공유

บทที่ 48 เจียงหลินซื่อ

작가: BigM00N
last update 최신 업데이트: 2025-05-25 19:51:16

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพไปแล้วโม่ชิงเยว่ก็ใช้ข้ออ้างว่าต้องไว้ทุกข์ให้สามีปฏิเสธเทียบเชิญและเทียบขอเข้าพบเกือบทั้งหมด อีกทั้งช่วงนี้ฝ่าบาททรงมีราชโองการลงอาญาขุนนางใหญ่หลายสกุล อัครเสนาบดีหยางถูกปลดออกจากตำแหน่งเสนาบดี จวนสกุลหยางถูกยึดทรัพย์ทั้งสกุลและถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวง เจ้ากรมพิธีการสุ่ยถูกปลดออกจากตำแหน่งเจ้ากรมพิธีการ จวนสกุลหยางถูกยึดทรัพย์ทั้งสกุลนาย ท่านผู้เฒ่า นายท่านสุ่ยและสุ่ยฮูหยินถูกขังที่กรมอาญา ฉินอ๋องและองค์ชายใหญ่ต่างก็ถูกกักขังอยู่ในคุกหลวง สิ่งที่ผู้คนต่างไม่เข้าใจก็คือความวุ่นวายในครั้งนี้สุ่ยฮองเฮาและองค์ชายรองกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย ส่วนหยางเต๋อเฟยถูกปลดยศเป็นแค่เพียงกุ้ยเหรินถูกส่งเข้าสู่ตำหนักเย็น

“สถานการณ์ในเมืองหลวงเริ่มจะคลี่คลายแล้ว ชุ่ยหลันเจ้าจงไปบอกให้ผู้ดูแลร้านเตรียมตัวเปิดร้านได้เลย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอยเช่นนี้ชุ่ยหลันก็รับคำแล้วเดินจากไป เหลือแค่เพียงชุ่ยเหมยและหรงมามาที่ยังคงรอรับคำสั่งจากนาง

“หรงมามา ท่านเป็นคนกว้างขวางช่วยสืบเสาะหาอาจารย์ที่มากความรู้มาสั่งสอนและอบรมลูกๆ ของข้าด้วย ท่านอาจารย์คนก่อนที่ข้าเชื้อเชิญมาเขาขอลากลับบ้านเกิดที่ต่างเมืองแล้ว”

“ได้เจ้าค่ะ เรื่องคุณหนูและซื่อจื่อบ่าวจะคอยดูแลให้เองเจ้าค่ะ ขอฮูหยินอย่าได้กังวล” เมื่อหรงมามาเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้าแล้วจึงได้หันไปสั่งงานกับชุ่ยเหมยต่อ

“เรื่องคนเข้าออกในจวนยังคงต้องรอบคอบและรัดกุม แม้ว่ายามนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงจะคลี่คลายแต่ข้าเชื่อว่าเป็นความสงบแค่ชั่วคราวเพียงเท่านั้น กองกำลังของฉินอ๋องไม่ใช่น้อยๆ เจ้านายของพวกเขาถูกขังอยู่ในเมืองหลวงเช่นนี้ข้ากังวลว่าพวกเขาจะใช้ข้ออ้างนี้โจมตีเมืองหลวงเข้าสักวัน กองกำลังของท่านโหวคือชิ้นปลามันหลายคนจับตามองข้ากังวลว่าจวนโหวของพวกเราอาจจะถูกดึงเข้าไปในการแก่งแย่งกองกำลังของท่านโหวด้วย ดังนั้นเจ้าจะต้องคอยจับตาดูผู้คนในจวนให้ดี” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้า

“ขอฮูหยินโปรดวางใจข้าไม่เคยหละหลวมเรื่องการดูแลจวนอยู่แล้วเจ้าค่ะ” แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้นแต่หัวใจของชุ่ยเหมยก็ยุบยิบขึ้นมาในทันที ด้วยนางยังรู้สึกติดค้างอยู่ในใจเรื่องที่ท่านโหวและคนของเขาสามารถลักลอบเข้ามาในจวนโดยที่นางไม่ระแคะระคายเลยสักนิด อีกทั้งยังปล่อยให้บุกเข้าไปในห้องนอนของเจ้านายโดยที่นางไม่รู้ ซึ่งจากท่าทีของเจ้านายของนางทำให้ชุ่ยเหมยคาดเดาได้ว่าเจ้านายของนางได้ให้การต้อนรับท่านโหวผู้บุกรุกเข้ามาในยามค่ำคืนตั้งหลายครั้งแล้ว

อันที่จริงแล้วชุ่ยเหมยอยากจะเอ่ยถามเจ้านายถึงเรื่องนี้ แต่เพราะรู้ดีว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายอีกทั้งยังกังวลว่าจะมีคนรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านโหวที่สมควรจะนอนอยู่ในโลงผู้นั้นยังไม่ตายจะต้องเกิดเรื่องใหญ่กับจวนโหวแห่งนี้อย่างแน่นอน นางจึงไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ได้แต่แสร้งทำเป็นว่าการที่ท่านโหวลักลอบเข้าไปในเรือนนอนของเจ้านายคือเรื่องปกติที่ห้ามเอ่ยถึง

“เช่นนั้นก็ดี” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางก้มหน้าลงไปเขียนรายการสมุนไพรที่นางต้องการ และร่างแผนการเพื่อจะได้สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอที่จะนำไปวางขายในร้านเครื่องหอม

“ก่อนหน้านี้ที่จวนสกุลสุ่ยชนชั้นสูงในเมืองหลวงต่างก็รู้จักข้าแล้ว แถมยังได้รู้เรื่องเครื่องหอมที่ข้าปรุงด้วย ยามนี้จวนสกุลสุ่ยตกต่ำสาเหตุมาจากการวางแผนทำร้ายข้าดังนั้นข้าจึงกำลังเป็นที่เอ่ยถึง พวกเราถือโอกาสในช่วงนี้รีบเปิดร้านก็จะได้ทำให้คนพลอยพูดถึงร้านเครื่องหอมของข้าไปด้วย” โม่ชิงเยว่เอยพลางยิ้มออกมาแล้วจึงได้เอ่ยกับหรงมามาและชุ่ยเหมยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“หลังจากนี้ทุกคนอาจจะต้องเหนื่อยสักหน่อยนะ เพราะข้ายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์จึงไม่อาจจะไปที่ร้านได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้”

“ฮูหยินโปรดวางใจ บ่าวและชุ่ยเหมยจะไปช่วยกันดูแลเรื่องร้านค้าแทนฮูหยินเองเจ้าค่ะ” เมื่อหรงมามาเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้าแล้วจึงได้ส่งสัญญาณให้คนทั้งสองออกไปแล้วจึงได้ลงมือร่างรายการต่อ

“ฮูหยินเจ้าคะเจียงฮูหยินมาขอเข้าพบท่านเจ้าค่ะ” เมื่อสาวใช้เอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พลันเงยหน้าขึ้นมา

“เชิญเจียงฮูหยินไปที่โถงรับรองแขกชั้นในข้าจะไปพบเจียงฮูหยินที่นั่น”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้นั้นเอ่ยรับคำพลางย่อกายคารวะแล้วจึงได้เดินออกจากห้องไป โม่ชิงเยว่รีบกลับไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงได้เดินไปที่โถงรับแขกในเขตเรือนชั้นในพลางคาดเดาเอาว่าเจียงฮูหยินที่สาวใช้เอ่ยถึงน่าจะเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของนาง

“นิ่งอันโหวฮูหยิน” ซุนต้าเหนียงเอ่ยพลางขยับกายลุกขึ้นเมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในโถงรับรอง

“ป้าสะใภ้ใหญ่” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางย่อกายจะคารวะทักทายแต่ซุนต้าเหนียงรีบเดินเข้ามาประคองนางเอาไว้แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนอบน้อม

“นิ่งอันโหวฮูหยิน ท่านอย่าได้คารวะข้าเลย วันนี้ที่ข้ามาหาท่านก็เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน” คำพูดของซุนต้าเหนียงทำให้โม่ชิงเยว่พลันขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของซุนต้าเหนียงโม่ชิงเยว่จึงได้เอ่ยถามตามตรง

“เกิดเรื่องกับสกุลเจียงหรือเจ้าคะ” คำถามของนางทำให้ซุนต้าเหนียงส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง

“จะว่าไปก็ไม่ถือว่าเกิดเรื่องกับสกุลเจียงโดยตรงหรอก” เมื่อซุนต้าเหนียงเอ่ยเช่นนี้ก็ทำให้ความกังวลใจของโม่ชิงเยว่พลันลดลง นางค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกพลางช่วยประคองซุนต้าเหนียงไปนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วนางจึงไปนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ด้านข้าง เมื่อสาวใช้ยกน้ำชามาให้แล้วโม่ชิงเยว่จึงได้ส่งสัญญาณให้พวกนางออกไปให้หมด

“ดื่มชาก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซุนต้าเหนียงจึงได้ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มแล้วจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เจียงหลินซื่อ บุตรชายคนโตของข้ายามนี้ถูกขังอยู่ที่กรมอาญา จวนไหวกั๋วกงกล่าวหาว่าเขาจงใจคดโกง ส่งผ้าปักด้อยคุณภาพไปที่จวนไหวกั๋วกงทำให้ไหวกั๋วกงฮูหยินไม่พอใจ จึงได้ส่งคนไปแจ้งกรมอาญาให้มาจับเขาไปสอบสวนแล้วหลังจากนั้นบุตรชายของข้าก็ถูกตัดสินโทษว่าคิดคดโกงขุนนางใหญ่ต้องโทษคุมขังนานถึงหกเดือนอีกทั้งยังต้องจ่ายเงินค่าปรับถึง 800 ตำลึง เรื่องเงินค่าปรับก็ช่างเถิดแต่เรื่องคุณชายใหญ่สกุลเจียงติดคุกเพราะคดโกง หากผู้อื่นเอาไปพูดจะต้องกระทบกับการค้าของสกุลแน่” คำพูดของซุนต้าเหนียงทำให้โม่ชิงเยว่พลันเอ่ยถามในทันที

“แล้วผ้าปักที่ส่งไปจวนไหวกั๋วกงเป็นผ้าปักที่ด้อยคุณภาพจริงหรือเจ้าคะ” คำถามของนางทำให้ซุนต้าเหนียงส่ายหน้าปฏิเสธในทันที

“สกุลเจียงเราตรวจสอบคุณภาพของผ้าปักอย่างเข้มงวด เนื้อผ้า เส้นไหมที่ใช้ปัก ลวดลาย ล้วนได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะนำมาวางขาย ยิ่งเป็นงานที่ต้องนำไปส่งจวนกั๋วกงก็ยิ่งไม่กล้าละเลยดังนั้นข้อกล่าวหาของจวนกั๋วกงข้ามั่นใจว่าเป็นการใส่ความอย่างแน่นอน” ซุนต้าเหนียงเอ่ยพลางจ้องมองโม่ชิงเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอ

“ข้ารู้ว่าที่จวนโหวแห่งนี้พึ่งจะผ่านพ้นงานศพไปในใจย่อมไม่อยากจะรบกวน แต่เพราะสิ้นไร้หนทางจริงๆ ก็เลยจำต้องมาที่นี่” เมื่อซุนต้าเหนียงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็นิ่วหน้าแล้วจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

“ท่านป้าสะใภ้ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องญาติผู้พี่ให้ท่านเอง” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซุนต้าเหนียงก็พลันจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

“ข้าจะไปพูดคุยเรื่องนี้กับฮูหยินจวนกั๋วกงด้วยตนเอง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นความเข้าใจผิดกันเพียงเท่านั้น ท่านป้าสะใภ้ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ”

“ขอบคุณมาก ข้าไม่รู้จะขอบคุณเจ้าอย่างไรดี” เมื่อซุนต้าเหนียงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมาทั้งที่ในใจอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่จวนไหวกั๋วกงหาเรื่องญาติผู้พี่เช่นนี้อาจจะเป็นเพราะท่านราชเลขาธิการเหยียนเซียวผู้เป็นซื่อจื่อของจวนกั๋วกงผู้นั้น ดังนั้นนางจึงไม่อาจจะรับคำขอบคุณจากป้าสะใภ้ของนางได้อย่างเต็มที่เท่าใดนัก

“ท่านป้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกเจ้าค่ะ เรื่องช่วยญาติผู้พี่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรจะต้องทำอยู่แล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพียงแต่เพราะซุนต้าเหนียงกำลังดีใจที่บุตรชายมีหนทางรอดแล้วนางจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของโม่ชิงเยว่

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status