Home / รักโบราณ / ฮูหยินสายลุย / บทที่7 หักหลัง(ตอนปลาย)

Share

บทที่7 หักหลัง(ตอนปลาย)

บทที่7: หักหลัง /ตอนปลาย

 บุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางฉุนเฉียว บุรุษหน้าบากกล่าวว่าเชิญเขามา แต่การกระทำช่างหยาบคายยิ่งนัก และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่นั่งบนเก้าที่สูงกว่า คือสตรีที่ได้ทำการค้าด้วยกันเมื่อวานก่อน สายตาที่เย็นชามองมาทางเขาพร้อมยกยิ้มมุมปาก มันดูน่าหวาดหวั่นมากกว่าจะงดงามตามใบหน้าของนาง

 “ต้องขอโทษนายท่านเหลียวที่หนานกงไม่สุภาพ” ร่างบางเอ่ยขึ้นยิ้มมุมปาก ดูงดงามแต่ทว่ามันน่าขนลุกเสียมากกว่าในสายตาบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ฝั่งตรงกันข้าม 

 “เจ้าทำแบบนี้ทำไม ช่างไม่ให้เกียรติข้ายิ่งนัก”

นายท่านเหลียวจะลุกขึ้นด้วยความโกรษที่ถูกหมิ่นเกียรติเยี่ยงนี้แต่ถูกหนานกงจับบ่าหนากดลงให้นั่งไปตามเดิมด้วยน้ำหนักมือที่กดลงบนบ่าทำให้รับรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายเช่นที่คาดไว้เสียแล้ว

“ท่านจะโมโหไปใยข้าเพียงมีเรื่องจะสอบถามสักเล็กน้อย”

เอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่ทว่านัยตาเริ่มดุดันใบหน้าที่มีรอยยิ้มเริ่มราบเรียบ จับจ้องไปที่บุรษวัยกลางคนที่โดนเชิญกึ่งบังคับมา

“เจ้ามีอะไรทำไมไม่ไปหาข้าและพูดจาดีๆ ทำแบบนี้จะไม่ต้องการทำการค้ากันอีกแล้วใช่รึไม่”

ชายวัยกลางคนเริ่มมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว และที่ไม่คาดคิดว่าสตรีรูปร่างอรชรใบหน้างดงามจะสามารถต่อกรกับเขาได้ถึงเพียงนี้ ความจริงลูกน้องของเขานับร้อยใช่ว่าจะถึงตัวได้ง่ายๆ แต่ชายหน้าบากผู้นั้นนำคนเพียงแค่หยิบมือบุกไปนำเขามาด้วยการเชิญที่ดูแล้วเป็นการบังคับเสียมากกว่ามาจนได้นับว่ามีฝีมือไม่น้อย

 ร่างบางถอนหายใจกับคำพูดชายวัยกลางคนตรงหน้า ความจริงก็ต้องการทำการค้ากับท่านเหลียวต่อ แต่นางเกลียดการที่ไม่ซื่อตรงที่สุด ยิ่งไม่ชอบการระแวงเพราะฉะนั้นชายวัยกลางคนผู้นี้ก็จะไม่สามารถเก็บไว้ได้เช่นกัน แต่ถ้าให้มาอยู่ใต้อาณัติความคิดนี้ก็ไม่เลวการควบคุมคนเจ้าเล่ห์ก็ไม่เกินความสามารถเช่นกัน 

 “หนานกงนำคนออกมาดูว่านายท่านเหลียวรู้จักหรือไม่?”

โจวฟางหลินคิดว่าไม่ต้องการพูดไร้สาระไปมากกว่านี้ สู้ปิดจบความหักหลังครั้งนี้เสียดีกว่า

“นายท่านเหลียวช่วยข้าด้วย”

หัวขโมยรูปร่างไม่สูงไม่ต่ำเรียกร้องให้นายใหญ่ช่วย ด้วยสภาพตอนนี้เขาถูกทารุณจนแทบรับไม่ไหวแล้ว

“ข้าไม่รู้จักเจ้า อย่ามาเอ่ยพล่อยๆ”

นายท่านเหลียวเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นคนที่ส่งมาสืบข่าว อยู่ในสภาพที่ดูแล้วอาจจะอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้เสียด้วยซ้ำ เนื้อตัวเขียวช้ำเลือดออกไปทั่วร่างกาย มือที่โดนตัดนิ้วทั้งสองข้างสั้นกุดจนดูสยดสยอง ขนาดเขาผู้ผ่านการแข่งขันมีต่อสู้แย่งชิงจะมีการสังหารกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มาทรมานถึงเพียงนี้ ชายวัยกลางคนเบือนหน้าหนี ไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะโหดเหี้ยมถึงขนาดไปได้

 โจวฟางหลิน นั่งท่าเอนกายคล้ายเกียจคร้าน มือเรียวสวยจับแหวนในมือซ้ายหมุนเล่นเหมือนใช้ความคิด เพียงแต่มันเป็นภาพที่ดูน่าหวาดหวั่นจนเหงื่อซึมตามแนวไรผม ด้วยความกดดันไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้จะทำเช่นไรอีก

ชายวัยกลางคนเริ่มหวั่นวิตกถ้าจะถูกทรมานเช่นชายตรงหน้าย่อมรับไม่ไหวเป็นแน่

“ข้าไม่รู้จักเจ้าหัวขโมยผู้นี้ ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อและการค้านับจากนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”

นายท่านเหลียวคิดว่า เขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด จึงเอ่ยพูดแสร้งโมโหจะได้กลับออกไปโดยง่าย แแต่มันหาใช่ง่ายอย่างที่คิดไม่

“ข้ายังไม่ได้เอ่ยถึงสักนิดว่าชายตรงหน้าเป็นขโมยใยจึงรู้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เล่า” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ท่าทางที่ยกยิ้มน้อยๆขัดกับสายตาที่เย็นชาทำให้นายท่านเหลียวเหน็บหนาวไปทั้งร่างกาย พลางคิดว่าคงต้องเอาชีวิตแก่ๆมาทิ้งไว้ตรงนี้เสียกระมัง

“เอาตราการค้าออกมาให้ข้า”

ร่างบางเอ่ยเนิบๆ ตราการค้าที่อยู่กับชายวัยกลางคนผู้นี้ คือตราสมาคมการค้าที่สามารถควบคุมการค้าอาวุธในเครือข่ายทั้งหมด ถ้ามีตราอันนี้เท่ากับสามารถควบคุมการส่งอาวุธออกขายได้โดยง่าย ไม่ต้องไปหาโครงข่ายให้ยุ่งยากอีกต่อไป

จริงๆแค่เพียงต้องการสร้างเครือข่ายของตัวเอง แต่เมื่อคิดทรยศก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องตาย นางไม่ชอบหอกข้างแคร่ จัดการให้จบไปเลยเสียดีกว่า

“ตราอะไร ข้าไม่รู้”

นายท่านเหลียวใบหน้าซีดเผือด ตราการค้ากว่าเขาจะเป็นผู้ครอบครองต้องลงแรงไปมากเพียงใด จะต้องมาให้กับสตรีตัวเล็กๆตรงหน้าเห็นจะไม่ได้

“ตัดเอ็นข้อเท้าเสียจะได้ไม่ไปหักหลังผู้ใดได้อีก”

โจวฟางหลินสั่งสั้นๆ หนานกงก็จัดการตามคำสั่งทันที 

“อ๊าก”

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายวัยกลางคนที่ลงไปนอนบนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาวราวกับไม่มีสีเลือด

“ถ้าเจ้าฆ่าข้าจะไม่มีทางได้ป้ายสมาคมการค้าไปแน่นอน”

นายท่านเหลียวเอ่ยขึ้นมาอย่างเครียดแค้น สายตาจับจ้องไปที่สตรีร่างบางใส่ชุดสีแดงเข้มจัดหรูหรายิ่งดูให้น่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก เขาไม่เข้าใจสตรีที่อายุยังน้อยทำไมถึงมีความโหดเหี้ยมเช่นนี้ สายตาดูไม่ใช่สตรีที่ยังอ่อนเยาว์ ทว่าเหมือนคนกร้านโลกมานับไม่ถ้วนเสียมากกว่า 

นายท่านเหลียวเวลานี้คิดแต่ว่าทางรอดของเขาช่างมืดมน ลูกน้องที่พยายามตามมาก็ถูกปลิดชีวิตจนหมด สู้เขายอมลงให้ยังมีทางรอดถ้ายังดื้อดึงเข่นนี้มีแต่จะเสียชีวิตไปเปล่าๆ 

 “งั้นรึ” ร่างบางอมยิ้มบางๆ 

 “ถ้าข้าออกหน้านำอาวุธมาส่งให้ และจะอยู่ภายใต้อานัติของท่านเพียงปล่อยข้าไปจะไม่ทรยศท่านอีกแน่นอน”

ชายวัยกลางคนที่บัดนี้ยอมเก็บชีวิตตัวเองไว้ สรรพนามที่เรียกสตรีตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนไปด้วย เอ่ยด้วยท่าทางให้เกียรติอย่างร้อนรนกลัวว่าจะถูกทำร้ายไปมากกว่านี้

ท่าทางโจวฟางหลินตรงหน้าทำให้นายท่านเหลียวใจเต้นลุ้นระทึกว่านางจะเลือกที่จะใช้งานเขาหรือจะสังหารเขาทิ้งเสีย เขาประมาทเกินไปไม่คิดว่าชีวิตที่ผ่านเรื่องราวมาโชกโชนจะจบลงเยี่ยงนี้

“ท่านนำตราการค้ามาให้ข้า แล้วท่านก็กลับไปใช้ชีวิตตามเดิม รอฟังคำสั่งข้าอีกที และหวังว่าคำพูดที่ท่านเอ่ยมาจะเป็นตามคำพูด จงจำไว้ให้ดี โอกาสมีเพียงครั้งเดียว”

ร่างบางโบกมือให้หนานกงส่งนายท่านเหลียวกลับคฤหาสน์ที่มีทั้งเมียเอก เมียรองและอนุอีกเป็นสิบคน 

 ตราประทับของสมาคมการค้ามาอยู่ในมือโจวฟางหลินเรียบร้อยจากนี้เรื่องหาอาวุธไม่ใช่เรื่องที่จะยุ่งยากอีกต่อไป

“แล้วสายสืบคนนี้เล่าขอรับ”

หนานกงเอ่ยถามเพราะชายผู้นี้ก็เป็นคนของนายท่านเหลียว

“ฆ่าทิ้งเสีย ข้าเกลียดพวกชนเผ่านอกด่าน”

โจวฟางหลินยังจำได้ ชนเผ่านอกด่านได้ตลบหลังท่านพ่อของนางโดยร่วมมือกับแคว้นเหลียว ทั้งๆที่เจรจาสงบศึกกับท่านพ่อแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเจอคนเหล่านี้มาทำผิดที่ไหนก็จะปลิดชีวิตให้หมดเสียทุกคน

 น้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อยของสตรีร่างบางตรงหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว ทำให้ลูกน้องที่อยู่รายรอบต้องรีบเข้ามานำหัวขโมยชาวเผ่านอกด่านออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ทั้งหมด รู้แค่ว่าถ้าไม่ทรยศหักหลังนายหญิง ชีวิตจะมีแต่ความสุขสบาย อาหารการกินมีครบทุกมื้อ เสื้อผ้าก็มีให้ครบ เงินทองก็มีให้ ชีวิตของพวกเขาได้แค่นี้ก็เกินกว่าความฝันแล้ว และสาบานว่าจะจงรักภักดีกับนายหญิงไปตลอดชีวิตไม่คิดอันใดที่แปลกแยกเป็นอันขาด

หลังจากถูกส่งกลับมา ก็ได้สั่งพ่อบ้านให้ไปตามหมอมารักษาเส้นเอ็นที่ถูกตัดขาด ถ้ารักษาไม่ได้คงได้นั่งรถเข็นตลอดชีวิต แต่ยังดีที่ยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ พ่อบ้านที่มาเห็นสภาพของนายท่านใหญ่ถึงกับตกตะลึง 

 “นายท่านทำไมถึงเป็นเยี่ยงนี้”

เอ่ยพูดด้วยความตกใจ นายท่านของเขามีอำนาจและอิทธิพลทำไมถึงถูกทำร้ายขนาดนี้ไปได้

 นายท่านเหลียวใบหน้ายังซีดขาวด้วยความเจ็บปวด โบกมือไล่ไม่ต้องการกล่าวถึงเรื่องนี้อีก เรื่องนี้หาใช่พูดจาส่งเดชได้ ดูเหมือนสตรีผู้นี้มีหูตายังกับสับประรด ถ้ามีการเอ่ยถึงไปเข้าหูนาง ขีวิตก็คงรักษาไว้ไม่ได้ เป็นความประมาทฝั่งตรงข้ามมากเกินไป ส่งอาวุธไปเพียงวันเดียวก็คิดว่าจะยึดกลับคืนได้ทั้งเงินทั้งอาวุธที่ส่งไป แต่แทนที่จะได้กลับทุ่มหินทับเท้าตัวเองเสียได้ 

การทรมานคนเช่นนี้นอกจากในคุกหลวงที่เคยได้ยินมา ด้านนอกถ้าจะเข่นฆ่ากันก็ปลิดชีวิตหรือวางยาพิษให้ตายตกไป โจวฟางหลินผู้นี้นางโหดเหี้ยมเด็ดขาดไม่ต่างจากบุรุษสักนิด และเขาก็นึกหวาดกลัวสตรีผู้นี้ไม่น้อย

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย โจวฟางหลินก็ได้นั่งรถม้ากลับจวน เมื่อลงเดินมาถึงด้านในเพื่อที่จะเดินไปเรือนของนางที่อยู่หลังป่าไผ่ เสียงหวานแหลมก็เอ่ยขึ้น

“เจ้าออกนอกจวนทุกวัน หวังว่าคงไม่สวมหมวกเขียวให้กับบุตรชายข้าหรอกนะ”

ฮูหยินใหญ่ที่เดินผ่อนคลายยามเห็นลูกสะใภ้ที่ไม่ค่อยเห็นหัวผู้ใหญ่เช่นนาง จึงอดไม่ได้ที่จะสอดปากเหน็บแนมไปบ้าง

ร่างบางชะงักฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าแม่สามีที่มีสีหน้าเหยียดหยาม นางถอนหายใจแม่สามีผู้นี้ไม่เปลี่ยนไปจากชาติก่อนแม้แต่น้อย ยังหาเรื่องนางทุกครั้งที่มีโอกาส พยายามจะหาภรรยารองเข้ามาให้ท่านแม่ทัพอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งส่งจดหมายไปให้ หยูไฉ่หยู ที่อยู่ถึงเมืองหลวงให้มาพักอาศัยในจวนเพื่อที่จะให้สานสัมพันธ์กับท่านแม่ทัพให้ได้ แต่ช่วงเวลานั้นก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมเฉินโม่เหยียนถึงไม่รับนางเป็นภรรยารอง

นางอยู่ในกองทัพเป็นกุนซือและไม่ค่อยได้กลับมาที่จวน ด้วยรู้ว่าก็ไม่ได้ต้องการให้นางกลับมาเช่นกัน

“ข้ามีร้านค้าที่ต้องดูแลและเรื่องผิดประเวณีเช่นนี้ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเจ้าค่ะ”

ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบด้วยความเบื่อหน่าย

“หึ สตรีที่ขาดสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม จะไม่ให้ข้าเป็นห่วงได้เยี่ยงไร”

ฮูหยินใหญ่ที่ยังมีใบหน้างดงามด้วยการดูแลรักษาไว้อย่างดี ได้ส่งเสียงในลำคอด้วยความประชดประชันและะเอ่ยตำหนิร่างบางตรงหน้า

 “ถ้าท่านไม่ใช่มารดาของท่านแม่ทัพท่านคิดว่าจะยังมีโอกาสมายืนเหน็บแนมข้าเช่นนี้ได้รึไม่” โจวฟางหลินเอ่ยอย่างลำคาญใจ 

 “เจ้า.เจ้า.ช่างไร้ความมารยาทไม่มีความเคราพผู้ใหญ่สักนิด”

ฮูหยินเฉาเต้นเร่าด้วยความโกรษ สะใภ้ที่นางแสนจะไม่ชอบใจช่างไร้มารยาทไม่เคารพผู้ใหญ่แม้แต่น้อยต่อปากต่อคำและยังขู่ทำร้ายนางอีกด้วย

 “ข้าจะให้โม่เหยียนหย่าขาดจากเจ้าโดยเร็วที่สุด”

ฮูหยินเฉาพูดขู่และคิดว่าถ้าบุตรชายกลับมาคราวนี้จะต้องให้หย่าขาดจากสะใภ้ที่ไร้มารยาทผู้นี้ให้ได้

 “เจ้าค่ะ ข้าจะรอขอตัวนะเจ้าคะ”

ร่างบางเอ่ยจบก็เดินออกไปด้วยไม่สนใจว่าแม่สามีจะมีอาการเช่นไรต่อไป

 ฮูหยินใหญ่อ้าปากค้างที่ลูกสะใภ้ที่น่ารังเกียจผู้นี้ได้เดินออกไปเสียเฉยๆ ไม่เห็นหัวนางสักนิด หยิ่งผยองไปเถอะตระกูลหนุนหลังก็ไม่มีถ้าถูกหย่าขาดออกไปด้วยกฏเจ็ดขับ นางยังจะหยิ่งยโสเช่นนี้ได้อีกหรือไม่

 โจวฟางหลินหลังจากกลับออกมาจากแม่สามี ก็ไม่ได้ใส่ใจสักนิดว่าจะถูกหย่าร้างรึไม่

ระหว่างที่หย่อนร่างอรชรงดงามเข้าไปในถังไม้ที่เติมน้ำอุ่นไว้จนเกินครึ่ง พลันรู้สึกผ่อนคลายและได้คิดว่า วันพรุ่งคงจะได้เปิดการค้าจริงจังเสียที 

 ซุนหงเข้ามาเพื่อปรนนิบัตินายหญิงได้สังเกตุถึงผิวพรรณนายหญิงที่มีความเนียนละเอียด ดวงตาหลับพริ้มด้วยความผ่อนคลาย ใบหน้างดงามถึงจะไม่ได้งดงามเป็นหนึ่งแต่ก็นับเป็นสาวงามที่หายากผู้หนึ่ง

ตั้งแต่นายหญิงมีนิสัยที่เปลี่ยนไปนี่เป็นครั้งแรกที่อนุญาติให้นางเข้ามาปรนนิบัติ เวลาเช่นนี้ดูนายหญิงเหมือนกับสตรีทั่วไปที่มีความอ่อนโยนแต่ยามอื่นที่นิสัยเปลี่ยนไปแล้ว นับว่าดูมีความน่าเกรงขามผิดกับเมื่อก่อน ยามยิ้มก็ไม่ได้สดใสเช่นเคย ซุนหงอยากให้นายหญิงของนางกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่เย็นชาไม่แยแสต่อโลกเช่นนี้

 

                     ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ️️️❤❤

                     อย่าลืมเก็บเข้าชั้นกันด้วยนะคะ🥰

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่44 กงล้อแห่งโชคชะตา

    ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มาลียา จากสตรีสูงศักดิ์เมื่อได้ถูกส่งกลับด้วยชื่อเสียงที่อื้อฉาว มือเรียวที่บัดนี้ไม่ได้อ่อนนุ่มเช่นเดิมอีกแล้ว ท่าทีที่หยิ่งยะโสไม่มีให้เห็นเช่นแต่ก่อน บัดนี้ต้องมาทำงานทุกอย่างภายในบ้านที่บิดาส่งนางแต่งงานกับพ่อค้าที่มักจะเดินทางมารับหนังสัตว์บ่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึงบิดาที่รักใคร่นางเมินเฉยเย็นชาไม่ใส่ใจสักนิดว่านางจะเป็นเช่นไร จึงได้กระจ่างแจ้งรู้ว่าบุตรสาวก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาแลกกับผลประโยชน์ถ้าหมดประโยชน์ก็จะโยนทิ้งไปเสียลายาแม่นมที่เลี้ยงดูมาลียาก็ถูกโบยจนตายด้วยไม่สามารถสั่งสอนนางให้ทำตามแผนการได้สำเร็จ โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้สินะโจวฟางหลินได้ฟังเรื่องราวผ่านพ่อค้าผู้หนึ่งที่เคยรับรู้ว่า องค์หญิงผู้นี้เคยแต่งเข้ามาเป็นภรรยารองของตระกูลเฉิน ได้เล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้ได้ฟัง นางไม่ได้สงสารผู้ใด ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นจะผิดก็เพียงแค่ องค์หญิงเป็นเพียงหมากที่หมดประโยชน์แล้วก็เท่านั้น ถ้านางทำสำเร็จความรุ่งโรจน์ ก็จะเกิดกับนาง แล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ชุนหงได้เขียนจดหมายมาหาได้บอกเล่าถึงเรื่องที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หนานกงก็ดู

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43ความพ่ายแพ้ที่มิอาจยอมรับ

    ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้

    สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ

  • ฮูหยินสายลุย   ที่41 ลองดี

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่40 เจ้าหญิงชนเผ่านอกด่าน

    ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่38 เตรียมตัวเดินทางเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง

    โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status