ชิงหลันเข้าไปในกระโจมก็ตรงไปที่เตียง เห็นรองแม่ทัพนอนอยู่จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ นางเลิกผ้าห่มสำรวจรองผู้บังคับบัญชา เพราะกลัวว่าจะถูกคนร้ายลอบสังหาร พอเห็นว่าไม่มีบาดแผล และเสื้อผ้าก็เรียบร้อยดี ก็ถอนหายใจแล้วเดินออกมานอกกระโจม “มีแต่รองแม่ทัพว่าน…ไม่มีคนอื่น”
ทหารหนุ่มประหลาดใจเขาเฝ้าอยู่แท้ ๆ คนจะหายไปได้อย่างไร
ชิงหลันเห็นสีหน้าชายงามไม่เชื่อจึงเอ่ย “ยอดชายงาม ข้างในไม่มีคนที่ทำร้ายเจ้า ข้าสามารถพาเจ้าไปดูได้ เพราะข้างในมีแต่รองแม่ทัพจริง ๆ ข้าไม่ได้พูดเท็จ”
ชายงามตามเข้าไปดูเพราะกลัวว่าชิงหลันจะปกปิดช่วยคน ในกระโจมไม่มีที่ให้หลบซ่อน เขากวาดตามองโดยรอบก็ไม่มีใครอื่น นอกจากรองแม่ทัพที่นอนหลับสนิทอยู่
เมื่อออกมานอกกระโจมชายงามก็เอ่ยน้ำเสียงไม่ยินยอม “อย่างไรข้าก็ไม่ยอมจบง่าย ๆ ข้าถูกทำร้ายต้องมีคนชดใช้ให้ข้า”
“เกิดอะไรขึ้น” กวางหมิงและหวู่ไฉตงเดินมาพร้อมกัน ช่วงเวลานี้เป็นเวลาฝึกทหาร พบเจอกวางหมิงไม่นับว่าประหลาด ที่ประหลาดคือหวู่ไฉตงมาที่ค่ายทหารเวลานี้ เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งมา หวู่ไฉตงไม่เคยมาฝึกทหารเองสักครั้ง เขามักจะมอบหน้าที่ให้ว่านจิ่วซิ่นกับกวางหมิง
“ชายงามผู้นี้เป็นคนที่รองแม่ทัพว่านเชิญมา เขาถูกทำร้ายและต้องการให้คนที่ทำร้ายเขาชดใช้ แต่เรายังหาคนทำร้ายเขาไม่เจอเจ้าค่ะ” ชิงหลันรายงาน
กวางหมิงฟังจบเดินเข้าไปมอบถุงเงินให้ชายงาม “เอาไปแค่นี้ก่อน แล้วข้าจะส่งยาและค่าทำขวัญไปให้เจ้าที่หอชายงาม” จากนั้นเขาก็ตบไหล่ พลางโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหู หนุ่มหน้ากากหมาป่าให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ขอบคุณขอรับใต้เท้า” ชายงามรับไว้แล้วรีบออกจากค่ายทหารโดยมีทหารชั้นผู้น้อยเดินไปส่ง
กวางหมิงแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ยิ่งมองสีหน้าขุ่นเคืองของสหายรัก เขาก็อยากหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่ตรงนี้ เป็นคนก่อเรื่องแท้ ๆ ยังให้คนอื่นมาตามล้างตามเช็ดเหมือนเด็กไม่รู้จักโต
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน เขาออกจากกระโจมพักมาเข้าห้องสุขา เดินผ่านหน้ากระโจมว่านจิ่วซิ่น ก็ทักทายทหารหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่ห่าง ๆ ทว่าเขาได้ยินสัญญาณลับขอความช่วยเหลือ ดังมาจากในกระโจมของว่านจิ่วซิ่น
เสียงผิวปากสามครั้ง หมายถึงต้องการความช่วยเหลือและห้ามให้ผู้ใดรู้ เป็นสัญญาณลับที่รู้กันแค่สามคนในกองทัพ มีเขา ว่านจิ่วซิ่น และหวู่ไฉตงเท่านั้นที่รู้
เขาไปทำธุระส่วนตัวกลับมา ก็แอบเข้าไปในกระโจมว่านจิ่วซิ่นอย่างเงียบเชียบ รวดเร็วจนทหารที่เฝ้าอยู่ยังไม่รู้เรื่อง
ความสามารถเรื่องการแฝงตัวสืบในค่ายศัตรู เขาเป็นอันดับหนึ่งของกองทัพ ทหารปลายแถวย่อมไม่อาจสังเกตเห็น ตอนที่รองแม่ทัพอย่างเขาปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง
กวางหมิงกลัวว่าว่านจิ่วซิ่นจะตกอยู่ในอันตราย จึงรีบสอดส่องสายตาไปทั่วกระโจม ทว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นภาพอุจาดตาที่เขาไม่มีวันลืมได้ในชาตินี้
เขาหลุดหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง แล้วรีบกลั้นไว้ อยากจะหัวเราะสุดเสียงก็ทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นทหารด้านนอกจะได้ยิน ได้แต่กลั้นขำไว้สุดกำลัง
“จะมองอีกนานไหม รีบเอาผ้าห่มมาคลุมกายนางแล้วแก้มัดให้ข้า” หวู่ไฉตงสั่งการลอดไรฟัน
“ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านมาทำอะไรที่นี่” ไฉนว่าเกลียดไงเล่า วิ่งมาให้นางย่ำยีถึงกระโจมเช่นนี้ เจ้านี่คิดอะไรอยู่หนอ กวางหมิงเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม
“ข้ากลัวนางหนีจึงมาดู” หวู่ไฉตงตอบหน้าแดงก่ำ ด้วยสภาพเขายามนี้มันน่าอับอายเกินไป
“อ้อ...ต้องใส่หน้ากากเข้ามาด้วยรึ..ท่านแม่ทัพ” คนถามน้ำเสียงยียวน เห็นหน้ากากวางอยู่บนโต๊ะ ก็พอรู้ว่าปลอมตัวเข้ามา ว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสหายรักมีสภาพอนาถถึงเพียงนี้
“กวางหมิง” เสียงเรียกกดต่ำลอดไรฟัน ถ้ายังไม่หยุดขุดคุ้ยอีก อย่าหาว่าเขาไม่เตือน
“นี่เป็นหลักฐานการคบค้าศัตรูของนายอำเภอเผิง” กวางหมิงกล่าว พลางยื่นจดหมายที่นายอำเภอเผิงใช้ติดต่อพวกเหมียวเจียงให้ผู้ตรวจการซุน “ข้ามีพยานบุคคลด้วย ใต้เท้าข้าขอเบิกตัวพยาน”“เบิกตัวพยานบุคคล”กวางหมิงชี้ไปที่สตรีคนแรกที่เดินเข้ามา “นางเป็นคนวางยาในจวนท่านเจ้าเมือง” หญิงสาวที่ถูกนำตัวเข้ามา คือคนที่วางยาพิษในอาหาร ที่ห้องเครื่องจวนเจ้าเมืองผู้ตรวจการซุนจับจ้องพยานด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้ใดสั่งเจ้าสังหารท่านเจ้าเมือง”หญิงผู้นั้นมีท่าทีลนลาน มองไปทางนายอำเภอเผิงเมื่อพบเข้ากับสายตาเยียบเย็นก็ก้มหน้าลงมุมปากนายอำเภอเผิงยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือปิดมุมปากด้วยความเจ็บใจ เหมือนจะมีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว อ้าปากทีไรเป็นต้องน้ำตาไหลทุกที ดีที่แก้แค้นหวู่ไฉตงได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นเขาคงอกแตกตายเด็กสาวคนนี้หวาดกลัวเขา ย่อมไม่กล้าพูดความจริงอยู่แล้ว นายอำเภอเผิงยิ้มกรุ้มกริ่มในใจหญิงสาวที่วางยาพิษในห้องเครื่อง ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินคับแคบที่ค่ายทหาร นางย้อนคิดไปถึงชั่วยามก่อน ในขณะที่จิตใจกำลังสับสน เงาร่างอ้วนท้วนก็เข้ามาประชิดตัว ลำคอของนางรู้สึกถึงความเย็นของโลหะขึ้นมาทันใด “ถ้าเจ้าใ
“ปิดคดีการลอบสังหารท่านเจ้าเมือง คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้รับโทษแล้ว” ผู้ตรวจการซุนเอ่ยปิดคดีว่านจิ่วซิ่นหัวใจบีบแน่น ยามได้ยินว่าหวู่ไฉตงสิ้นใจแล้ว นางไม่เข้าใจ คนที่เพิ่งพบและรู้จักกัน เหตุใดจึงมีผลกับหัวใจนางเช่นนี้ ก่อนเขาจะสิ้นใจ มองนางด้วยสายตาห่วงใยหรือนางกับเขาจะรู้จักกันมาก่อน “เรื่องก่อนหน้าที่เจ้าล่วงเกินข้า ข้ายกโทษให้เจ้าแล้วนะแม่ทัพหวู่” ว่านจิ่วซิ่นเอ่ยทั้งน้ำตาไหล นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาไหลได้อย่างไร ความเศร้าแทรกซึมสู่ก้นบึ้งหัวใจ คล้ายเสียของสำคัญบางอย่างไป แต่นางกับท่านแม่ทัพหาได้รู้จักกันมาก่อน ความรู้สึกพวกนี้คืออะไรกันแน่กวางหมิงควบม้ามาอย่างเร่งรีบ ผ่าฝูงชนเข้าไปในที่ว่าการ หลังจากได้รับมอบหมาย ให้ไปกวาดล้างบ่อนวอนเฉาเมื่อชั่วยามที่แล้ว พอหวู่ไฉตงสอบถามนักโทษแล้วพบเบาะแส ก็มาสั่งเขาทันทีให้ไปสืบเรื่องนี้รองแม่ทัพหนุ่มกระโดดลงหลังม้า กระบอกตาร้อนผ่าวครั้นได้เห็นสภาพสหายที่อาภรณ์ย้อมด้วยโลหิตสีแดงฉานเขามาช้าเกินไป ช้าจนช่วยท่านแม่ทัพไว้ไม่ทัน ตอนนี้เขามีหลักฐานเอาผิดคนบงการแล้ว “เหตุใดเจ้าไม่รอข้าก่อนไฉตง” กวางหมิงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาสะอื้นไห้จนไหล่สั
“ในเมื่อเจ้าทุกข์ใจ ไยจึงสั่งประหารเขา” ฮ่องเต้วัยกลางคน ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ เอ่ยถามอนุชาเสียงอ่อนโยน“เขาทำผิด กระหม่อมมิอาจละเว้น เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ อีกอย่างหลักฐานก็มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด” ผิงชินอ๋องเอ่ยด้วยท่าทีกลัดกลุ้ม“ที่เจ้าพูดก็ถูก เช่นนั้นก็อย่าเสียใจเลยเป็นเขาที่มักใหญ่ใฝ่สูงหาเรื่องใส่ตัวเอง” ฮ่องเต้เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบใจอนุชา“พ่ะย่ะค่ะ” ผิงชินอ๋องตอบรับ และนั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น ‘เยว่ซิน ข้าขอโทษที่ปกป้องไฉตงไม่ได้อย่างที่เคยรับปากเจ้า’ เขาพร่ำขอโทษสหายรักในใจเพื่อคล้ายความรู้สึกผิดหวู่ไฉตงถูกจับไปโบยหน้าลานที่ว่าการ ผู้ตรวจการซุน คล้ายจะประจานให้ใต้หล้ารู้ความผิดของเขา ชาวบ้านมากมายต่างมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์สายตาคมกริบลึกลับจับจ้องไปที่ผู้ตรวจการซุน ก่อนจะละสายตาออกมา แล้วทอดมองไปยังว่านจิ่วซิ่นที่ยืนดูอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มเกิดโมโหขึ้นมากะทันหันเมื่อเห็นสายตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนของอีกฝ่าย เมื่อก่อนเขาก็ใช้สายตาเช่นนี้มองนางสินะ นางคงจะเอาคืนเขา แต่เหตุใดยามนี้เขาเจ็บหัวใจนักเล่าที่ถูกนางเมินว่านจิ่วซิ่น เห็นเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากหวู่ไฉตง
ผิงชินอ๋องมองแม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาเฉยชา ในมือถือจดหมายสั่งการที่ผู้ตรวจการซุนนำมาให้ ลายมือในจดหมายเป็นลายมือที่เขาสอนเองกับมือ เหตุใดเขาจะจำไม่ได้ “เจ้ากับข้าเคยมีความแค้นกันรึไม่” น้ำเสียงที่เอ่ยราบเรียบไม่มีระลอกคลื่น“กระหม่อมไม่เคยมีความแค้นใดกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” หวู่ไฉตงคำนับสองมือผสานเข้าด้วยกันก้มหน้ากล่าวด้วยความเคารพ“แล้วเหตุใดเจ้าต้องสั่งคนมาสังหารข้า ทั้งยังปล้นคนร้ายอีก” ผิงชินอ๋องเอ่ยถามเสียงราบเรียบ“เพราะกระหม่อมกลัวว่า...” คนร้ายจะถูกฆ่าปิดปาก เขาพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ ผู้ตรวจการซุนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านอ๋องแม่ทัพหวู่จับคนไปเพื่อปิดบังอำพราง เรื่องนี้เดาไม่ยากเลย เขาไม่ได้มีหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้ แต่รีบปล้นคน เพราะกลัวโทษพ่ะย่ะค่ะ หลักฐานก็อยู่ในมือพระองค์แล้ว ลายมือในจดหมาย เทียบกับลายมือท่านแม่ทัพแล้วเป็นลายมือเดียวกัน”หวู่ไฉตงเหลือบมองผู้ตรวจการซุน เสียดายที่ไม่ได้อัดเขา จึงทำให้เขาพูดได้คล่องปากเช่นนี้ ทั้งยังมีการเตรียมหลักฐานเท็จไว้ล่วงหน้าอีกด้วย ราวกับว่าหมายตาเป้าหมายไว้ก่อนแล้ว“เป็นเช่นนั้น กระหม่อมห้ามแล้วก็ถูกทำร้าย” นายอำเภอเผิงกล่าวฟ้องเสียงอู้อี้
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้สมควรได้รับ ทำชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่ว “แม่นางหากเจ้าบอกความจริง ข้ากับท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตเจ้า และกันเจ้าไว้เป็นพยาน อีกทั้งยังจะคุ้มครองความปลอดภัยของคนที่เจ้าห่วงด้วย…ห่วงของเจ้าคงไม่ใช่แค่ตัวเองใช่รึไม่ เจ้าก็รู้หากคนร้ายไม่ถูกจับ คนที่เจ้าห่วงใยก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน”“พวกท่านจะคุ้มครองเราได้จริงหรือเจ้าค่ะ แม่ข้า แม่ข้าตกอยู่ในอันตราย” หนึ่งในคนร้ายหญิงที่พุ่งเข้าใส่ฮ่องเต้เอ่ยด้วยท่าทีหวาดกลัวว่านจิ่วซิ่นมองไปที่หวู่ไฉตงเพื่อให้เขาตอบรับ ทว่าชายคนนั้นกลับไม่พูดสิ่งที่นางต้องการ ยืนกอดอกมองนางอยู่ได้ นางจึงตอบเสียเอง “แน่นอน”หญิงสาวที่ถูกจับมองไปทางหวู่ไฉตง นางรู้ว่าคนที่มีอำนาจสั่งการไม่ใช่สตรีที่พูดคุยกับนางอยู่หวู่ไฉตงพยักหน้าให้หญิงสาวคนนั้น เป็นการรับปาก หญิงสาวจึงเริ่มเล่าสิ่งที่ตนรู้ออกมา“ข้าไม่รู้ว่าคนที่สั่งการเบื้องหลังคือใคร แต่เกี่ยวข้องกับบ่อนวอนเฉา”“ไม่เคยได้ยินมาก่อน” หวู่ไฉตงพึมพำออกมาเขาอยู่ฉีเฟิงมาตั้งแต่เด็ก ชื่อบ่อนวอนเฉาไม่เคยเฉียดกรายเข้าหูให้ได้ยินเลย“ที่แห่งนี้ลึกลับซับซ้อน คนที่จะเข้าบ่อนได้ต้องมีป้ายสมาชิก ตอนข้าเข้า
หวู่ไฉตงยิ้มเย็น ถ้าปล่อยตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้สืบสวน คงได้มาเพียงแพะเท่านั้น “นายอำเภอเผิงกลัวสิ่งใดกันแน่ ข้าแค่อยากเข้าไปฟังด้วยเท่านั้น”“ข้าจะกลัวสิ่งใดกัน เพียงแต่การปฏิบัติหน้าที่ของข้าไม่อาจให้คนนอกยื่นมือเข้ายุ่งได้” นายอำเภอเผิงต่อปากต่อคำไม่ลดละหวู่ไฉตงมุมปากกระตุก “ข้าอยากได้คนดูสิใครจะกล้าขวาง”หน็อยแน่!! เจ้าเด็กคนนี้นี่หัวรั้นไม่เบา “ท่านแม่ทัพกล้าก็ลองดู” นายอำเภอเผิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง กับเด็กที่มีแต่ตำแหน่ง ไม่มีผลงานคนนี้ เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย“ข้ากล้าอยู่แล้ว” หวู่ไฉตงชกเข้าที่ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มแรง“เจ้า...เจ้า...ข้าจะรายงานท่านอ๋อง” นายอำเภอเผิงริมฝีปากสั่นระริก ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ กล้าดีนักนะเจ้าเด็กเหลือขอ ไว้เขารายงานท่านอ๋อง เจ้าเด็กนี่ต้องได้รับโทษสถานหนัก ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน เขาไม่ยอมเด็ดขาดเจ้าเด็กบ้าฟันข้าแทบหลุด!! ข้าจะ...ข้าจะเอาคืนแน่หวู่ไฉตงไม่เพียงไม่หยุดทำร้ายคน ยังเดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า แล้วชกซ้ำตรงจุดเดิม ทำให้นายอำเภอเผิงลนลานถอยหนีจนล้มลงพื้น ขดตัวใช้มือสองข้างปกป้องศีรษะไว้อย่างหวาดกลัวครั้นเห็นดังนั้นห