Share

บทที่ 8 เล่นงานคน

Auteur: BigM00N
last update Dernière mise à jour: 2025-05-21 13:01:24

ยามที่ชุ่ยเหมยกลับมาก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว เมื่อนางพบว่ามีศพนอนรออยู่สามศพนางก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด

“ฮูหยินเจ้าคะ ทางเรือนใหญ่ลงมือกับท่านอีกแล้วหรือเจ้าคะ” เมื่อนางถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“เป็นสุ่ยอี้โหรวน่ะ เพียงแต่คราวนี้ข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยจบก็ยื่นถุงสมุนไพรในมือให้ชุ่ยเหมย ยามที่เงินไม่ขาดมือชีวิตช่างดีนัก จะซื้อสมุนไพรมาตุนไว้สักเท่าใดก็ไม่เดือดร้อน ตอนที่ท่านพ่อของนางสิ้นจวนสกุลโม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่ไม่มากเท่าไหร่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสินเดิมที่เหลืออยู่ของท่านแม่ของนาง นางจึงต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด พอแต่งเข้าจวนโหวแม้ว่าสามีจะมั่งคั่งแต่ในเมื่อแม่สามีไม่โปรดปรานเงินทองที่จะใช้สอยย่อมไม่มีตกมาถึงมือ นางจะไปแบมือขอกับแม่สามีก็ไม่ได้ ส่วนสามีแค่ได้พบหน้าก็ยังจะไม่พบ พอได้เจอหน้ากันนางจะอ้าปากถามเรื่องเงินก็ใช่ที่ มาตอนนี้พอมีเงินที่หามาได้ด้วยตนเองแล้วนางย่อมจะมือเติบอยู่บ้างเป็นธรรมดา

“ผงสมุนไพรนี้ แค่โปรยไปในอากาศจะทำให้คนที่สูดดมหลับใหลไม่ได้สติ เจ้าใช้อย่างระมัดระวัง เอาศพของสามคนนี้ไปโยนไว้บนเตียงของสุ่ยอี้โหรว ในเมื่อนางอยากยุแยงให้แม่สามียัดเยียดคำครหาเรื่องมีชายอื่นให้ข้ามากนัก เช่นนั้นข้าก็จะขอส่งคืนคำครหานี้ให้นางก็แล้วกัน เพียงแต่วิธีการของข้าย่อมจะต้องเห็นผลกว่า หากระบี่สักเล่มเอาไปวางไว้ในมือของนางด้วย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้าแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา

“ท่านน่าจะทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว”

“ตอนนั้นข้ายังหลงคิดว่าเมื่อท่านโหวกลับมา ข้าก็จะพ้นมลทินถึงยามนั้นข้าอาจจะยังต้องทนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกนางอีก ก็เลยไม่ได้คิดจะต่อสู้แย่งชิงอะไรกับพวกนาง อีกทั้ง… ข้าไม่มีเงินจะซื้อผงสมุนไพรมากักตุนไว้เช่นนี้ ต่อให้คิดได้ก็คงไม่อาจจะลงมือทำ” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้า

“ข้าก็หลงคิดว่าที่ท่านสู้อดทนมาสองปีจนจะครบสามปีอยู่แล้วเป็นเพราะท่านคำนึงถึงคำสอนของโม่ฮูหยินเสียอีก ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอนี่เอง…”

“ใช่ที่ไหนกัน หากข้าจะลงมือใช้กำลังรังแกพวกนางก็ได้แล้ว เพียงแต่หากท่านโหวรู้ว่าข้ารังแกพวกนางแล้วข้าจะหาที่พึ่งพิงใหม่ได้จากที่ใดกัน ลำพังแค่สามีไม่โปรดปรานข้าก็อยู่ยากแล้ว หากทำให้สามีรังเกียจอีกข้าคงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยขมวดคิ้ว

“แล้วตอนนี้เล่าเจ้าคะ ถ้าท่านโหวกลับมาแล้วสืบเรื่องนี้ย้อนหลังเล่า”

“ก็ให้เขาสืบไป นางคิดจะฆ่าข้ากับลูกก่อน เขาปกป้องข้าไม่ได้ก็แย่แล้วหากยังคิดจะเล่นงานข้าเพราะเรื่องนี้อีกเช่นนั้นก็ทางใครทางมันเถอะ ข้าไม่ได้คิดจะฝากชีวิตของตนเองเอาไว้ที่เขาอีกแล้ว” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้สุ่ยอี้โหรวยิ้มออกมา

“พวกเราก็แค่พาคุณชายน้อยและคุณหนูน้อยกลับจวนแม่ทัพ…” เมื่อพูดจบชุ่ยเหมยก็หน้าเสีย จวนแม่ทัพคือจวนพระราชทานยามนี้มีแม่ทัพคนใหม่แล้วจวนแห่งนั้นก็ย่อมจะกลับไปไม่ได้อีก

“ไปพึ่งพาสกุลเจียงคงจะได้แล้วกระมัง ฮูหยินสร้างชื่อให้ผ้าปักพวกเขาได้ถึงขนาดนี้” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ทอดถอนใจออกมา

“เจ้าลงมือไปเถิด คงอีกนานกว่าท่านโหวจะกลับ การศึกสงบแล้วใช่ว่าแม่ทัพจะได้กลับมาได้ง่ายๆ จากประสบการณ์การรอท่านพ่อเวลานำทัพไปชายแดนของข้า คงอีกหลายเดือนกว่าจะสะสางทุกอย่างจนจบสิ้น มิสู้จัดการสุ่ยอี้โหรวเสียให้นางได้รับความอับอายและต้องทนแบกรับคำครหาไปก่อน ด้วยสติปัญญาของคนในจวนแห่งนี้ยังจะมีผู้ใดสืบหากันเล่าว่าสุ่ยอี้โหรวถูกใส่ความ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้า

“สกุลสุ่ยย่อมจะต้องส่งคนมาสืบแน่”

“เช่นนั้นก็ให้พวกเขามา กับบุตรสาวที่ถูกทิ้งให้แต่งเข้ามาเป็นอนุเช่นนี้ พวกเขาจะทุ่มเทเพื่อนางสักเพียงใดกัน ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นเดียวกันว่าสุ่ยอี้โหรวจะมีค่าสักแค่ไหนในสายตาของท่านเจ้ากรมพิธีการ” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยยิ้มออกมา นักฆ่าที่นายหญิงจัดการได้อย่างง่ายดายเช่นนี้สกุลสุ่ยไม่น่าจะช่วยหนุนหลังสุ่ยอี้โหรวเท่าใดนัก หากพวกเขาอยากช่วยสุ่ยอี้โหรวอย่างเต็มกำลังคนที่มาช่วยงานนางจะต้องมีฝีมือมากกว่านี้

“รอดึกกว่านี้อีกสักหน่อยแล้วเจ้าค่อยลงมือ ยามนี้ไปกินมื้อเย็นกันก่อนเถอะข้าทำอาหารไว้รอเจ้าแล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่พูดจบชุ่ยเหมยก็เก็บถุงสมุนไพรเอาไว้อย่างระมัดระวังแล้วเดินไปล้างมือเพื่อเตรียมตัวกินข้าว มื้อเย็นในวันนี้เด็กๆ เงียบกว่าทุกครั้ง สายตาของพวกเขาวนเวียนไปจ้องมองศพของบุรุษสามคนนั้นด้วยความหวาดหวั่น ชุ่ยเหมยจึงได้ยิ้มออกมา

“ข้าถึงได้บอกพวกท่านอย่างไรเล่าว่าควรจะตั้งใจเรียนกับข้า เมื่อเติบใหญ่แล้วก็เรียนรู้จากฮูหยินให้ดี นางฝีมือดีกว่าข้าเสียอีก” เมื่อชุ่ยเหมยพูดเช่นนี้เด็กทั้งสองก็พยักหน้า

"แต่เมื่อเรียนแล้วก็อย่าได้โอ้อวดฝีมือของตนเอง ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ย่อมจะมีผู้ที่อยู่เหนือกว่า มิสู้เก็บงำประกายซ่อนคมเอาไว้นำวรยุทธ์มาใช้แค่ป้องกันตนก็พอ" โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางคีบกับข้าวให้แก่ลูกๆ ของนาง

"เมื่อก่อนท่านยายของพวกเจ้ามักจะตำหนิที่แม่ร่ำเรียนวิชาการต่อสู้และป้องกันตัวกับท่านตา นางอยากให้แม่เป็นเช่นนางเป็นคุณหนูผู้บอบบางมีชีวิตอยู่แต่ในเรือนหลังอย่างเรียบง่าย แต่ชีวิตขอคนเราไหนเลยจะเรียบง่ายดังที่ใจคิด มิสู้มีความสามารถรอบด้านเพื่อเอาไว้หาหนทางรอดให้แกตนเองดีกว่า ดังนั้นหากมีโอกาสพวกเจ้าก็จงเรียนรู้ให้มากเข้าไว้ โอ้อวดให้น้อยลง ยามผู้อื่นรังแกจะได้สามารถเอาตัวรอดได้" เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เด็กทั้งสองก็พยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาลงมือกินข้าวโดยไม่หันไปมองยังทิศที่มีศพสามศพนอนกองรวมกันอยู่ตรงนั้นอีก

พอเห็นว่าดึกมากแล้วสมควรลงมือเสียเสียทีชุ่ยเหมยก็ใช้เพียงมือข้างเดียวหิ้วศพที่นอนตายอยู่กับพื้นขึ้นมาหนึ่งศพ แล้วพาร่างนั้นออกไปจากเรือนอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปใกล้เรือนของสุ่ยอี้โหรวได้นางก็ทิ้งศพของคนผู้นั้นเอาไว้ในพงหญ้านอกเรือนของสุ่ยอี้โหรวก่อน เข้าไปโปรยผงสมุนไพรใส่คนในเรือนอย่างระมัดระวัง เมื่อทุกคนบนเรือนหลับสนิทดีแล้วนางจึงลากศพที่ทิ้งเอาไว้ด้านนอกเข้าไปวางเอาไว้บนเตียงของสุ่ยอี้โหรว พอลงมือเสร็จนางก็รึบกลับไปขนอีกสองศพมา จัดการดึงทึ้งเสื้อผ้าของสุ่ยอี้โหรวและศพทั้งสามศพออกให้อยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อย แล้วจึงได้นำกระบี่เล่มหนึ่งเอาไปวางไว้ในมือของสุ่ยอี้โหรว เมื่อเห็นว่าจัดฉากเรียบร้อยดีแล้วนางก็รีบเร้นกายหายออกไปจากเรือนของสุ่ยอี้โหรว

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status