Share

3

Author: Scince
last update Huling Na-update: 2025-07-17 11:40:54

"หลี่เล่อเยียน...นี่...หลี่เล่อเยียน หล่อนจะนอนตื่นสายแบบนี้ไม่ได้นะ ..." เสียงแหลมแสบแก้วหูตะโกนเรียกหญิงสาวผมดำยาว ขัดกับผิวสีขาวราวหิมะ ร่างผอมบางที่นอนไม่ได้สติ เนื่องจากเธอไม่เคยทำงานหนักจนส่งผลให้เธอล้มป่วยจับไข้ไม่ได้สติทั้งคืน ใครเลยจะคิดว่าการที่เธอถูกเกณฑ์ให้มาใช้แรงงานของค่ายปัญญาชน จนทำให้เธอเสียชีวิต เพราะไม่เคยทำงานหนักมาก่อน

" อือ... นะ น้ำ คอแห้งจัง " หลี่เล่อเยียนที่เหน็ดเหนื่อยจากการตระเวนซื้อของเข้ามิติถูกรบกวนการนอน โดยเสียงของหญิงสาวแหลมปี๊ดก็เกิดอาการมึนงงเล็กน้อย หรือเมื่อคืนเธอเปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งคืนกันนะ

" หล่อน...... ได้เวลาทำอาหารเช้าแล้ว หล่อนจะกินแรงคนอื่นไม่ได้นะ ฮึ่ย ตัวซวยจริง ๆ เลย" ฟ่านเหมยเหมย หญิงสาวอายุราว ๆ 18 ปีเอ่ยเสียงเขียว เนื่องจากเธอก็ถูกส่งมายังพื้นที่ห่างไกลบ้านเพื่อมาเป็นปัญญาชนชั้นแรงงาน ทำงานแลกแต้มค่าแรงเหมือนกันกับหลี่เล่อเยียน ผ่านมาได้ 10 วันแล้ว เธอรู้ซึ้งถึงสันดานของหลี่เล่อเยียนดี ทำตัวสูงส่ง งานหนักไม่เข้าใกล้ กินข้าวก็ต้องค่อยๆ เคี้ยว เห็นแล้วขัดหูขัดตานัก เป็นลูกหลานตระกูลสูงส่งมาจากไหนกันเชียว อีกทั้งสายตาดูแคลนที่มองมายังเพื่อนปัญญาชนด้วยกันอีก เรียกได้ว่าไม่มีใครถูกชะตากับหลี่เล่อเยียนเลยสักคน

เนื่องจากว่าหลี่เล่อเยียนนั้นเรียนจบถึงชั้นมัธยมปลาย ตอนมาถึงจึงถูกเสนอชื่อให้ไปเป็นครูสอนหนังสือ แต่ด้วยความที่หน้าตาผิวพรรณของเธอนั้น มันช่างโดนเด่นเกินใครในหมู่ปัญญาชน รวมไปถึงเธอไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับใครเลย จึงไม่มีใครสนับสนุนเธอสักคน ตำแหน่งครูจึงตกไปเป็นของ หมิงเสี่ยวฮวา สาวงามอีกผู้หนึ่ง กิริยาอ่อนหวาน นอบน้อมถ่อมตน เป็นที่รักของเพื่อนปัญญาชนที่เดินทางมาร่วมกันเป็นเวลา 4 วันเต็มๆ เธอได้หัวใจของเพื่อนปัญญาชนเกินครึ่ง จึงไม่ต้องทำงานหนักเพียงแค่ออกไปสอนหนังสือแถมยังได้ค่าแรงเดือนละ 10 หยวนอีกด้วย

" อือ.. เธอเป็นใคร เข้ามาในห้องฉันได้อย่างไร " หลี่เล่อเยียนที่พอได้สติมาบ้าง หลังจากมึนงงกับอาการไข้ นี่เธอซื้อของแค่นี้ถึงกับไข้จับเชียวหรือ หลี่เล่อเยียนได้แต่สงสัยกับตัวเองว่าเธอกลายเป็นคนอ่อนแอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อีกทั้งผู้หญิงฟันดำคนนี้อีกที่มาตะโดนเรียกจนแก้วหูแทบแตก

" เหอะ หลี่เล่อเยียน เธอนี่มัน.... หึ ..ฉันก็คือปัญญาชน ฟ่านเหมยเหมย เพื่อนร่วมบ้านพักเดียวกันกับหล่อนอย่างไรเล่า " ฟ่านเหมยเหมย คาดไม่ถึงว่าอาศัยอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลาสิบวัน ไม่ช่วยให้สมองของหล่อนจำชื่อเธอได้เลยหรืออย่างไรกันนะ เจอหน้าทีไรหล่อนเป็นต้องถามทุกทีว่าเธอเป็นใคร น่าเจ็บใจยิ่งนักนางจิ้งจอก

" แล้วเธอมาห้องฉันทำไม เข้ามาได้อย่างไร " หลี่เล่อเยียน ที่มึนงงกับพิษไข้ ก็ยิ่งมึนหนักเข้าไปอีก แต่พอมองสำรวจสภาพแวดล้อมที่เธออยู่แล้วนั้น ก็คงพอจะเดาได้ว่าเธอคงมายังอีกโลกหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วแน่นอน ดูจากการแต่งตัวรวมไปถึงเตียงที่เธอนอน เฮ้อ...

"ฉันก็มาปลุกเธอไปทำอาหารหนะสิ อย่าคิดว่าได้จะกินแรงคนอื่นนะ ทุกคนทำงานเหนื่อยเหมือนกัน วันนี้เป็นวันที่เธอที่จะต้องทำอาหาร รีบๆ ลุกขึ้นมาได้แล้ว " ฟ่านเหมยเหมย กอดอกมองหลี่เล่อเยียนด้วยความอิจฉา พร้อมกับคิดในใจว่า ขนาดเพิ่งตื่นนอนหล่อนยังสวยเลย ฮึ่ย..ขัดใจนักเชียว ปีศาจจิ้งจอกชัดๆ

" วันนี้คงไม่ได้ ฉันไม่ค่อยสบาย แต่ฉันมีซาลาเปาอยู่พวกเธอเอาไปกินแทนอาหารเช้านี้แล้วกัน ฝากบอกหัวหน้าด้วยว่าฉันขอลาพัก " หลี่เล่อเยียนลุกขึ้นพร้อมกับมองซ้ายขวาทำทีเป็นเปิดตู้เสื้อผ้าพร้อมกับรีบหยิบซาลาเปาจำนวน 6 ลูกออกมาจากมิติ

" ซาลาเปาแค่ 6 ลูกนี่หนะหรือ มันจะไปพอกินอะไร " ฟ่ายเหมยเหมยเอ่ยออกมาเสียงเหยียดๆ แต่ดวงตากลับเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น นี่มันซาลาเปาอะไรกันทำไมถึงลูกใหญ่ สีขาวน่ากินอะไรเช่นนี้

" ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องกิน ฉันมั่นใจว่าซาลาเปาของฉันเป็นอาหารที่ดีที่สุดแล้วตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ " หลี่เล่อเยียนไม่พูดพร่ำอะไรมาก รีบชักซาลาเปากลับ แต่เนื้อเข้าปากเสือไปแล้วมีหรือที่มันจะคายออกมา

" อา อา... ได้ยังไงกัน นี่ก็สายมากแล้ว พวกเราต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลามาขี้เกียจสำออยแบบหล่อนหรอก ไปกันเถอะพวกเราดีกว่าไม่มีอะไรลงท้อง

อ้อ...ฉันหวังว่าเย็นนี้จะมีอาหารเตรียมไว้ให้พวกฉันกินนะ" หลังจากคว้าซาลาเปาได้แล้ว ฟ่านเหมยเหมยก็รีบสาวเท้าออกจากห้องทันที ไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยไล่ให้เสียเวลา

ช่วยไม่ได้เมื่อถูกส่งมาก็ใช่ว่าจะได้กินอยู่อย่างสบาย ทุกคนยังคงต้องทำงานแลกแต้มค่าแรง เพื่อรับส่วนแบ่งปันผลหลังการเก็บเกี่ยว ก่อนผลผลิตทั้งหมดจะถูกส่งไปยังทางการ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ใช่ว่าจะมีคนที่ยินดีมา แต่ไม่มีใครสามารถขัดคำสั่งได้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปัญญาชนที่เป็นผู้หญิงมากกว่า ผู้ชายส่วนใหญ่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร

" ฉันจะบอกหัวหน้าให้ เธอพักผ่อนเถอะจ้ะ " เหอหมี่เมี่ยน หญิงสาวร่างผอมบางหน้าตาถือว่าสวยใช้ได้เลยทีเดียวแต่ไม่มีอะไรโดดเด่นรีบเอ่ยบอกหลี่เล่อเยียนก่อนที่เธอจะเดินตามหลังพวกของฟ่านเหมยเหมยไป

ทางด้านของหลี่เล่อเยียนนั้นไม่รับรู้อะไรภายนอกอีกแล้ว เนื่องจากตอนนี้สมองของเธอกำลังจดจำเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นมาในหัวของเธอ

ซึ่งเจ้าของร่างเดิมนี้มีชื่อว่า หลี่เล่อเยียน เหมือนกับเธอเลย แต่ต่างกันตรงที่ร่างนี้อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น อีกอย่างคือ เธอเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เธอมีพี่น้อง 3 คนรวมเธอด้วย มีพี่ชายพี่กำลังจะจบระดับมหาวิทยาลัย มีน้องชายที่กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมปลาย เธอจึงต้องเสียสละตัวเอง เพราะทางการจัดให้ปัญญาชนแต่ละครอบครัวต้องมีตัวแทนไปใช้แรงงานแลกแต้มค่าแรงยังดินแดนห่างไกล เพื่ออนาคตของครอบครัว เธอจึงเป็นผู้ถูกเลือก ด้วยเหตุผลว่าเธอเป็นหญิง อีกหน่อยก็แต่งงานออกเรือน เหมือนน้ำเน่าที่สาดออกจากบ้าน พี่ใหญ่เธอจะต้องมีอนาคตที่ดี ส่วนน้องเล็กจะต้องก้าวตามพี่ใหญ่แน่นอน

เอาล่ะในเมื่อไม่มีใครต้องการ ฉันก็จะทำให้ร่างนี้มีชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด แต่ก่อนอื่นจะต้องสำรวจของใช้ส่วนตัวของร่างนี้ก่อนว่ามีอะไรติดตัวมาบ้าง

เมื่อพอรู้ที่มาที่ไป ก็ได้เวลาสำรวจ มีเสื้อผ้าอยู่ทั้งหมด 3 ชุด แป้ง 2 ชั่ง ข้าว 2 ชั่ง เกลือ น้ำตาลอย่างละก้นกระปุก ไข่ไก่ 1 ชั่ง เงินอีก 40 หยวน อืม...ยังถือว่าไม่ลำบากอะไรมากนัก ทางครอบครัวคงไม่คิดจะทอดทิ้งเธอจริง ๆ หรอก เพราะหากจะทิ้งจริง ๆ เธอคงไม่มีเงินติดตัวมากเพียงนี้

ถ้าจำไม่ผิดนี่คงจะอยู่ในช่วงปี 1956 -57 สินะ ในยุคที่ปัญญาชนจะต้องมาใช้แรงงานในค่ายชนบท อยู่ในยุคมืดดำของยุคเลยก็ว่าได้ แล้วเธอจะรอดใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นไรเล่า

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่ครั้งนี้ต้องมีความสุข   198

    "เรื่องนี้แล้วแต่น้องสามจะจัดการเถอะครับ ผมกับภรรยาได้บอกไปแล้ว ความตั้งใจแรกคือเพียงแค่อยากจะให้คนทำผิดยอมรับเท่านั้น และอยากจะถามหาเหตุผลว่าทำไมถึงทำกับเด็กที่ไม่รู้ประสีประสาอย่างนั้นได้ลงคอ แต่หล่อนก็ไม่ยอมรับผิด ซ้ำยังโบ้ยความผิดให้เลี่ยงจินว่าพูดปดมดเท็จขู่ให้เด็กกลัวจนตัวสั่นตัวน้องสามเองก็ควรจะมีภาวะความเป็นผู้นำ แต่งภรรยาเข้ามาแล้ว ก็ควรจะสั่งสอนภรรยาให้รัก และเคารพครอบครัวของสามีให้เหมือนครอบครัวของตนเอง ไม่ใช่คอยเฝ้าอิจฉาริษยาคนที่เขาได้ดีกว่า" คำพูดสุดท้ายหยางหมิงเฉิงปลายตามองสะใภ้ใหญ่ ซึ่งความอิจฉานั้นเขาไม่สามารถบอกได้ว่า ใครมีมากกว่าระหว่างสะใภ้ใหญ่และสะใภ้สาม“อืม…แต่ไหนแต่ไรมาน้องสามจิตใจอ่อนโยนขี้ใจอ่อน เป็นคนปากหนักไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ครั้งนี้เขาคงได้บทเรียนไปบ้างแล้วล่ะ” พี่ชายใหญ่พยักหน้าเข้าใจในคำพูดของน้องชายทันทีพี่ชายใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าหยางหมิงเฉิงและภรรยา ต้องการให้ส่งสะใภ้สามและลูกกลับไปยังบ้านเดิม แต่แท้จริงแล้วเป็นความคิดของน้องชายสามเองที่ ไม่รู้ว่าจะลงโทษลูกเมียอย่างไรดีให้พี่รองของเขาพอใจ แต่เขากลับไม่ได้คิดว่าจะหาวิธีอบรมส

  • เกิดใหม่ครั้งนี้ต้องมีความสุข   197

    เสียงร้องไห้ของเด็กคนหนึ่ง ดังไกลมาถึงบ้านของสองสามีภรรยา หลี่เล่อเยียนสะดุ้งตื่นในอ้อมกอดของสามี หยางหมิงเฉิงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น“นอนต่อเถอะครับ น้องสามน่าจะไปส่งลูกกับภรรยาของเขาแล้วล่ะ” หยางหมิงเฉิงไม่คิดที่จะเดินไปดูเพราะคนเป็นพ่อแม่สมควรที่จะให้บทเรียนแก่ลูกบ้าง“…..” หลี่เล่อเยียนทำเพียงถอนหายใจเท่านั้น ในฐานะที่ตนเองก็เป็นแม่คนรู้สึกสงสารหลานน้อยจับใจ เพราะได้ข่าวมาว่าบ้านเก่าสะใภ้สามไม่ค่อยจะเหมือนบ้านเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะรับคนอย่างหยางจินเยว่เข้ามาอยู่ภายในบ้านได้จริง ๆนอนไปสักพักก็ข่มตาหลับไม่ลง หลี่เล่อเยียนจึงลุกออกมาเตรียมอาหารเช้า หยางหมิงเฉิงก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน วันนี้อาหารเช้าเธอตั้งใจจะทำโจ๊กปู เช้าๆยังไม่อยากกินอาหารรสจัดเท่าไหร่ ช่วงสายๆเธอตั้งใจจะห่อเกี๊ยวกุ้ง และจะเพิ่มซุปสาหร่ายให้ลูกชายด้วยพี่ชายใหญ่เดินมาหาน้องชาย พบว่าหยางหมิงเฉิงนั้นกำลังออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้าน โดยมีสะใภ้ใหญ่ตามมาด้วย เนื่องจากเธอตั้งใจว่าจะมาขออาหารทะเลจากน้องรอง เธอไม่เชื่อเลยว่าสองคนนั้นจะไ

  • เกิดใหม่ครั้งนี้ต้องมีความสุข   196

    “แม่ต้องขอโทษลูกชายของแม่ด้วย ที่ปล่อยให้ลูกโดนคนใจร้ายรังแก” หลี่เล่อเยียนพูดคุยกับลูกชายสองคนในห้องน้ำ ยิ่งเห็นสภาพของลูกชายเต็มๆเธอยิ่งปวดใจ ส่วนลูกชายนั้นอือ ออ ไปกับแม่ของเขา ราวกับจะฟ้องว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้างหลังจากที่อาบน้ำและทายาให้กับลูกชายแล้ว หลี่เล่อเยียนก็ให้เจ้าถั่วเขียวอยู่กับพ่อของเขา ส่วนเธอตอนนี้นั้นไปทำข้าวต้มกุ้งทรงเครื่องให้กับลูกชาย พร้อมทั้งใส่สาหร่ายบดละเอียดลงไปด้วยหลี่เล่อเยียนนำกุ้งออกมาจากในมิติ จากนั้นก็ทำการแกะเปลือกกุ้ง แล้วนำมาผัดในน้ำมัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งคุ้งบ้านบริเวณนั้น ไม่เว้นแม้แต่บ้านใหญ่ ที่ตอนนี้พวกเขากินข้าวกันภายใต้ความกดดัน ทุกคนสูดดมกลิ่นหอมแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ซึ่งไม่ต้องเดาทิศทางของกลิ่นหอมนี้เสียให้ยากว่ามาจากบ้านหลังไหน“หอมมากเลยครับ” หยางหมิงเฉิงเอ่ยชมเนื่องจากว่าตัวเองก็ไม่เคยกินข้าวต้มกุ้งมาก่อนในชีวิต“รีบกินเถอะค่ะ กินตอนร้อนๆจะได้อร่อย” พรุ่งนี้หลี่เล่อเยียนคิดเมนูอาหารทะเลไว้เต็มหัวพร้อมทั้งพริกหม่าล่าในมิติ เธอจะทำซอสผัดกุ้งแดงหม่าล่า พร้อมทั้งปูนิ่งจ

  • เกิดใหม่ครั้งนี้ต้องมีความสุข   195

    “ผมขอโทษนะครับ ที่พาคุณกับลูกมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้” หยางหมิงเฉิงรู้สึกเสียใจมากกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาไม่น่าพาลูกและภรรยามาเจอเรื่องแบบนี้เลย“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไม่ได้รู้ล่วงหน้านิคะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” หลี่เล่อเยียนไม่คิดที่จะโทษสามีเลยสักนิด หากคนที่จะผิดในเรื่องนี้จริง ๆ แล้วก็ควรที่จะเป็นเธอเอง ที่ไม่ควรจะไปตั้งตัวพร้อมเป็นศัตรูกับเหล่าบรรดาสะใภ้ หรือไม่ควรที่อยากจะไปทะเลเลยด้วยซ้ำ“ลูกเป็นไงบ้างครับ” หยางหมิงเฉิงจับที่แขนและขาของลูกชายแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ“น่าจะโดนกัดได้ 2-3 วันแล้วล่ะค่ะ แผลเริ่มยุบลงบ้างแล้ว แต่ลูกผิวขาวก็เลยเห็นได้ชัด สะใภ้สี่ก็น่าจะหายามาทาให้เขาบ้างมันถึงได้แห้งเร็วขนาดนี้” หลี่เล่อเยียนสังเกตอาการลูกชาย ตอนนี้แผลที่โดนกัดของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นปกติดีแล้ว เพียงแค่นึกถึงภาพที่ลูกชายโดนมดรุมกัดเธอก็น้ำตาคลอขึ้นมาให้ได้เห็น ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ลูกรอง ขอแม่เข้าไปได้หรือไม่” หยางหมิงเฉิงม

  • เกิดใหม่ครั้งนี้ต้องมีความสุข   194

    “ตารองใจเย็นๆก่อน ไม่มีใครทำอาหลงทั้งนั้นแหละ แค่มดกัดเท่านั้น อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ” แม่เฒ่าหยางมาจับแขนลูกชายให้เขาใจเย็นลงก่อน เพราะตอนนี้สะใภ้สามหน้าซีดกับคำขู่ของพี่ชายสามี"ไปตามสามีของเธอมา เดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแกเธอตอนที่เขาไม่อยู่ เลี่ยงจินอารองรับปากด้วยเกียรติของอารองเอง ว่าจะไม่มีใครกล้าแตะต้องหนูแม้แต่ปลายเล็บ หากว่าหนูยืนยันคำพูด ว่าที่หนูพูดทั้งหมดคือเรื่องจริง เรื่องนี้อารองจะเป็นคนตัดสินเองว่าใครพูดจริงใครพูดโกหกถ้าไม่มีใครยอมรับผิด อารองจับได้ทีหลังจะจับคนนั้นไปตัดมือ ตัดลิ้น ให้มันไม่กล้ามาทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอีก" สองแม่ลูกที่ได้ยินคำขู่ของหยางหมิงเฉิงก็กลัวจนตัวสั่น“เลี่ยงจินพูดความจริงทุกอย่างค่ะอารอง” หยางเลี่ยงจินเมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองได้รับความปลอดภัยและมีคนปกป้อง จึงกล้าพูดความจริงทั้งหมด“หมายความว่าอย่างไรหรือ ที่หลานบอกว่าพูดความจริง” แม่เฒ่าหยางไม่ได้คิดว่าจะมีใครมากลั่นแกล้งหลานชายของเธอ เพราะทุกคนล้วนแต่เอ็นดูถั่วเขียวน้อยกันทั้

  • เกิดใหม่ครั้งนี้ต้องมีความสุข   193

    5 มกราคม 1958หลี่เล่อเยียนและสามีเดินทางมาถึงไห่หนาน เล่อเยียนให้สามีพาไปยังตลาดมืดเพื่อทำการระบายของ เพราะเธอไม่ค่อยอยากจะเดินทางเข้ามาในเมืองบ่อยนักเนื่องจากไม่อยากห่างลูกบ่อย ๆ ช่วงบ่ายของวันสองสามีภรรยาช่วยกันระบายของที่ตลาดมืด ผู้คนต่างทึ่งในความสดของกุ้งและปูที่ได้เห็น บางคนไม่เคยเห็นหน้าตามันเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเคยได้ยินชื่อเสียงมันมาบ้างว่ามีรสชาติที่อร่อยจึงอยากจะเอาไปลอง เธอใช้เวลาจนถึงประมาณ 15.00 น.ในการระบายสินค้า โดยขายกุ้งลายเสือไปทั้งหมด 100 ชั่ง ขายในราคาชั่งละ 5 หยวนเป็นเงินทั้งหมด 500 หยวนกุ้งแชบ๊วย 100 ชั่ง ขายไปในราคาชั่งละ4 หยวนเนื่องจากมีขนาดเล็กกว่ากุ้งลายเสือ ได้เงินมา 400 หยวนปูทะเล 100 ชั่ง ขายไปในราคาชั่งละ 5 หยวน เป็นเงินทั้งหมด 500 หยวนหลังจากที่เหยียบแผ่นดินของไห่หนาน สองสามีภรรยาทำเงินได้ไปทั้งหมดในวันนี้ 1400 หยวน รวมกับที่แวะขายในเมืองก่อนหน้านั้นได้เงินมาทั้งหมด 6500 หยวน เดิมทีเงินในมิติก่อนที่จะมาไห่หนานมีทั้งหมด 15500 หยวน แต่หลังจากที่มาที่ไห่หนานแล้วนั

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status