หลี่เล่อเยียนที่หมดสติไปนั้น เธอไม่ได้ไปไหนเลยแต่เธอทนรับความทรงจำที่เข้ามาในหัวนี้ไม่ไหว รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด เธอรู้ความลับมากมายของเจ้าของร่างเดิมอย่างไม่น่าให้อภัย
เดิมทีเธอเข้าใจว่าร่างเดิมมีเพียงพี่ชายและน้องชาย แต่จริง ๆ แล้วนั้น เธอมีพี่สาวที่เป็นลูกติดมาจากแม่เลี้ยงของเธอหรือภรรยาใหม่ของพ่อเธอนั่นเอง
แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือทำไมเธอถึงพึ่งจะจำได้ ทำไมความทรงจำถึงค่อยๆ เข้ามาทีละนิด เหมือนเธอสูญเสียความทรงจำบางช่วงบางตอนไป
หลี่เล่อเยียน ที่เธอเข้าใจว่าเป็นเพียงหญิงสาววัยใส แท้จริงนั้นมันไม่ใช่เลย เธอทำเรื่องน่าอายอย่างไม่น่าให้อภัย ทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกันอย่างแน่นอน แม้แต่ตัวของหลี่เล่อเยียนที่เข้ามาอาศัยร่างนี้อยู่ก็รับไม่ได้
เธอเพิ่งเข้าใจว่า ทำไมตอนที่เห็นหน้านายทหารคนนั้นเธอถึงได้ใจเต้นแรง เธอเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง ตอนนี้คงได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เขาคนนั้นจำเธอได้เลย ขอให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างถูกต้องและเดินให้ถูกทาง
ปัง.........
" ค่ะ คุณ คุณที่ฉันพูดไปคุณฟังไม่เข้าใจเลยหรืออย่างไร" เหอหมี่เมี่ยนที่ทั้งเหนื่อยและง่วง ดันมาเจอผู้ชายงี่เง่าคนนี้มันน่าหงุดหงิดใจเหลือเกิน
" ผมร้อนใจตะโกนเรียกแล้ว แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ก็เลยใจร้อนไปหน่อย " เดิมทีเตียวซวูอี้ตั้งใจจะเข้ามาดูอาการของเล่อเยียนแล้วจะกลับบ้านไปนอน แต่เขาเรียกทั้งเหอหมี่เมี่ยนแล้วก็หม่ายวี่ไท่แล้ว ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้ามาอย่างเสียมารยาท
" เวลานี้มันเป็นเวลาอะไรกัน คุณจะให้ฉันมาคอยต้อนรับคุณตลอดเลยหรืออย่างไร ตัวฉันเองก็เหนื่อยอีกทั้งยังทำงานตากฝนเหมือนกับเล่อเยียนนะ ฉันเป็นคนและตอนนี้ก็ต้องการพักผ่อน " เหอหมี่เมี่ยนพูดอย่างเอาแต่ใจและมีน้ำเสียงปนน้อยใจ เธอรู้ดีว่าเลขาหนุ่มนั้นมีใจให้กับเพื่อนของเธอแต่จะให้ทำไงล่ะ เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ อย่างที่เธอบังคับหัวใจไม่ให้น้อยใจเขาไม่ได้เช่นกัน
" ผมต้องขอโทษด้วยที่วู่วาม พวกคุณพักผ่อนเถอะครับพรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมใหม่ในตอนเช้า " เตียวซวูอี้รู้สึกผิดอย่างมาก ตัวเขานั้นเป็นห่วงสาวในดวงใจ จนลืมคิดถึงคนที่ดูแล เพราะพวกเธอก็ตัวติดกันกับเล่อเยียนคงจะเหนื่อยมามากพอแล้วสำหรับวันนี้
หลังจากพูดจบเขาก็ค้อมหัวเล็กน้อย เพื่อเป็นการขอโทษ จากนั้นจึงเดินจากไป แต่ไม่ลืมที่จะขอให้หม่ายวี่ไท่มาล็อกกลอนประตูจากด้านในด้วยเพราะอย่างไรเสียบ้านก็มีแต่ผู้หญิง
" ห่าวววว นอนกันเถอะเธอนอนบนเตียงกับเล่อเยียนแล้วกัน เวลาตัวร้อนจะได้รู้สึกตัว ฉันปูฟูกนอนด้านล่างนี้เอง " หม่ายวี่ไท่ตัดบทเพราะเธอสังเกตเห็นน้ำใสๆ ที่กำลังจะร่วงลงมาจากดวงตาของเพื่อนสาว และได้แต่หวังว่าเพื่อนจะไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง พิษรักนั้นรุนแรงเสมอ ดั่งคำพูดที่ว่าความรักทำให้คนตาบอด
" อือ..." หลี่เล่อเยียนตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวรุนแรงอาจเป็นเพราะเธอเล่นน้ำฝนเมื่อวานนานไปหน่อย
" ตื่นแล้วหรือ ลุกขึ้นมากินยาต้มหน่อยเถอะ จะได้หายไวๆ" หมี่เมี่ยนพูดออกมายิ้มๆ ยาต้มนี้เป็นเตียวซวูอี้ที่นำมาให้เมื่อช่วงเช้า
" กี่โมงกี่ยามแล้ว นี่เธอขาดงานเพราะฉันอย่างนั้นหรือ " หลี่เล่อเยียนรู้สึกละอายใจ ที่เห็นเพื่อนต้องหยุดงานเพื่อดูแลตัวเธอเอง
" ไม่ใช้หรอกจ้ะ ข้างบนเขาสั่งมาว่าให้พักนะ เห็นพวกเราตากฝน อีกทั้งเธอเป็นลมล้มป่วยจึงให้หยุดพัก อีกอย่างงานในทุ่งนาก็ไม่ได้มีอะไรมากแล้วล่ะจ้ะ " หมี่เมี่ยนคลายความสงสัยให้กับหลี่เล่อเยียน
" เธอกินข้าวต้มนี่ก่อน แล้วค่อยกินยาตัวยังอุ่นๆ อยู่เลย" หมี่เมี่ยนรีบยกชามข้าวต้มมาให้ จากนั้นจึงเดินออกไปข้างนอก เพื่อเตรียมน้ำสำหรับให้เล่อเยียนเช็ดตัว
นี่เธอหลับไปนานขนาดนี้เลยหรือ จำได้ว่าเผลอสบตากับเขาแล้วภาพความทรงจำต่าง ๆ ก็วิ่งเข้ามาในหัว หวังว่าเขาคงจะจำเธอไม่ได้ ไม่หรอก..เธอคงไม่ได้อยู่ในสายตาเขามากกว่า แล้วนี่เธอจะมาตัดพ้ออะไร เพ้อเจ้อจริง ๆ เลย
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก