Share

บทที่ 9 ลงทัณฑ์

Auteur: BigM00N
last update Dernière mise à jour: 2025-05-21 13:01:52

เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของสาวใช้ทำให้สุ่ยอี้โหรวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เมื่อคืนนี้นางเฝ้ารอให้คนของนางกลับมารายงานผลแต่ก็ไม่มีผู้ใดกลับมา อีกทั้งทางเรือนเหมันต์ก็เงียบกริบราวกับไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น นางไม่อาจจะเข้าไปสอบถามความเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยได้จึงทำได้แค่รอเพียงเท่านั้น เพราะความกังวลใจทำให้นางนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาด้วยความกังวลใจแต่แล้วนางหลับใหลไปในยามใดก็สุดรู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่าสาวใช้ ท่าทีแตกตื่นตกใจของพวกนางทำให้นางรีบก้มลงสำรวจตนเองในทันที

“กรี๊ด” เสียงร้องของนางทำให้บรรดาผู้คุ้มกันเรือนรีบเข้ามา แต่เมื่อเห็นว่าสภาพร่างกายของนางไม่เรียบร้อยอีกทั้งสาวใช้บางคนเริ่มมีสติแล้วช่วยกันขับไล่พวกเขาให้รีบลงจากเรือน คนที่พอจะมีสติอยู่บ้างรีบห้ามปรามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในเรือนในทันที

“อี๋เหนียง! อี๋เหนียงเจ้าคะ” เสียงของตงฮวาผู้เป็นสาวใช้คนสนิทช่วยเรียกคืนสติของสุ่ยอี้โหรวให้กลับคืนมา ยามนี้ร่างกายของนางนั้นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์มาปกปิด คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามลำตัวทำให้เนื้อตัวของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ชายหนุ่มที่นอนบนเตียงของนางทั้งสามคนล้วนคุ้นตาอีกทั้งเนื้อตัวของพวกเขาก็เปลือยเปล่า สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกได้ว่าไม่น่าจะมีลมหายใจแล้ว กระบี่ที่วางอยู่บนเตียงทำให้นางตื่นตระหนกนางรีบหยิบกระบี่ขึ้นมาดูแล้วจ้องมองบาดแผลบนร่างกายของสามคนนั้น ในใจของนางก็ได้แต่คิดว่า ‘แย่แล้ว ข้าถูกเล่นงานกลับแล้ว’

“อี้โหรว! เหตุใดจึงได้ทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้” เสียงของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้สุ่ยอี้โหรวรีบหลั่งน้ำตาออกมาในทันที ในใจก็ได้แต่ตื่นตระหนกและคิดว่า ว่าแย่แล้วนางถูกผู้อื่นพบเห็นในสภาพนี้ต่อให้ปลิดชีพของตนเองก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากมลทินนี้แน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้มาถึงเรือนของนางอย่างรวดเร็วเช่นนี้

“ท่านแม่ข้าถูกผู้อื่นใส่ร้าย” คำพูดของสุ่ยอี้โหรวทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้ว

“ผู้ใดจะใส่ร้ายเจ้ากัน ทำชั่วในเรือนแล้วยังคิดจะป้ายสีผู้อื่นอีกหรือ” เสียงตวาดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้สุ่ยอี้โหรวส่ายหน้า

“จะต้องเป็นโม่ชิงเยว่แน่ๆ เจ้าค่ะ นางเกลียดชังข้าก็เลยป้ายสีข้า” เมื่อสุ่ยอี้โหรวพูดเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ขมวดคิ้ว เฉินมามาที่ยืนอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่ารีบเอ่ยเตือนในทันที

“แค่ตัวนางกับลูกยังแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แล้วจะกล้าลักลอบวางแผนเล่นงานสุ่ยอี๋เหนียงได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ” เสียงของเฉินมามาทำให้สุ่ยอี้โหรวหันไปจ้องมองนางด้วยความประหลาดใจ ยามปกติมามาผู้นี้มักมักจะปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่เคยมีปากมีเสียงแล้วเหตุใดวันนี้จึงได้กล้าพูดจายั่วยุออกมาได้เช่นนี้

ส่วนเฉินมามานั้นยามนี้นางทำสีหน้าสงบนิ่งเป็นอย่างมาก เมื่อเช้านี้สาวใช้ของเรือนเหมันต์นำเงินมาให้นางถุงใหญ่ บอกให้นางพาฮูหยินผู้เฒ่ามาที่เรือนของสุ่ยอี๋เหนียงแต่เช้าก็พอ ยิ่งถ้าทำให้สุ่ยอี๋เหนียงได้รับโทษทัณฑ์ในฐานะที่คบชู้ได้นางก็จะได้รับเงินอีกก้อนในภายหลัง แม้ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่านางจะได้รับเงินอีกก้อนจริงหรือไม่ แต่เงินที่นางได้มาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางกล้าทดลองพูดจาเข้าข้างคนของเรือนเหมันต์ดู

“สุ่ยอี้โหรว เสียทีที่เป็นคุณหนูจากจวนของเจ้ากรมพิธีการ ถือโอกาสที่ลูกชายของข้าไม่อยู่คบชู้เช่นนี้ คอยดูนะข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี!” ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนตัวสั่น นางทั้งไว้ใจทั้งเอ็นดูสตรีผู้นี้แต่ยามนี้กลับถูกหักหลังต่อหน้าต่อตาแล้วจะไม่ให้นางโมโหโกรธาได้อย่างไร

“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ” สุ่ยอี้โหรวส่ายหน้าพลางร้องไห้ออกมา ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าที่เห็นว่าในมือของนางยังคงถือกระบี่อยู่ มีชายหนุ่มเนื้อตัวเปล่าเปลือยที่นอนอยู่บนเตียงของนางและดูเหมือนว่าพวกเขาไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงรีบสั่งให้คนช่วยกันจับตัวของสุ่ยอี้โหรวในทันที

“ยังไม่รีบจับตัวนางเอาไว้อีกจะให้นางมาฆ่าปิดปากข้าด้วยอีกคนหรืออย่างไร” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้บรรดาสาวใช้ในเรือนต่างหันไปจ้องมองกัน ช่วงสามปีมานี้อำนาจการควบคุมเรือนล้วนอยู่ในมือของสุ่ยอี้โหรว แต่ยามนี้ผู้ออกคำสั่งคือฮูหยินผู้เฒ่าพวกนางจึงไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่

“ยังไม่รีบลงมืออีก อย่าลืมสิว่าฐานะของนางเป็นแค่เพียงอนุเท่านั้น ผู้ที่เป็นใหญ่อย่างแท้จริงในจวนแห่งนี้ไม่ใช่นาง” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยจบพวกนางก็รีบพุ่งตัวเข้าไปแย่งกระบี่ในมือของสุ่ยอี้โหรวแล้วช่วยกันจับตัวของสุ่ยอี้โหรวเอาไว้ในทันที

“ท่านแม่ข้าถูกใส่ร้าย ข้าถูกใส่ร้ายนะเจ้าคะ” สุ่ยอี้โหรวเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฐานะของนางเป็นแค่เพียงอนุหากถูกตัดสินว่าคบชู้สู่ชายขึ้นมาจริงๆ คงได้ถูกลงโทษด้วยกฎประจำสกุลแน่

“อย่ามาแก้ตัว หลักฐานก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่” ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาด เมื่อเช้านี้นางตั้งใจว่าจะมาตำหนิสุ่ยอี้โหรวเรื่องที่สุ่ยอี้โหรวใช้เงินไปซื้อของสิ้นเปลืองจำพวกผ้าปักที่สุดแสนจะมีราคาแพงเหล่านั้นให้บุตรสาวของนาง คิดไม่ถึงว่าทันทีที่มาถึงเรือนจะพบว่าอนุของลูกชายจะอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเช่นนี้แถมยังลงมือฆ่าคนปิดปากต่อหน้านางอีกด้วย

“เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป ลงโทษนางตามกฎของสกุลในทันที โบยตีให้หลาบจำตัดเส้นเอ็นมือและเท้าให้หมดแล้วโยนเข้าศาลบรรพชนเสีย” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้สุ่ยอี้โหรวก็ตวาดออกมาในทันที

“ไม่ได้นะ ท่านจะมาตัดสินโทษข้าเช่นนี้ไม่ได้ นี่มันเป็นเรื่องที่จงใจใส่ร้ายกันชัดๆ ท่านมองไม่ออกหรือท่านแม่” ถ้อยคำประโยคนี้โม่ชิงเยว่เคยใช้ในตอนที่นางถูกใส่ความว่าตั้งครรภ์ลูกของชายอื่นและนางก็รอดพ้นจากการถูกลงทัณฑ์ไปอย่างลอยนวล สุ่ยอี้โหรวจึงได้นำมาใช้บ้าง

“ทำไมจะไม่ได้ หลักฐานก็เห็นกันอยู่คาตา สุ่ยอี้โหรวเจ้ามันผู้ดีจอมปลอมโดยแท้ ฉากหน้าก็วางตนสูงส่งแต่ฉากหลังช่างเน่าเฟะน่าขยะแขยงสิ้นดี ข้าน่าจะสังหรณ์ใจสักนิดว่าทำไมคุณหนูสกุลใหญ่เช่นเจ้าจึงได้ยอมลดตัวลงมาเป็นแค่เพียงอนุ ที่แท้ก็เพราะเจ้ามันเน่าเฟะมาก่อนแล้วจึงได้มักน้อยเช่นนี้” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้สุ่ยอี้โหรวตวาดออกมาในทันที

“หยุดนะ นังแก่โง่เง่า ข้าถูกใส่ร้ายเจ้ามองไม่ออกหรือ คนสติดีที่ไหนจะนำศพผู้ชายถึงสามคนมาไว้บนเตียงเช่นนี้” คำพูดของสุ่ยอี้โหรวทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

“ได้! ข้าโง่ ข้ามันโง่ที่นำเจ้าเข้าจวน ลูกชายของข้าทะเลาะกับข้าก็เพราะข้าแต่งเจ้าเข้ามาให้เขา แล้วยามนี้เจ้ายังกล้ามาสวมเขาให้เขาอีก เจ้าทำให้ข้ารู้สึกเวทนาตนเองจริงๆ ยังไม่รีบจับตัวนางไปที่หอลงทัณฑ์อีก” ประโยคหลังฮูหยินผู้เฒ่าหันไปสั่งบรรดาสาวใช้ด้วยน้ำเสียงดุดัน "รีบลงมือสิ!"

“พวกเจ้ากล้าหรือ ข้าคือบุตรสาวเจ้ากรมพิธีการและเป็นหลานสาวสายตรงขององค์ฮองเฮานะ” คำพูดของสุ่ยอี้โหรวทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมา

“เรื่องงามหน้าที่เจ้าทำ สกุลสุ่ยต่างหากที่จะต้องมาขอขมาข้า แล้วข้ายังจะต้องเกรงกลัวสกุลสุ่ยของพวกเจ้าอีกหรือ นำตัวนางไป” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้ สุ่ยอี้โหรวก็หันไปออกคำสั่งกับตงฮวาในทันที

“เจ้ารีบไปบอกท่านพ่อ ว่าข้าถูกคนในจวนนี้เล่นงาน” คำพูดของสุ่ยอี้โหรวแม้ว่าจะไม่ดังมากนักแต่เฉินมามากลับได้ยินอย่างชัดเจน

“จับตัวสาวใช้นางนั้นเอาไว้ ฮูหยินถ้านางออกไปส่งข่าวได้เจ้ากรมพิธีการคงจะต้องยื่นมือเข้ามาสร้างความวุ่นวายในจวนของพวกเราแน่ ถึงยามนั้นเรื่องชั่วร้ายเหล่านี้ก็คงจะไม่รอดพ้นหูตาของคนนอก” คำพูดของเฉินมามาทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“จับตัวนางไว้ บุรุษสามคนนี้ข้าจำหน้าได้ พวกเขาล้วนเป็นคนสนิทข้างกายสุ่ยอี้โหรว พวกเขาวนเวียนข้างกายนางมาโดยตลอดและสาวใช้นางนี้ก็น่าจะรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องชั่วช้านี้ จับตัวนางไปที่หอลงทัณฑ์ด้วย ตัดเส้นเอ็นมือ เส้นเอ็นเท้าและตัดลิ้นของนางออกด้วย แล้วจับนางโยนเข้าไปในหอบรรพชนเพื่อเป็นการลงโทษที่รู้เห็นเป็นใจให้นายของนางทำชั่ว” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ตงฮวาทำท่าจะวิ่งหนีแต่กลับถูกจับตัวเอาไว้ได้

“ยังมีผู้ใดรู้เห็นเป็นใจอีกไหม หากข้ารู้ว่ามีผู้ใดกล้าเล็ดลอดออกจากจวนไปแพร่งพรายเรื่องในจวนให้ผู้อื่นรู้ รับรองได้เลยว่าข้าจะทำให้พวกเจ้าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลยตลอดชีวิต” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้บรรดาสาวใช้ภายในเรือนก็ต่างเนื้อตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนสุ่ยอี้โหรวและสาวใช้ของนางยามนี้ถูกลากตัวไปที่หอลงทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status