“ไม่งั้น พวกเธอบีบดูไหมล่ะ?” หลินจืออี้พองแก้มเคี้ยวเนื้อซี่โครงยังมีคนจะยื่นมือออกไป แต่โดนรูมเมทอีกคนลากตัวไว้เสียก่อน “หลินจืออี้ ขอบคุณที่เธอมาได้ ก่อนหน้านี้หอพักเรารวมคนได้ไม่เคยครบเลย เนี่ย อิจฉาหออื่นเขาอยู่ตลอด”“ใช่ ไม่รู้ทำไมเธอถึงชอบอยู่กับเสิ่นเยียน เห็นชัดๆ ว่านาง......โอ๊ย”“ไม่มีอะไรกินสินะ”รูมเมทอีกคนรีบยิ้มไกล่เกลี่ยหลินจืออี้มองพวกเธอ ก่อนยกยิ้มตอบ “พวกเธอจะพูดอะไร ฉันรู้หมดแล้วล่ะ ที่จริงฉันควรขอบคุณพวกเธอด้วยซ้ำ”“หา? ทำไมล่ะ?” รูมเมทที่ค่อนข้างไร้เดียงสาคนหนึ่งถามกลับ“นานขนาดนี้แล้ว ฉันเชื่อใจคนผิด พวกเธอก็ยังยอมเรียกฉันมากินข้าว ขอบคุณจริงๆ”ขอบคุณที่พวกเธอเคยช่วยไว้เมื่อชาติก่อนด้วย“เธอตาสว่างก็ดีแล้ว เสิ่นเยียนพกกุญแจเธอมา ฉวยโอกาสตอนเธอไม่อยู่มาหอเราบ่อยๆ บอกว่าเธอตกลงแล้ว เราเลยพูดอะไรมากไม่ได้”“ใช่สิ นางชอบเสแสร้งทำตัวน่าสงสาร แกล้งจนต่อหน้าเธอ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเตือนเธอ เธอยังบอกว่าพวกเราคิดมากไป แต่นางกลับไปแอบพูดลับหลังว่าเธอเห็นนางจน จิกหัวใช้นาง จนคนอื่นไม่อยากยุ่งเธอ เราอยู่หอเดียวกันเลยรู้ว่าเธอดีกับนางที่สุดแล้ว เธอเอาของดีๆ จาก
หลินจืออี้มองรูมเมทคนสุดท้ายอีกทีเธอเริ่มร้อนรน “ฉัน ฉันคงไม่ได้ไม่ไหวเหมือนกันใช่ไหม?”หัววิงเวียนของหลินจืออี้หันขวับ “เธอตามสบายเลย”เสียงจอแจดัง เธอหัวโขกลงบนโต๊ะ เมาเป็นที่เรียบร้อยรูมเมททั้งสามหัวเราะลั่น“ฉันไม่เคยรู้เลยว่านอกจากหลินจืออี้จะสวยแล้ว ยังน่ารักด้วยนะเนี่ย”“ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเยียนปากพล่อยลับหลัง ตำแหน่งสาวงามโรงเรียนจะกลายเป็นของซ่งหว่านชิวได้ยังไงกัน?”“โอ้ย สองทุ่มครึ่งแล้ว รีบกลับหอกันเถอะ”ทั้งสามพยุงหลินจืออี้ขึ้น พากันเดินกลับด้วยความสนุกสนานหลินจืออี้พึ่งเพื่อนรูมเมท ทั้งที่ไม่ได้เมาหัวราน้ำแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกสงบจิตใจอย่างน่าประหลาดทั้งสี่คนพูดคุยเมามายด้วยกัน ถือว่าสนุกทีเดียวแม้แต่ลมฤดูใบไม้ร่วงยังพัดไอร้อนบางเบามาด้วยซ้ำจู่ๆ รูมเมทคนหนึ่งเงยหน้าตะโกน “ว้าว ดาวเต็มฟ้าสวยจัง”สามคนที่เหลือมองตาม คืนนี้ท้องฟ้ากระจ่างชัดเป็นพิเศษ แสงจันทร์สว่าง ดวงดาวกะพริบระยิบระยับโดยเฉพาะเมื่อมองผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งต้นไม้แตกแขนงแล้ว ก็เหมือนดวงดาวโดนแขวนติดไว้ตามกิ่งอย่างไรอย่างนั้นดาวสองดวงเป็นตา ดวงจันทร์เป็นปาก กิ่งก้านเหมือนเป็นเส้นผมเ
หลินจืออี้รีบคว้ามือเธอไว้ “ฉันยกโทษให้เธออยู่แล้ว ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก ฉันเชื่อเธอ”สีหน้าเธอดูเมามาย พอยกยิ้มแล้วดูอบอุ่น ไม่ดูปลอมเปลือกแม้แต่น้อยเลิ่นเยียนพยักหน้า แต่กลับส่งเสียนหึอยู่ในใจโง่จริงๆ แค่บุญคุณเล็กๆน้อยตอนนั้นยังจำมาถึงตอนนี้ สมน้ำหน้าที่โดนหลอกแล้วล่ะ!เลิ่นเยียนเปลี่ยนสีหน้าดูเป็นห่วงเป็นใย “หลินอี้ ฉันได้ยินว่าเธอจะถอนตัวจากการแข่งงั้นเหรอ? อันที่จริงก็ไม่เป็นไรหรอกนะ พวกเรามาตั้งใจหางานไม่ดีกว่าเหรอ ไม่จำเป็นต้องไปชิงดีชิงเด่นหรอก”“เสิ่นเยียน ในฐานะเพื่อนสนิทฉัน เธอจะไม่ให้กำลังใจฉันหน่อยเหรอ?”“ฉัน......ฉันแค่กลัวว่าเธอจะแบกรับหนักเกินไปถึงได้โน้มน้าวเธอ ไม่มีความหมายอื่นเลย” เสิ่นเยียนเอ่ยอึกอัก“อืม พูดถึงการแข่ง ฉันเห็นว่าแบบดีไซน์ฉันโดนคนแตะต้อง เหมือนว่าเธอจะมีกุญแจหอฉันใช่ไหม?” หลินจืออี้ถามหยั่งเชิงเสิ่นเยียนเริ่มร้องไห้ พูดด้วยความน้อยใจ “เธอสงสัยฉันเหรอ? เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นรูมเมทเธอก็พุ่งเป้ามาที่เธอตลอด มีแต่ฉันคอยปกป้องเธอ อยู่เป็นเพื่อนเธอ ถ้าเป็นพวกนั้นล่ะ?”“เธออย่าพูดซี้ซั้ว เดิมทีแค่พกกุญแจส่วนตัวก็ไม่ถูกแ
หลิ่วเหอกับกงสือเหยียนไม่ใช่พวกชอบหลบๆซ่อนๆ เธอยังกลัวว่าพวกเขาจะใช้เงินฟุ่มเฟือย ดังนั้นจึงตั้งใจไม่บอกวันแข่งขันงั้นก็เหลือแค่คนเดียวแล้ว กงเยี่ยนเมื่อวานยังโทรมาอวยพรเธอให้ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ไม่คิดว่าวันนี้จะยังเซอร์ไพรซ์เธออีกรูมเมทเปิดกล่องดูแทบทนไม่ไหว ข้างในมีเดรสผ้าไหมยาวสีม่วงเทาชุดหนึ่งตรงอกเป็นงานมือเย็บไข่มุกประดับ เม็ดมุกเล็กใหญ่สลับกัน เปล่งประกายระยิบอ่อนโยนยามอยู่ใต้แสงไฟรอบเอวลงไปเป็นผ้าไหมบางสองชั้น ชั้นหนึ่งเข้มชั้นหนึ่งอ่อน สีสันที่โชว์ออกมาดูเหมือนภาพในฝันอย่างไรอย่างนั้น“ว้าว เดรสชุดนี้ขนาดอยู่ใต้แสงไฟหอเรายังเปล่งประกายขนาดนี้ ถ้าขึ้นไปบนเวทีละก็.... ไม่ส่องสว่างระยิบระยับเลยเหรอ?”เสียงเลียนแบบของรูมเมททำให้หลินจืออี้หัวเราะออกมา“ยังจะหัวเราะอีก รีบเปลี่ยนชุดเร็ว แต่งหน้าให้นางด้วย”“……”หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลินจืออี้โดนรูมเมทเชยชมประหนึ่งเป็นตุ๊กตา“สวยเกินไปแล้ว จืออี้ ฉันเป็นผู้หญิงยังเกือบจะตกหลุมรักเธอเลย”“จืออี้ สู้ๆ เธอเป็นอันดับหนึ่งของคณะเรานะ”“จืออี้ ผ่อนคลายไว้ เราเชื่อมั่นในตัวเธอ”หลินจืออี้พยักหน้า สวมเสื้อคลุมแล้วก็เตร
เสิ่นเยียนเห็นหลินจืออี้หยิบนมไป จึงอดที่จะชนกล่องนมไม่ได้“ชนแก้ว”และในตอนที่เสิ่นเยียนกำลังจะดื่มหลินจืออี้ก็อาศัยจังหวะที่เธอไม่ระวังแย่งนมไปจากมือของเธอ“นมยี่ห้อนี้มีตั้งหลายรสชาติ ดูหน่อยสิว่าฉันชอบรสชาติไหน ? นี่ ! เสิ่นเยี่ยน เธอซื้อรสชาติเดียวกันเหรอ ?”เสิ่นเยี่ยนสับสนไปชั่วขณะ จ้องมองไปที่มือของหลินจืออี้ แสร้งยิ้มพูด “รสนิยมของพวกเราคล้ายกันดังนั้นฉันก็เลยซื้อเหมือนกัน”พูดจบเธอก็แย่งเอานมที่อยู่ในมือข้างซ้ายของหลินจืออี้มา แล้วดื่มไปหนึ่งอึกทันทีเหมือนกลัวว่าหลินจืออี้อยากจะแลกหลินจืออี้ก็ยกแก้วขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก “ขอบคุณที่เลี้ยง”จากเสิ่นเยี่ยนเห็นของเหลวที่อยู่ในหลอดถูกดูดเข้าไปในปากของหลินจืออี้ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข“ไม่ต้องเกรงใจ เธอชอบก็ดีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นขอเข้าไปก่อนนะ”หลินจืออี้เดินเข้าไปในห้องรับรองด้วยสีหน้าสงบนิ่งมองดูประตูที่ค่อยๆ ปิด เสิ่นเยี่ยนก็กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่…เริ่มต้นการแข่งขันความปิติยินดีทั้งใน และนอกเวที ในห้องพักผ่อนก็ครึกครื้นมากผู้เข้าแข่งขันเกือบจะทั้งหมดล้วนแต่นั่งล้อมรอบซ่งหว่านชิว ชมเธอสวย ชมชุดราตรีขอ
ผู้คนมองตามสถานการณ์ไปที่แหวนทรงดอกไม้นั่นบนเวทีโชว์ เหมือนกับว่าจะเน้นทับทิมสีแดงเม็ดใหญ่บนเกสร สัดส่วนจึงเกินจริงไปสักหน่อยในทางกลับกันก็ไม่มีการผสมผสานที่เป็นธรรมชาติอย่างสร้อยคอ และตุ้มหูซ่งหว่านชิวสีหน้าเปลี่ยน บีบไมโครโฟนแน่น พยายามรักษาความสง่างาม และมีการสั่งสอนบนใบหน้า“ขอบคุณความคิดเห็นของอาจารย์ค่ะ ฉันจะพยายามต่อไป”เซวียมั่นพึงพอใจกับท่าทางของซ่งหว่านชิวมาก หลีกเลี่ยงให้ความสนใจไม่ได้หลายส่วน“คุณหนูซ่ง จากการออกแบบของเธอในตอนนี้ ฉันคิดว่าเกินกว่าที่ฉันคาดหวังจากการแข่งขันครั้งนี้ไปมาก ดังนั้นฉันอยากจะถามเธอว่าในการแข่งขันครั้งนี้มีผู้แข่งขันที่เธออยากจะแข่งด้วยหรือไม่”ทุกคนได้ยิน เพียงครู่เดียวก็เกิดความสนใจแบบนี้น่าสนใจกว่าดูที่ละชิ้นๆ เยอะเลยซ่งหว่านชิวคิดแล้วคิดอีก ยิ้มพูด “ที่จริง…หนูมีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่ก็มาเข้าร่วมแข่งขัน หนูชื่นชมผลงานของเธอมากมาโดยตลอด ไม่กล้าแข่ง แต่หวังว่าจะมีคนได้เห็นผลงานเธอเยอะขึ้น”ฉากนี้ในสายตาของคนอื่น ซ่งหว่านชิวชนะแล้วถ่อมตัว ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้น สง่าสวยงาม…คำศัพท์ดีงามทั้งหมดวางไว้ที่ตัวของเธอก็ไม่เกินไปแม้แต่
หลินจืออี้กวาดตามองด้านล่างเวที สายตาสบกันกับผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพีผู้รับผิดชอบจัดงานข้างกายก้มศีรษะลง แล้วพูดอะไรสักอย่างอย่างระมัดระวังแต่เขากลับมีสีหน้าเฉื่อยชา ไม่ได้สนใจว่าเขากำลังพูดอะไร ยกแก้วชาขึ้นแล้วมองมาที่หลินจืออี้อย่างมืดมนผ่านไอร้อนความกดดันที่แข็งแกร่งทำให้ใจของเธอหวาดผวา จนอดเลื่อนสายออกมาอย่างรวดเร็วไม่ได้ด้านล่างเวที สายตาของคนส่วนมากที่มองหลินจืออี้ล้วนแต่ไม่มีความคาดหวังถึงอย่างไรคนที่จะเอาอัญมณีระดับล้านมาเข้าร่วมการแข่งขันเหมือนอย่างซ่งหว่านชิวนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกแบบของเธอที่ทั้งสมบูรณ์แบบ และแปลกใหม่แม้แต่ผู้รับผิดชอบยังคิดแบบนี้“คุณชายสามวางใจได้ เมื่อสักครู่ผมถามอาจารย์เซวียมั่นแล้ว เธอพึงพอใจคุณหนูซ่งมาก ที่หนึ่งในครั้งนี้ไม่มีใครแล้วนอกจากเธอ”กงเฉินจิบชาไปหนึ่งอึก พูดเอื่อยๆ “ก็ไม่แน่ ?”ผู้รับผิดชอบงงงัน คาดเดาความคิดของเขาไม่ค่อยจะได้ ค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปตามแววตาของเขาที่มองไปยังหลินจืออี้ด้านบนเวทีเขาคิดแล้วคิดอีก ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรได้“คุณชายสาม ผมเข้าใจแล้ว”กงเฉินไม่ได้สนใจเลยว่าเขากำลังพูดอะไร
แต่หลินจืออี้กลับหันไปด้านข้างแล้วมองเธอหนึ่งครั้งแล้วเดินไปด้านหน้าสองก้าว“แม้ว่าพวกเราจะเป็นพื่อนร่วมชั้นกัน แต่สนิทกันเหรอ? แม้ว่าจะขอร้อง ก็ไม่จำเป็นต้องให้คู่แข่งมาขอร้องหรอกนะ?”“เธอ…” ซ่งหว่านชิวตะลึง และแสดงสีหน้าเจ็บปวดมีผู้ตัดสินรู้ว่าสถานะของซ่งหว่านชิวไม่ธรรมดา และก็คิดว่ามีกงเฉินอยู่เบื้องหลัง จึงรีบลุกขึ้นพูดตำหนิ “หลินจืออี้ ผลงานของเธอก็ถูกเธอทำตกแล้ว คุณหนูซ่งใจดีช่วยเธอกู้หน้า เธอยังมีท่าทางแบบนี้เหรอ รักษาความปลอดภัย! เอาลงไป! ไม่มีผลงานก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม อย่าให้เสียเวลาของทุกคนเลย”ซ่งหว่านชิวเช็ดหางตา มองดูถูกหลินจืออี้ สายตาก็เต็มไปด้วยความพอใจแต่หลินจืออี้กลับสงบนิ่งเป็นพิเศษแล้วพูด “ใครบอกว่าฉันไม่มีผลงาน?”เธอหันไปมองซ่งหว่านชิว แล้วพูดต่อทีละคำ “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ฉันก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นเลยตั้งใจจัดเตรียมตัวอย่างไว้สองชุด”สีหน้าของซ่งหว่านชิวแข็งชะงักวินาทีต่อมาพนักงานที่หลินจืออี้ตั้งใจจ่ายเงินให้รออยู่ก็ยกของชุดหนึ่งขึ้นมาบนเวทีเธอมองเซวียมั่นที่อยู่ด้านล่างเวที แล้วค่อยๆ พยักหน้าพูด “นี่คือมงกุฎวันเกิดที่ฉันทำ ซิงเยว่”
ในเมื่อซ่งหว่านชิวซ่อนตัวอยู่ในบ้านและแท้งลูก งั้นเธอก็สามารถวางแผนอื่นๆ ของเธอได้ต่อไปแล้วหลินจืออี้ถือโอกาสที่เข้าห้องน้ำโทรหาหลิ่วเหอ“แม่ วันนี้คุณอาอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”“อยู่ มีอะไรเหรอ?”“ฉันอยากไปหาเขากินฉันข้าวมื้อน่ะ”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็ก้มลงมองถุงที่อยู่ข้างเท้า ในนั้นมีเสื้อนอกของกงเฉินวางอยู่เธอกลัวว่าถ้าตัวเองไปหากงเฉินโดยตรง เขาจะเห็นอะไรบางอย่างแต่ถ้าเขากินข้าวกับกงสือเหยียน เธอก็สามารถหาข้ออ้างคืนเสื้อผ้าของกงเฉินได้หลิ่วเหอคิดไปคิดมา กลับพูดว่า “ช่างมันเถอะ วันนี้อาของเธอยุ่งมากแน่ๆ”หลินจืออี้พูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณอามีออเดอร์ใหญ่เหรอ?”“ไม่ใช่” หลิ่วเหออยากจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อาของเธอบอกว่าเจ้าสามป่วยน่ะ ก่อนหน้านี้กระโดดลงทะเลสาบไปช่วยเธอ ทั้งตัวเปียกปอนพาเธอไปโรงพยาบาล เมื่อคืนกงเยี่ยนเกิดอุบัติเหตุ เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อจัดการงานที่เหลือของกงเยี่ยน ตอนเช้าก็ไปบริษัทอีก เขาก็เป็นคนเหมือนกัน จะไม่ป่วยได้ยังไง?”"ป่วย...ป่วยเหรอ?” หลินจืออี้สะดุ้งโหยงในใจนึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติของกงเฉินเมื่อคืนอย่างอธิบายไม่ได้ เธอยัง
หลินจืออี้ไม่เคยคิดว่ากงเฉินจะบ้าขนาดนี้แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่รอบๆ โรงพยาบาลก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่เขากลับยัดมือของเธอไว้ใต้เสื้อสเวตเตอร์มือที่เย็นเฉียบของเธอสัมผัสเอวที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่ม ทำเอาเธอร้องเสียงต่ำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้คนที่ได้ยินเสียงของเธอต่างหันมามอง เธอก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือกลับถูกเขากดแน่นอยู่บนขอบเอวหลินจืออี้ขดนิ้วมือ กล้ามเนื้อแน่นๆ รีดฝ่ามือของเธอ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเพียงแค่คนรอบข้างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็จะเห็นมือของเธอสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเขาไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า อุณหภูมิบนฝ่ามือของเธอสูงจนน่าตกใจเธอเตือนอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “อาเล็ก อาบ้าไปแล้ว ถ้ามีคนถ่ายรูปได้จะทํายังไง?”กงเฉินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แต่งตัวแบบนี้มาหากงเยี่ยนตอนดึกดื่นไม่กลัว แต่อยู่ด้วยกันกับฉันกลับกลัวงั้นเหรอ? แล้วทําไมตอนนั้นถึงเข้ามาในห้องฉันล่ะ?”หลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขา เพราะในอดีตเธอเคยรักผู้ชายคนนี้อย่างเร่าร้อนจริงๆแต่ตอนนี้...เธอก้มหน้าลง "ฉันเสียใจแล้วได้ไหม? ถ้าสามารถเริ่มต
หลังจากกงสือเหยียนตอบรับ เขาก็เดินตามหลินจืออี้ไปเมื่อกงเฉินหันกลับมา กงเยี่ยนก็มองเขายิ้มบางๆ“อาเล็ก ขอบคุณที่มาเยี่ยมผมนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง”กงเฉินมองไปที่กงเยี่ยน ในดวงตามีประกายแหลมคมแวบผ่าน “อ้อ? งั้นนายก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ”รอยยิ้มของกงเยี่ยนจางลง จ้องมองทิศทางที่กงเฉินหายไป สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน……หลินจืออี้ตามกงสือเหยียนลงไปชั้นล่าง เขารับโทรศัพท์และส่งเสียงอืมสองสามครั้งทันใดนั้น เขามองหลินจืออี้อย่างลําบากใจ “จืออี้ อาให้คนขับรถส่งเธอกลับไปนะ พอดีอาต้องไปเอาเอกสารที่บริษัท”“คุณอา ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใช้แอพเรียกรถมารับแล้ว”หลินจืออี้คิดว่าหลิ่วเหอยังรอเขาอยู่ที่บ้าน เรียกแท็กซี่แถวนี้ก็ต้องรออีกตั้งนาน จึงปฏิเสธความหวังดีของเขา“เด็กคนนี้นี่ มักกลัวจะรบกวนคนอื่นตลอดเลย”“คุณอาคะ คนขับรถมาแล้ว คุณอารีบขึ้นรถเถอะ แม่ฉันยังบ่นว่าช่วงนี้คุณอากลับดึกตลอด” หลินจืออี้ผลักเขาขึ้นรถ“เดี๋ยวอาเอาอาหารว่างยามดึกไปให้แม่เธอ เขาก็ดีใจแล้ว” กงสือเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ค่ะๆ คุณอาสองคนรักกันไปเถอะค่ะ”หลินจืออี้ปิดประตูรถแล้วโบกมือลาหลังจากส่งกงสือเหยียนออกไ
หลินจืออี้ยืนพิงกําแพง ใบหน้าขาวซีด ในสมองมีแต่ตอนจบของกงเยี่ยนในชาติก่อนและตอนนี้ กงเฉินก็ต้องการทําลายกงเยี่ยนอีกครั้ง!ทําลายคนเดียวในตระกูลกงที่ทําดีกับเธอ!เธอหายใจติดขัด ปลายนิ้วข่วนกําแพงจนรู้สึกเจ็บไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หันหลังและจากไปอย่างเงียบๆหลินจืออี้กลับไปที่วอร์ดผู้ป่วยอีกครั้งในเวลานี้ กงเยี่ยนเจ็บแผลถลอกจนพลิกตัวยาก แต่เมื่อเห็นหลินจืออี้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันที“จืออี้ ฉันคิดว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่หรอก” หลินจืออี้เดินไปนั่งที่ข้างเตียง ถามเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันลืมถามไป ทําไมพี่ถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ล่ะ?”“เมืองไห่มีขนมอบพิเศษ ฉันอยากจะเอากลับมาให้เธอลองชิม แค่รีบร้อนเท่านั้น” กงเยี่ยนพูดจบก็ไม่อธิบายให้มากความหลินจืออี้สังเกตเห็นช่องโหว่ในคําพูดของเขา “พี่ใหญ่ คนขับรถเป็นคนขับ ไม่ว่าพี่จะรีบแค่ไหน คนขับรถก็ไม่สามารถเอาชีวิตของพี่มาล้อเล่นได้...”ดวงตาของกงเยี่ยนหมองคล้ำ พูดตัดบทว่า “จืออี้ ไม่ต้องถามแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ให้จบลงเท่านี้เถอะ”“พี่ใหญ่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องมีปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม? พี่บอกฉันได้ไหม?”หลินจืออี้แค่อ
หลินจืออี้รีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกมา แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องเขา กลัวว่าจะทําให้เขาเจ็บ“พี่ใหญ่...”หลินจืออี้รู้สึกแสบจมูก ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวมากขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ กงเยี่ยนก็คงไม่ทําแบบนี้กงเยี่ยนมองเธอ ยื่นมือดึงเธอมานั่งที่ข้างเตียง ยกมือขึ้นเช็ดหางตาของเธอกลางคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิต่ำมาก หลินจืออี้แต่งตัวไม่เยอะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินทาง ขนตายาวหลายเส้นที่แขวนอยู่บนขนตาที่เปียกชื้นเล็กน้อย ขับให้ดวงตาแดงก่ำชุ่มชื้นคู่นั้นยิ่งดึงดูดเขามือของเขาหยุดที่แก้มของเธออย่างไม่เต็มใจและยิ้มเบาๆ เพื่อปลอบโยน "ไม่เป็นไรจริงๆ หรือจะให้ฉันลงมาเดินสักรอบสองรอบ?"หลินจืออี้รีบเอื้อมมือไปจับมือเขา เอ่ยห้ามว่า “พี่อย่าขยับไปไหนนะ โตป่านนี้แล้วยังล้อเล่นอีก?”เขาจ้องมองหลินจืออี้แล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ชั่วพริบตาก็กวาดสายตามองไปทางด้านหลังของเธอหลินจืออี้สังเกตเห็น พอกําลังจะหันตัวกลับ กงเยี่ยนกลับล้มตัวลงไปหาเธอราวกับไม่มีแรงเธอยื่นมือไปกอดกงเยี่ยนตามสัญชาตญาณกงเยี่ยนถือโอกาสโอบเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นไร”หลินจืออี
หลังจากได้ยินคําพูดของหลิ่วเหอ สมองของหลินจืออี้ก็สับสนวุ่นวายไปหมดเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อย่อของใครคือ LHคิดไปคิดมา เธอได้แต่พูดว่า “แม่ ช่วยฉันจับตาดูหน่อยได้ไหม? คราวหน้าที่พวกเขานัดพบกันต้องบอกฉันนะ”หลิ่วเหอไม่ได้รับปากทันที น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย “จืออี้ แกคิดจะทําอะไรกันแน่? แกอยากอยู่ให้ห่างจากพวกซ่งหว่านชิวมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”หลินจืออี้เม้มปาก ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้าเมื่อก่อนเธอคิดแบบนี้จริงๆเพราะเธอสัญญากับซิงซิงว่าจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีความสุข ยิ่งเดินยิ่งไกล ต้องชดเชยความเสียใจในอดีตให้ได้ดังนั้นความคิดเดียวของเธอคือการเปลี่ยนชะตากรรมเดิมของเธอเติมเต็มความปรารถนาของเธอและซิงซิงแต่ตอนที่เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้และฟังกงเฉินขู่เธอว่าจะเข้าข้างซ่งหว่านชิว เลือดก็แพร่กระจายจากร่างกายส่วนล่างของเธอ ราวกับได้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียดวงดาวอีกครั้งถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้กินยาคุมกําเนิด วันนี้ซิงซิงของเธอก็คงกลายเป็นก้อนเลือดไปแล้วเธอไม่สามารถระงับเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถลืมใบหน้าที
ตอนนี้ซ่งหว่านชิวเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง มีสตูดิโอและแบรนด์เป็นของตัวเองเธอยังคลอดลูกชายคนโตให้กงเฉินอีกด้วย กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด แม้แต่เส้นผมก็เหมือนเปล่งประกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสเสิ่นเยียนที่อยู่ข้างเธอก็พลอยสบายไปด้วย แต่งตัวหรูหราถือกระเป๋าโซ่ใบเล็กๆที่ราคาสูงถึงหลายแสนเด็กสาวคนนั้นที่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับหลินจืออี้และเคยพูดว่าจะขยันทำงานเพื่ออนาคต ตอนนี้ก็ถูกความมืดกลืนกินไปแล้วเสิ่นเยียนเล่นกระเป๋าในมืออย่างไม่ใส่ใจพลางพูดว่า “หลินจืออี้กับลูกสาวแทบไม่ออกจากบ้านเลย แม้แต่คุณท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับตระกูลหลิวช่วย คุณจะมีหลักฐานว่าหลินจืออี้ใส่ร้ายพวกคุณแม่ลูกได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลิวยังช่วยหา ตัวอย่างเข้าคู่ให้พวกคุณด้วย ถ้าเธอรู้ว่าคุณโกหกและใช้ประโยชน์จากเธอมาตลอด…”“หุบปาก! นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?” ซ่งหว่านชิวเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางที่ทั้งโหดและดุร้าย“คุณหนูซ่ง อย่าว่าฉันพูดมากเลยนะคะ ตระกูลหลิวนี่บอกจะล่มก็ล่ม คุณหนูตระกูลหลิวคนนั้นมาขู่คุณและคนที่จะช่วยคุณได้ก็มีแค่ฉันเท่านั้น ฉันก็แค่เอาสิ่งที่ฉันควรได้ เ
“มีเรื่องงั้นเหรอ? หึๆ ผมกำลังพักผ่อนอยู่เลยนะ อยู่ดีๆก็โดนล็อกคอลากเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน หมอสูติฯ สามคนยืนอยู่ข้างๆ ผมมองหน้ากันงงไปหมด รู้ไหมพวกเขาถามผมว่าอะไร?”หลี่ฮวนแสดงท่าทางประกอบอย่างเว่อร์วังราวกับกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลินจืออี้ถามอย่างงุนงง “ถามว่าอะไรเหรอคะ?”หลี่ฮวนเลียนเสียงหมอผู้หญิงพูดเสียงแหลมว่า “คุณหมอหลี่คะ จะรักษาอะไรเหรอคะจะรักษาการตั้งครรภ์หรือรักษาประจำเดือนดีคะ?”“ทีนี้รู้หรือยังว่าแผลพวกนี้ฉันได้มายังไง? คราวหน้ารบกวนช่วยเตือนเขาด้วยว่า ถึงจะรีบก็อย่าล็อกคอผมอีก”หลินจืออี้พอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เริ่มเข้าใจว่าหลี่ฮวนพูดถึงเรื่องอะไรแต่สีหน้าของเธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆเพียงแค่ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรหลี่ฮวนไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ เขามองไปรอบๆแล้วถามขึ้น“คุณชายสามล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขาเฝ้าคุณตลอดหรือไง?”“กลับไปแล้วค่ะ” หลินจืออี้ตอบเสียงเย็นชาที่กงเฉินเฝ้าเธอก็แค่เพราะต้องการแน่ใจว่าจะได้เตือนเธอทันทีที่ตื่นขึ้นว่า "อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด"ตอนนั้นเอง หลี่ฮวนก็เริ่มสังเกตได้ว่าบรรยากาศแปลกไปเขานิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ควรพูดอย่างไร จึงรีบเปลี่ยนห
หลิ่วเหอหลังจากคลอดหลินจืออี้ออกมาร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถมีลูกได้อีกบ้านใหญ่จึงมีหลานชายเพียงคนเดียวคือกงเยี่ยน ส่วยบ้านรองก็ไม่มีลูกเช่นกัน หากบ้านสามอย่างกงเฉินแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้อีกคน คุณท่านกงจะยอมได้ยังไง?เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลินจืออี้ ซ่งหว่านชิวก็ยกมือขึ้นปิดท้องโดยไม่รู้ตัวท่าทางนี้ทำให้หลินจืออี้รู้สึกแปลกใจชาติที่แล้วเพราะเธอแต่งงานกับกงเฉินก่อน ซ่งหว่านชิวจึงหนีตามไปพร้อมลูกในท้องแต่ตอนนี้ในเมื่อไม่มีสิ่งใดขัดขวางระหว่างซ่งหว่านชิวกับกงเฉิน หากเธอประกาศว่าท้องการแต่งงานระหว่างสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ทำไมซ่งหว่านชิวถึงไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับลูกในท้อง ยังถึงขั้นไม่กล้าเปิดเผยเลยแม้แต่นิด?“หลินจืออี้ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดใจ ไม่เป็นไรนะ เพราะความเจ็บปวดยิ่งกว่านี้กำลังจะมา คุณชายสามบอกว่าพอเซ็นสัญญาร่วมมือเสร็จเขาจะแต่งงานกับฉัน”“เห็นมั้ย? ฉันเคยบอกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะเลือกฉัน ส่วนเธอน่ะ ก็แค่ของเล่นที่ไม่ต้องเสียเงิน”ซ่งหว่านชิวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องผู้ป่วยร่างกายของหลินจืออี้ที่ฝืนทนจนถ