แม่ทัพหนิงอันพานายน้อยของเค้าออกนอกเมืองโดยที่มีทหารค่ายทมิฬคอยคุ้มกันอยู่ตลอดทาง
“เราหยุดพักเพื่อฟังข่าวของท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่”
จื่อหยวนเอ่ยขอแม่ทัพหนิงอัน
ถึงจื่อหยวนจะเป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบแต่หากเทียบกับบรรดาคนอายุเท่ากันแล้วเค้าเทียบได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลย ที่ไม่ว่าบู๊หรือบุ๊นจื่อหยวนมักจะทำได้ดีเสมอมา จนคนทั่วไปต่างคิดว่าเด็กคนนี้ละที่จะเป็นว่าที่แม่ทัพที่ทุกคนก็ต่างต้องยอมรับเหมือนบิดาของเค้า
“นายน้อยหากเราพักที่นี้เราอาจถูกจับได้นะ”
“เราขอแค่รอฟังข่าวอีกสักวันไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่! ชีวิตท่านจะอยู่ในความเสี่ยงไม่ได้แม้แต่น้อย หากนายน้อยเป็นอะไรขึ้นมาข้าตัดหัวมาทดแทนอีกสิบหัวก็ไม่เพียงพอ หากท่านอยากรู้ข่าวจริงๆข้าจะส่งคนไปสืบที่เมืองหลวงให้แต่ท่านต้องรีบเดินทาง เราจะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“ก็ได้ แต่ท่านต้องส่งคนไปสืบเรื่องท่านพ่อท่านแม่ให้เรานะ”
หนิงอันยิ้มอ่อนที่นายน้อยของเค้าอายุเพียงเท่านี้แต่กลับรู้ความยิ่งนัก เค้าพยักหน้าเป็นคำตอบให้จื่อหยวนแล้วเริ่มออกเดินทางต่อ
“เราต้องเดินทาง ทางเรือแล้วอ้อมออกทางเมืองต้วนล่า จะใกล้กับเขตทหารของท่านแม่ทัพอี๋เฉิน ถึงตรงนั้นพวกเราก็จะปลอดภัยแล้ว แต่จากที่คำนวนเส้นทางแล้วเราเดินทางอีกประมาณครึ่งเดือนได้ นายน้อยไหวมั้ย”
“ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ แค่หนทางแค่นี้ข้าจะไม่มีทางถอยแน่” เด็กชายเอ่ยออกมาอย่างมุ่งมั่น ยังไงซะเค้าต้องมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะอย่างไงก็ช่าง จะต้องได้กลับมาแก้แค้นคนที่มันทำกับท่านพ่อและครอบครัวของเค้าแน่!
“รายงานท่านแม่ทัพ” ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามารายงานเรื่องที่เค้าได้รับไปสืบ
“ว่ามา” หนิงอันเอ่ย
“เอ่อ......”
นายทหารลังเลเรื่องที่จะรายงานเมื่อหันไปเห็นนายน้อยที่ยืนอยู่ข้างหนิงอัน
“พูดมา” หนิงอันเอ่ยเสียงดัง เค้ารู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่แต่นายน้อยของเค้าต้องรับให้ได้
“เอ่อ...ท่านแม่ทัพใหญ่และทุกคนที่จวนล้วนตายหมดแล้วขอรับ แล้วยัง เอ่อ...”
“พูด!”
“ทุกคนถูกตัดหัวเสียบประจานที่ประตูเมืองขอรับ”
แม่ทัพหนิงอันที่ได้ยินข่าวถึงกับเบือนหน้าหนีทันที
จื่อหยวนเองก็ถึงกับดวงตาสั่นระริก แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
ไม่!ข้าจะไม่หลั่งน้ำตานี้เด็ดขาด เค้าจะไม่อ่อนแออย่างที่ท่านพ่อและท่านแม่หวังไว้ เค้าต้องเข้มแข็งเพื่อรอวันที่จะได้เอาคืนคนพวกนั้น
ข้าต้องสูญเสียแค่ไหนพวกมันจะต้องสูญเสียมากกว่าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า!! เด็กน้อยให้คำมั่นกับตัวเอง“เราต้องเดินทางกันแล้วนายน้อย”
จื่อหยวนเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วทั้งหมดก็ออกเดินทาง หนิงอันคอยแอบมองสังเกตอาการของนายน้อยเป็นระยะๆ เค้าห่วงเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยคนนี้จะไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้
เหมือนจื่อหยวนเองก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงของหนิงอัน
“ท่านไม่ต้องห่วงข้ามากนักก็ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้ายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อวันที่พวกเราทุกคนรอคอย รอที่จะกลับไปฆ่ามัน!” สายตาเด็ดเดี่ยวนี้ทำเอาหนิงอันเองยังรู้สึกถึงความหนาวเย็นด้านในความรู้สึกของคนตรงหน้านี้ นายน้อยท่านไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลยหากไม่ใช่เพราะคนทรยศนั้น!
ทั้งหมดเดินทางขึ้นเรือของพ่อค้าที่เดินทางผ่าน ทุกคนต่างก็ปลอมตัวให้เป็นเพียงชาวบ้านที่ต้องการเดินทางขึ้นเหนือ
เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของพวกทหารที่ตามล่าหาตัวพวกเค้า
“ไอ้พวกสวะ หากยังตามจับพวกของไอ้หนิงอันไม่ได้ละก็ ข้าจะตัดหัวพวกเอ็งเสียบประจานที่ประตูเมืองแทนพวกมันซะ” เฉินมู่ที่พึ่งจะลอดตายมาจากคมดาบของแม่ทัพตงหยางมาได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อเค้าได้ยินข่าวของหนิงอันแม่ทัพคนสนิทของแม่ทัพตงหยางหนีรอดไปได้เค้าก็หัวเสียทันที หากเป็นเช่นนี้คนที่อยู่เบืองหลังเค้าต้องไม่พอใจเป็นอย่างมากแน่ และตำแหน่งของเค้าเองก็จะไม่มั่นคงอีกด้วย
“นายท่านคนของเราได้ข่าวมาใหม่แล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังเดินทางขึ้นเหนือ”
เฉินมู่ได้ยินถึงกับกุมขมับตัวเองทันที ขึ้นเหนืออย่างนั้นเหรอ พวกมันต้องไปหาแม่ทัพอี๋เฉินแน่และหากเป็นอย่างที่เค้าคิดทุกอย่างที่วางแผนมาต้องพังไม่เป็นท่าหากปล่อยให้หนิงอันพาจื่อหยวนไปถึงที่นั้น ไม่ได้เค้าต้องขวาง!
“รีบไปจัดการให้เรียบร้อย ข้าไม่ขอเป็นเพียงให้มันตาย ไม่ว่าจะใช้คนเท่าไหร่ก็ได้”
“ขอรับนายท่าน ข้าจะรีบไปจัดการก่อนที่พวกมันจะลงเรือ”
“หากพวกมันยังรอดไปได้ก็จงตัดหัวของมึงมาแทน” เฉินมู่เอ่ยคำขาดเพราะหากยังพลาดอีกตัวเค้าเองก็ยากที่จะรอด
ซูโจวก้มหัวให้กับคนเป็นนายรับคำสั่งแล้วจึงออกไปจัดการตามที่ได้รับมอบหมาย
“นายน้อยไหวไหม สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ” หนิงอันที่คอยดูแลจื่อหยวนเอ่ยขึ้นมา เพราะตลอดเวลาสี่วันมานี้ที่อยู่บนเรือสินค้าทำให้พวกเค้าไม่ค่อยจะสะดวกสักเท่าไหร่หากต้องการหาที่พักที่สบายกว่านี้
“ข้าใหวท่านมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ก็ได้หากมีอะไรให้รีบเรียกข้าทันทีเลยนะ”
“อื่ม... ไม่ต้องห่วง”
จื่อหยวนล้มตัวลงนอนต่อ เค้ามีอาการเหมือนคนเมาเรือ บวกกับการเดินทางมาหลายวันทำให้ร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เริ่มอ่อนล่าลงเรื่อยๆ
“นี้ๆ นายตื่นสิ เฮ้ย! ขี้เซาจัง” เสียงเล็กเอ่ยออกมาเสียงอ่อย
ลู่ฟางเหนียงสาวน้อยหน้ารักเธอยืนสะกิดแขนเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนหญ้าฟาง
เธอเล่นซ่อนหากับพี่เลี้ยงอยู่บนเรือจนหลงเข้ามาใต้ท้องเรือจึงได้เจอเข้ากับเด็กหนุ่มรุ่นราวน่าจะใกล้เคียงกับเธอ แต่หากดูจากความสูงเหมือนว่าตัวเธออาจเป็นน้องเค้าก็ได้แต่ก็ช่างสิ
“นี้นาย ตื่นๆ” เด็กสาวยังพยายามปลุกเด็กชายที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง “ขี้เซาจัง” ลู่ฟางเหนียงบ่นกระป๊อดแต่มือน้อยๆก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากแขนเสื้อของอีกฝ่าย
“อื่ม...เธอเป็นใครกัน” จื่อหยวนเอ่ยออกมาเมือเค้าลืมตาขึ้นมองว่าใครกันที่ปลุกเค้า สายตาเย็นชาของเค้าเหลือบมองมาทางลู่ฟางเหนียงที่ตอนนี้ยืนบื่อมองมาที่เค้าเช่นกัน
“ทำไหมต้องมองดุด้วย” ลู่ฟางเหนียงเอ่ยเสียงอ่อยที่โดนอีกฝ่ายมองดุ ทั้งที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“เธอเป็นใคร” จื่อหยวนยังคงถามซ้ำอีกรอบ
“ลู่ฟางเหนียง ข้าเล่นซ่อนหาอยู่แล้วจู่ๆก็หลงทางลงมาเจอกับเจ้าที่นอนคุดอยู่ใต้ท้องเรือนี้” เสียงแจ้วเอ่ย
“หลง?? จะให้พากลับว่างั่น”
“ไม่ๆ แค่เล่นเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม เดียวสักพักก็มีคนมาตามหาเราเอง” ลู่ฟางเหนียงยังคงเอ่ยต่อ
“ไม่!” เด็กชายเอ่ยตอบแล้วก็ล้มตัวลงนอนอย่างเดิม ตอนนี้เค้าไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น!
ตอนที่5เมื่อครั้งวัยเยาว์“นี้นาย! ลืมตาสิ นาย!” มือเล็กของลู่ฟางเหนียงเขย่าตัวของจื่อหยวนอย่างแรงเพื่อให้เจ้าตัวได้สติลู่ฟางเหนียงหรือคุณหนูตระกลูลู่ พยายามที่จะทำให้คนตรงหน้าฟื้นขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเค้าก็ยังนอนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับนิ้วเลยถึงแม้เธอจะตบเข้าที่ใบหน้าเค้าแรงแค่ไหนก็ตาม“นี้นายถ้าจะตายก็อย่ามาตายต่อหน้าข้าจะได้ไหม ตื่นสิเว้ย!” ใบหน้านวนเริ่มแดงก่ำ ดวงตาเริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา“ฟื้นสิเว้ย หื่อๆๆ อึ หื่อๆๆ”มือเล็กทุบเข้าที่หน้าอกจื่อหยวนอย่างเต็มแรงหลายรอบ พร้อมกับใช้มือเล็กปาดน้ำตาให้ตัวเองไปด้วยเธอเอาแต่โทษตัวเองที่ดึงให้เค้ากระโดดลงแม่น้ำจนทำให้คนตรงหน้านี้ตายลู่ฟางเหนียงเอาแต่โทษที่ตัวเองเป็นต้นเหตุจนไม่ทันสังเกตุเห็นว่าจื่อหยวนเริ่มไอสำลอกน้ำออกมาเบาๆ เค้าลืมตามาก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ดึงเค้าให้ตกน้ำด้วยนั้งร้องให้สะอึกอยู่พร้อมกับกำปั้นน้อยๆนั้นที่ทุบเข้าที่หน้าอกเค้าอย่างไม่ลดละ“อึก! เลิกทุบได้แล้วข้าเจ็บนะ” จื่อหยวนส่งเสียงออกมาเบาๆ เพื่อให้เด็กหญิงได้ยิน ถ้าให้เค้าเดา คิดว่าเธอคงร้องให้เพราะคิดว่าเค้าจมน้ำตายแล้วแน่ๆ เธอคงโทษที่ตัวเองเป็นต้นเหตุห
ตอนที่4เมื่อครั้งวัยเยาว์ลู่ฟางเหนียงเห็นท่าไม่ดี เธอคิดว่าหากปล่อยให้จื่อหยวนต่อสู้ไปแบบนี้เรื่อยๆยังไงก็ไม่รอด หากดูจากจำนวนนักฆ่าที่พุ่งมาทางเธอเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว และเป้าหมายเหมือนจะไม่ใช่สินค้าที่อยู่บนเรือแน่!มือเล็กเอื่อมออกมาจับแขนของจื่อหยวน ลู่ฟางเหนียงฉุดแขนของจื่อหยวนสุดแรงเพื่อพาเค้ากระโดดลงไปที่แม่น้ำใหญ่และเพราะจื่อหยวนเองที่ไม่ทันระวัง เค้าจึงตกลงแม่น้ำตามแรงที่เธอฉุดลงไปอย่างง่ายดาย“เฮ้ย! มันโดดน้ำหนีไปแล้ว อย่าปล่อยมันหนีรอดไปได้” หนึ่งในโจรที่แอบขึ้นเรือมาตะโกนบอกกับพรรคพวกตนแต่ไม่ทันที่พวกมันจะได้กระโดดน้ำตามจื่อหยวนก็มีคนมาขวางไว้ก่อน นั่นก็คือพวกของหนิงอันที่พึ่งจะจัดการกับพวกที่ขึ้นมาทำร้ายคนบนเรือก่อนหน้าสำเร็จ และนึกขึ้นได้ว่านี้อาจเป็นแผนการของพวกที่ต้องการกำจัดพวกตนเป็นแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้เป้าหมายของพวกมันคือหนิงอันและจื่อหยวนเหตุการณ์ต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด เรือลำใหญ่ยังแล่นไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อคนที่ตนต้องการปกป้อง ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยจนในที่สุดพวกโจรก็ไม่สามารถต่อสู้พวกของหนิงอันได้ พวกของคนที่แอบขึ้นเรือต่างล
ตอนที่3เมื่อครั้งวัยเยาว์“พวกมันอยู่เรือด้านหน้านี้ใช่ไหม” น้ำเสียงเรียบของซูโจวเอ่ยออกมาอย่างพึงพอใจ ในที่สุดเค้าก็สามารถตามพวกของแม่ทัพหนิงอันทันสักที คราวนี้เค้าจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย“ครับนายท่าน พวกมันอยู่เรือด้านหน้านี้แน่ สายของเราสืบมาแน่แล้วว่าพวกมันอาศัยเรือของพ่อค้าเดินทางขึ้นเหนือเพื่อหลีกเลี่ยงคนของเรา”“ดี จักการมันซะ อย่าให้เหลือรอดแม้สักคน”“ขอรับ ตอนนี้เราส่งคนขึ้นเรือเล็กลอบไปสังเกตุการณ์แล้วอีกไม่นานหากมีสัญญาณแล้วเราจะบุกทันที”“ดี หากครั้งนี้จัดการเรียบร้อยข้าจะตบรางวัลอย่างงาม” ซูโจวเอ่ย หลังสั่งการคนเสร็จเค้าก็เดินเข้าไปด้านในของตัวเรือเพื่อรอฟังข่าวดีจากลูกน้องของตน“นี้เจ้า! หยุดตอแยข้าจะได้ไหม รำคาญ” จื่อหยวนเริ่มจะหมดความอดทนกับคนตรงหน้า ก็เธอพยายามพูดให้เค้าออกมาเล่นที่ด้านนอก แต่ในสถาณะการณ์ในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่อง!“นี้เจ้าจะเกินไปแล้วนะ ก็แค่ชวนออกไปเดินเล่นด้านนอกแค่นี้ถึงกับต้องดุกันขนาดนี้เลยหรือไงกัน”เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มบีบน้ำตาออกมาเอ่อล้นขอบตา ทำเอาจื่อหยวนถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเธอทำท่าจะร้องให้จริงๆ หน้าตาจิ้มลิ่มนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาเ
ตอนที่2เมื่อครั้งวัยเยาว์แม่ทัพหนิงอันพานายน้อยของเค้าออกนอกเมืองโดยที่มีทหารค่ายทมิฬคอยคุ้มกันอยู่ตลอดทาง“เราหยุดพักเพื่อฟังข่าวของท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่”จื่อหยวนเอ่ยขอแม่ทัพหนิงอันถึงจื่อหยวนจะเป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบแต่หากเทียบกับบรรดาคนอายุเท่ากันแล้วเค้าเทียบได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลย ที่ไม่ว่าบู๊หรือบุ๊นจื่อหยวนมักจะทำได้ดีเสมอมา จนคนทั่วไปต่างคิดว่าเด็กคนนี้ละที่จะเป็นว่าที่แม่ทัพที่ทุกคนก็ต่างต้องยอมรับเหมือนบิดาของเค้า“นายน้อยหากเราพักที่นี้เราอาจถูกจับได้นะ”“เราขอแค่รอฟังข่าวอีกสักวันไม่ได้เลยเหรอ”“ไม่! ชีวิตท่านจะอยู่ในความเสี่ยงไม่ได้แม้แต่น้อย หากนายน้อยเป็นอะไรขึ้นมาข้าตัดหัวมาทดแทนอีกสิบหัวก็ไม่เพียงพอ หากท่านอยากรู้ข่าวจริงๆข้าจะส่งคนไปสืบที่เมืองหลวงให้แต่ท่านต้องรีบเดินทาง เราจะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว”“ก็ได้ แต่ท่านต้องส่งคนไปสืบเรื่องท่านพ่อท่านแม่ให้เรานะ”หนิงอันยิ้มอ่อนที่นายน้อยของเค้าอายุเพียงเท่านี้แต่กลับรู้ความยิ่งนัก เค้าพยักหน้าเป็นคำตอบให้จื่อหยวนแล้วเริ่มออกเดินทางต่อ“เราต้องเดินทาง ทางเรือแล้วอ้อมออกทางเมืองต้วนล่า จะใกล้กับเขตทหารของท่านแม่ทัพอี
ตอนที่1เมื่อครั้งวัยเยาว์...จวนแม่ทัพสวี...“เจ้าพานายน้อยออกไปเดี๋ยวนี้ เร็ว!”“ไม่นะนายท่าน ข้าจะทิ้งให้ท่านสู้รบเพียงคนเดียวไม่ได้!”“หนิงอันเจ้าต้องฟังข้า หากเจ้าอยู่ต่อไปก็รั้งแต่จะตายทั้งหมดเราจะไม่เหลือใครทั้งนั้น หากเจ้าพาแค่นายน้อยของเจ้าไปจากที่นี้แล้วรีบไปหาแม่ทัพอี๋เฉินที่ชายแดนเหนือให้เร็วที่สุดทัพทมิฬก็จะยังคงอยู่”ใบหน้านิ่งขรึมของผู้เป็นนายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลจากคมดาบจ้องมองมาที่เค้า นายของหนิงอันที่บัดนี้ดูจะเริ่มหมดเรี่ยวแรงแล้ว ‘พวกเค้าเริ่มหมดหนทางที่จะสู้’ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต้องส่งคนที่ตนรักให้หนีออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดใบหน้าหยาบที่เต็มไปด้วยหนวดเครามองไปยังภรรยาผู้เป็นที่รักของเค้า และบุตรชายเพียงหนึ่งเดียว เค้าเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องครอบครัวตนเองได้“ท่านพี่ข้าจะไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น หากตาย เราจะตายด้วยกัน” ดวงหน้างามมองสบตากันกับสามีผู้เป็นที่รักของนาง ดวงตาที่แน่วแน่นี้บอกให้รู้ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีทางทิ้งสามีแล้วหนีไปแน่“ใช่ท่านพ่อ ข้าจะสู้ไปกับท่าน เราจะไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น” เสียงเล็กจ้อยแต่หนักแน่นของเด็กชายตัวน้อย ที่ร้องออกมาว