กวางหมิงประเดี๋ยวยิ้มประเดี๋ยวเม้มปาก ก้าวเดินเข้าไปเตียงอย่างเชื่องช้า สายตาทำคล้ายจับจ้องร่างอรชรของว่านจิ่วซิ่น ทว่าเขาไม่ได้มองร่างกายนาง มารยาทที่ควรมีเขาก็พอจะรู้ เขามองผนังกระโจมพลางกลั้นยิ้ม
“หลับตาของเจ้าเสีย” หวู่ไฉตงออกคำสั่งเสียงเย็น
“ไฉตงข้าเห็นหมดแล้ว ยินดีรับผิดชอบนางเป็นฮูหยินต่อจากเจ้า ไม่ต้องส่งนางไปให้หยวนกังแล้ว สตรีคนเดียวข้าเลี้ยงไหว” กวางหมิงไม่เลิกยียวน อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อใดสหายรักจะยอมรับใจตัวเอง
“ไม่ได้” ตอบอย่างรวดเร็วเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“จะเสียงดังให้คนข้างนอกเข้ามารึไง” กวางหมิงเอ่ยเสียงแผ่ว เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหวู่ไฉตงจะใจร้ายใจดำ ส่งคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาให้ศัตรูได้ลงคอจริงหรือ
“...” หวู่ไฉตงเงียบแล้วหลับตาครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องมองกวางหมิงอย่างคาดโทษ
“หากข้าหลับตาก็จะมองไม่เห็น จับผิดจับถูกขึ้นมาอย่าได้ว่าข้าแล้วกัน” เขากับหวู่ไฉตงเป็นสหายกันมาก่อนที่ว่านจิ่วซิ่นจะมาอยู่ในกองทัพเสียอีก
บิดาของเขาเป็นผู้ใต้บัญชาของท่านอาเยว่ซิน ทำให้เขากับหวู่ไฉตงสนิทกันมาก เพราะเล่าเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พอบิดาจากไปท่านอาเยว่ซินก็เลี้ยงดูเขาไม่ต่างจากลูกในไส้ บางครั้งกวางหมิงก็เรียกหวู่ไฉตงว่าท่านแม่ทัพ แล้วทำตัวนอบน้อมอยู่ใต้บัญชา
ทว่าบางครั้งกวางหมิงก็หมั่นไส้คน จึงได้พูดจายียวนกวนประสาท ไม่มีการนอบน้อมให้สักนิด พวกเขาสองคนก็เป็นเช่นนี้ สนิทกันยิ่งกว่าคำว่าสหาย
กวางหมิงเห็นว่านจิ่วซิ่นเป็นน้องสาว ไม่เคยมีความคิดเกินเลยกว่านี้ ด้วยความหมั่นไส้ จึงอยากแกล้งหวู่ไฉตง ดูว่าเจ้าหมอนี่จะทำเช่นไร ถ้าเขาเอ่ยว่ามีใจให้ว่านจิ่วซิ่น
อันที่จริง กวางหมิงไม่อยากให้หวู่ไฉตง ส่งว่านจิ่วซิ่นไปให้หยวนกัง แต่เขารู้นิสัยดื้อรั้นของสหายดี เมื่อตัดสินใจแล้วก็ไม่มีใครเปลี่ยนใจได้ คงทำได้เพียงรอโอกาสช่วยคน
“ข้าจะบอกเองว่าทางไหน...ถ้ายังมองอีกข้าจะควักลูกตาเจ้าแล้วนะ” หวู่ไฉตงเริ่มหงุดหงิด ที่กวางหมิงไม่ได้ดังใจ ดูคล้ายจะตั้งใจยั่วโมโหเขา
“ขอรับ...ขอรับนายท่าน” เอ่ยเสียงกวนประสาทสหายรัก จากนั้นเขาก็หลับตาแล้วเดินเข้าไปที่เตียง พอขาชนเตียงไม้เขาก็เริ่มคลำหาผ้าห่ม
“หยุดมือ ยกสูงขึ้นอีก ยื่นไปข้างหน้า ไปอีกเล็กน้อย ตรงนั้นแหละ”
กวางหมิงรู้สึกคล้ายตนเป็นคนตาบอด ที่จมอยู่กับความมืดมิด มองสิ่งใดก็ไม่เห็น หยิบจับของยากลำบาก เขาทำตามคำสั่งหวู่ไฉตง เพื่อค้นหาทางสว่างให้ตนเอง พอได้ยินคำว่าตรงนั้นแหละ เหมือนสวรรค์มาโปรดอีกประเดี๋ยวทุกอย่างก็สว่างแล้ว
“เดี๋ยวก่อน!! เจ้ารีบยกแขนขึ้นอย่าให้แขนตกลงมา กวางหมิงแขนเจ้าจะโดนนางแล้ว ยกขึ้นซะ จะหยิบผ้าห่มอย่างไรก็ได้ แต่ห้ามโดนตัวนาง” หวู่ไฉตงสั่งการยืดยาว
ให้ตายเถอะ!! ‘เจ้าลองมาเป็นข้าดูสิ อยากรู้เหมือนกันจะหลีกเลี่ยงยังไงก็คนมันมองไม่เห็น’ เขาสบถด่าในใจ “ให้ข้าลืมตาจะได้ไม่โดนตัวนาง” กวางหมิงต่อรอง
“ไม่ได้” หวู่ไฉตงตอบว่องไวโดยไม่ต้องคิด
นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แขนเขาก็ไม่ได้ยาวขนาดที่ยืนอยู่กับที่ แล้วยื่นไปหยิบผ้าห่มเองได้ มองก็ไม่เห็นยังจะมาสั่งนั่นสั่งนี่ จากที่อารมณ์ดีอยู่กวางหมิงก็เกิดโมโหขึ้นมา “ข้าจะลืมตา แล้วจะรับผิดชอบนางทุกอย่างเอง ข้าจะแต่งงานกับนางและเจ้าห้ามขัดขวาง” ต่อมโมโหทำงานขึ้นมาก็คิดแต่อยากเอาชนะคนเอาแต่ใจ “เจ้าก็รู้ว่าข้าหลับตาแบบนี้มองสิ่งใดก็ไม่เห็น ยังจะออกคำสั่งที่ข้าทำไม่ได้ เจ้ามาลองตาบอดดูบ้าง จะได้รู้ว่ามันยากยังไงเจ้ากับนางก็ตกลงหย่ากันแล้ว ต่อไปข้าแค่ยกย่องนางเป็นฮูหยิน ดูแลนางอย่างดีก็พอ อย่าลืมคนที่เรื่องมากเป็นเจ้า คนที่หาเรื่องใส่ตัวเป็นเจ้า ถ้ายังเรื่องมากอีก ข้าจะปล่อยเจ้าไว้แบบนี้ไม่ช่วยแล้ว”
“นี่เป็นหลักฐานการคบค้าศัตรูของนายอำเภอเผิง” กวางหมิงกล่าว พลางยื่นจดหมายที่นายอำเภอเผิงใช้ติดต่อพวกเหมียวเจียงให้ผู้ตรวจการซุน “ข้ามีพยานบุคคลด้วย ใต้เท้าข้าขอเบิกตัวพยาน”“เบิกตัวพยานบุคคล”กวางหมิงชี้ไปที่สตรีคนแรกที่เดินเข้ามา “นางเป็นคนวางยาในจวนท่านเจ้าเมือง” หญิงสาวที่ถูกนำตัวเข้ามา คือคนที่วางยาพิษในอาหาร ที่ห้องเครื่องจวนเจ้าเมืองผู้ตรวจการซุนจับจ้องพยานด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้ใดสั่งเจ้าสังหารท่านเจ้าเมือง”หญิงผู้นั้นมีท่าทีลนลาน มองไปทางนายอำเภอเผิงเมื่อพบเข้ากับสายตาเยียบเย็นก็ก้มหน้าลงมุมปากนายอำเภอเผิงยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือปิดมุมปากด้วยความเจ็บใจ เหมือนจะมีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว อ้าปากทีไรเป็นต้องน้ำตาไหลทุกที ดีที่แก้แค้นหวู่ไฉตงได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นเขาคงอกแตกตายเด็กสาวคนนี้หวาดกลัวเขา ย่อมไม่กล้าพูดความจริงอยู่แล้ว นายอำเภอเผิงยิ้มกรุ้มกริ่มในใจหญิงสาวที่วางยาพิษในห้องเครื่อง ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินคับแคบที่ค่ายทหาร นางย้อนคิดไปถึงชั่วยามก่อน ในขณะที่จิตใจกำลังสับสน เงาร่างอ้วนท้วนก็เข้ามาประชิดตัว ลำคอของนางรู้สึกถึงความเย็นของโลหะขึ้นมาทันใด “ถ้าเจ้าใ
“ปิดคดีการลอบสังหารท่านเจ้าเมือง คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้รับโทษแล้ว” ผู้ตรวจการซุนเอ่ยปิดคดีว่านจิ่วซิ่นหัวใจบีบแน่น ยามได้ยินว่าหวู่ไฉตงสิ้นใจแล้ว นางไม่เข้าใจ คนที่เพิ่งพบและรู้จักกัน เหตุใดจึงมีผลกับหัวใจนางเช่นนี้ ก่อนเขาจะสิ้นใจ มองนางด้วยสายตาห่วงใยหรือนางกับเขาจะรู้จักกันมาก่อน “เรื่องก่อนหน้าที่เจ้าล่วงเกินข้า ข้ายกโทษให้เจ้าแล้วนะแม่ทัพหวู่” ว่านจิ่วซิ่นเอ่ยทั้งน้ำตาไหล นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาไหลได้อย่างไร ความเศร้าแทรกซึมสู่ก้นบึ้งหัวใจ คล้ายเสียของสำคัญบางอย่างไป แต่นางกับท่านแม่ทัพหาได้รู้จักกันมาก่อน ความรู้สึกพวกนี้คืออะไรกันแน่กวางหมิงควบม้ามาอย่างเร่งรีบ ผ่าฝูงชนเข้าไปในที่ว่าการ หลังจากได้รับมอบหมาย ให้ไปกวาดล้างบ่อนวอนเฉาเมื่อชั่วยามที่แล้ว พอหวู่ไฉตงสอบถามนักโทษแล้วพบเบาะแส ก็มาสั่งเขาทันทีให้ไปสืบเรื่องนี้รองแม่ทัพหนุ่มกระโดดลงหลังม้า กระบอกตาร้อนผ่าวครั้นได้เห็นสภาพสหายที่อาภรณ์ย้อมด้วยโลหิตสีแดงฉานเขามาช้าเกินไป ช้าจนช่วยท่านแม่ทัพไว้ไม่ทัน ตอนนี้เขามีหลักฐานเอาผิดคนบงการแล้ว “เหตุใดเจ้าไม่รอข้าก่อนไฉตง” กวางหมิงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาสะอื้นไห้จนไหล่สั
“ในเมื่อเจ้าทุกข์ใจ ไยจึงสั่งประหารเขา” ฮ่องเต้วัยกลางคน ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ เอ่ยถามอนุชาเสียงอ่อนโยน“เขาทำผิด กระหม่อมมิอาจละเว้น เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ อีกอย่างหลักฐานก็มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด” ผิงชินอ๋องเอ่ยด้วยท่าทีกลัดกลุ้ม“ที่เจ้าพูดก็ถูก เช่นนั้นก็อย่าเสียใจเลยเป็นเขาที่มักใหญ่ใฝ่สูงหาเรื่องใส่ตัวเอง” ฮ่องเต้เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบใจอนุชา“พ่ะย่ะค่ะ” ผิงชินอ๋องตอบรับ และนั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น ‘เยว่ซิน ข้าขอโทษที่ปกป้องไฉตงไม่ได้อย่างที่เคยรับปากเจ้า’ เขาพร่ำขอโทษสหายรักในใจเพื่อคล้ายความรู้สึกผิดหวู่ไฉตงถูกจับไปโบยหน้าลานที่ว่าการ ผู้ตรวจการซุน คล้ายจะประจานให้ใต้หล้ารู้ความผิดของเขา ชาวบ้านมากมายต่างมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์สายตาคมกริบลึกลับจับจ้องไปที่ผู้ตรวจการซุน ก่อนจะละสายตาออกมา แล้วทอดมองไปยังว่านจิ่วซิ่นที่ยืนดูอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มเกิดโมโหขึ้นมากะทันหันเมื่อเห็นสายตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนของอีกฝ่าย เมื่อก่อนเขาก็ใช้สายตาเช่นนี้มองนางสินะ นางคงจะเอาคืนเขา แต่เหตุใดยามนี้เขาเจ็บหัวใจนักเล่าที่ถูกนางเมินว่านจิ่วซิ่น เห็นเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากหวู่ไฉตง
ผิงชินอ๋องมองแม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาเฉยชา ในมือถือจดหมายสั่งการที่ผู้ตรวจการซุนนำมาให้ ลายมือในจดหมายเป็นลายมือที่เขาสอนเองกับมือ เหตุใดเขาจะจำไม่ได้ “เจ้ากับข้าเคยมีความแค้นกันรึไม่” น้ำเสียงที่เอ่ยราบเรียบไม่มีระลอกคลื่น“กระหม่อมไม่เคยมีความแค้นใดกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” หวู่ไฉตงคำนับสองมือผสานเข้าด้วยกันก้มหน้ากล่าวด้วยความเคารพ“แล้วเหตุใดเจ้าต้องสั่งคนมาสังหารข้า ทั้งยังปล้นคนร้ายอีก” ผิงชินอ๋องเอ่ยถามเสียงราบเรียบ“เพราะกระหม่อมกลัวว่า...” คนร้ายจะถูกฆ่าปิดปาก เขาพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ ผู้ตรวจการซุนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านอ๋องแม่ทัพหวู่จับคนไปเพื่อปิดบังอำพราง เรื่องนี้เดาไม่ยากเลย เขาไม่ได้มีหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้ แต่รีบปล้นคน เพราะกลัวโทษพ่ะย่ะค่ะ หลักฐานก็อยู่ในมือพระองค์แล้ว ลายมือในจดหมาย เทียบกับลายมือท่านแม่ทัพแล้วเป็นลายมือเดียวกัน”หวู่ไฉตงเหลือบมองผู้ตรวจการซุน เสียดายที่ไม่ได้อัดเขา จึงทำให้เขาพูดได้คล่องปากเช่นนี้ ทั้งยังมีการเตรียมหลักฐานเท็จไว้ล่วงหน้าอีกด้วย ราวกับว่าหมายตาเป้าหมายไว้ก่อนแล้ว“เป็นเช่นนั้น กระหม่อมห้ามแล้วก็ถูกทำร้าย” นายอำเภอเผิงกล่าวฟ้องเสียงอู้อี้
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้สมควรได้รับ ทำชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่ว “แม่นางหากเจ้าบอกความจริง ข้ากับท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตเจ้า และกันเจ้าไว้เป็นพยาน อีกทั้งยังจะคุ้มครองความปลอดภัยของคนที่เจ้าห่วงด้วย…ห่วงของเจ้าคงไม่ใช่แค่ตัวเองใช่รึไม่ เจ้าก็รู้หากคนร้ายไม่ถูกจับ คนที่เจ้าห่วงใยก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน”“พวกท่านจะคุ้มครองเราได้จริงหรือเจ้าค่ะ แม่ข้า แม่ข้าตกอยู่ในอันตราย” หนึ่งในคนร้ายหญิงที่พุ่งเข้าใส่ฮ่องเต้เอ่ยด้วยท่าทีหวาดกลัวว่านจิ่วซิ่นมองไปที่หวู่ไฉตงเพื่อให้เขาตอบรับ ทว่าชายคนนั้นกลับไม่พูดสิ่งที่นางต้องการ ยืนกอดอกมองนางอยู่ได้ นางจึงตอบเสียเอง “แน่นอน”หญิงสาวที่ถูกจับมองไปทางหวู่ไฉตง นางรู้ว่าคนที่มีอำนาจสั่งการไม่ใช่สตรีที่พูดคุยกับนางอยู่หวู่ไฉตงพยักหน้าให้หญิงสาวคนนั้น เป็นการรับปาก หญิงสาวจึงเริ่มเล่าสิ่งที่ตนรู้ออกมา“ข้าไม่รู้ว่าคนที่สั่งการเบื้องหลังคือใคร แต่เกี่ยวข้องกับบ่อนวอนเฉา”“ไม่เคยได้ยินมาก่อน” หวู่ไฉตงพึมพำออกมาเขาอยู่ฉีเฟิงมาตั้งแต่เด็ก ชื่อบ่อนวอนเฉาไม่เคยเฉียดกรายเข้าหูให้ได้ยินเลย“ที่แห่งนี้ลึกลับซับซ้อน คนที่จะเข้าบ่อนได้ต้องมีป้ายสมาชิก ตอนข้าเข้า
หวู่ไฉตงยิ้มเย็น ถ้าปล่อยตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้สืบสวน คงได้มาเพียงแพะเท่านั้น “นายอำเภอเผิงกลัวสิ่งใดกันแน่ ข้าแค่อยากเข้าไปฟังด้วยเท่านั้น”“ข้าจะกลัวสิ่งใดกัน เพียงแต่การปฏิบัติหน้าที่ของข้าไม่อาจให้คนนอกยื่นมือเข้ายุ่งได้” นายอำเภอเผิงต่อปากต่อคำไม่ลดละหวู่ไฉตงมุมปากกระตุก “ข้าอยากได้คนดูสิใครจะกล้าขวาง”หน็อยแน่!! เจ้าเด็กคนนี้นี่หัวรั้นไม่เบา “ท่านแม่ทัพกล้าก็ลองดู” นายอำเภอเผิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง กับเด็กที่มีแต่ตำแหน่ง ไม่มีผลงานคนนี้ เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย“ข้ากล้าอยู่แล้ว” หวู่ไฉตงชกเข้าที่ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มแรง“เจ้า...เจ้า...ข้าจะรายงานท่านอ๋อง” นายอำเภอเผิงริมฝีปากสั่นระริก ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ กล้าดีนักนะเจ้าเด็กเหลือขอ ไว้เขารายงานท่านอ๋อง เจ้าเด็กนี่ต้องได้รับโทษสถานหนัก ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน เขาไม่ยอมเด็ดขาดเจ้าเด็กบ้าฟันข้าแทบหลุด!! ข้าจะ...ข้าจะเอาคืนแน่หวู่ไฉตงไม่เพียงไม่หยุดทำร้ายคน ยังเดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า แล้วชกซ้ำตรงจุดเดิม ทำให้นายอำเภอเผิงลนลานถอยหนีจนล้มลงพื้น ขดตัวใช้มือสองข้างปกป้องศีรษะไว้อย่างหวาดกลัวครั้นเห็นดังนั้นห