“สิบอัน!”
“สิบอันเลยเหรอวะ”
“ใช่...ใช้ไปสิบอัน เหนื่อยสุดๆ!”
จอมทัพที่ยืนอยู่ตรงประตูเลื่อนของระเบียงกว้าง บนห้องหรูหรา ชั้นสามสิบของคอนโดมิเนียมแพงระยับใจกลางเมือง เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับเพื่อนแท้เพียงคนเดียวในชีวิต คนที่เขาสามารถคุยได้ทุกเรื่อง แม้เป็นเรื่องที่ระยำตำบอนที่สุด...จักรกฤษณ์หน้าเหวอ มองเพื่อนที่เป็นทั้งเจ้านายและไอ้คนลามกจกเปรตในคนเดียวกันด้วยความทึ่ง
“ทำได้ไงวะ มีเซ็กซ์ข้ามมหาสมุทรเลยหรือวะ”
“ใช่” เขาตอบเสียงฉะฉาน รอยยิ้มกรุ้มกริ่มเต็มใบหน้า “ฆ่าเวลาน่ะ อยู่บนเครื่องนานๆ มันเบื่อ”
“ผู้หญิงคนนั้นคงสวยมากสินะ”
“ก็...ฉันคิดตลอดเวลาว่ากำลังอึ๊บนางฟ้าอยู่” เขาพูดพลางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาว เขายิ้มร้าย เมื่อจินตนาการไปถึงตอนที่เจ้าหล่อนตื่นขึ้นแล้วพบว่ามีถุงยางอนามัยวางเกลื่อนกลาดรอบตัว “สิบห้าชั่วโมง เร็วชะมัด”
“ผู้หญิงคนนั้นคงขยาดแกไปเลยนะ ทำได้ไง ตั้งสิบครั้ง”
“ขยาดรึเปล่า” ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องพักแสนหรูหรา อารมณ์ดีไม่เสื่อมคลาย “คงไม่หรอก เธอแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ นอนหลับเป็นตายตลอดทางเลย”
“ห๊า!!!” จักรกฤษณ์อุทานลั่น ตาถลนเหมือนเห็นผีปรากฏตัวตรงหน้า “แกว่าไงนะ แกลักหลับเขาเหรอ”
“เปล่า” จอมทัพวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะเตี้ยเข้าชุดโซฟา แล้วปล่อยตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวบุกำมะหยี่สีดำ “ที่จริง...ฉันทำของฉันคนเดียว เธอไม่เกี่ยวเลย แต่ตอนทำ ฉันมองหน้าเธอตลอดเว้ย หลายครั้งแทบอดใจไม่ไหว แต่เพราะความที่เป็นคนดีมากไง ก็เลยวิ่งไปเข้าห้องน้ำ”
“อ้อ” เพื่อนรักหน้าเหวออ้าปากหวอ “ที่แท้ แกมโนไปเองคนเดียว”
“อืม” จอมทัพยอมรับหน้าตาเฉย “แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้หรอกว่าฉันไม่ได้แตะเธอเลย ป่านนี้อาจกำลังแช่งชักหักกระดูกฉันอยู่ก็ได้” พูดแล้วชายหนุ่มก็หัวเราะ ดูมีความสุขไม่น้อยที่ได้แกล้งหญิงสาวผู้นั้น
“ชักอยากเห็นหน้าว่ะ” จักรกฤษณ์พูดลอยๆ ขึ้นมา “ผู้หญิงที่ทำให้แกอารมณ์ดีได้ขนาดนี้ โดยไม่ต้องถกกระโปรงให้แกมุดเข้าไป”
จอมทัพฟังเพื่อนวิเคราะห์อย่างตลกขบขัน “อย่าไปอยากเห็นเลย ก็แค่นางแบบโนเนมน่ะ” พูดแล้ว นิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อคิดถึงบางเรื่อง เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุดันทันที “แต่คนที่นายควรจะสนใจมากกว่าก็คือ...ผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยพ่อฉัน!!!”
จักรกฤษณ์รู้เรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่จอมทัพรู้ เขาโทรศัพท์ทางไกลมาเล่าให้ฟัง พร้อมยื่นคำสั่งให้เขาช่วยหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ เขาควรจะหาคำตอบให้เพื่อนรักได้เร็วที่สุด นั่นเพราะทำงานในตำแหน่งเลขาของท่านประธานอเนก ทว่า เขากลับไม่เจอข้อมูลใดที่นำไปสู่หญิงสาวที่ถูกอ้างถึงว่าเป็นชนวนเหตุของการหย่าร้าง
“ฉันว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะโว้ย”
“เข้าใจผิดบ้าอะไร คุณแม่เป็นคนบอกฉันเอง ท่านไม่ใช่ผู้หญิงจุกจิกจู้จี้ขี้หึง นายก็รู้ ท่านมีเหตุผลแค่ไหน การที่ท่านออกปากเล่าด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าท่านต้องมั่นใจแล้ว ท่านไม่ใช่คนพูดจาพล่อยๆ”
“เรื่องที่แกพูดฉันก็รู้ แต่เจ้านายท่านก็...”
“มีอีหนูเยอะ อันนี้ฉันก็รู้ แต่ฉันต้องการให้แกหาผู้หญิงที่ทำให้คุณพ่อฉันขอเลิกกับคุณแม่ คนที่คุณพ่อต้องการจะแต่งงานด้วยหลังจากหย่าขาด”
“ใจเย็นๆ แกเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ แกควรกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ฉันไม่กลับบ้าน ฉันจะอยู่กับแกไปสักพัก”
“ว่าไงนะ”
“ตามที่แกได้ยินนั่นแหละ ฉันจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อฉันรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าแกไม่อยากให้ฉันอยู่ห้องนี้ เป็นก้างขวางคอแกกับสาวๆ ของแก แกก็รีบสืบมาแล้วกัน”
จักรกฤษณ์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับ “เรื่องแกมาอยู่นี่ไม่มีปัญหาหรอก เพราะฉันยังไม่มีแฟน แต่เรื่องผู้หญิงคนนั้นนี่สิ ฉันจะไปหาจากไหนมาให้แกวะ มีจริงรึเปล่ายังไม่รู้เลย”
“เอาเป็นว่า ฉันให้เวลาแกอาทิตย์เดียว หาให้เจอ อย่าให้คุณพ่อรู้ แล้วก็อย่าให้คนที่บ้านฉันรู้ด้วยว่าฉันกลับมาแล้ว”
“นี่แกไม่ใช่เจ้านายฉันนะโว้ย”
“วันไหนที่ฉันไปทำงานแทนคุณพ่อ วันนั้นแกก็เป็นลูกน้องฉันอยู่ดี เริ่มทำงานให้ฉันตั้งแต่วันนี้เลย เดี๋ยวจะขึ้นเงินเดือนให้”
“ถ้าเจ้านายรู้ว่าฉันแอบสืบเรื่องเมียน้อยท่าน ท่านไล่ฉันออกก่อนที่แกจะขึ้นบริหารแน่”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะยอมรับกับคุณพ่อเองว่านายทำเพราะขัดคำสั่งฉันไม่ได้ นายเก่งอยู่แล้วเพื่อน ฉันว่าไม่เกินวันสองวันนี้ นายคงจะหาคำตอบมาให้ฉันได้”
“ใช่ การแส่เรื่องคนอื่น การยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่งานถนัดฉันเลย” จักรกฤษณ์หยิบขวดไวน์มาเปิด แล้วรินใส่แก้วทรงสูงอย่างช้าๆ แสดงถึงความเป็นคนพิถีพิถันและใจเย็นสุดๆ “ถามจริงเหอะ ถ้าเจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว แกจะทำอะไร”
“เอาให้เจอก่อนสิ”
“ไอ้จอม...แกคิดจะทำอะไรกันแน่วะ”
“ทำอะไรนะเหรอ ก็แค่ปกป้องคุณแม่ในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน”
“แล้วคุณพ่อแกล่ะ บางทีอาจจะเป็นความสุขของท่าน”
“ความสุขของเขา แต่เป็นความทุกข์ของฉันกับแม่” เขาโกรธบิดาแต่ชักสีหน้าใส่เพื่อน ก่อนคว้าแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้นดื่มแบบรวดเดียวจบ ไม่เหลือสักหยดในก้นแก้ว “แม่ฉันร้องไห้เท่าไหร่ ผู้หญิงคนนั้นต้องชดใช้เป็นร้อยเป็นพันเท่า”
วินาทีนี้...แววตาของจอมทัพน่ากลัวพอๆ กับเสือร้ายที่กำลังจะตะครุบเหยื่อแล้วฉีกทึ้งไม่เหลือซาก
ขวัญชนกตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์สามี ทว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นดังลั่นอยู่ในบ้านนี่เอง เธอหันไปมองต้นเสียง ถึงได้เห็นว่ามันวางอยู่บนโซฟาตัวยาว“โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป” เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เมื่อนึกถึงสันดานของสามีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขามันประเภทเจ้าชู้ไม่เลือกกินเสียด้วย ป่านนี้อาจไปนอนกกอยู่กับสาวๆคนไหนก็ได้ “อย่าบอกนะว่าแอบไปตั้งแต่ตอนดึก”คิดแล้วก็เจ็บใจจัด รีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด เตรียมตัวออกข้างนอก“คอยดูนะ ถ้าจับได้ว่าคุณนอกใจฉัน ฉันจะเลิกกับคุณทันทีเลย”หญิงสาวไม่รอรีให้เสียเวลา เธอออกจากบ้านหลังสวย แล้วมุ่งสู่อพาร์ตเม้นต์ของชายหนุ่ม ที่ๆเขาเช่าทิ้งไว้สำหรับอยู่อาศัยขณะเรียนหนังสือ ตั้งแต่กลับมาบอสตันเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ไปเหยียบที่นั่นเลยสักครั้ง เขาอ้างว่ายังไม่ได้จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด กลัวเธอจะสูดฝุ่นเข้าปอด เดี๋ยวกระทบถึงลูก“จอมทัพ!!!” เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณไม่ได้ตายดีแน่!!!”ขวัญชนกโบกรถแท็กซี่อย่างร้อนรน เมื่อเข้าไปนั่งที่เบาะหลังแล้ว เธอบอกจุดหมายปลายทางให้โชว์เฟอร์รับทราบอย่างละเอียดยิบ จากนั้นรถก็วิ่งฉิวทิ้งห่างบ้านพักห
บอสตัน...ในวันที่สายฝนเย็นฉ่ำโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย“ทะเลที่นี่ เวลาฝนตกก็สวยไปอีกแบบนะ”“แต่คุณสวยกว่าอีก”“อย่ามาปากหวานหน่อยเลย”“ก็มันเรื่องจริงนี่” ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ในบ้านพักตากอากาศหลังสวยริมทะเล โดยชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง ขณะท้องสาวนูนขึ้นเล็กน้อย “เมียของผม ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมยังเซ็กซี่ไปทั้งตัว นี่ขนาดท้องอยู่นะ สาวๆที่นี่สู้คุณไม่ได้สักคน”“สู้ไม่ได้ หมายความว่าไงคะ” เจ้าหล่อนปลดมือของชายหนุ่มออก แล้วเหลียวหน้ากลับมามอง ด้วยตาดุเข้ม “หรือว่า แอบกลับไปทบทวนความหลังกับสาวๆของคุณมา”“อย่าหาเรื่องน่า ตั้งแต่มานี่ต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันนี้ ผมก็อยู่กับคุณตลอด ระแวงไม่เข้าเรื่อง”“ไม่เข้าเรื่องยังไง คนอย่างคุณก็รู้ๆกันอยู่” เจ้าหล่อนทำปั้นปึ่ง เดินผละมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีชุดชงชาและกาแฟวางอยู่ เธอรินชาใส่ถ้วย ควันพวยพุ่ง หอมฟุ้งไปทั้งบ้านจอมทัพเดินตามมากอดแล้วจูบภรรยาอย่างโหยหาและเอาใจ“อย่าหงุดหงิดเลยนะ เดี๋ยวส่งผลไปถึงลูก มันไม่ดี”“ไม่รู้สิคะ สงสัยจะเป็นเพราะโฮโมน”“ผมอยากให้ลูกชายของผมเป็นเด็กอารมณ์ดีนะ”“รู้ได้ไงว่าลูกชาย”“คนที่สองต้องลูกชายอยู่แล้
‘ไม่จริง’“เรื่องนี้คุณแม่กุลธิดาของผมทราบเรื่องดีครับ เพราะท่านอยู่ในเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์”จอมทัพหันมามองเธอด้วยสายตาผิดหวัง เธอตั้งสติแล้วลงจากเวทีมาหาเขา โผเข้ากอดเขาแล้วสะอื้นฮึกฮัก นักข่าวพากันกระหน่ำถ่ายรูปไม่หยุด“จอมยังไม่ตาย แม่ดีใจเหลือเกิน จอมหายไปไหนมาลูก ทำไมมาเอาป่านนี้”ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดของมารดาเลี้ยง ด้วยท่วงท่าเย็นชา ไร้เยื่อใย“ขอบคุณที่คุณแม่เลี้ยงดูผมมานะครับ”กุลธิดารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอเองที่เป็นคนทำลายความรักความเชื่อใจของผู้ชายคนนี้จนหมดสิ้น“จอม...”“ผมรักคุณแม่นะครับ ถึงแม้คุณแม่จะไม่เคยรักผมเลยก็ตาม”“จอม...ไม่จริงลูก”“พอเถอะครับคุณแม่ พอซะทีเถอะ!!!”กุลธิดาอึ้งจนพูดไม่ออก“คิดว่าแม่ไม่เสียใจเหรอที่เห็นลูกตาย...”ชายหนุ่มหัวเราะทั้งน้ำตา หันมองหน้ามารดาเลี้ยงด้วยหัวใจที่แตกสลาย “ผมรู้หมดแล้วครับ ว่าแม่ทำอะไรลงไปบ้าง และตอนนี้หลักฐานทุกอย่างก็อยู่ที่ตำรวจหมดแล้วด้วย ทุกคดี รวมทั้งคดีบงการฆ่าผมด้วย!”ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตกใจกับข่าวนี้ ก่อนจะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันมันปาก ขณะกุลธิดาปากคอสั่น ร้องบอกทุกคนว่าสิ่งที่จอมทัพพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจ
“ไม่ได้”เขาแสร้งทำเป็นหูเพี้ยน ก้มเข้าหาเธอแล้วประกบริมฝีปากบนเนื้อปากอิ่มแสนรั้นจนแนบแน่น“อือ...”ริมฝีปากร้ายจูบอย่างอ่อนโยนเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถอนออกมาอย่างแสนเสียดาย“อ่า...มีความสุขจัง...งานนี้ถึงโดนตบก็ยอม”“คุณจอม!” เธอหน้าแดงก่ำเพราะความเขิน รีบหันมองรอบกาย เพราะกลัวพ่อแม่จะเห็นเข้า “คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”“ผมรักคุณนะ”เขาบอกรักเธอตลอดเวลาจนเธอเริ่มหมดความตื่นเต้นไปแล้ว...อย่างนั้นหรือ...ไม่เลย...ไม่ว่าเขาจะบอกรักเธอสักกี่ครั้ง เธอก็ยังตื่นเต้นได้ทุกครั้งสิน่า“พูดอยู่ได้ น่าเบื่อ”“ผมจะรีบกลับมานะ”“ดูแลตัวเองด้วย”“ว่าไงนะ” เขาได้ยินแล้ว แต่อยากได้ยินอีก เพราะมันทำให้เขามีความสุขแทบบ้า “คุณว่าไงนะขวัญ”เธอไม่อยากพูดอีก มันเสียศักดิ์ศรี แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว“อย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ คิดจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ มีสติ ห้ามประมาทเด็ดขาด”เขาคว้ามือเธอไปจับแน่น “คุณเป็นห่วงผมเหรอ”“ก็...คุณจะไปหาเงินมาสร้างโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่ห่วงผลประโยชน์ของคนที่เกาะ” เธอรู้จากหมอทินกรมาสักพักแล้ว เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กบนเกาะพันดาว ที่เขาเป็นเจ้าของเงินทุนแล
“ผมจะกลับไปกรุงเทพฯสักพักนะ”เขามาบอกเธอที่บ้านในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังถักเสื้อไหมพรมตัวที่หกให้ลูกของเธออยู่ที่หลังบ้าน“ก็ไปสิ ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันหรอก”เธอไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้าง ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ถือสาหาความหรอก เขารู้ว่าเธอยังโกรธและไม่ให้อภัยเขา แม้เวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เขาจะพยายามเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ทำเป็นมองไม่เห็น“ผมจะไปสะสางปัญหาที่บริษัท แล้วก็จะไปให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องคดีของคุณด้วย อีกไม่นานคนร้ายตัวจริงจะได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับคุณแล้วนะ คุณสบายใจได้”“ทุกวันนี้ฉันก็สบายใจดี การที่ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร ไม่ต้องไปแก่งแย่งแข็งขันกับใคร มันทำให้ฉันค้นพบความสุขที่แท้จริง”“ผมดีใจนะที่คุณมีความสุข” เขาเดินมานั่งลงข้างๆกับเธอ มองเธอด้วยสายตาล้นเอ่อไปด้วยรัก เวลานี้ท้องของเธอเห็นชัดมากแล้ว จนเธอต้องสวมชุดคลุมท้องเพื่อให้คล่องตัวขึ้น“ทำไมเสื้อผ้าของลูกมีแต่สีหวานๆ”“ก็ลูกฉันเป็นผู้หญิงนี่นา”“จริงเหรอ!” เขาได้ยินก็ตื่นเต้นแทบคลั่ง เกือบจะคว้าเธอมากอดให้ชื่นใจแล้ว หากไม่โดนสายตาพิฆาตเสียก่อน“นี่ผมก
“หมอ...หมอ...” หมอชราพูดออกมาแทบไม่ออก “หมอฝันจะเห็นสิ่งนี้มาตลอด แต่หมอไม่มีปัญญาจะทำ”“ไม่จริงครับ หมอมีปัญญาจะทำ แต่หมอรอผมอยู่ และตอนนี้ผมก็มาแล้วไง...นี่แหละคือโชคชะตาของผม”“ขอบคุณนะ ที่เห็นคุณค่าของคนที่นี่”“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณทุกคนที่นี่...ความจริงผมเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าอีกไม่นานนี้ ลูกของผมจะคลอดที่นี่ ผมเลยอยากทำอะไรเพื่อคนที่ผมรักด้วย”“ไม่ต้องห่วงนะ หมอจะทำคลอดลูกของคุณให้ดีที่สุด และเด็กคนนี้จะภูมิใจที่ได้มีพ่ออย่างคุณ”“ผมก็หวังเช่นนั้นครับ...”หวังว่าเขาจะได้ทำอะไรเพื่อลูกน้อยของเขาที่กำลังจะคลอดในอีกสี่เดือนข้างหน้า แม้ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่การได้รู้ว่าเขายังปลอดภัยและแข็งแรงดี นั่นก็คงจะเพียงพอให้หัวใจของเขาได้มีแรงเดินต่อ“ตกลงหนูท้องกับใคร”กุลธิดาเค้นถามหญิงสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หลังจากที่เจ้าหล่อนพูดบางสิ่งที่ทำให้เธอปวดหัวไม่หาย“ไม่รู้สิคะ หนูจำไม่ได้”“จำไม่ได้เลยเหรอว่านอนกับใครบ้าง”สิริวิไลทำหน้าขัดใจ “จะจำไว้ทำไมคะ ก็แค่สนุกๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย จะซีเรียสทำไมคะ เพราะถึงยังไง ลูกของหนูก็ต้องเป็นลูกของคุณจอมทัพ