مشاركة

บทที่ 8

مؤلف: SnailW
last update آخر تحديث: 2025-11-06 16:18:15

ตอนที่ 7

ชายวัยกลางคนชะงักเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานแววตาของเขาก็คล้ายเปลี่ยนไปเป็นสีแดง คล้ายกับคนที่กำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

“ลุงกลับมาได้ยินว่าเจ้าหายป่วยแล้ว เจ้าหายแล้วจริง­ ๆ” ลุงโจวกล่าวกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

ซูอวี้หนิงไม่ได้กล่าวตอบ นางทำเพียงพยักหน้าให้อีกฝ่ายเท่านั้น

ซูอวี้หนิงพาทั้งสองคนออกไปนั่งคุยที่ใต้ต้นหม่อนด้านหน้าบ้าน แม้จะเป็นการพูดคุยกัน แต่กลับมีเพียงแค่ลุงโจวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายพูดเสียมากกว่า นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังคงซื้อขนมอีกสองสามอย่างมาจากในเมือง­ เพื่อให้นาง และยังมีหนังสือที่เป็นแบบที่ซูอวี้หนิงคนก่อนชื่นชอบอ่าน

ทำให้นางรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายนั้นเอาใจใส่นางราวกับลูกสาวแท้­ ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว

หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพัก ลุงโจวและโจวจื่อเฉียงก็กลับไป

วันต่อมา

ซูอวี้หนิงที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชิน ตอนนี้ร่างกายของนางโดยรวมเกือบหายสนิทแล้ว อาจเป็นเพราะร่างกายตอนนี้ยังเป็นเพียงเด็กสาว ทำให้การฟื้นฟูของร่างกายดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางตื่นขึ้นมาทำความสะอาดภายในห้องง่าย ๆ เพื่อรอให้โจวจวงจื่อนำอาหารเช้ามาให้ที่เรือน ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ โจวจวงจื่อมักจะนำสำรับอาหารมาให้นางอย่างตรงเวลาเสมอ

แต่เมื่อถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะต้องมาหานางที่นี่ กลับไม่เห็นอีกฝ่าย

ซูอวี้หนิงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะเดินไปที่ประตูบ้านด้านข้าง ซึ่งเป็นประตูเชื่อมระหว่างบ้านทั้งสองหลัง

เมื่อเข้าไปด้านใน ก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

หรือว่าพวกเขาไปที่ทุ่งนา?

ขณะที่ร่างบางกำลังจะเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง ประตูรั้วด้านหน้าที่เป็นฝั่งของทางบ้านโจว ก็เปิดขึ้นก่อน

ลุงโจวที่ออกไปด้านนอกกลับมา เมื่อเข้ามาด้านในพบนาง อีกฝ่ายมีท่าทีสงสัยเล็กน้อย

“เสี่ยวซู เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ลุงโจวที่พึ่งกลับมา­ รีบเดินเข้ามาหานางพร้อมถามอย่างเป็นห่วงทันที

“ข้ามาหาจวงจื่อเจ้าค่ะ” ซูอวี้หนิงไม่ได้บอกว่า นางไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาตั้งแต่เช้า

เพราะนางรู้ว่า หากท่านลุงโจวรู้ว่าโจวจวงจื่อยังไม่ได้นำอาหารเช้าไปให้นางที่เรือน เขาจะต้องตำหนิเด็กสาวเอาแน่ๆ

ลุงโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่สวนด้านหลังเรือน ก่อนจะพูดกับนาง

“นางน่าจะกำลังอยู่ที่เล้าไก่ด้านหลัง”

ซูอวี้หนิงพยักหน้ารับด้วยความเคยชิน ก่อนจะก้าวเท้ามุ่งหน้าไปที่เล้าไก่ด้านหลังเรือน

“ช้าก่อน แดดกำลังร้อน เจ้าสวมมันไปด้วยจะดีกว่า”

ขณะที่ซูอวี้หนิงจะกำลังจะจากไป ลุงโจวที่ยืนอยู่ก็กล่าวรั้งนางไว้ พร้อมกับเดินไปหยิบหมวกสานที่แขวนอยู่ที่ทางเข้ายื่นมาให้กับนาง

ซูอวี้หนิงรับมันมาสวมใส่ ก่อนจะเดินตามทางเดินไปที่สวนด้านหลังทันที

ดวงอาทิตย์ยามสายของวันกำลังสะท้อนกับหยดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนยอดหญ้า จนเกิดเป็นแสงประกายวิบวับราวกับภาพมายา บรรยากาศในชนบทที่เรียบง่ายในตอนนี้ มันช่างสะกดสายตาและจิตใจของนางอย่างยิ่ง

ในชีวิตก่อน ในหนึ่งวันมีเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง นางใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลไปแล้วยี่สิบชั่วโมง นานแค่ไหนแล้วนะ ที่นางไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้

ร่างบางของซูอวี้หนิงเดินตามทางเดินมาเรื่อย ๆ นางเดินผ่านแปลงผักเล็ก ๆ สามสี่แปลง ด้านข้างมีบ่อน้ำเล็ก­ ๆ พร้อมกับแม่ไก่กำลังพาลูกของมันออกหากิน

ซูอวี้หนิงมองไปที่เล้าไก่ แต่กลับไม่เห็นเด็กสาวที่นางกำลังตามหา

แต่ขณะที่นางกำลังเดินเล่นอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงของใครอีกคนดังมาจากทางด้านหลังกอไผ่อีกด้านหนึ่ง เมื่อตั้งใจฟังดี ๆ นางก็จำได้ว่า มันคือเสียงของโจวจื่อเฉียง

แม้นางจะจับคำพูดอีกฝ่ายไม่ได้ ว่าเขากำลังพูดอะไร แต่นางรับรู้ได้จากน้ำเสียงของเขา ว่าเขากำลังคล้ายตำหนิใครอีกคนอยู่

ไม่รอช้า ซูอวี้หนิงจึงเดินไปตามเสียงที่ได้ยินทันที

เมื่อเข้าไปใกล้อีกฝ่าย นางกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของโจวจวงจื่อดังมาเบา ๆ จากด้านที่โจวจื่อเฉียงยืนอยู่ โดยที่อีกฝ่ายกำลังยืนหันหลังให้กับนาง

แต่ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าไป อีกฝ่ายกลับหันมาใช้มือกระแทกถูกไหล่ของนางทันที

“อั๊ก!!” ซูอวี้หนิงร้องเสียงหลงออกมาทันทีที่ได้รับความเจ็บปวด

นางรู้สึกปวดร้าวตั้งแต่หัวไหล่ด้านซ้ายลงไปถึงปลายนิ้ว

โจวจื่อเฉียงที่เห็นหน้าของนางชัด ๆ ก็ตกใจเช่นกัน

“เสี่ยวซู!!” โจวจื่อเฉียงรีบเข้ามาดูอาการของนางทันที ใบหน้าของเขาซีดเผือด และลนลานอย่างทำตัวไม่ถูก

“ขะ ข้าจะไปตามท่านหมอหู”

“ไม่ต้องๆ” ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ทำอะไร ซูอวี้หนิงก็รีบห้ามอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

แม้แต่โจวจวงจื่อที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้น ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ก็มองมาที่นางด้วยความตกใจ

สายตาของซูอวี้หนิงจ้องมองไปที่โจวจวงจื่อ ก่อนพบว่าที่แขนเสื้อและที่มือของเด็กสาว คล้ายมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ ทำให้สัญชาตญาณหมอของซูอวี้หนิงถูกกระตุ้นในทันที

ร่างบางลืมความเจ็บปวดของตนเอง ก่อนรีบย่อตัวลงเข้ามาหาเด็กสาวตรงหน้า

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”

โจวจวงจื่อที่นั่งอยู่ที่พื้นชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายที่มองมาที่ตนเอง คล้ายต้องการคำตอบ นางจึงรีบสายหน้าปฎิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่… ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้านี่”

โจวจวงจื่อเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ทำให้ซูอวี้หนิงเห็นร่างเล็ก­ ๆ ที่มีขนสีขาวนอนหายใจรวยรินอยู่ไม่ไกลจากที่ทั้งสองคนนั่งอยู่

มันคือกระต่ายน้อยสีขาว น่ารักตัวหนึ่ง

“มันคือกระต่ายน้อยที่ข้าเลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่เด็ก เมื่อเช้าข้าได้ยินเสียงไก่ร้องดังขึ้นที่สวนด้านหลังตอนกำลังจะเอาอาหารเช้าไปให้เจ้า ข้ารู้สึกแปลกใจจึงเดินเข้ามาดู ปรากฏว่า มีหมาป่าตัวหนึ่งบุกเข้ามาจะกินไก่ที่เล้า โชคดีที่มีพี่ใหญ่ตามมาด้วย ทำให้สามารถไล่มันออกไปได้ แต่เจ้าเสี่ยวเถา…ข้าหมายถึงกระต่ายป่าตัวนี้ กลับถูกมันกัดไปด้วย”

โจวจวงจื่อที่เล่าเรื่องให้ซูอวี้หนิงได้ฟัง ก็เล่าออกมาทั้งน้ำตา

ซูอวี้หนิงมองไปที่กระต่ายสีขาวตัวนั้น ก่อนจะยื่นมือออกมาสัมผัสชีพจรของมันเล็กน้อย

มันยังมีลมหายใจอยู่…

ซูอวี้หนิงที่เห็นดังนั้นจึงอุ้มมันขึ้นมา เพื่อตรวจดูสภาพบาดแผลภายนอกของมัน ก่อนจะพบว่า โชคดีที่มันถูกกัดเพียงช่วงขาหลังเท่านั้น ไม่ได้ถูกจุดสำคัญ แต่ที่มันมีสภาพเช่นนี้เป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป

มันยังพอจะมีชีวิตรอดได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูอวี้หนิงจึงตัดสินใจจะอุ้มมันกลับไปที่เรือน เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของมัน

“เสี่ยวซู เจ้าจะทำอะไร!!” โจวจวงจื่อที่เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ ๆ ก็อุ้มกระต่ายน้อยของตนเองเดินกลับไปก็ร้องถามออกมาด้วยความตกใจ

“รักษามัน” เสียงตอบราบเรียบดังมาจากหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า กลับทำให้นางตกใจมากยิ่งกว่า

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ซูอวี้หนิงก็เดินมาถึงเรือนที่อยู่ด้านหน้า

นางวางกระต่ายน้อยตัวสีขาวลง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าสองคนที่เดินตามหน้ามาจากทางสวนด้านหลัง

“เจ้าไปเอาผ้าสะอาดมาหลาย ๆ ผืน รวมถึงกรรไกร เข็ม และด้ายมาด้วย” ซูอวี้หนิงมองไปที่โจวจวงจื่อพร้อมกับสั่งการ

“จะ เจ้าจะทำอะไรมัน”

“รีบไป อย่าถามมากความ"­ ซูอวี้หนิงปฏิเสธที่จะอธิบายให้โจวจวงจื่อฟัง

โจวจวงจื่อลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย นางจึงรีบหมุนตัววิ่งเข้าไปในเรือนเพื่อหยิบของตามที่อีกฝ่ายต้องการ

“ข้ายังต้องการน้ำร้อนอีกด้วย” เมื่อเห็นว่าโจวจวงจื่อวิ่งเข้าไปด้านในแล้ว ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่จึงมองไปที่โจวจื่อเฉียงพร้อมบอกในสิ่งที่นางต้องการอีกหนึ่งอย่าง

ไม่นานนัก โจวจวงจื่อก็วิ่งกลับออกมาจากเรือนด้วยลมหายใจหอบถี่ ในมือเต็มไปด้วยของตามที่ซูอวี้หนิงขอ ไม่ว่าจะเป็นผ้าสะอาดหลายผืน กรรไกร เข็ม และด้าย

โจวจื่อเฉียงเองก็ยกกาน้ำร้อนเดินตามออกมาจากครัวด้วยความระมัดระวัง

“ข้าเอาของมาครบแล้ว!”

โจวจวงจื่อยื่นของทุกอย่างให้ด้วยสีหน้ากังวล ขณะที่ยังคงเหลือบมองกระต่ายน้อยบนผ้าอย่างไม่วางตา

ซูอวี้หนิงรับของมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาดมือของตนเองอย่างละเอียดด้วยน้ำร้อนที่โจวจื่อเฉียงนำมาให้ นางเช็ดมือด้วยผ้าสะอาดจนแห้งสนิท แล้วค่อยเริ่มจัดการกับบาดแผลของกระต่าย

นางใช้กรรไกรตัดขนบริเวณที่เปรอะเปื้อนเลือดออกอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นรอยกัดที่ขาหลังซึ่งยังคงมีเลือดซึมออกมา

ซูอวี้หนิงใช้ผ้าชุบน้ำร้อนเช็ดทำความสะอาดรอบบาดแผลอย่างเบามือ แม้กระต่ายน้อยจะดิ้นด้วยความเจ็บ แต่หญิงสาวก็กดมันให้อยู่นิ่งด้วยความมั่นคง

“อดทนหน่อยนะ เจ้าเสี่ยวเถา” นางเอ่ยเสียงนุ่ม คล้ายกำลังปลอบใจสัตว์ตัวเล็กให้มีกำลังใจ

เมื่อแน่ใจว่าแผลสะอาดดีแล้ว ซูอวี้หนิงจึงหยิบเข็มและด้ายขึ้นมา นางใช้ปลายเข็มจุ่มลงในน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นจึงเริ่มเย็บปากแผลอย่างระมัดระวัง

โจวจื่อเฉียงเองก็ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง จับตามองทุกการเคลื่อนไหวของซูอวี้หนิงด้วยความทึ่ง เขาไม่เคยเห็นเด็กสาวตรงหน้าทำท่าทางสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้มาก่อน

ไม่นาน การเย็บแผลก็เสร็จสิ้น ซูอวี้หนิงใช้ผ้าสะอาดพันรอบขาหลังของกระต่ายแน่นพอสมควรเพื่อห้ามเลือด ก่อนจะวางมันลงบนผ้าสะอาดอีกผืน

“ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องพักผ่อนให้มาก และต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน” นางเอ่ยพลางถอนหายใจเบา ๆ ราวกับยกภูเขาออกจากอก

โจวจวงจื่อที่นั่งอยู่ใกล้­ ๆ ถึงกับน้ำตาคลออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเพราะโล่งอก

“เสี่ยวซู ขอบคุณเจ้ามาก… ข้าคิดว่าเสี่ยวเถาจะต้องตายเสียแล้ว”

“ไม่เป็นไร จากนี้ไปเจ้าต้องดูแลมันดี ๆ”

โจวจวงจื่อพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ส่วนโจวจื่อเฉียงที่ยืนมองอยู่ก็ลอบถอนหายใจยาว ความรู้สึกผิดที่ทำให้ซูอวี้หนิงเจ็บไหล่เมื่อครู่ยิ่งทวีคูณ

“เสี่ยวซู… เรื่องเมื่อครู่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ…” เขาเอ่ยเสียงสั่น

ซูอวี้หนิงหันไปมองอีกฝ่าย ก่อนส่ายหน้ายิ้มบาง “ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกพี่ใหญ่ เพียงตกใจเท่านั้น”

บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ค่อย­ ๆ คลายลง เหลือเพียงความอบอุ่นและความโล่งอกที่ปกคลุมเรือนเล็กหลังนี้

แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมดนั้น กลับตกอยู่ภายในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลา เพียงไม่นาน เงาร่างปริศนาก็พลันหายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ทั้งสามคนไม่ได้รู้สึกตัวถึงการมีอยู่ของเขาเลยสักนิดเดียว

…………………..

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 40

    ตอนที่ 26แสงเช้าสีทองอ่อนลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ ส่องลงบนผ้าปูสีแดงที่ยังคงยับย่นจากการเคลื่อนไหวเมื่อคืน ความอบอุ่นในอากาศช่างแตกต่างจากความร้อนพลุ่งพล่านของคืนวานราวฟ้ากับดินซูอวี้หนิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอ่อน ๆ ของไม้หอมและลมหายใจสม่ำเสมอคลออยู่ข้างหู นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงั

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 39

    เขาเดินมาหยุดหน้าฉากแม้จะไม่ก้าวล้ำเข้าไป แต่เพียงยืนใกล้ ๆ ก็ทำให้ซูอวี้หนิงรู้สึกถึงลมหายใจที่มั่นคงของเขา“เมื่อกี้ดื่มสุราเพียงนิดเดียว ไม่น่าทำให้เป็นแบบนี้”เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “ออกมาหาข้าหน่อย”ซูอวี้หนิงพยายามลุกขึ้น แต่ขากลับอ่อนแรงจนลุกได้ช้ากว่าปกติ ทว่าก็ยังคงยืนขึ้นแล

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 38

    ตอนที่ 25ยามค่ำคืนแห่งวันมงคลยามสนธยาค่อย ๆ คลี่คลุมหมู่บ้านเล็ก ๆ แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สุดท้ายลาลับหลังแนวภูเขา ทิ้งความอบอุ่นไว้ก่อนที่ความมืดจะเข้ามาแทนที่ ชาวบ้านที่ยังคงนั่งพูดคุยกันอยู่ใต้โคมไฟแดงต่างทยอยลุกขึ้นกลับบ้าน เสียงหัวเราะค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงลมค่ำพัดเอื่อยและแสงโคมแดงที่ไหวระริก

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 37

    โจวซื่ออมยิ้มพลางจัดชายแขนเสื้อให้เธออีกครั้ง“เจ้าบ่าวมาถึงแล้วล่ะเสี่ยวซู เจ้าต้องนั่งสงบ ๆ นะ อย่าลุกลี้ลุกลน…เจ้าสวยอยู่แล้ว”โจวจวงจื่อหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะออกไปดูหน้าเจ้าบ่าวให้ก่อนว่าทำหน้าเหมือนคนพร้อมแต่งหรือไม่”ด้านนอก โจวซื่อเปิดประตูเรือนเล็กน้อยแล้วโผล่หน้าออกไป เห็นเฟิ่งอวี่เซียนยืนอยู่

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 36

    ตอนที่ 24ในที่สุดวันงานมงคลก็มาถึงแสงอรุณแรกของวันมงคลสาดลอดผ่านหมอกบางเหนือยอดไม้ของหมู่บ้านเล็ก ๆ เสียงไก่ขันแผ่วเบาและกลิ่นควันไฟจากครัวเรือนที่เริ่มตื่นเช้าคละเคล้ากันไปทั่ว บรรยากาศของวันทั้งวันเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นอ่อน ๆบ้านของตระกูลโจวที่ปกติเรียบง่าย กลับมีสีแดงสดแต่งแต้มประปรายไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 35

    ตอนนี้ภายในบ้านมีเพียงเขาคนเดียว เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันมงคล ครอบครัวโจวได้ให้ซูอวี้หนิงไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา เพื่อทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นตรงนอกประตู ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะค่อย ๆ คุกเข่าลง“ท่านแม่ทัพ”เฟิ่งอวี่เซียนไม่ได้หันมอง แต่เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ“รายงาน

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status