โรงเรียนอนุบาลรุ่งอรุณ
ต้นน้ำยืนอยู่ข้างๆ นายแพทย์อนวินท์ เด็กๆกำลังจะเลิกเรียน โรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งนี้อยู่ไม่ไกลมาก จากโรงพยาบาลทำให้สะดวกในการไปรับและมาส่ง ต้นน้ำน้ำตาซึมเมื่อมองเห็นท่าทางตื่นเต้นของลูกชายตัวน้อยที่มองมาจากที่นั่ง คุณครูกำลังจะปล่อยนักเรียน พยาบาลสาวมองเห็นลูกชายตัวน้อยกำลังซอยเท้าเหมือนกำลังตื่นเต้นเต็มที่ที่จะได้เจอพ่อ ผู้ชายที่ยืนข้างๆ นี้ พยาบาลรับรู้ถึงความอบอุ่นหญิงสาวเหลือบไปมอง เห็นนายแพทย์หนุ่มขยับแว่น หญิงสาวขนลุกเมื่อมองเห็นเหมือนอดีตสามีมีน้ำรื้นๆ อยู่ในดวงตา หญิงสาวยังแอบเห็นว่าชายหนุ่มกำมือแน่น แล้วเงยหน้าเหมือนต้องการทำการหยุดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ต้นน้ำเหลียวไปมองอีกครั้งในห้องเรียนเห็นลูกชายตัวน้อยวิ่งตรงมาที่ตนเองและหมอหนุ่มยืนรอพร้อมอ้าแขนมาแต่ไกล “พ่อ พ่อฮะ พ่อ.....” น้องนนท์ร้องเรียกเสียงดัง จนต้นน้ำตกใจ อนวินท์ย่อตัวลงนั่งพร้อมกับอ้าแขนรับร่างเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาหาเหมือนคุ้นเคยกันนานปี ต้นน้ำเบือนหน้าหนีเมื่อน้ำตาหยดลงมา หญิงสาวรีบปาดน้ำตาทิ้ง “นนท์ ลูกพ่อ” อนวินท์อุ้มลูกชายพร้อมเหวี่ยงไปมาอย่างดีใจ “พ่อ พ่อ ....พ่อ” น้องนนท์ ร้องเรียกพร้อมซบใบหน้ากับซอกไหล่อย่างรู้สึกดีใจ “กลับกันเถอะค่ะ คนมองกันใหญ่แล้ว” ต้นน้ำเดินนำ เมื่อรู้สึกว่าครอบครัวของตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ อนวินท์อุ้มลูกชายตัวน้อยเดินตามพยาบาลสาว ชายหนุ่มหอมแก้มลูกชายสองสามครั้ง “เหนื่อยไหมครับวันนี้น้องนนท์” “ไม่เหนื่อยครับ” เด็กชายนนท์วัตรพูดน้ำเสียงใส “เดี๋ยวพี่ขับเอง” อนวินท์เอ๋ยขึ้นเมื่อต้นน้ำจะเปิดประตูรถ ต้นน้ำนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครึ่งชั่วโมง เธอได้นัดให้นายแพทย์หนุ่มออกไปเจอกันที่ป้ายรถเมล์ที่ใกล้โรงพยาบาล เนื่องจากไม่ต้องการให้คนที่ทำงานเห็น ดังนั้นตอนขามาเธอจึงเป็นผู้ขับมาที่โรงพยาบาล “ตามใจ” ต้นน้ำเอื้อมมือไปอุ้มลูกชายมาอุ้ม แล้วก็ไปนั่งข้างๆ คนขับ โดยมีลูกชายนั่งที่ตัก อนวินท์ขับรถ ตรงไปที่หมู่บ้านรุ่งอรุณหมู่บ้านที่เธอและเขาพักอยู่ ต้นน้ำคิดอะไรเพลินๆ ก่อนตกใจ เมื่อน้องนนท์คว้าข้อมือของอนวินท์มาจับไว้ แล้วหมุนนาฬิกาข้อมือเล่น ต้นน้ำตกใจเพราะแขนของชายหนุ่มพาดผ่านที่ตัวเธอจนหญิงสาวรู้สึกถึงไอร้อนที่ผ่านข้อมือและแขนมาที่หน้าตักของเธอ “นนท์ อย่าไปเล่นนาฬิกาของเขา...เออ ของพ่อ” ต้นน้ำพูดตะกุกตะกัก อนวินท์ยิ้มที่มุมปาก แล้วนึกขำคนที่กำลังทำหน้าเลิกลั่กกำลังไม่พอใจแต่ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่บนตัก “ไม่เป็นไร ปล่อยลูกเล่นเถอะ” “ตั้งใจขับรถสิ ขับรถมือเดียวอันตราย” ต้นน้ำใช้มือผลักทั้งข้อมือและแขนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจของเด็กชายนนท์วัตร “โอ๊ะ ขอโทษครับลูก เดี๋ยวค่อยไปเล่นต่อที่บ้านนะครับ พ่อเขากำลังขับรถ” “ครับแม่น้ำ” เด็กชายนนท์วัตรนอนซบอก แล้วยกมือขึ้นมากอด ต้นน้ำกอดตอบลูกชายตัวน้อยแนบแน่นเหมือนส่งต่อความรักถึงกันและกัน เด็กชายนนท์วัตรเผลอหลับไปด้วยความเพลียจากการวิ่งเล่นอย่างหนักที่โรงเรียน อนวินท์ขับรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะหันมามองภาพหญิงสาวอดีตภรรยาที่จากกันนานร่วมสี่ปีกว่ากำลังกอดกับลูกชาย สายตาของนายแพทย์หนุ่มประกายอ่อนโยน ภาพแบบนี้มิใช่เหรอที่เขาเคยคิดวาดฝันไว้เมื่อหลายปีก่อน พ่อ แม่ และลูก ครอบครัวที่อบอุ่นที่ชายหนุ่มค้นหามาทั้งชีวิต ตอนนี้เหมือนภาพสีจางๆ เมื่อหลายปีก่อนกำลังจะกระจ่างชัดทีละน้อย ทีละน้อยในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก