บทที่ 9 เดินทาง
เมื่อเก็บของเสร็จได้ไม่นานสาวใช้ทั้งสองก็พากันหอบถุงผ้าของตนเองมาหาคุณหนูเพื่อออกเดินทาง
"คุณหนูเก็บของเสร็จหรือยังเจ้าคะ "ลี่อินวางถุงผ้าเอ่ยถามคุณหนูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา
"เสร็จแล้วเจ้าไปบอกให้บ่าวมายกไปที่รถม้าเถิดจะได้ออกเดินทาง"
"เจ้าค่ะ " ลี่อินรับคำสั่งพรางเดินออกไปด้านนอกส่วนไป๋เซ่อก็เดินเข้ามาใกล้เสี่ยวลี่เหมยมองดูคุณหนูที่ผมเผ้าปกปิดใบหน้าจากการเก็บของด้วยตัวเอง
"คุณหนูข้าจะแต่งตัวให้นะเจ้าคะ ดูสิเผ้าผมของคุณหนูหลุดรุ่ยหมดแล้ว เป็นเพราะข้ากับลี่อินที่ไม่ได้มาช่วยคุณหนูเก็บของต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ" นางพูดไปเดินไปหยิบหวี่มาแปรงผมแกะปิ่นออกพร้อมจัดแจงให้ผมเข้าทรงและปักปิ่นเข้าไปเช่นเดิม
"ข้ายังไม่ได้ตำติเจ้าเสียหน่อย อีกอย่างข้าเองที่บอกให้พวกเจ้าไปเก็บของเจ้าไม่ต้องใส่ใจ เจ้าจัดผมให้ข้าเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้าอยากไปร่ำลาท่านพ่อเสียหน่อย"
"เจ้าค่ะ" ทั้งสองออกมาข้างนอกก็พบใต้เท้าลู่ไป๋เหวินเดินมาพร้อมบ่าวรับใช้ที่ลี่อินไปตามมายกของใช้ของลู่เพ่ย
"ท่านพ่อข้ากำลังจะไปหาท่านพ่อพอดีเลยเจ้าค่ะ"
"อย่างนั้นหรือ เฮ้อ! เจ้าอยู่กับข้ามาตั้งแต่เกิดไม่เคยห่างกาย วันนี้วันที่เจ้าจะไปอยู่ที่อื่น ข้ารู้สึกใจหายอย่างไรก็ไม่รู้" ใบหน้ากังวลของใต้เท้าลู่ไป๋เห็นได้ชัดว่าเป็นห่วงบุตรสาวเพียงใด
"โธ่! ท่านพ่อข้าแค่ไปอยู่กับท่านอาเองนะเจ้าคะ หากท่านพ่อคิดถึงก็เดินทางไปหาข้าสิเจ้าคะ เช่นนี้ไม่ดีกว่าข้าออกเรือนหรือเจ้าคะ" เสี่ยวลี่เหมยยิ้มกริ่มบอกใต้เท้าให้เขาได้สบายใจไม่ต้องเป็นห่วงนางมากนัก
"มันคนละอย่างกัน หากเจ้าออกเรือนข้าก็สบายใจไปอีกอย่างที่เจ้ามีคนที่ปกป้องดูแลเจ้าได้ แต่นี่เจ้าออกไปอยู่ที่หมู่บ้านไกลเมืองแถมยังมีแต่สตรีข้าชักไม่อยากให้เจ้าไปแล้วสิ" ใต้เท้าลู่ไป๋ทำทางไม่อยากให้นางไปห่างอกแต่ก็ต้องถูกเสี่ยวลี่เหมยออดอ้อนไว้ก่อน
"ท่านพ่อไม่ได้นะเจ้าคะ " นางส่งสายตาเว้าวอนท่านพ่อจนเขาใจอ่อน
"นั้นสิ เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้ท่านอ๋องเจียวหั่วเดินทางมาที่นี่เพื่อบอกว่าไม่ถอนหมั้นกับเจ้า เจ้าไม่เปลี่ยนใจหรือ" ใต้เท้าลู่ไป๋เหวินเอ่ยลองใจบุตรสาว
"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เปลี่ยนใจ ท่านพ่ออยู่ที่นี่ดูแลตนเองให้ดีนะเจ้าคะ "
"ลู่เพ่ยของข้าโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ เอาล่ะหากเจ้าตัดสินใจแล้วข้าก็ไม่ขวางทางเจ้า เดินทางให้ปลอดภัยดูแลตนเองให้ดี อย่าลืมสิ่งที่เจ้าเอ่ยไว้กับข้าก่อนหน้านี้ด้วยล่ะ" เสี่ยวลี่เหมยคิ้วขมวดนึกคำพูดของท่านพ่อก็ต้องยิ้มกว้างออกมา
"ข้าไม่มีทางลืมเจ้าค่ะ หากข้าทำไม่สำเร็จจะกลับมาแต่งงานกับผู้ที่ท่านพ่อเห็นสมควรและออกเรือนให้ท่านพ่อสบายใจ แต่หากข้าทำสำเร็จท่านพ่อก็ต้องตามใจข้านะเจ้าคะ" ใต้เท้าลู่ไป๋เหวินยิ้มอย่างภูมิใจที่เห็นบุตรสาวเปลี่ยนไปเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาเดินเข้ามาโอบกอดนางแน่นอย่างเป็นห่วง
"ได้ ๆ ข้าสัญญา เจ้าออกเดินทางเถิดกว่าจะถึงเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน" อ้อมกอดที่อบอุ่นของใต้เท้าลู่ไป๋เหวินทำให้เสี่ยวลี่เหมยอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก นางกอดตอบอย่างสนิทใจ
"ท่านพ่อดูแลสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ" ทั้งสองร่ำลากันอยู่บ่าวรับใช้กับสาวใช้ก็ได้ยกของขึ้นรถม้าเรียบร้อย ไม่นานนักรถม้าก็ออกเคลื่อนขบวนเสี่ยวลี่เหมยตื่นเต้นหัวใจแทบจะออกมาเต้นด้านนอก
รถม้าเคลื่อนขบวนมาด้วยความเร็วเสี่ยวลีเหมยเปิดหน้าต่างชะเง้อหน้าออกมารับลมสบายใจต่อจากนี้นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจริง ๆ
"คุณหนูปิดหน้าต่างเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"
"ลี่อินเจ้าไม่เห็นหรือว่าคุณหนูรู้สึกดีเพียงใด ให้คุณหนูได้ทำตามใจตนเองเสียบ้าง อีกอย่างตอนนี้ร่างกายคุณหนูแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน เจ้าหยุดห่วงไม่เข้าเรื่องเสียที" เสี่ยวลี่เหมยหันกลับมามองทั้งสองที่จ้องหน้ากันเขม็งอีกคนเป็นห่วงกลัวไม่สบายอีกคนอยากให้คุณหนูของตนมีความสุข ช่างโชคดีของเสี่ยวลี่เหมยที่มีสาวใช้จงรักภักดีเช่นนี้
"ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองที่เป็นห่วงข้า นี่ใกล้จะถึงเรือนท่านอาหรือยังดูสิท้องฟ้าใกล้สลัวแล้ว" เสี่ยวลี่เหมยมองไปด้านนอกท้องฟ้าเริ่มพลบค่ำเหล่านกบินพากันกลับรัง ดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้าจิตใจเริ่มหวาดกลัวไม่รู้ว่าหากตะวันตกดินความน่ากลัวจะมีมากเพียงใด
"ข้าน้อยก็ไม่เคยมาเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะลองถามบ่าวที่คุมรถม้าให้นะเจ้าคะ" ไป๋เซ๋อรีบเสนอตัวไปถามบ่าวให้ เสี่ยวลี่เหมยพยักหน้านางเปิดประตูชะเง้อถามบ่าวที่ควบม้า ไม่นานก็เข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
"อีกไม่นานก็ถึงแล้วเจ้าค่ะ"
"ดีเสียจริง คุณหนูจะได้พักผ่อนเสียทีวันนี้เดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว" ลี่อินดีใจที่ได้ยินคำตอบจากปากของไป๋เซ่อ
"นั้นสิ ข้าอยากถึงที่พักเสียที " เสี่ยวลี่เหมยยังคงมองไปด้านนอกหน้าต่างครุ่นคิดถึงใบหน้าของท่านอาของลู่เพ่ย ไม่รู้เลยว่านางจะเป็นสตรีที่ใจดีหรือปากจัด หากไปอยู่ด้วยกันจะชอบนางหรือไม่ ทำให้นางเริ่มมีใบหน้ากังวลจนสาวใช้สังเกตได้
"คุณหนูคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ"
"ข้าแค่คิดว่าท่านอาจะชอบข้าหรือเปล่า จะรักข้าเหมือนท่านพ่อหรือไม่"
"โธ่! ข้าก็คิดว่าคุณหนูกังวลเรื่องอันใดเลิกกังวลเถอะเจ้าค่ะ ท่านอาของคุณหนูรักคุณหนูไม่ต่างจากท่านใต้เท้าเลยเจ้าค่ะ เมื่อครั้งที่ฮูหยินล้มป่วยเมื่อคราวคุณหนูยังเด็กก็มีท่านอานี่แหละเจ้าค่ะที่คอยดูแล แถมยังเอ็นดูคุณหนูจนขอคุณหนูมาดูแลเองแต่ทว่าท่านใต้เท้าไม่ยอมเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินเช่นนี้เสี่ยวลี่เหมยก็เบาใจ
"เช่นนั้นหรือช่างดีเสียจริง" เป็นความโชคดีของนางสักพักรถม้าก็ได้หยุดเลื่อนไหว บ่าวได้ตะโกนเข้ามาร้องบอกว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
"คุณหนูลู่เพ่ยตอนนี้ถึงเรือนของนายหญิงซีเหนี่ยวแล้วขอรับ" ทั้งสามยิ้มกว้างก่อนจะพากันเดินลงจากรถม้า บ่าวรับใช้ได้ยกของเข้าไปในเรือนให้แก่เสี่ยวลี่เหมย นางย่างกรายเข้ามาในเรือนบรรยากาศร่มเย็นสบายตา สายลมพัดผ่านร่างกายคล้ายต้อนรับเข้าเรือนกระทบกระดิ่งที่แขวนอยู่ต่างระเบียงเสียงดังระรัวได้ยินรู้สึกสบายใจ เป็นที่ถูกใจเสี่ยวลี่เหมยมาก ๆ เงียบสงบไม่วุ่นวาย
"มาถึงแล้วหรือลู่เพ่ยหลานรักของข้า ดูเจ้าสิเติบโตมางดงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างเหมือนท่านแม่ของเจ้าเสียจริง" น้ำเสียงตื่นเต้นระคนชื่นชมดังขึ้นมาด้านหน้าของเสี่ยวลี่เหมย สตรีที่งดงามแม้อายุจะมากขึ้นใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตาทำให้เสี่ยวลี่เหมยผ่อยคลายมากกว่าเดิมและรู้สึกว่าไม่ได้อึดอัดอันใด
"ข้าน้อยลู่เพ่ยคารวะท่านอา " เสี่ยวลี่เหมยใช้มือผสานกันไว้กลางอกคารวะท่านอาอย่างนอบน้อม ท่านอามองอย่างเอ็นดูก่อนจะรีบเดินเข้ามาจับแขนของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดทำ
"ไม่เห็นต้องมากพิธี รีบเข้ามาด้านในเถิดตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าดีใจเพียงใดที่นกส่งสารส่งข่าวมาว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ ข้าได้ให้สาวใช้จัดเตรียมห้องนอนให้เจ้าแล้ว เดินทางมาคงเหนื่อยมากสินะ มาเถิดข้าทำอาหารที่เจ้าชอบไว้ให้มากมาย กินให้อิ่มหนำสำราญแล้วค่อยคุยกัน ข้ามีเรื่องเล่าให้เจ้าฟังมากมาย" เสี่ยวลี่เหมยยิ้มกวางอย่างอบอุ่นหัวใจ ไม่คิดเลยว่าท่านอาของลู่เพ่ยจะพูดเก่งเช่นนี้
"เจ้าค่ะท่านอา " ทั้งสองเดินไปที่ห้องโถงไม่นานนักสาวใช้ก็ยกสำรับมาตั้งโต๊ะ ท่านอาพูดคุยกับเสี่ยวลี่เหมยมากมายทำให้ทั้งสองคุ้นเคยกันรวดเร็ว ลี่อินไป๋เซ่อก็มีความสุขใจที่เห็นคุณหนูของนางมีความสุข
บทที่ 40 ให้โอกาสความรักอีกครั้งหลายวันต่อมาเสี่ยวลี่เหมยยังคงไม่ฟื้นนางนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว ไป๋เซ่อลี่อินคอยพลัดเปลี่ยนกันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด"เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นเสียที รีบฟื้นมาเถิดต่อให้เจ้าจำข้าไม่ได้หรือชิงชังข้าเพียงใดข้าก็ยอม "เจียวหั่วจับมือของนางแน่นมองใบหน้าที่หลับสนิทพร้อมอ้อนวอนให้นางฟื้น ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างให้ความรู้สึกหนาวเย็น เจียวหั่ววางมือของนางไว้แนบกายนางก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ลมเข้ามาได้ ก่อนจะเดินมาที่เตียงพร้อมดึงผ้าห่มมาห่มกายให้นาง"เจ้ารีบฟื้นมาเสียที ต่อให้เจ้าอวบอ้วนเช่นดั่งเมื่อก่อน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เฉยชาเมินเฉยต่อเจ้า เจ้ารอคอยให้ข้าสนใจเจ้ามาตลอดมิใช่หรือ? และข้าก็มีเรื่องอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเจ้าเลย ว่าตอนนี้ข้ารักเจ้าเพียงใด แม้ว่าข้าจะรู้ตัวช้าแต่ตอนนี้ทั้งหัวใจของข้ามีเพียงเจ้า เจ้าได้ยินหรือไม่พระชายาของข้า""จริงหรือ แล้วรักหม่อมฉันเมื่อไหร่กันเพคะ" น้ำเสียงแหบพร่าได้เอ่ยขึ้นเสี่ยวลี่เหมยนางรู้สึกตัวในตอนแรกนางคิดว่าตนเองจะตายไปแล้วเสียอีกแต่ทว่านางได้ไปพบกับลู่เพ่ยตั
บทที่ 39 เสี่ยวลี่เหมยได้รับบาดเจ็บฝั่งด้านซีเหนี่ยวกับสาวใช้ที่ร้อนรนหัวใจเป็นห่วงเสี่ยวลี่เหมยนานมากแล้วที่นางกับท่านอ๋องหายตัวไปไม่กลับมาเสียที ซีเหนี่ยวไม่อาจจะนั่งติดเก้าอี้เดินไปมาอย่างร้อนใจ ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของม้าได้วิ่งเข้ามาในเรือนทุกคนรีบเดินออกไปดูก็พบว่าบัดนี้ท่านอ๋องได้อุ้มร่างของเสี่ยวลี่เหมยที่หมดสติเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือด ซีเหนี่ยวทรุดตัวลงเป็นลมที่เห็นหลานสาวของตนเองได้รับบาดเจ็บ"ซีเหนี่ยว ซีเหนี่ยวเจ้าคะลี่อินรีบพาซีเหยี่ยวไปนั่งก่อนข้าจะรีบไปดูคุณหนู" แม้ว่าพวกนางแตกตื่นแต่ตอนนี้นายหญิงของตนต่างดูแลตนเองไม่ได้ไป๋เซ่อรีบตั้งสติเรียกลี่อินที่ยืนตัวสั่นเทาดวงตาเริ่มสั่นคลอนคล้ายจะร้องให้ตั้งสติ"คุณหนู คุณหนูของข้า ฮื้อ ๆ""นี่ลี่อินเจ้าจั้งสติพาซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในก่อนเร็วเข้า ""อื้อ ๆ " ลี่อินปาดน้าตาประคองร่างซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในส่วนไป๋เซ่อรีบวิ่งมาหาเสี่ยวลี่เหมย"ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเพคะ""ลู่เพ่ยได้รับบาดเจ็บ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดเลือดมาให้ข้าโดยเร็ว " เจียวหั่วอุ้มร่างของเสี่ยวลี่ไปที่ห้องพักของนาง ไป๋เซ่อรีบไปทำตามที่ท่านอ๋องบอกอ
บทที่ 38 ข้าไม่ได้ตั้งใจทั้งสองต่อสู้ฟาดฟันเพลงดาบกันอย่างดุเดือดฝุ่นคละคลุ้งเต็มอากาศ เจียวหั่วแม้จะมีฝีมือเก่งกาจแต่ทว่าฮุ่ยเจินมีแรงเหลือมากกว่า ทำให้เขาได้พลาดท่าโดนฟันเข้าที่แขนข้างขวาจนล้มลงกับพื้น ดาบกระเด็นออกไปไกลห่างตัว"แฮ่ก ๆ! " เสียงเหนื่อยหอบของทั้งสองดังระงม"ฮุ่ยเจินต่อให้เจ้าจะฆ่าพวกข้าได้แต่เจ้าเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ทางการได้จับกุมท่านพ่อของเจ้ายึดของที่เจ้าได้ขโมยจากชาวบ้านเพื่อเป็นหลักฐานแล้ว อีกไม่นานทหารของข้ากำลังตาม เจ้าหนีไม่พ้นหรอกนะ" เพราะเห็นว่ามีเพียงฮุ่ยเจินเพียงคนเดียวเจียวหั่วจึงสั่งให้องครักษ์พร้อมกำลังทหารไปที่เรือนของท่านพ่อฮุ่ยเจินเพราะเกรงกลัวว่าเขาจะหนีไปเสียก่อน"หยุดปากไปซ่ะ หากข้าถูกจับอย่างไรก็ต้องตายสู้ฆ่าพวกท่านทั้งสองให้ตายไปพร้อมกับข้าไม่ดีกว่าหรือ?? " เสี่ยวลี่เหมยเห็นเจียวหั่วได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามาห้ามฮุ่ยเจินทันที"คุณชายฮุ่ยเจิน!! หยุดเถอะนะข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านเป็นคนไม่ดี ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาท่านไม่ได้แสร้งเป็นคนดีความรู้สึกที่ท่านมีต่อพวกเรานั้นเป็นความรู้สึกของท่านจริง ๆ ไหนท่านเคยบอกรักข้า ความรู้สึกที่ท่านมีต่อ
บทที่ 37 ผู้อยู่เบื้องหลังแต่ทันใดนั้นเองก่อนที่ดาบจะฟาดลงมาที่บ่าของเสี่ยวลี่เหมยมีดาบอีกด้ามมาขวางเสียก่อน เจียวหั่วดีใจที่เสี่ยวลี่เหมยปลอดภัยแม้ไม่รู้ว่าบุรุษที่โผล่เข้ามาช่วยนั้นคือผู้ใด เขาสวมชุดสีดำคล้าย ๆ คนกลุ่มนี้ปกปิดใบหน้าด้วยเช่นกันแต่ก็มองออกเพราะชุดเนื้อผ้าคนละแบบ"ทำไมต้องมาขวางด้วย ข้าจจะจัดการสตรีนางนี้" ชายที่จะฆ่าเสี่ยวลี่เหมยเอ่ยถามชายที่ปรากฏตัว แต่ทว่าเขาไม่ตอบอันใดฟาดดาบไม่ยั้งจนชายชุดดำล้มลงพลาดท่า เขารีบคว้าตัวเสี่ยวลี่เหมยขึ้นมาจะพาหนี เสี่ยวลี่เหมยลืมตาเพราะได้ยินเสียงต่อสู้กันนางมองอย่างแน่ชัดผู้ที่มาช่วยคือคุณชายฮุ่ยเจินไม่ผิดแน่ เมื่อเขาคว้าตัวของนางมาประคองจะให้นางขึ้นหลังจะได้หลบหนีทัน เสี่ยวลี่เหมยยอมขึ้นหลังเขาแต่โดยดี เจียวหั่วจึงตะโกนมาบอกเขา"ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครแต่ท่านหวังดีกับนางข้าฝากให้ท่านดูแลนางอย่าให้ได้รับบาดเจ็บ" เขาจับเสี่ยวลี่เหมยขึ้นหลังพยักหน้าให้เจียวหั่วก่อนจะวิ่งหนี้ไปโดยเร็ว ส่วนเจียวหั่วก็ยังคงต่อสู้กับชายที่เหลืออีกคน จนในที่สุดเจียวหั่วก็ได้จัดการจนไม่เหลือสักคนไม่นานกลุ่มขององครักษ์พร้อมทหารที่ตามมาจากวังหลวงได้เดินทางมาอ
บทที่ 36 ตามคนร้ายเสี่ยวลี่เหมยวิ่งสุดแรงจนตามไปพบกลุ่มชายที่ปกปิดใบหน้าพูดคุยกันเพื่อแยกย้ายเพราะตอนนี้ถูกจับได้เสียแล้ว"ตอนนี้พวกเราต้องแยกย้ายก่อน เมื่อครู่ข้าถูกคุณหนูของเรือนนั้นจับได้""ทำไมเจ้าถึงทำงานพลาดเช่นนี้งั้นเอาตามนี้แยกย้ายก่อนจะถูกจับได้อีก" เสี่ยวลี่เหมยจะออกไปยืนกรานแต่ก็ต้องถูกองครักษ์ของเจียวหั่วเข้ามาห้ามเสียก่อน"คุณหนูอย่าทำอันใดบุ่มบ่ามคนพวกนี้มีมากกว่าที่เราเห็นขอรับ จะเกิดอันตรายได้""แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดจะให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือแล้วก็ไปทำเช่นนี้กับชาวบ้านอีกอย่างนั้นหรือ""ลู่เพ่ยเจ้าใจเย็นก่อน องครักษ์ของข้าได้ตรวจตราดูคนพวกนี้มีมากกว่าเรา ข้าว่าเรากลับเรือนไปตั้งหลักเสียก่อน ตอนนี้ท่านอาของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้หรือไม่!! " เจียวหั่วที่ตามมาถึงคว้ามือของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดตามคนพวกนั้น"ไม่เพคะ หากท่านอ๋องเกรงกลัวคนพวกนั้นก็ทรงปล่อยหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันไม่กลัวเลยสักนิดการตายเจ็บเพียงตอนที่เรายังไม่หมดลม แต่เมื่อเราหมดสติเมื่อไหร่ก็ไม่เจ็บปวดอันใดแล้วเพคะ " สายตาดุดันน้ำเสียงแข็งกร้าวของเสี่ยวลี่เหมยเปล่งออกมาจนเจียวหั่วต้องตกใจ เขาไม่เคยเห็นสีหน้
บทที่ 35 แปลงผักถูกทำลายมาถึงเรือนท่านอารีบปิดประตูเรือนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะจับเสี่ยวลี่เหมยให้นั่งที่เก้าอี้เพื่อพูดให้หลานสาวตนเองเปลี่ยนใจ"ลู่เพ่ยเจ้าเห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนใจเก็บผักไปขายที่ตลาดหมู่บ้านเราเถอะนะ แม้จะได้ไม่มากแต่ยังดีกว่าไม่ได้ข้ากลัวว่าเจ้าจะเจอเช่นดั่งท่านลุง" ซีเหนี่ยวอ้อนวอนขอให้เสี่ยวลี่เหมยเปลี่ยนใจแต่มีหรือที่นางจะกลัวและยอมเปลี่ยนใจอย่างที่ท่านอาขอ"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เปลี่ยนใจข้าไม่เชื่อหรอกนะเจ้าคะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของปีศาจบ้าบออะไรนั่น คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้คือเฒ่าแก่เจ้าของร้านรับซื้อผักมิใช่หรือเจ้าคะ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ ข้าจะทำให้ชาวบ้านได้เห็นเองว่าหากข้าไปขายที่อื่นจะไม่มีอันใดเกิดขึ้น" เสี่ยวลีเหมยโมโหแทนชายชราที่ถูกทำลายแปลงผัก และนางก็ไม่กลัวที่ท่านผู้เฒ่าข่มขู่อีกด้วย "ไม่ได้นะ!!! หากเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบท่านพี่""ซีเหนี่ยวท่านเบาใจเถิด หากนางอยากจะนำผักไปขายที่หมู่บ้านอื่นข้าจะไปเป็นเพื่อนนางเองท่านไม่ต้องห่วง หากมีข้าอยู่เคียงข้างข้าไม่ให้นางได้รับอันตรายแน่นอน " เสี่ยว