...จวนแม่ทัพสวี...
“เจ้าพานายน้อยออกไปเดี๋ยวนี้ เร็ว!”
“ไม่นะนายท่าน ข้าจะทิ้งให้ท่านสู้รบเพียงคนเดียวไม่ได้!”
“หนิงอันเจ้าต้องฟังข้า หากเจ้าอยู่ต่อไปก็รั้งแต่จะตายทั้งหมดเราจะไม่เหลือใครทั้งนั้น หากเจ้าพาแค่นายน้อยของเจ้าไปจากที่นี้แล้วรีบไปหาแม่ทัพอี๋เฉินที่ชายแดนเหนือให้เร็วที่สุดทัพทมิฬก็จะยังคงอยู่”
ใบหน้านิ่งขรึมของผู้เป็นนายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลจากคมดาบจ้องมองมาที่เค้า นายของหนิงอันที่บัดนี้ดูจะเริ่มหมดเรี่ยวแรงแล้ว ‘พวกเค้าเริ่มหมดหนทางที่จะสู้’ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต้องส่งคนที่ตนรักให้หนีออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด
ใบหน้าหยาบที่เต็มไปด้วยหนวดเครามองไปยังภรรยาผู้เป็นที่รักของเค้า และบุตรชายเพียงหนึ่งเดียว เค้าเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องครอบครัวตนเองได้
“ท่านพี่ข้าจะไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น หากตาย เราจะตายด้วยกัน” ดวงหน้างามมองสบตากันกับสามีผู้เป็นที่รักของนาง ดวงตาที่แน่วแน่นี้บอกให้รู้ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีทางทิ้งสามีแล้วหนีไปแน่
“ใช่ท่านพ่อ ข้าจะสู้ไปกับท่าน เราจะไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น” เสียงเล็กจ้อยแต่หนักแน่นของเด็กชายตัวน้อย ที่ร้องออกมาว่าเค้าพร้อมสู้นั้นทำเอาพ่อของเค้าหรือแม่ทัพตงหยาง ถึงกับน้ำตาคลอขึ้นมาทันที ลูกของเค้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก
“ฟังพ่อนะจื่อหยวนเจ้าต้องไป! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป หากภายภาคหน้าเจ้าได้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้วละก็ เจ้าค่อยกลับมาก็ไม่สาย” แม่ทัพตงหยางพูดขึ้นอย่างหนักแน่นเพื่อให้ลูกชายของตนยอมหนีออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
“ไม่! หากไม่มีท่านและท่านแม่ข้าจะอยู่ไปเพื่อสิ่งใด” เสียงน้อยเปล่งออกมาอย่างเข้มแข็ง แต่ดวงตากลับไหวระริก หยาดน้ำตาเอ่อคลอออกมาแต่คนตัวเล็กก็ใช้มือปาดออก เค้าจะไม่ยอมให้น้ำตาที่อ่อนแอนี้ไหลออกมาแน่
“อยู่แทนพ่อและแม่ของเจ้า และทัพทมิฬที่ต้องการให้เจ้าปกป้อง”
“ลูกแม่ เจ้าจงมีชีวิตอยู่ต่อให้ดีอย่าได้หวนกลับมาที่นี้อีก” คนเป็นแม่เอ่ยออกมาพลางกำมือหยาบของผู้ที่นางเลือกที่จะเป็นตายไปพร้อมกัน
แม่ทัพตงหยางหันมาเอ่ยกับหนิงอันที่เปรียบเสมือนกับญาติของตนและยังเป็นมือขวาของเค้าด้วย“นี่คือคำสั่งของแม่ทัพ เจ้าจงพาจื่อหยวนออกไปจากที่แห่งนี้ และดูแลเค้าให้ดีภายภาคหน้าจื่อหยวนจะเป็นผู้นำต่อจากข้า”
“ท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพตงหยางยื่นกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กออกมาด้านหน้า “นี่คือตราคำสั่ง เจ้าจงเก็บไว้เพื่อภายหน้าเจ้าจะต้องใช้มัน”
“ข้าน้อยรับคำสั่งท่านแม่ทัพ!” หนิงอันยื่นมือไปเก็บกล่องตราคำสั่งจากผู้เป็นนาย
“รีบไป!”
“ท่านพ่อ...”
“ไป!!”
“ขอรับนายท่าน”
หนิงอันค้อมศรีษะน้อมรับคำสั่งครั้งสุดท้ายของคนเป็นนายแล้วจึงอุ้มเด็กชายวัยเจ็ดขวบออกไปพร้อมกับทหารติดตามมือดีอีกจำนวนหนึ่ง
“ท่านพ่อสักวันข้าจะกลับมา กลับมาฆ่าพวกมันให้สิ้น!!”
เสียงเด็กชายตัวน้อยร้องเสียงดังก้องไปทั่ว คนเป็นพ่อและแม่ได้แต่มองตาม หวังเพียงลูกชายของเค้าจะปลอดภัยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้
สองสามีภรรยามองสบตากันและเดินออกจากเรือนของตนเพื่อออกไปเผชิญกับกองทัพที่อยู่ด้านนอกจวน
ซึ่งเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เกิดจากคนที่ตนไว้ใจและคอยปกป้องมาตลอด คนสนิทของเค้านามเฉินมู่คือผู้ที่ทรยศเค้าเพียงเพื่อตำแหน่งในราชสำนักเพียงเท่านั้น และที่หน้าเจ็บใจไปกว่านั้นคือชาวบ้านและแคว้นที่เค้ารักและเชิดชูหนักหนากลับประนามว่าเค้ากบฏ!
“ในที่สุดท่านก็ยอมโผล่หัวออกมาสักทีท่านแม่ทัพตงหยาง
ไม่สิ นี้มันกบฏ!”“เจ้ามันคนเนรคุณจริงๆ คิดเหรอว่าราชสำนักจะกล้าใช่เจ้าต่อ เจ้าที่เติบใหญ่มากับข้ายังกล้าเนรคุณได้ หึ! มันหน้าขันซะจริง”
เฉินมู่มีอาการหน้าเสียขึ้นมาเล็กน้อยแต่มีหรือคนอย่างเค้าจะยอมเสียหน้า “ท่านไม่ต้องพูดมาก ถึงท่านจะเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นแต่ยังไงเสีย วันนี้ท่านก็ต้องตาย5555”
“ได้! ตัวข้าไม่เคยกลัวความตาย ขอเพียงวันนี้ข้าเด็ดหัวเจ้าได้ข้าก็สมใจมากแล้วละ” แม่ทัพตงหยางกล่าวจบก็หันไปสบตากับภรรยาผู้ที่พร้อมจะไปกับเค้าทุกที่และทหารกล้าทุกคนที่ไม่เคยมีท่าทีว่าจะหนีเพียงเอาตัวรอด ทั้งที่รู้ว่ายังไงวันนี้ทุกคนที่อยู่ ณ จวนแห่งนี่ต้องตายแน่ แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะสู้ไปกับเค้า
“ลุย!!”
“บุก!!”
ทั้งสองฝั่งเผชิญหน้ากัน ต่างคนต่างถืออาวุธคู่กายที่ตนใช้ การที่ทั้งสองสู้รบกันทำให้เกิดการสูญเสียไม่น้อย
การปิดล้อมจวนครั้งนี่ย่อมมีผู้อยู่เบื่องหลังมากมาย เพราะทุกคนต่างก็เพียงหวังแค่ผลประโยชน์ส่วนตน ใครที่คิดขวางก็มักจะลงเอยด้วยการฆ่า อย่างจวนแม่ทัพใหญ่นี้ก็ไม่เว้น! หากเพียงพลาดไปก้าวเดียวทุกคนก็จะล้มแบบไม่มีแผ่นดินกลบหน้า...
..............
...ราชวังต้าเยียน...
โถงประชุมใหญ่
ทุกคนเสียงดังเอะอะโวยวายกันเสียงดังไปทั่วทั้งโถงประชุมโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าฝ่าบาทได้เสด็จออกมาแล้ว
“ทุกคนเงียบ!” ขันทีข้างพระองค์เอ่ยออกมาทุกคนจึงเริ่มเงียบเสียงลง
“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี” ทุกคนย่อตัวนั่งลงพร้อมก้มหัวถวายความเคารพให้แก่ฝ่าบาท
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด แอ๊ะๆ”
“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรไหมพะยะคะ”
“ไม่! เราไปเป็นอะไร ไหนท่านมหาเสนาบดีรายงานเรื่องแม่ทัพตงหยางสิ”
“พะยะคะ ตอนนี้ท่านแม่ทัพได้สิ้นแล้วทั้งครอบครัวและทหารที่ติดตาม”
ทุกคนที่เข้าประชุมต่างเริ่มมีเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ต่างถกเถียงกันเรื่องท่านแม่ทัพใหญ่ ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้กันดีว่าท่านแม่ทัพภักดีแค่ไหน แต่เพราะมีหลายคนที่ขัดผลประโยชน์กับเค้าทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
‘ขุนนางกังฉินและฮ่องเต้ทรราช’
ขุนนางบู๊บุ๋นต่างก็แตกออกเป็นสองฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้นอกจากก้มหน้าต่อไป เพราะหากใครค้านคนผู้นั้นอาจไม่มีแม้เงาหัว
ตอนที่5เมื่อครั้งวัยเยาว์“นี้นาย! ลืมตาสิ นาย!” มือเล็กของลู่ฟางเหนียงเขย่าตัวของจื่อหยวนอย่างแรงเพื่อให้เจ้าตัวได้สติลู่ฟางเหนียงหรือคุณหนูตระกลูลู่ พยายามที่จะทำให้คนตรงหน้าฟื้นขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเค้าก็ยังนอนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับนิ้วเลยถึงแม้เธอจะตบเข้าที่ใบหน้าเค้าแรงแค่ไหนก็ตาม“นี้นายถ้าจะตายก็อย่ามาตายต่อหน้าข้าจะได้ไหม ตื่นสิเว้ย!” ใบหน้านวนเริ่มแดงก่ำ ดวงตาเริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา“ฟื้นสิเว้ย หื่อๆๆ อึ หื่อๆๆ”มือเล็กทุบเข้าที่หน้าอกจื่อหยวนอย่างเต็มแรงหลายรอบ พร้อมกับใช้มือเล็กปาดน้ำตาให้ตัวเองไปด้วยเธอเอาแต่โทษตัวเองที่ดึงให้เค้ากระโดดลงแม่น้ำจนทำให้คนตรงหน้านี้ตายลู่ฟางเหนียงเอาแต่โทษที่ตัวเองเป็นต้นเหตุจนไม่ทันสังเกตุเห็นว่าจื่อหยวนเริ่มไอสำลอกน้ำออกมาเบาๆ เค้าลืมตามาก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ดึงเค้าให้ตกน้ำด้วยนั้งร้องให้สะอึกอยู่พร้อมกับกำปั้นน้อยๆนั้นที่ทุบเข้าที่หน้าอกเค้าอย่างไม่ลดละ“อึก! เลิกทุบได้แล้วข้าเจ็บนะ” จื่อหยวนส่งเสียงออกมาเบาๆ เพื่อให้เด็กหญิงได้ยิน ถ้าให้เค้าเดา คิดว่าเธอคงร้องให้เพราะคิดว่าเค้าจมน้ำตายแล้วแน่ๆ เธอคงโทษที่ตัวเองเป็นต้นเหตุห
ตอนที่4เมื่อครั้งวัยเยาว์ลู่ฟางเหนียงเห็นท่าไม่ดี เธอคิดว่าหากปล่อยให้จื่อหยวนต่อสู้ไปแบบนี้เรื่อยๆยังไงก็ไม่รอด หากดูจากจำนวนนักฆ่าที่พุ่งมาทางเธอเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว และเป้าหมายเหมือนจะไม่ใช่สินค้าที่อยู่บนเรือแน่!มือเล็กเอื่อมออกมาจับแขนของจื่อหยวน ลู่ฟางเหนียงฉุดแขนของจื่อหยวนสุดแรงเพื่อพาเค้ากระโดดลงไปที่แม่น้ำใหญ่และเพราะจื่อหยวนเองที่ไม่ทันระวัง เค้าจึงตกลงแม่น้ำตามแรงที่เธอฉุดลงไปอย่างง่ายดาย“เฮ้ย! มันโดดน้ำหนีไปแล้ว อย่าปล่อยมันหนีรอดไปได้” หนึ่งในโจรที่แอบขึ้นเรือมาตะโกนบอกกับพรรคพวกตนแต่ไม่ทันที่พวกมันจะได้กระโดดน้ำตามจื่อหยวนก็มีคนมาขวางไว้ก่อน นั่นก็คือพวกของหนิงอันที่พึ่งจะจัดการกับพวกที่ขึ้นมาทำร้ายคนบนเรือก่อนหน้าสำเร็จ และนึกขึ้นได้ว่านี้อาจเป็นแผนการของพวกที่ต้องการกำจัดพวกตนเป็นแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้เป้าหมายของพวกมันคือหนิงอันและจื่อหยวนเหตุการณ์ต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด เรือลำใหญ่ยังแล่นไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อคนที่ตนต้องการปกป้อง ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยจนในที่สุดพวกโจรก็ไม่สามารถต่อสู้พวกของหนิงอันได้ พวกของคนที่แอบขึ้นเรือต่างล
ตอนที่3เมื่อครั้งวัยเยาว์“พวกมันอยู่เรือด้านหน้านี้ใช่ไหม” น้ำเสียงเรียบของซูโจวเอ่ยออกมาอย่างพึงพอใจ ในที่สุดเค้าก็สามารถตามพวกของแม่ทัพหนิงอันทันสักที คราวนี้เค้าจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย“ครับนายท่าน พวกมันอยู่เรือด้านหน้านี้แน่ สายของเราสืบมาแน่แล้วว่าพวกมันอาศัยเรือของพ่อค้าเดินทางขึ้นเหนือเพื่อหลีกเลี่ยงคนของเรา”“ดี จักการมันซะ อย่าให้เหลือรอดแม้สักคน”“ขอรับ ตอนนี้เราส่งคนขึ้นเรือเล็กลอบไปสังเกตุการณ์แล้วอีกไม่นานหากมีสัญญาณแล้วเราจะบุกทันที”“ดี หากครั้งนี้จัดการเรียบร้อยข้าจะตบรางวัลอย่างงาม” ซูโจวเอ่ย หลังสั่งการคนเสร็จเค้าก็เดินเข้าไปด้านในของตัวเรือเพื่อรอฟังข่าวดีจากลูกน้องของตน“นี้เจ้า! หยุดตอแยข้าจะได้ไหม รำคาญ” จื่อหยวนเริ่มจะหมดความอดทนกับคนตรงหน้า ก็เธอพยายามพูดให้เค้าออกมาเล่นที่ด้านนอก แต่ในสถาณะการณ์ในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่อง!“นี้เจ้าจะเกินไปแล้วนะ ก็แค่ชวนออกไปเดินเล่นด้านนอกแค่นี้ถึงกับต้องดุกันขนาดนี้เลยหรือไงกัน”เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มบีบน้ำตาออกมาเอ่อล้นขอบตา ทำเอาจื่อหยวนถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเธอทำท่าจะร้องให้จริงๆ หน้าตาจิ้มลิ่มนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาเ
ตอนที่2เมื่อครั้งวัยเยาว์แม่ทัพหนิงอันพานายน้อยของเค้าออกนอกเมืองโดยที่มีทหารค่ายทมิฬคอยคุ้มกันอยู่ตลอดทาง“เราหยุดพักเพื่อฟังข่าวของท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่”จื่อหยวนเอ่ยขอแม่ทัพหนิงอันถึงจื่อหยวนจะเป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบแต่หากเทียบกับบรรดาคนอายุเท่ากันแล้วเค้าเทียบได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลย ที่ไม่ว่าบู๊หรือบุ๊นจื่อหยวนมักจะทำได้ดีเสมอมา จนคนทั่วไปต่างคิดว่าเด็กคนนี้ละที่จะเป็นว่าที่แม่ทัพที่ทุกคนก็ต่างต้องยอมรับเหมือนบิดาของเค้า“นายน้อยหากเราพักที่นี้เราอาจถูกจับได้นะ”“เราขอแค่รอฟังข่าวอีกสักวันไม่ได้เลยเหรอ”“ไม่! ชีวิตท่านจะอยู่ในความเสี่ยงไม่ได้แม้แต่น้อย หากนายน้อยเป็นอะไรขึ้นมาข้าตัดหัวมาทดแทนอีกสิบหัวก็ไม่เพียงพอ หากท่านอยากรู้ข่าวจริงๆข้าจะส่งคนไปสืบที่เมืองหลวงให้แต่ท่านต้องรีบเดินทาง เราจะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว”“ก็ได้ แต่ท่านต้องส่งคนไปสืบเรื่องท่านพ่อท่านแม่ให้เรานะ”หนิงอันยิ้มอ่อนที่นายน้อยของเค้าอายุเพียงเท่านี้แต่กลับรู้ความยิ่งนัก เค้าพยักหน้าเป็นคำตอบให้จื่อหยวนแล้วเริ่มออกเดินทางต่อ“เราต้องเดินทาง ทางเรือแล้วอ้อมออกทางเมืองต้วนล่า จะใกล้กับเขตทหารของท่านแม่ทัพอี
ตอนที่1เมื่อครั้งวัยเยาว์...จวนแม่ทัพสวี...“เจ้าพานายน้อยออกไปเดี๋ยวนี้ เร็ว!”“ไม่นะนายท่าน ข้าจะทิ้งให้ท่านสู้รบเพียงคนเดียวไม่ได้!”“หนิงอันเจ้าต้องฟังข้า หากเจ้าอยู่ต่อไปก็รั้งแต่จะตายทั้งหมดเราจะไม่เหลือใครทั้งนั้น หากเจ้าพาแค่นายน้อยของเจ้าไปจากที่นี้แล้วรีบไปหาแม่ทัพอี๋เฉินที่ชายแดนเหนือให้เร็วที่สุดทัพทมิฬก็จะยังคงอยู่”ใบหน้านิ่งขรึมของผู้เป็นนายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลจากคมดาบจ้องมองมาที่เค้า นายของหนิงอันที่บัดนี้ดูจะเริ่มหมดเรี่ยวแรงแล้ว ‘พวกเค้าเริ่มหมดหนทางที่จะสู้’ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต้องส่งคนที่ตนรักให้หนีออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดใบหน้าหยาบที่เต็มไปด้วยหนวดเครามองไปยังภรรยาผู้เป็นที่รักของเค้า และบุตรชายเพียงหนึ่งเดียว เค้าเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องครอบครัวตนเองได้“ท่านพี่ข้าจะไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น หากตาย เราจะตายด้วยกัน” ดวงหน้างามมองสบตากันกับสามีผู้เป็นที่รักของนาง ดวงตาที่แน่วแน่นี้บอกให้รู้ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีทางทิ้งสามีแล้วหนีไปแน่“ใช่ท่านพ่อ ข้าจะสู้ไปกับท่าน เราจะไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น” เสียงเล็กจ้อยแต่หนักแน่นของเด็กชายตัวน้อย ที่ร้องออกมาว