาจะลอบเปลี่ยนยาที่สุ่ยฮูหยินจะใช้ เขาส่งคนเข้าไปสอดแนมและสืบจนพบแล้วว่ายาที่สุ่ยฮูหยินเก็บเอาไว้อยู่ที่ใด แต่เมื่อได้รู้ว่าโม่ชิงเยว่ล่วงรู้แล้วว่ายาของสกุลสุ่ยคือยาชนิดใดและนางได้วางแผนโต้กลับจวนสกุลสุ่ยเอาไว้แล้วเขาจึงได้พับแผนการของตนเองแล้วคอยเฝ้าดูและคอยช่วยเหลือนางอยู่ห่างๆ ซึ่งเขาเองก็แทบจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรนางเลยนอกจากส่งเงินกลับจวนให้มากสักหน่อยนางจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองที่จะซื้อของ และยังส่งคนไปตามเหยียนเซียวเพื่อที่จะได้ทำให้สุ่ยอี้หรงไม่อาจจะย้อนกลับมาเล่นงานโม่ชิงเยว่ได้อีกต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 40 ปิดล้อมจวนสกุลสุ่ย

    ยามที่ขบวนแห่โลงศพของสุ่ยอี้หรงเคลื่อนผ่านไปแล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันมาทางบุตรชายและบุตรสาวของตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกับขบวนแห่เช่นนี้พวกเขาจึงได้จ้องมองด้วยความสนใจ“อย่าได้มองอีกเลย เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นเรื่องธรรมดา” โม่ชิงเยว่เอ่ยกับลูกๆ ของนางด้วยน้ำเสียอ่อนโยน ซึ่งเด็กๆ ก็พยักหน้าแล้วหันไปให้ความสนใจกับของเล่นในร้านค้าอีกครั้ง“เขาคือคนที่สังหารสุ่ยอี้หรงเองกับมือ ข้าขอเตือนเจ้าว่าเหยียนเซียวไม่ใช่คนที่เจ้าควรจะข้องแวะด้วย” เสียงกระซิบของคนที่มายืนข้างหลังทำให้โม่ชิงเยว่กะพริบตาแล้วจึงได้ยิ้มออกมา“เหตุใดวันนี้ใต้เท้าจึงได้ออกมาเดินเที่ยวเล่นได้” คำถามของนางทำให้สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่เขา ชายหนุ่มที่มีหน้ากากโลหะบนใบหน้าย่อมจะดูแปลกตาในสายตาของผู้อื่น“ข้ามาทำงานแต่บังเอิญเห็นฮูหยินเข้าก็เลยแวะเข้ามาทักทาย” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยแล้วจ้องมองบุตรสาวและบุตรชายที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ฉายความสนใจ เขาจึงได้ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับสายตาของเด็กๆ แล้วเอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน“คุณหนูและคุณชายอยากได้ของชิ้นไหนบอกข้าได้เลยนะ อืม หุ่นไม้ตัวนั้นดีไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 39 สาสม

    แม้ว่าในใจจะกล่าวโทษตนเองที่ก่อนหน้านี้ทั้งโง่เขลาและอ่อนแอ แต่ส่วนลึกของใจโม่ชิงเยว่ก็ยังอดรู้สึกกล่าวโทษซ่งเหวินจิ้งไม่ได้ ดังนั้นการนิ่งเฉยของนางอาจจะดูเหมือนว่านางให้โอกาสเขาแต่โม่ชิงเยว่ก็ยังคงไม่อาจจะให้อภัยเขาได้ดังที่ซ่งเหวินจิ้งต้องการ นางจึงไม่ได้ละทิ้งเป้าหมายของตนเอง นางไม่ต้องการพึ่งพาผู้ใดและไม่ต้องการที่จะเฝ้ารอคอยและร้องขอความเมตตาจากผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่สะสางธุระภายในจวนเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงได้เตรียมตัวที่จะออกไปสำรวจตลาดด้วยตนเอง“ท่านแม่ให้ข้าสองคนติดตามไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยเตรียมตัวที่จะออกจากจวนเสร็จแล้ว“ท่านแม่พวกข้าสองคนไม่ค่อยจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาภายนอกสักเท่าไหร่ ท่านให้ข้าและพี่หญิงติดตามท่านออกไปด้วยได้ไหมขอรับ” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็นิ่วหน้า แต่เมื่อคิดได้ว่านางไม่ค่อยจะได้พาลูกๆ ออกไปเที่ยวข้างนอกเลยสักครั้งนางจึงได้ยินยอมพยักหน้าแล้วตอบตกลงลูกทั้งสองไป“พวกเจ้าจะติดตามแม่ไปด้วยก็ได้แต่จงจำเอาไว้ว่าถ้าหากพวกเจ้าดื้อรั้นไม่ฟังคำของแม่ แม่จะส่งพวกเ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 38 ขอโทษ

    ยามที่โม่ชิงเยว่ได้รับข่าวการสิ้นชีวิตของสุ่ยอี้หรงนางก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงว่าสกุลบัณฑิตอย่างสกุลเหยียนย่อมไม่อาจจะรับสะใภ้ที่แปดเปื้อนกลับสกุลได้อยู่แล้วนางจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมา ซื่อจื่อกั๋วกงเหยียนเซียวผู้นี้ก่อนที่นางจะแต่งงานนางเคยได้พบกับเขาอยู่หลายครั้ง ทั้งดูสูงส่งภูมิฐานสง่างามและเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากเขาอยู่ในสกุลบัณฑิตผู้สูงศักดิ์ส่วนนางอยู่ในสกุลของแม่ทัพที่หยาบกระด้างย่อมไม่มีเรื่องใดให้ข้องแวะกันได้อยู่แล้ว“อยากจะเข้าก็เข้ามา จะยืนอยู่ด้านนอกนั่นให้ยามจับได้หรือไร ข้ายังไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าลักลอบนัดแนะให้บุรุษเข้ามาหาตอนที่สามีไม่อยู่หรอกนะ” เสียงของโม่ชิงเยว่ทำให้คนที่ยืนจ้องมองนางอยู่ตรงระเบียงทอดถอนใจออกมาแล้วจึงได้เดินเข้ามาในห้องผ่านประตูระเบียง“ที่เจ้ากำลังทำอยู่ไม่ใช่การเชื้อเชิญให้บุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องของเจ้าหรอกหรือ” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า แต่โม่ชิงเยว่กลับไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเขานางชี้ไปที่ประตูระเบียงแล้วจึงได้เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้าเช่นนั้นท่านเข้ามาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นได้เลย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 37 โจรป่า

    เสียงขยับไหว เสียงหอบหายใจและเสียงร้องครวญครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในของรถม้า ทำให้เสี่ยวเหยาผู้เป็นสาวใช้ของสุ่ยอี้หรงวุ่นวายใจจนต้องเดินไปเดินมารอบๆ รถม้า ส่วนคนขับรถม้าและผู้ติดตามคนอื่นๆ ยามนี้ได้พากันถอยออกไปเพื่อเว้นระยะห่างจากรถม้าแล้ว แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ทุกสายตาที่จ้องมองมาที่รถม้ากลับเต็มไปด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนทั้งสิ้น ยามนี้เสี่ยวเหยาได้แต่คิดว่าเจ้านายของนางจะต้องถูกคนเล่นงานแล้วแน่ๆ แม้ว่าจะคาดเดาได้แล้วแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดียามนี้นางจึงได้แต่เฝ้าวนเวียนอยู่รอบๆ รถม้า เพื่อรอให้เจ้านายของนางได้สติกลับคืนมาเสียงฝีเท้าม้าหลายตัวที่ถูกควบขี่มาทางด้านนี้ทำให้เสี่ยวเหยารีบหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่ยืนห่างออกไปให้รีบไปปิดทางเอาไว้ไม่ให้คนเหล่านั้นเข้ามา องครักษ์เหล่านั้นก็รีบไปดำเนินการตามคำสั่งของนางในทันที แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังมาเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างมีสีหน้าลนลานจนคนบนหลังม้ารีบเร่งรุดมายังจุดที่รถม้าที่จอดเอาไว้ในทันที“ฮูหยินเป็นอะไร เหตุใดจึงได้มาจอดรถม้าอยู่แถวนี้” คำถามของซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวทำให้เสี่ยวเหยาตัวสั่นงันงกด้วยความหว

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 36 เล่นงานสุ่ยอี้หรง

    หลังจากเกิดเรื่องที่งานเลี้ยงน้ำชาในจวนสกุลสุ่ย สุ่ยเม่าเจ้ากรมพิธีการของแคว้นเหลียนก็ถูกตามตัวกลับมาที่จวนอย่างเร่งด่วน เมื่อเขาเข้าไปในโถงหลักของสกุลก็เห็นว่าในยามนี้ฮูหยินและบุตรสาวทั้งสองของเขากำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้านายท่านผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาของเขาอยู่ เขาจึงรีบเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าบิดาของเขาเพื่อแสดงออกถึงความสำนึกผิดในทันที“ท่านพ่อเรื่องในวันนี้พวกนางล้วนทำเต็มที่แล้ว แต่เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นทำให้แผนการที่วางเอาไว้เสียหาย” คำแก้ตัวของสุ่ยเม่าทำให้นายท่านผู้เฒ่าสกุลสุ่ยตวาดออกมาในทันที“เหตุสุดวิสัยหรือเจ้าลองสอบถามบุตรสาวและภรรยาของเจ้าให้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นเหตุสุดวิสัยหรือเป็นเพราะความโง่เขลาของพวกนาง หากบุตรสาวของเจ้าไม่โง่เขลาจนทำแผนการที่วางเอาไว้ของข้าแตกป่านนี้ข้าก็คงจะสามารถทำให้ชื่อเสียงขององค์ชายรองด่างพร้อยได้ดังที่ข้าเคยรับปากกับองค์ชายใหญ่เอาไว้แล้ว ถึงยามนั้นเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็กของเจ้าก็คงจะสามารถคว้าตำแหน่งพระชายาเอกขององค์ชายใหญ่เอาไว้ได้ดังที่ข้าหมายมั่นปั้นมือเอาไว้” คำพูดของนายท่านผู้เฒ่าทำให้สุ่ยเม่าก้มหน้าลงเพื่อปิดบังสีหน้าของตนเอง“ท่านพ่

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 35 ลงมือกับสกุลสุ่ย

    เมื่อสุ่ยฮูหยินเห็นว่าโม่ชิงเยว่ทรุดลงไปเช่นนี้ก็ได้แต่คิดในใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว เพียงแต่การที่พิษออกฤทธิ์ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นผลดีหรือว่าผลเสียต่อสกุลสุ่ยของนางกันแน่ นางจึงได้เอ่ยแก้ตัวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังแม้ว่าในใจจะสั่นไหวมากเพียงใดก็ตาม“นิ่งอันโหวฮูหยินอย่าได้เข้าใจผิด ชาถ้วยนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอันใดส่วนสาเหตุที่ท่านสิ้นไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินต่อการออกมาข้างนอกจวนหรือเปล่า” คำพูดของสุ่ยฮูหยินทำให้โม่ชิงเยว่แสร้งลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการกล่าวหา“ข้าหาใช่คนร่างกายอ่อนแอเช่นนั้น สุ่ยฮูหยินเสียทีที่ข้าไว้ใจจึงได้ยินดีมาที่นี่ตามคำเชิญของท่าน คิดไม่ถึงว่าสกุลสุ่ยของพวกท่านจะข้างนอกสุกใสแต่ภายในเน่าเหม็น เมื่อก่อนข้าก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี๋เหนียงในจวนข้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงได้มีพฤติกรรมต่ำช้าเลวทรามเช่นนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะจวนแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่ต่ำตมเช่นนี้นี่เอง ชุ่ยเหมยเก็บชาถ้วยนั้นมาข้าจะนำไปให้กรมอาญาตรวจสอบ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของสุ่ยฮูหยินก็รีบขัดขวางชุ่ยเหมยในทันที แต่กลับ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 34 ราคะกำจาย

    สายตาที่ปิดบังอารมณ์เอาไว้ไม่มิดของสุ่ยอี้หรงทำให้โม่ชิงเยว่ลอบสังเกตสีหน้าของสุ่ยฮูหยินในทันที นางแอบเห็นว่าสาวใช้สองนางที่อยู่ข้างกายของสุ่ยฮูหยินหายไปจึงได้หันไปส่งสายตาให้ชุ่ยเหมยซึ่งชุ่ยเหมยก็พยักหน้ารับเพื่อส่งสัญญาณว่านางรับรู้แล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันไปส่งมอบรอยยิ้มให้กับบรรดาสตรีที่อยู่ในบริเวณงาน สาวใช้ที่ติดตามติดตามนางมาต่างก็แยกย้ายกันไปมอบถุงหอมให้แก่บรรดาสตรีที่มาเป็นแขกภายในงาน ชุ่ยเหมยจึงใช้จังหวะที่เดินไปมอบถุงหอมเร้นกายไปยังทิศที่สาวใช้ข้างกายของสุ่ยฮูหยินเดินจากไป“ถุงหอมเหล่านี้ล้วนได้รับการปักลวดลายจากช่างปักที่มากฝีมือของสกุลเจียง ส่วนเครื่องหอมที่อยู่ด้านในเป็นเครื่องหอมที่ข้าลงมือปรุงเองกับมือ หวังว่าทุกท่านคงจะไม่รังเกียจของขวัญชิ้นนี้ของข้า” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาซึ่งบรรดาสตรีที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็ลังเลที่จะรับถุงหอมจากสาวใช้ของนางแต่เมื่อท่านหญิงเจียหลีรับเอาไปแล้วเอ่ยชื่นชมออกมาทำให้สตรีหลายคนรับเอาไว้ มีเพียงคนของสกุลสุ่ยและบรรดาที่สตรีที่สนิทสนมกับสกุลสุ่ยเพียงเท่านั้นที่ไม่กล้ารับถุงหอมเอาไว้ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้โม่ชิงเยว่ลอบยิ้มออกมา ด้วยนาง

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 33 งานเลี้ยงสกุลสุ่ย

    จวนสกุลสุ่ยสมแล้วที่เป็นจวนสกุลเดิมของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ไม่เพียงกว้างขวางและใหญ่โตภายในจวนยังได้รับการตกแต่งอย่างดี สวนหินและสวนไม้ดอกสามารถโอ้อวดผู้คนได้อย่างภาคภูมิใจ โม่ชิงเยว่ที่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในยังอดรู้สึกชื่นชมการตกแต่งจวนของจวนสกุลสุ่ยไม่ได้ยามนี้สิ่งที่ในใจของนางกำลังคิดอยู่ก็คือนางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี้โหรวจึงได้คิดว่าตนเองสูงส่งถึงเพียงนั้น จวนของนางหรูหราถึงขั้นนี้แล้วจวนโหวที่ได้รับการดูแลโดยคนแกคร่ำครึอย่างแม่สามีของนางจะสามารถเทียบเคียงกับสกุลสุ่ยได้อย่างไรกันเล่า การที่บุตรสาวที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกเช่นสุ่ยอี้โหรวยอมลดตัวแต่งออกจากจวนไปเป็นอนุ หากไม่ใช่เพราะความรักอันโง่เขลาก็คงเป็นเพราะสกุลสุ่ยมีแผนการที่ไม่ค่อยจะดีนักต่อจวนโหวแล้ว เพราะต่อให้สุ่ยอี้โหรวมีใจต่อซ่งเหวินจิ้งจริงหากผู้อาวุโสในสกุลสุ่ยไม่พยักหน้าแล้วสุ่ยอี้โหรวจะแต่งเข้าไปเป็นแค่เพียงอนุในจวนโหวได้อย่างไร“คารวะนิ่งอันโหวฮูหยิน เชิญท่านติดตามข้ามาทางนี้เจ้าค่ะ” เด็กสาวรูปร่างอรชร ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับสุ่ยอี้โหรวถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ความอ่อนเยาว์และรอยยิ้มอันสดใสของนางทำให้ความงามของ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 32 แผนการในใจ

    ยามที่ชุ่ยเหมยได้พบกับหรงมามาเดิมทีนางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดด้วยรู้ดีว่าโม่ชิงเยว่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกาย แต่เมื่อได้รู้ว่าหรงมามาได้รับการแนะนำมาจากผู้ใดทำให้นางอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จนต้องสอบถามโม่ชิงเยว่ออกมาตามตรง“ในเมื่อนางเป็นคนที่ท่านโหวพามา แล้วฮูหยินก็ยังยินดีที่จะให้นางมาอยู่ข้างกายอีกหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า“เขาจะมาไม้ไหนข้าเองก็อยากจะรู้ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปที่สกุลสุ่ยแล้ว ข้ากำลังขาดคนข้างกายที่จะคอยแนะนำเรื่องการคบค้าสมาคมกับบรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนหลังของบรรดาขุนนางชั้นสูงพอดี เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเพราะท่านแม่ชาติกำเนิดไม่สูง อีกทั้งท่านพ่อก็ไม่ได้ถือกำเนิดในแวดวงเดียวกันกับชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าจึงแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาสตรีที่เป็นชนชั้นสูงของแคว้นเหลียนดังเช่นบุตรสาวของแม่ทัพคนอื่นๆ เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาพลางจ้องมองด้านนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแล้วจึงได้เอ่ยต่อ“คนสกุลสุ่ยมีแผนการเช่นไรกับข้า ตัวข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน คิดจะเหยียบย่ำข้าเพื่อแก้แค้นให้สุ่ยอี้โหรวหรือว่าคิดจะใช้ข้าเป็นข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status