Share

บทที่ 10

Penulis: กวนอวิ๋นเจี้ยน
“เจ้าคือ…”

ทุกคนหันไปมองหญิงสาวที่จู่ ๆ ก็เข้ามา พอจะเข้าใจสถานะของนางทันที

ตั้งแต่ที่ผู้ฝึกตนบนยอดเขาครึ่งบนย้ายออกไปและปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเริ่มเข้าฌาน ภายในม่านพลังที่ปกคลุมอยู่ด้านบนยอดเขาหลิงเซียวก็มีปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนอาศัยอยู่แค่คนเดียว

เมื่อบัดนี้มีอีกคนเพิ่มเข้ามา คนเดียวที่เป็นไปได้ก็คือศิษย์ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนรับเข้ามาเมื่อวานนี้

หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้ากลมกับดวงตาเมล็ดซิ่ง หน้าตาน่ารัก นอกจากนี้ยังไม่เข้าสู่ระดับดึงลมปราณเข้าร่าง ตรงกับข่าวลือในสำนักที่ได้ยินมา

“ข้ามีนามว่าจี้ฝูเหยา เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน พวกท่านทุกคนมีพลังยุทธ์สูงกว่าข้า เรียกข้าว่าศิษย์น้องหญิงจี้ก็พอเจ้าค่ะ!” หญิงสาวพูดอย่างร่าเริงสดใส มีความใสซื่อไร้เดียงสา

อวี้หลานชิงจรดสายตามองที่นาง

เมื่อวันนี้ได้พบกันอีกครั้ง จี้ฝูเหยาดูต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง

ชุดผ้าฝ้ายขาดรุ่งริ่งเมื่อวานถูกถอดออก แทนที่ด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองไข่ห่านทำจากผ้าไหมและผ้าโปร่ง ส่องประกายระยิบระยับระหว่างก้าวเดิน ทั้งยังมีลวดลายของยันต์ให้มองเห็นลาง ๆ มันเป็นอาภรณ์พิเศษที่ช่วยป้องกันอย่างเห็นได้ชัด

เครื่องประทับบนเส้นผมและต่างหูข้างแก้มก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มันถูกเลี่ยมฝังไว้ด้วยอัญมณีล้ำค่าที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับพลังวิญญาณ สำหรับผู้ฝึกระดับต่ำแล้ว หากสวมใส่ในชีวิตประจำวันจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์มาก

หากไม่เห็นเองกับตาก็คงยากจะเชื่อมโยงสาวน้อยแต่งกายประณีตตรงหน้าเข้ากับคนที่สภาพจนมุมเมื่อวาน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเครื่องประดับเหล่านี้มาจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

เขาผู้นั้นทนเห็น “คู่บำเพ็ญสุดที่รัก” ลำบากไม่ได้หรอก

แววตาอวี้หลานชิงเย็นยะเยียบ ไม่มีทีท่าจะพูดอะไร

จี้ฝูเหยาหดไหล่น้อย ๆ พูดอย่างน้อยใจ “ศิษย์พี่หญิงไม่พอใจอะไรข้าหรือไม่เจ้าคะ?”

ผู้ใดโดนกล่าวหาตั้งแต่แรกพบแบบนี้ก็ต้องไม่พอใจทั้งนั้น!

“อ้อ ศิษย์น้องหญิงจี้!” ลูกศิษย์ชั้นนอกของยอดเขาหลิงเซียวรีบอธิบาย “เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เห็น มีความเข้าใจผิด…”

ทุกคนแย่งกันพูด เล่าเรื่องที่อวี้หลานชิงเจอว่าจางเม่าฉวนขโมยอาวุธของตัวเอง

จางเม่าฉวนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาอยากแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มแก้ตัวจากอะไรดี

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ ๆ อวี้หลานชิงที่ใจดีมาโดยตลอดจะกลายเป็นคนที่คุยยากขนาดนี้ ทั้งยังเปิดโปงทุกอย่างที่เขาเคยทำแบบไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนต่อหน้าธารกำนัล

หลายคนที่เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกของยอดเขาหลิงเซียวเช่นกันไม่ได้ช่วยพูดให้เขาแต่อย่างใด

หินวิญญาณหกร้อยก้อนเชียวนะ สำหรับลูกศิษย์ชั้นนอกที่อยู่ระดับหลอมปราณธรรมดา นี่แทบจะเป็นทรัพย์สินทั้งหมด

ภายในสำนักใหญ่แบบสำนักกระบี่เสวียนเทียน ลูกศิษย์ชั้นนอกกับลูกศิษย์สายตรงนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ลูกศิษย์สายตรงมีสถานะและเบี้ยเลี้ยงสูงกว่า พวกเขาไม่อิจฉา และอิจฉาไม่ได้ แต่จางเม่าฉวนที่เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกเหมือนกันกลับอาศัยความที่อวี้หลานชิงยังเด็กและหลอกง่าย มาหลอกเอาหินวิญญาณและโอสถจำนวนมากจากนาง

ทั้งที่เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกเหมือนกัน คุณสมบัติไม่ดีเหมือนกัน ฝึกยากเหมือนกัน จางเม่าฉวนมีสิทธิ์อะไร?

เมื่อข้าง ๆนี้มีลูกศิษย์สายตรงที่ถูกวางตัวเอาไว้อยู่ด้วย

หลายปีมานี้พวกเขาได้รับผลประโยชน์จากอวี้หลานชิงมากบ้างน้อยบ้าง แต่ไม่มีผู้ใดที่จะได้มากเท่าจางเม่าฉวน!

จี้ฝูเหยามีท่าทีตกใจ จากนั้นก็นิ่งเงียบ แล้วนางก็กัดริมฝีปากพูดกับอวี้หลานชิง “เมื่อครู่นี้ข้าไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าศิษย์พี่หญิงกำลังรังแกคนของยอดเขาหลิงเซียว ด้วยเหตุนี้จึงเผลอพูดจาไม่เหมาะสมออกไป เข้าใจศิษย์พี่หญิงผิด”

ตามหลักแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเห็นแก่หน้าของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน หรือเพื่อเห็นแก่ที่จี้ฝูเหยายอมรับผิด อวี้หลานชิงก็ควรจะตอบว่า “ไม่เป็นไร” เพื่อเลี่ยงความขัดแย้ง

แต่นางกลับไม่ได้เล่นตามบท

ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เช่นนั้นต่อไปเจ้าจงจำไว้ หากยังไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดก็อย่าพูดแทรก! เพราะคนข้างนอกไม่ได้คุยง่ายแบบคนในสำนัก ระดับยุทธ์ของเจ้ายังต่ำ ผู้อื่นจะไม่ตามใจและให้โอกาสเจ้าได้อธิบายหรอกนะ”

น้ำเสียงของอวี้หลานชิงเย็นเรียบ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

ขอบตาของจี้ฝูเหยาแดงเล็กน้อย ราวกับได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเอ่อคลอออกมาแต่ยังไม่ร่วงหยก

“ศิษย์พี่หญิงกล่าวได้ถูกต้อง พวกเราเป็นศิษย์สำนักเสวียนเทียนเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้น เหตุใดต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน?”

นางว่าจบก็มองจางเม่าฉวนที่ปิดปากเงียบอยู่ด้านข้าง “ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นศิษย์ชั้นนอก ไม่ได้มีพรสวรรค์มากเท่าท่าน และไม่ได้มีหินวิญญาณมากขนาดนั้น มิเช่นนั้นก็คงไม่เอาอาวุธของท่าน”

“อีกอย่าง ตอนนี้ศิษย์พี่หญิงก็ไม่ได้อยู่ที่ยอดเขาหลิงเซียวแล้ว ศิษย์พี่ท่านนี้อาจจะคิดว่าท่านจงใจทิ้งไว้เพราะไม่ต้องการแล้วก็เป็นไปได้ เพราะถึงอย่างไรเสีย ศิษย์พี่ก็เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเสิ่น มีอาวุธให้เลือกใช้ได้มากมาย หากจะทิ้งอาวุธธรรมดาพวกนั้นก็เป็นเรื่องปกติ…”

ความชอบธรรมเยอะเสียเหลือเกินนะ?

อวี้หลานชิงไม่รู้ว่าในหัวจี้ฝูเหยามีตรรกะผิดเพี้ยนอะไรบ้าง นางคร้านจะโต้เถียงต่อไปเช่นกัน สิ่งใดที่ควรพูด นางก็พูดจบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าหวังว่าจะโยนความผิดให้นางได้ทั้งนั้น

แต่ถึงแม้จะขี้เกียจพูดอีก ประโยคสุดท้ายของจี้ฝูเหยากลับทำให้นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“จริงสิ”

จี้ฝูเหยาสะดุ้งโหยง ราวกับเตรียมพร้อมที่จะพุ่งตัวออกมาปกป้องศิษย์ร่วมยอดเขาเดียวกัน

แต่แล้วกลับพบว่า หญิงสาวชุดเขียวเบื้องหน้าเพียงพูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ปรมาจารย์กระบี่หยวนหานผู้เป็นอาจารย์ของท่านอาจารย์เจ้า เขาเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์กระบี่ชางหวนเฉกเช่นเดียวกับอาจารย์ของข้า ว่ากันตามลำดับศักดิ์แล้ว อาจารย์ของเจ้าต้องเรียกอาจารย์ข้าว่าอาจารย์อา ส่วนเจ้าเองก็ควรเรียกข้าว่าอาจารย์อาเช่นกัน ไม่ใช่ศิษย์พี่หญิง”

“…” จี้ฝูเหยาคิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะมาแปลกแบบนี้ ที่แท้ก็จะพูดเรื่องนี้นี่เอง

นางผงะเล็กน้อย น้ำตาที่หางตาหดคืนกลับไป

อวี้หลานชิงไม่สนใจว่าจี้ฝูเหยาจะร้องหรือไม่ร้องไห้

หลังจากได้ยินอีกฝ่ายขานเรียกว่า “อาจารย์อา” อย่างไม่เต็มใจแต่ก็ต้องยอมทำ นางก็ยกยิ้มและปล่อยยันต์วิญญาณออกไปอย่างพึงพอใจ

“ในเมื่อที่นี่มีศิษย์สายตรงของประมุขยอดเขาดูแล เช่นนั้นข้าก็จะไม่อยู่ต่อให้มากความ”

“ประเดี๋ยวคนจากหอคุมกฎของสำนักก็จะมาถึงแล้ว”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 62

    สายตาของผู้คนล้วนติดตามผีเสื้อที่กลายร่างจากแสงวิญญาณ ไปหยุดอยู่ที่อวี้หลานชิงลั่วอู๋ซางพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่ตนจะลงมือเป็นครั้งที่สอง ศิษย์หญิงผู้นี้เองที่แอบ “ปลดปล่อย” ศิษย์สำนักกระบี่หลายคนซึ่งถูกแรงกดดันกดทับไว้ต่อหน้าต่อตาเขาก็จริงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนหญิงกระโปรงชมพูที่อาจเกี่ยวพันกับการตายของศิษย์ตน เอะอะก็ตาแดง แสร้งทำเป็นน่าสงสาร นางยังชวนให้พึงใจยิ่งกว่า“เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่สำนักกระบี่เสวียนเทียน คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายถอยออกไปได้”มือที่ลั่วอู๋ซางยกขึ้นยังคงชี้ไปที่จี้ฝูเหยา น้ำเสียงเย็นชาไร้ปรานี “ข้าจะไต่สวนเพียงนางผู้เดียว”ร่างของจี้ฝูเหยาสั่นเทาเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างไร้ที่พึ่งศิษย์ร่วมสำนักที่นางมองไปหา ต่างพากันหลบสายตาแม้แต่เจินเหรินระดับแก่นปราณหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังคอยปกป้องนาง เวลานี้กลับพากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาพูดแทนนางอีกจี้ฝูเหยากำฝ่ามือแน่น ตัดใจเด็ดขาดหันไปทางเสิ่นหวยจั๋ว “ผู้อาวุโสเสิ่น อาจารย์ปู่…ท่านอาจารย์ของศิษย์ยังมาไม่ถึง ท่านจะทอดทิ้งศิษย์มิได้!”เสิ่นหวยจั๋วชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือการมีผู้ใดมาข่มขู่ตนเองสายตาท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 61

    ต่อหน้าธารกำนัล เขานั่งลงบนเก้าอี้เมฆาตัวหนึ่งในนั้นอย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ผลักเก้าอี้อีกตัวไปข้างหน้า โอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ ส่งตรงไปยังด้านหลังของลั่วอู๋ซางศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็มองจนตะลึงงันผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนท่านนี้ กำลังคิดจะทำสิ่งใดกัน?นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะจิตกะใจนั่งลงสนทนากันอีก!เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียน ยิ่งร้อนใจหนัก พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าผู้อาวุโสเสิ่นคิดจะงัดกลอุบายอันใดออกมาเกรงว่าการกระทำของผู้อาวุโสเสิ่นอาจยิ่งยั่วโทสะลั่วอู๋ซาง ทำให้ทุกคนต้องพลอยรับเคราะห์หนักหนาสาหัสกว่าเดิมท่ามกลางแววตาสงสัยของผู้คนมากมาย เสิ่นหวยจั๋วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลั่วอู๋ซางว่า “สหายโปรดนั่ง เรื่องราวในวันนี้ ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ข้ามิได้โน้มน้าวให้ท่านคลายโทสะ เพียงแต่อยากพูดคุยด้วยเหตุผลกับท่านเท่านั้น”เขาไม่เคยคิดจะประมือกับลั่วอู๋ซางเลยสักครั้ง เสิ่นหวยจั๋วผู้นี้ เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลเสมอมาเป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ซางต้องเผชิญกับคนที่เล่นนอกกติกาเช่นนี้อย่างไรเสียสองสำนักก็ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่ อีกทั้ง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 60

    “ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 59

    ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 58

    ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 57

    ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status