หลินจืออี้ห้ามไม่ทัน กงเฉินหยิบของบนโซฟาขึ้นมาแล้วมันเป็นผ้าพันคอที่ถักแล้วครึ่งหนึ่งและยังมีกลุ่มด้ายสีต่างๆ มีบางผืนที่เธอถักไปหลายแถวแล้วพบว่าสีไม่สวย เลยทิ้งเอาไว้ข้างๆ ทิ้งไปทิ้งมาก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสําเร็จรูปไปหมดในที่สุด เธอก็ลังเลระหว่างสีแดงเข้มและสีดําสิ่งของของกงเฉินแทบจะเป็นสีดําทั้งหมด ดังนั้นเธอเลยอยากเลือดสีแดงเข้มมากกว่าแต่ก็กลัวว่าเขาจะชอบสีดํามากกว่า ก็เลยถักผ้าพันคอสีดําอีกผืนหนึ่งพอมองไปที่โซฟา มันเหมือนเธอจัดเต็มมาก"ให้ฉันหมดเลยเหรอ?"สีหน้าของกงเฉินยังคงเย็นชาเหมือนเดิม น้ำเสียงก็ไม่ขึ้นๆ ลงๆ มากนัก ราวกับถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจหลินจืออี้รู้สึกว่าตัวเองคิดไปเองฝ่ายเดียวมากไปเธอกั้นของบนโซฟาอย่างเก้อเขิน“ไม่ใช่ ฉันไม่ถักนิตติ้งมานานเกินไป ฝีมือถดถอยแล้ว ดังนั้นซื้อเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อม”กงเฉินเดินผ่านเธอไปและหยิบมันขึ้นมาดู แค่ความกว้างของฝ่ามือก็พลาดไปหลายเข็มแล้ว“ถดถอยแล้วจริงๆ”หลินจืออี้เบ้ปาก ยื่นมือไปแย่งผ้าพันคอที่ถักไป“สู้ของที่ซื้อข้างนอกไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว”ไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาสิเธอก็เอาใจใส่เหมือนกันนะ แต่แล้วก็ยังถ
เธออายที่จะพูดตรงๆ จึงวางถ้วยชาลงแล้วพูดว่า "ฉันไม่ดื่มแล้วนะคะ ขอตัวกลับก่อนค่ะ"ใครจะรู้ว่า กงเฉินวางแก้วลงและลุกขึ้นพร้อมกัน“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอ”“ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็จับกางเกงบนร่างกายโดยไม่รู้ตัวเพิ่งลุกขึ้น ช่วงล่างก็รู้สึกถึงความชื้น เธอรู้ทันทีว่าประจำเดือนมาแล้วกงเฉินชําเลืองมองเธอ “ฉันจะให้พยาบาลเข็นรถเข็นมาพาเธอไปห้องน้ำ”“อืม”หลินจืออี้แอบดีใจที่เขาไม่พบอะไรหลังจากนั่งรถเข็นแล้ว เธอไม่ได้ให้พยาบาลอยู่เป็นเพื่อนเธอ เพราะพยาบาลก็ยุ่งมากเธอจึงยืมผ้าอนามัยมาชิ้นหนึ่ง แล้วไปเข้าห้องน้ำเองเพื่อป้องกันไม่ได้ให้หกล้ม เธอนั่งรถเข็นไปยังช่องสําหรับคนพิการแต่ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างในขณะที่กําลังจะเปลี่ยนที่นั่ง ผู้หญิงที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงเบาๆ “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณมีผ้าอนามัยไหมคะ? พอดีว่าขาฉันไม่ค่อยสะดวกน่ะค่ะ”ฟังออกว่าผู้หญิงข้างในลำบากใจจริงๆ หลินจืออี้เห็นล้อรถเข็นคนพิการไฟฟ้าจากช่องประตูด้านล่าง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นคนพิการจริงๆ เธอก้มหน้ามองผ้าอนามัยในมือ คิดว่าปกติวันแรกตัวเองก็ไม่ได้มาเยอะมาก น่าจะ
เมื่อหลี่ฮวนเห็นหลินจืออี้ สีหน้าก็ละอายใจเล็กน้อย เขาอ้าปากแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อคลายความอึดอัดใจ หลินจืออี้จึงชิงพูดก่อน “หมอหลี่ เท้าฉันเคล็ดน่ะ คุณช่วยฉันดูหน่อยว่าอาการบวมจะหายโดยเร็วได้ไหมคะ พรุ่งนี้ฉันยังมีงานเปิดตัวสินค้าที่สําคัญมากต้องไปเข้าร่วม”พอหลี่ฮวนได้ยินว่าหลินจืออี้ยังยอมเชื่อตัวเอง จึงพยักหน้าอย่างแรง “วางใจเถอะ เชื่อใจผมได้เลย”ในระหว่างที่ตรวจอาการ หลี่ฮวนได้ย้ำเตือนมากมายในที่สุดเขาก็มองหลินจืออี้อย่างระมัดระวังและพูดว่า "หลินจืออี้ ขอโทษนะ"หลินจืออี้พูดปลอบใจ “ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย อย่าคิดมากไปเลย”หลังจากหลี่ฮวนได้ยินคําตอบ เขาก็ไม่เสแสร้งอีกแล้ว หลังจากประคบน้ำแข็งให้หลินจืออี้แล้ว เขาก็สั่งพลาสเตอร์ยาไปอีกแผ่นหนึ่งตอนที่เฉินจิ่นไปรับยา หลี่ฮวนก็ชงชาให้กงเฉินและหลินจืออี้หลี่ฮวนฟื้นนิสัยเดิมของเขา รินชาพลางมองไปที่กงเฉิน “พักนี้นายนอนหลับดีขึ้นบ้างหรือยัง? ยังฝันถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหม?”มือที่ยกแก้วของหลินจืออี้ชะงัก “เด็กผู้หญิงอะไรเหรอ?”ได้ยินดังนั้น หลี่ฮวนจึงตระหนักว่ากงเฉินไมได้บอกหลินจืออี้เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงในฝันของเขา เข
มันน่าอายจริงๆ ที่จะเดินกะเผลกแต่สถานการณ์ตอนนี้น่าอายกว่า ใครที่อยู่ในเมืองหลวงไม่รู้จักกงเฉินบ้าง?เขาอุ้มเธอขึ้นไปข้างบนอย่างสง่าผ่าเผย สายตาของทุกคนล้วนหยุดอยู่ที่เธอเธอรีบก้มหน้าแกล้งทำเป็นเสยผมบังหน้าตัวเองชายหนุ่มหลุบตากวาดตามองเธอ เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฉันทำเธอขายหน้ามากเหรอ?”ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะอายแต่ตอนนี้เธอเหมือนกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจมากกว่าหลินจืออี้รีบคิดคำตอบ เธอขยี้ตาพลางพูดว่า “เปล่านี่ เหมือนมีอะไรเข้าตาฉันน่ะค่ะ”“อืม”กงเฉินไม่ได้ถามอะไรมากอีกหลังจากเข้าไปในลิฟต์ เนื่องจากคนเยอะและเสียงดัง กงเฉินจึงวางหลินจืออี้ลงในเวลานี้ มีผู้ป่วยนั่งรถเข็นคนหนึ่งเข้ามา จึงทำให้แออัดมากขึ้นทันทีเธอยังไม่ทันได้ปรับตัวเอง ร่างกายก็ถูกกงเฉินกอดเอาไว้ที่มุมลิฟต์แล้วข้างหน้าเป็นเสียงพูดคุย เสียงโทรศัพท์ แต่หลินจืออี้เหมือนไม่ยิน ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของชายตรงหน้ากงเฉินก้มศีรษะลง ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบใบหน้าของเธอ แต่เธอกลับไม่มีที่ให้หนี ได้แต่ก้มหน้าลงเขากวาดตามองใบหูที่แดงก่ำของหลินจืออี้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เชิดคางเธอขึ้นเหมือนจงใจ"มีอะไรเข้าตาไ
งานศพของเฉินซู่หลานนั้นง่ายดายจนแม้แต่คนธรรมดายังสู้ไม่ได้คนธรรมดายังต้องจัดงานสามวัน เธอเพียงแค่เผาศพอย่างลวกๆ และหาที่เพื่อฝังศพเท่านั้นกงเยี่ยนอยากจะจัดพิธีไว้น้าลัยให้เธอ แต่พอโทรออกไป ไม่ใช่โดนปฏิเสธก็คือไม่ว่างนอกจากพวกเขาไม่กี่คนที่เฉินซู่หลานอยากทําร้ายมากที่สุดแล้วแม้แต่น้าแท้ๆ ของกงเยี่ยน เฉินหงเหว่ย ก็หอบเงินพาทั้งครอบครัวไปต่างประเทศแล้วสิ่งที่น่าขันที่สุดคือการที่เฉินหงเหว่ยจากไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ เป็นเพราะเฉินซู่หลานเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายก็ยังคิดจะแจ้งข่าวเตือนเขามันยากที่จะแสดงความคิดเห็นจริงๆเดิมทีหลินจืออี้ก็ไม่อยากมา แต่เป็นหลิ่วเหอที่อยากมาท่ามกลางลมที่พัดโชยมา กงเยี่ยนที่ไม่ได้เจอกันหลายวันสวมชุดสูทสีดําทั้งตัว แก้มก็ยุบลงไปไม่ได้น้อยเขาวางขี้เถ้าลงในหลุมเล็กๆ ปิดหลุมฝังศพ ซึ่งหมายถึงการปิดฉากของชีวิตคนๆ หนึ่งหลังจากจบงาน หลินจืออี้ก็หันหลังจากไปแต่กงเยี่ยนไล่ตามเธอมาเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ก็มีร่างหนึ่งมาขวางหน้าเธอไว้“มีเรื่องอะไรอีก?”เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำและเย็นชา แฝงด้วยกลิ่นอายที่ไม่อาจปฏิเสธได้กงเยี่ยนมองผู้ชายคนนั้น จากนั้
“เรียกคนขับรถให้ขับรถมา” กงเฉินออกคําสั่งเสร็จก็หันไปมองหลินจืออี้ “อีกอาทิตย์หนึ่งให้ฉัน”พูดจบเขาก็รีบเดินไปที่สวนหลังบ้านหลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย เธอไปตกลงตั้งแต่เมื่อไร?เธออยากจะตามเขาไป แต่กลับถูกกงสือเหยียนขวางไว้“จืออี้ เธออย่าไปเลย สภาพจิตใจของเฉินซู่หลานไม่ค่อยดี เดี๋ยวจะพาลใส่เธอเปล่าๆ เธอไปหาแม่ลูกดีกว่า”“ค่ะ”หลินจืออี้รู้สึกว่าเขาพูดถูก เธอผ่านประสบการณ์แบบนี้มา ไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องบ้านใหญ่อีกจริงๆ หลังจากมองส่งทั้งสองคนจากไปแล้ว เธอก็กลับไปหาหลิ่วเหอที่สวนหลังบ้านเมื่อผลักประตูเข้าไป กลับไม่ยินเสียงบ่นของหลิ่วเหอจนกระทั่งขึ้นไปชั้นบนจึงเห็นหลิ่วเหอนั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง“แม่ เป็นอะไรไปน่ะ?”หลิ่วเหอตกใจมากและกระพริบตา "ไม่ ไม่มีอะไร แล้วอาแกล่ะ?"“คุณนายใหญ่อาเล็กเจียนเป็นเลือด อาการไม่ค่อยดีน่ะ”หลินจืออี้พูดตามความจริง ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมากนักคิดไม่ถึงว่าหลิ่วเหอจะถอนหายใจ“เฮ้อ กรรมตามสนอง ล้วนเป็นกรรมตามสนองจริงๆ”หลินจืออี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าเธอ จึงพบว่าดวงตาของเธอแดงก่ำ"แม่ มีอะไรเหรอ? แม