Share

บทที่ 10

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
“เจ้าคือ…”

ทุกคนหันไปมองหญิงสาวที่จู่ ๆ ก็เข้ามา พอจะเข้าใจสถานะของนางทันที

ตั้งแต่ที่ผู้ฝึกตนบนยอดเขาครึ่งบนย้ายออกไปและปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเริ่มเข้าฌาน ภายในม่านพลังที่ปกคลุมอยู่ด้านบนยอดเขาหลิงเซียวก็มีปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนอาศัยอยู่แค่คนเดียว

เมื่อบัดนี้มีอีกคนเพิ่มเข้ามา คนเดียวที่เป็นไปได้ก็คือศิษย์ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนรับเข้ามาเมื่อวานนี้

หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้ากลมกับดวงตาเมล็ดซิ่ง หน้าตาน่ารัก นอกจากนี้ยังไม่เข้าสู่ระดับดึงลมปราณเข้าร่าง ตรงกับข่าวลือในสำนักที่ได้ยินมา

“ข้ามีนามว่าจี้ฝูเหยา เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน พวกท่านทุกคนมีพลังยุทธ์สูงกว่าข้า เรียกข้าว่าศิษย์น้องหญิงจี้ก็พอเจ้าค่ะ!” หญิงสาวพูดอย่างร่าเริงสดใส มีความใสซื่อไร้เดียงสา

อวี้หลานชิงจรดสายตามองที่นาง

เมื่อวันนี้ได้พบกันอีกครั้ง จี้ฝูเหยาดูต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง

ชุดผ้าฝ้ายขาดรุ่งริ่งเมื่อวานถูกถอดออก แทนที่ด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองไข่ห่านทำจากผ้าไหมและผ้าโปร่ง ส่องประกายระยิบระยับระหว่างก้าวเดิน ทั้งยังมีลวดลายของยันต์ให้มองเห็นลาง ๆ มันเป็นอาภรณ์พิเศษที่ช่วยป้องกันอย่างเห็นได้ชัด

เครื่องประทับบนเส้นผมและต่างหูข้างแก้มก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มันถูกเลี่ยมฝังไว้ด้วยอัญมณีล้ำค่าที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับพลังวิญญาณ สำหรับผู้ฝึกระดับต่ำแล้ว หากสวมใส่ในชีวิตประจำวันจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์มาก

หากไม่เห็นเองกับตาก็คงยากจะเชื่อมโยงสาวน้อยแต่งกายประณีตตรงหน้าเข้ากับคนที่สภาพจนมุมเมื่อวาน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเครื่องประดับเหล่านี้มาจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

เขาผู้นั้นทนเห็น “คู่บำเพ็ญสุดที่รัก” ลำบากไม่ได้หรอก

แววตาอวี้หลานชิงเย็นยะเยียบ ไม่มีทีท่าจะพูดอะไร

จี้ฝูเหยาหดไหล่น้อย ๆ พูดอย่างน้อยใจ “ศิษย์พี่หญิงไม่พอใจอะไรข้าหรือไม่เจ้าคะ?”

ผู้ใดโดนกล่าวหาตั้งแต่แรกพบแบบนี้ก็ต้องไม่พอใจทั้งนั้น!

“อ้อ ศิษย์น้องหญิงจี้!” ลูกศิษย์ชั้นนอกของยอดเขาหลิงเซียวรีบอธิบาย “เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เห็น มีความเข้าใจผิด…”

ทุกคนแย่งกันพูด เล่าเรื่องที่อวี้หลานชิงเจอว่าจางเม่าฉวนขโมยอาวุธของตัวเอง

จางเม่าฉวนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาอยากแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มแก้ตัวจากอะไรดี

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ ๆ อวี้หลานชิงที่ใจดีมาโดยตลอดจะกลายเป็นคนที่คุยยากขนาดนี้ ทั้งยังเปิดโปงทุกอย่างที่เขาเคยทำแบบไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนต่อหน้าธารกำนัล

หลายคนที่เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกของยอดเขาหลิงเซียวเช่นกันไม่ได้ช่วยพูดให้เขาแต่อย่างใด

หินวิญญาณหกร้อยก้อนเชียวนะ สำหรับลูกศิษย์ชั้นนอกที่อยู่ระดับหลอมปราณธรรมดา นี่แทบจะเป็นทรัพย์สินทั้งหมด

ภายในสำนักใหญ่แบบสำนักกระบี่เสวียนเทียน ลูกศิษย์ชั้นนอกกับลูกศิษย์สายตรงนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ลูกศิษย์สายตรงมีสถานะและเบี้ยเลี้ยงสูงกว่า พวกเขาไม่อิจฉา และอิจฉาไม่ได้ แต่จางเม่าฉวนที่เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกเหมือนกันกลับอาศัยความที่อวี้หลานชิงยังเด็กและหลอกง่าย มาหลอกเอาหินวิญญาณและโอสถจำนวนมากจากนาง

ทั้งที่เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกเหมือนกัน คุณสมบัติไม่ดีเหมือนกัน ฝึกยากเหมือนกัน จางเม่าฉวนมีสิทธิ์อะไร?

เมื่อข้าง ๆนี้มีลูกศิษย์สายตรงที่ถูกวางตัวเอาไว้อยู่ด้วย

หลายปีมานี้พวกเขาได้รับผลประโยชน์จากอวี้หลานชิงมากบ้างน้อยบ้าง แต่ไม่มีผู้ใดที่จะได้มากเท่าจางเม่าฉวน!

จี้ฝูเหยามีท่าทีตกใจ จากนั้นก็นิ่งเงียบ แล้วนางก็กัดริมฝีปากพูดกับอวี้หลานชิง “เมื่อครู่นี้ข้าไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าศิษย์พี่หญิงกำลังรังแกคนของยอดเขาหลิงเซียว ด้วยเหตุนี้จึงเผลอพูดจาไม่เหมาะสมออกไป เข้าใจศิษย์พี่หญิงผิด”

ตามหลักแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเห็นแก่หน้าของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน หรือเพื่อเห็นแก่ที่จี้ฝูเหยายอมรับผิด อวี้หลานชิงก็ควรจะตอบว่า “ไม่เป็นไร” เพื่อเลี่ยงความขัดแย้ง

แต่นางกลับไม่ได้เล่นตามบท

ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เช่นนั้นต่อไปเจ้าจงจำไว้ หากยังไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดก็อย่าพูดแทรก! เพราะคนข้างนอกไม่ได้คุยง่ายแบบคนในสำนัก ระดับยุทธ์ของเจ้ายังต่ำ ผู้อื่นจะไม่ตามใจและให้โอกาสเจ้าได้อธิบายหรอกนะ”

น้ำเสียงของอวี้หลานชิงเย็นเรียบ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

ขอบตาของจี้ฝูเหยาแดงเล็กน้อย ราวกับได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเอ่อคลอออกมาแต่ยังไม่ร่วงหยก

“ศิษย์พี่หญิงกล่าวได้ถูกต้อง พวกเราเป็นศิษย์สำนักเสวียนเทียนเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้น เหตุใดต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน?”

นางว่าจบก็มองจางเม่าฉวนที่ปิดปากเงียบอยู่ด้านข้าง “ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นศิษย์ชั้นนอก ไม่ได้มีพรสวรรค์มากเท่าท่าน และไม่ได้มีหินวิญญาณมากขนาดนั้น มิเช่นนั้นก็คงไม่เอาอาวุธของท่าน”

“อีกอย่าง ตอนนี้ศิษย์พี่หญิงก็ไม่ได้อยู่ที่ยอดเขาหลิงเซียวแล้ว ศิษย์พี่ท่านนี้อาจจะคิดว่าท่านจงใจทิ้งไว้เพราะไม่ต้องการแล้วก็เป็นไปได้ เพราะถึงอย่างไรเสีย ศิษย์พี่ก็เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเสิ่น มีอาวุธให้เลือกใช้ได้มากมาย หากจะทิ้งอาวุธธรรมดาพวกนั้นก็เป็นเรื่องปกติ…”

ความชอบธรรมเยอะเสียเหลือเกินนะ?

อวี้หลานชิงไม่รู้ว่าในหัวจี้ฝูเหยามีตรรกะผิดเพี้ยนอะไรบ้าง นางคร้านจะโต้เถียงต่อไปเช่นกัน สิ่งใดที่ควรพูด นางก็พูดจบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าหวังว่าจะโยนความผิดให้นางได้ทั้งนั้น

แต่ถึงแม้จะขี้เกียจพูดอีก ประโยคสุดท้ายของจี้ฝูเหยากลับทำให้นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“จริงสิ”

จี้ฝูเหยาสะดุ้งโหยง ราวกับเตรียมพร้อมที่จะพุ่งตัวออกมาปกป้องศิษย์ร่วมยอดเขาเดียวกัน

แต่แล้วกลับพบว่า หญิงสาวชุดเขียวเบื้องหน้าเพียงพูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ปรมาจารย์กระบี่หยวนหานผู้เป็นอาจารย์ของท่านอาจารย์เจ้า เขาเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์กระบี่ชางหวนเฉกเช่นเดียวกับอาจารย์ของข้า ว่ากันตามลำดับศักดิ์แล้ว อาจารย์ของเจ้าต้องเรียกอาจารย์ข้าว่าอาจารย์อา ส่วนเจ้าเองก็ควรเรียกข้าว่าอาจารย์อาเช่นกัน ไม่ใช่ศิษย์พี่หญิง”

“…” จี้ฝูเหยาคิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะมาแปลกแบบนี้ ที่แท้ก็จะพูดเรื่องนี้นี่เอง

นางผงะเล็กน้อย น้ำตาที่หางตาหดคืนกลับไป

อวี้หลานชิงไม่สนใจว่าจี้ฝูเหยาจะร้องหรือไม่ร้องไห้

หลังจากได้ยินอีกฝ่ายขานเรียกว่า “อาจารย์อา” อย่างไม่เต็มใจแต่ก็ต้องยอมทำ นางก็ยกยิ้มและปล่อยยันต์วิญญาณออกไปอย่างพึงพอใจ

“ในเมื่อที่นี่มีศิษย์สายตรงของประมุขยอดเขาดูแล เช่นนั้นข้าก็จะไม่อยู่ต่อให้มากความ”

“ประเดี๋ยวคนจากหอคุมกฎของสำนักก็จะมาถึงแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 100

    บรรดาสำนักที่เมื่อครู่นี้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ เวลานี้ได้ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนอัฒจันทร์แล้ว ส่วนสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กที่เหลือก็แทรกตัวเข้าไปในช่องว่างที่สำนักใหญ่เหลือไว้ อวี้หลานชิงนั่งอยู่บนที่นั่งของศิษย์สายตรงชั้นใน นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างที่มีศีรษะผู้คนอยู่อย่างเนืองแน่นผู้ฝึกตนในงานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนมีเกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียวเมื่อรอให้ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แสงที่เปล่งออกมาจากเสาค้ำฟ้าโดยรอบก็รวมตัวเข้าด้วยกันชายชราผมขาวโพลนดุจหิมะคนหนึ่ง ถือไม้เท้าหัวมังกร ดูสง่างามดั่งเซียนมากกว่าอวี้ชิงจื่อจากสำนักอวี้ซวีก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศทุกก้าวที่เดิน ร่างก็เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นราวกับว่าเดินมาจากท่ามกลางความว่างเปล่า ท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ตรงใจกลางสนามเมื่อเขาปรากฏตัว เจ้าสำนักต่าง ๆ ที่อยู่บนที่นั่งสูงสุดของอัฒจันทร์โดยรอบก็พากันลุกขึ้น ประสานมือคารวะชายชราผู้นั้นแล้วร้องเรียกว่า “ผู้อาวุโสเช่อ” “ผู้อาวุโสเช่อผู้นี้เป็นใครกัน?” จิตวิญญาณของอวี้หลานชิงอยู่แค่ระดับหลอมแก่นปราณเท่านั้น ไม่อาจมองทะลุระดับพลังยุทธ์ของชายชราได้ คนท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 99

    เวลานี้เอง ฉากที่อยู่ด้านนอกเสาค้ำฟ้าแทบจะเป็นภาพจำลองของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด เมืองที่รองรับผู้คนได้หลายแสนคนแห่งนี้ ทุกคนในเมืองล้วนเฝ้าติดตามสถานการณ์ของทางเสาค้ำฟ้าตรงใจกลางเมือง ศิษย์สำนักใหญ่ที่นำโดยอาจารย์จากสำนัก ต่างก็ยืนอยู่บนอาวุธวิเศษเหาะเหินขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงแวววาวของสำนักต่าง ๆ ส่วนลูกศิษย์ของสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยืนอยู่บนพื้นดิน รออยู่รอบ ๆ เสาค้ำฟ้าอย่างเงียบเชียบถัดออกไปด้านนอก ยังมีผู้ฝึกตนอิสระนับไม่ถ้วนที่ไม่มีสิทธิ์เข้างานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนกำลังชะเง้อคอมองสถานการณ์ในนี้ แววตาแฝงไปด้วยความชื่นชมและความหลงใหลใฝ่ฝันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนที่หมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมเสาค้ำฟ้าจะสลายหายไป สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังบรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอัดฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในเสาค้ำฟ้า ผู้ที่ยืนตระหง่านกลางอากาศปลดปล่อยพลังอันมหาศาลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ส่วนมากก้าวเข้าสู่ระดับทารกวิญญาณช่วงปลายแล้ว ยังมีบางส่วนที่ครอบครองพลังของระดับเทพจุติด้วยผู้ทรงพลังที่มีคว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 98

    บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้จี้ฝูเหยายังเยาว์วัย ยังไม่เข้าใจการเก็บงำอารมณ์โดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาสองชาติ ทำให้อวี้หลานชิงเข้าใจนางดีเกินไป เมื่อจิตสัมผัสรู้สึกได้ถึงสายตาของจี้ฝูเหยาที่มองตามหลังอีกฝ่ายไป อวี้หลานชิงก็คาดเดาการกระทำต่อไปของนางได้แล้ว นางทำเช่นนี้เป็นประจำใช้ท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา คำนึงถึงผู้อื่นมาดึงดูดทุกคนที่มีประโยชน์ต่อนาง ชาติที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะกระบี่ที่ทะลวงหัวใจในตอนสุดท้าย อวี้หลานชิงก็คงถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางหลอกไปแล้ว ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน อวี้หลานชิงไม่อยากใช้คำพูดที่ร้ายกาจมาบรรยายจี้ฝูเหยา แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนน่าเป็นห่วงยิ่งนักความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในใจ อวี้หลานชิงก็อดไม่ได้ที่จะ “ถุย” อีกครั้ง ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน ศิษย์อาจารย์คู่นั้นชอบพอกันและกัน มีความรักต้องห้าม เรียกได้ว่าเหมือนเต่ามองถั่วเขียว รับสืบทอดสายตาที่ย่ำแย่มา“ไปกันเถิด” อวี้หลานชิงหันหน้ากลับมามอง เจ้าของแผงลอยที่ยังกำถุงเก็บของไว้แน่นเพราะกล

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 97

    อวี้หลานชิงไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง และไม่อยากอธิบายอะไร เดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะสังหารสัตว์วิญญาณตัวนี้เลย ในเมื่อจี้ฝูเหยายินดีเข้ามายุ่งเรื่องผู้อื่น ก็ปล่อยให้นางดูแลต่อไปก็พอ “ศิษย์หลานกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นหน้าที่สำคัญอย่างตามหาเจ้าของสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็ยกให้ศิษย์หลานจัดการแล้วกัน” “แต่ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้มีนิสัยซุกซน ศิษย์หลานต้องคอยจับตาดูหน่อย อย่าให้มันทำร้ายผู้คนอีกเป็นอันขาด” อวี้หลานชิงพูดจบก็เก็บกระบี่ยาว เจ้าของแผงลอยที่อาศัยช่วงเวลาชุลมุนเก็บกล่องบรรจุหญ้าเย็นกระจ่างกลับคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง ก็ฉวยโอกาสที่จี้ฝูเหยาพูดเมื่อครู่นี้เก็บข้าวของบนแผงลอยจนเสร็จเรียบร้อยนานแล้วอวี้หลานชิงส่งสายตา เขาก็เดินตามหลังนางออกจากฝูงชนทันทีจิ้งจอกแดงเพลิงที่ก่อความวุ่นวายไปครึ่งถนนตัวนั้น เมื่อครู่กำลังทำตากลมสุกใสนิ่งอยู่กับที่ มองอวี้หลานชิงกับจี้ฝูเหยาเหมือนชมละครสนุก ๆ ก็ไม่ปานปากยังคงเคี้ยว “หนวดหัวไชเท้า” ที่มันโยนทิ้งไว้บนพื้นลวก ๆ ก่อนหน้านี้อย่างไม่เร่งรีบเมื่อเห็นอวี้หลานชิงและเจ้าของแผงลอยนำสมุนไพรวิญญาณที่มันหมายตาจากไป มันก็อดร้อนใจไม่ได้มันคายหนวดหัว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 96

    วิญญาณร้ายยังไม่สลายไปสักที ในสมองของอวี้หลานชิงผุดขึ้นมาแปดคำทันที จี้ฝูเหยาที่อยู่ตรงหน้าถือกระบี่ใบหลิวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปลายกระบี่เรียวเล็ก ตรงด้ามกระบี่เคลือบทอง บนนั้นยังฝังอำพันที่ส่องประกายแวววาวสามก้อนตอนที่กระบี่ทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่นี้ อวี้หลานชิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณธาตุไฟที่บริสุทธิ์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่เล่มนั้น เป็นลมปราณสายนี้เองที่ต้านทานปราณกระบี่ของนาง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบี่เล่มใหม่ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมอบให้จี้ฝูเหยา แม้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่ที่หล่อหลอมปราณกระบี่ของปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาเล่มนั้นในชาติก่อน ซึ่งเข้ากับวิชาที่จี้ฝูเหยาฝึกฝนแต่ก็เป็นกระบี่ดีที่หาได้ยากเล่มหนึ่งจริง ๆ อย่างน้อยในแง่ของระดับก็ถือว่าหายากมากนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่เป็นอาวุธวิญญาณ แตกต่างกันเพียงคำเดียว แต่ราคาและความล้ำค่าระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อาวุธวิญญาณทั่วไปมีราคาแค่หินวิญญาณไม่กี่ร้อยก้อน แพงอีกแค่ไหนก็แค่พันกว่า แต่อาวุธวิญญาณเป็นสิ่งที่มีราคาแต่ไม่มีในตลาดมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมปราณเลย ตลอดชีวิตของผู้ฝึกตนระดับห

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 95

    เจ้าของแผลลอยกล่าวจบก็แอบเชยตามองปฏิกิริยาของอวี้หลานชิง จากนั้นก็เห็นนางทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เอ่ยสักคำเดียวในใจอด “กระตุก” ขึ้นมาไม่ได้ผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้คงไม่ให้เขาคืนหินวิญญาณหรอกนะ?ศิษย์ของสำนักใหญ่ ปกติแล้วจะไม่ยอมเสียหน้ากระมัง?แต่ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่แน่นอน เขาตัดสินใจแล้วว่าหากผู้ฝึกตนหญิงตรงหน้าให้เขาคืนหินวิญญาณละก็ เขาจะเก็บแผงหนีไปทันที จากนั้นก็เปลี่ยนที่แล้วค่อยตั้งแผงใหม่ เจ้าของแผงลอยถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวังว่า “สหายน้อย?” สิ่งที่อวี้หลานชิงคิดไม่ใช่เรื่องขอหินวิญญาณคืน “เมื่อครู่ท่านบอกว่าสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ระงับพิษเพลิงชื่อว่าอะไรนะ?”“หญ้าเย็นกระจ่าง สมุนไพรวิญญาณชั้นสูง หนึ่งต้นสามารถระงับพิษเพลิงได้สามเดือน” ความคิดที่จะหนีไปของเจ้าของแผงลอยถูกโยนทิ้งไว้ที่ด้านหลังสมองทันที ก่อนจะถามด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นว่า “สหายน้อยถามถึงสมุนไพรนี้ แสดงว่า?”“ข้ามีอยู่ต้นหนึ่ง” อวี้หลานชิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่ามีสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่ในแหวนเก็บของของตนเป็นของที่ผู้อาวุโสจวีหยางจากสำนักมอบให้ในพิธีกราบอาจารย์ก่อนหน้านี้ สมุนไพรวิญญาณที่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status