หลิวซินเยว่เดินออกจากห้องนอนเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน เธอหวังว่าแม่ของเธอจะทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทาง เธอเหลือบไปเห็นรูปถ่ายขาวดำใบหนึ่งวางอยู่บนชั้นวางของตั้งอยู่ในบ้าน เป็นรูปของผู้หญิงหน้าตาสะสวยอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวในรูปมีเค้าโครงใบหน้าคล้ายกับเธอมาก
'นี่คงเป็นแม่ของหลิวซินเยว่สินะ' เธอคิดในใจ พร้อมกับความรู้สึกโหยหาบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
ก่อนเธอมองไปที่รูปถ่ายของชายวัยกลางคนในชุดทหารที่ตั้งอยู่ใกล้กัน นั่นคือพ่อของหลิวซินเยว่ เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 10 ขวบ แม่ของเธอต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานตัดเย็บผ้าหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่งเสียหลิวซินเยว่จนเรียนจบมัธยมปลาย และสอบเข้าคณะแพทย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้
'เยว่เยว่' เสียงเรียกของคนเป็นแม่ทำเอาความคิดที่กำลังล่องลอยของเธอถูกดึงกลับมาสู่โลกความจริง เธอเห็นแม่ของเธอกำลังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารจานโปรด"วันนี้แม่ทำผัดผักกาดขาวกับเต้าหู้หม่าโผที่ลูกชอบ มาทานกันเร็ว"
"ค่ะแม่" หยวนชิงตอบรับก่อนจะเดินตามคนเป็นแม่เข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของหลังบ้านหัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงอีกครั้ง ความรู้สึกโหยหาที่เคยกัดกินหัวใจของเธอมานานพลันมลายหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อโชคชะตาที่นำพาเธอมาพบกับครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้
ภายในห้อง อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร ทั้งสองก็นั่งลงที่โต๊ะอาหารตัวเล็ก บนโต๊ะอาหารมีผัดผักกาดขาวกับเต้าหู้หม่าโผวางอยู่ กลิ่นหอมฉุนของเต้าหู้หมักทำให้เธอรู้สึกหิวขึ้นมาอย่างประหลาด หลิวซินเยว่ตักอาหารเข้าปาก รสชาติเค็มๆ มันๆ อร่อยกว่าที่คิดไว้
"อร่อยมากเลยค่ะแม่" หญิงสาวเอ่ยชม
"อร่อยก็กินเยอะๆ นะลูก" แม่ของเธอยิ้มอย่างใจดี
อาหารมื้อเช้าวันนี้แม้จะเรียบง่าย แต่รสชาติกลับอร่อยถูกปากหยวนชิงอย่างประหลาด อาจเป็นเพราะความรู้สึกอบอุ่นในใจ หรืออาจเป็นเพราะฝีมือการทำอาหารของแม่ของเธอที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยกว่าอาหารมื้อไหนๆ ที่เธอเคยกินมา
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลิวซินเยว่รู้สึกอิ่มและง่วง เธอจึงขอตัวกลับเข้าห้องนอน
"แม่ค่ะ เดี๋ยวหนูขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ ตอนนี้หนูยังรู้สึกมึนหัวอยู่เลยค่ะ"
นางซูหลินพยักหน้ารับ "ไปพักเถอะลูก โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่อย่างนั้นหนูต้องขาดเรียนแน่ๆ " หลิวซินเยว่ยิ้มหวานให้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะเดินเข้าห้องไป
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ร่างบางก็รีบคว้ายาคุมกำเนิดในกระเป๋ากางเกงออกมาทาน ก่อนจะกระดกน้ำตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความกังวล หวังว่าเธอจะไม่ท้องตามเนื้อเรื่องในนิยายบ้าๆ นั่นนะ
"โธ่เอ๊ย ทำไมฉันต้องทะลุมิติมาอยู่ในนิยายตอนมีอะไรกับตัวร้ายด้วยนะ " หลิวซินเยว่พึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ไหนๆ ก็จะส่งเธอมาทั้งทีน่าจะให้เธอตั้งตัวบ้างไม่ใช่ตื่นขึ้นมาก็เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว
"ฉันไม่ยอมให้ชีวิตพังเพราะพล็อตนิยายงี่เง่าเด็ดขาด ฉันต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่องในนิยาย" หลิวซินเยว่กำหมัดแน่น
อีกแค่ปีเดียวเจ้าของร่างนี้ก็จะเรียนจบแล้ว ความฝันที่จะเป็นหมออยู่แค่เอื้อม เธอจะไม่ยอมให้เรื่องบ้าๆ แบบนี้มาทำลายอนาคตของเธอเด็ดขาด 'ฉันจะไม่ยอมเป็นตัวประกอบที่ตั้งท้องโง่ๆ แล้วถูกคนอื่นฆ่าตายหรอกนะ' เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง
แต่ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ร่างบางกังวลมากที่สุดคือความรู้สึกของคนเป็นแม่ แม่ของหลิวซินเยว่ในโลกใบนี้เธอเป็นผู้หญิงที่แสนดี อ่อนโยน และรักลูกสาวสุดหัวใจ หญิงสาวไม่อยากทำให้แม่ต้องผิดหวังเสียใจ ไม่อยากให้เธอต้องแบกรับความอับอายจากสายตาของคนในตลาด เธอจะต้องให้แม่ของเธอเสียใจเป็นอันขาด
"เสียใจด้วยนะ ท่านนายพลหวังฉันไม่มีทางท้องลูกของคุณแน่ ฉันจะต้องเรียนจบเป็นหมอให้ได้ " หลิวซินเยว่พูดกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น
"หวังว่าคุณตัวร้ายจะจำหน้าฉันไม่ได้นะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ในนิยาย หวังหย่งเจี๋ยจะจำหน้าตัวประกอบกระจอกๆ อย่างเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ จนกระทั่งเจ้าของร่างเดิมไปบอกว่าเธอท้องกับเขา นั่นแหละ...คือจุดเริ่มต้นของหายนะของเจ้าของร่างนี้
"ฉันไม่โง่แบบนั้นหรอก" หลิวซินเยว่ส่ายหน้า "และอีกอย่างฉันไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายที่แสนจะอันตรายคนนั้นด้วย"
ร่างบางนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาคมคายของหวังหย่งเจี๋ย นายพลหนุ่มผู้เหี้ยมโหด โผล่ขึ้นมาในความคิด แม้ใบหน้าของเขาจะหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นชา ราวกับน้ำแข็ง แค่คิดถึงวินาทีที่เขาจ้องมอง เธอก็ขนลุกแล้ว
"ฉันต้องหนี หนีไปให้ไกลๆ จากนายพลหวังให้ได้" หลิวซินเยว่ตัดสินใจ
"เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีทางตกหลุมรักเขาเหมือนตัวประกอบในนิยายหรอก อยู่ให้ห่างไกลที่สุดน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด" หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะหลับตาลง
555 อีพี่จะทำยังไง ยายน้องจะหนีอยู่ให้ห่างอีพี่ท่าเดียว อีพีก็ต้องรอต่อไปนะ
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว บอกให้คนเมืองหลวงรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของตระกูลหวัง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดวันนี้ วันที่หวังหย่งเจี๋ยเฝ้ารอคอยก็มาถึง หลังจากที่เขาต้องอดทนรอให้หลิวซินเยว่ คนรักของตนเรียนจบมหาวิทยาลัยตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุดเสียทีหวังหย่งเจี๋ยในชุดสูทสีดำดูที่ดูหล่อเหลา เขานั่งรอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ เสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก หวังหย่งเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เขารักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวของเขาหลิวซินเยว่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินระยิบระยับเข้ารูปกับเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาแต่ขับเน้นให้ดวงตากลมโตดูสดใสเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มทาด้วยลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินออกมาพร้อมหลี่เหมยฮัวเพื่อนสนิทของเ
พิธีหมั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังเสร็จสิ้นพิธี หลี่เหมยฮัวและซุนเจ๋อคู่สามีภรรยาผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวซินเยว่ ก็เข้ามาแสดงความยินดีหลิวซินเยว่ เข้ามาทักทายคนมี้งคู่ทันที "เหมยฮัว ดีใจจังที่มาได้" เธอกอดคุณนางเอกไว้แน่น"เยว่เยว่ ยินดีด้วยนะ วันนี้เธอสวยมาก" เหมยฮัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"ขอบคุณนะเหมยฮัว" เธอกล่าวขอบคุณ สายตาเหลือบไปเห็นหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นของคุณนางเอก"เหมยฮัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"นิดหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันแทบทานอะไรไม่ได้เลย"คนเป็นแม่หมาดๆ เอ่ยตอบ"ถ้าเธอไม่สบาย ไม่ต้องบังคับตัวเองมางานหมั้นฉันก็ได้นะ" หลิวซินเยว่กล่าว"ฉันจะไม่มางานหมั้นเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร" เหมยฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ใบหน้าจะซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการแพ้ท้อง"แล้วตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว" หลิวซินเยว่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นพลางลูบท้องของเพื่อนเบาๆ"ยังไม่รู้เพศเลย" หลี่เหมยฮัวตอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ"ถ้าฉันมีลูกชาย แล้วเยว่เยว่มีลูกสาว พวกเราจับทั้งสองหมั้
ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถยนต์คันหรูด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ เบื้องหน้าเธอคือร้านอาหารฝรั่งเศสตกแต่งสไตล์ยุโรป ดูหรูหรา ทันสมัย ตัดกับบรรยากาศรอบข้างอย่างสิ้นเชิง"ว้าว สวยจังเลยค่ะพี่หย่งเจี๋ย" เยว่เยว่อุทานอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายหวังหย่งเจี๋ยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ "ชอบไหม?พี่ตั้งใจเลือกเลยนะ""ชอบมากค่ะ" หลิวซินเยว่พยักหน้าหงึกหงัก "ไม่คิดว่าปักกิ่งจะมีร้านแบบนี้ด้วย""ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ เขาว่ากันว่าอาหารอร่อยมาก แถมบรรยากาศยังโรแมนติก เหมาะกับคู่รักอย่างเรา" หวังหย่งเจี๋ยขยิบตาให้หลิวซินเยว่ ก่อนจะคว้ามือบางของเธอเดินเข้าไปในร้านภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ทอง ดูหรูหรา โอ่อ่า เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดตา โค้งคำนับต้อนรับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม"โต๊ะริมหน้าต่าง วิวดีที่สุดครับ" หวังหย่งเจี๋ยบอกพนักงาน ก่อนจะพาหลิวซินเยว่ ไปนั่งประจำที่"พี่หย่งเจี๋ยคะ ที่นี่ดูแพงมากเลย" เยว่เยว่กระซิบเสียงเบา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย"ไม่ต้องห่วงน่า พี่เลี้ยงเอง" หวังหย่
เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากิจการร้านขายเสื้อผ้าบูติกที่ถนนหนานจิงขายดีเป็นอย่างมาก ภายในร้าน หลิวซินเยว่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเรียงเสื้อผ้าตัวใหม่ๆ"คุณหลิว เสื้อผ้าที่ทำออกมาขายแทบจะตัดเย็บไม่ทันแล้วนะ" เสียงจินฮวาดังขึ้นขณะกำลังแขวนชุดเดรสลายดอกไม้สีสดใส "ลูกค้าติดใจแบบเสื้อผ้าของเราใหญ่เลย คนแน่นร้านทุกวัน""จริงอย่างที่พี่จินฮวาว่า" เสี่ยวหลันพูดพลางจัดเรียงกางเกงยีนตัวใหม่ "เมื่อวานตอนบ่าย ฉันเห็นลูกค้าต่อแถวรอซื้อเสื้อผ้าหน้าร้านยาวเหยียดเลย"หลิวซินเยว่ยิ้มกว้าง พลางหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ขึ้นมาพับอย่างบรรจง "ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่ร้านของเราขายดีแบบนี้ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันเต็มที่ขนาดนี้""แต่ว่านะคุณหลิว" จินฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล "พวกเราจะทำเสื้อผ้าทันขายเหรอ?แค่พวกคุณซูกับป้าหวังคงไม่ไหวแน่ๆ "หลิวซินเยว่พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราคงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ" หลังจากจัดของในร้านเสร็จเธอก็ไปหาแม่และป้าหวังที่บ้านของเธอเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ"ป้าหวัง ...เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ กว่าโ
เช้าวันรุ่งซินเยว่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนยินดี เธอจัดแจงแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่เตรียมไว้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้ากับนางซูหลินผู้เป็นแม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่" ซินเยว่กล่าวทักทายพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะอาหาร"อรุณสวัสดิ์จ้ะเยว่เยว่ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม" นางซูหลินถามด้วยรอยยิ้ม"ค่ะแม่ เมื่อคืนหนูนอนหลับสบายมากเลยค่ะ"บนโต๊ะอาหารมีโจ๊กข้าวต้มร้อนๆ กับหมั่นโถววางอยู่ หลิวซินเยว่ตักโจ๊กเข้าปากพลางเล่าเรื่องราวที่ร้านเมื่อวานนี้ให้แม่ฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข"แม่คะ เมื่อวานนี้คนมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเยอะมากเลยค่ะ ขายดีจนสินค้าในร้านหายไปครึ่งหนึ่งเลย""จริงเหรอจ๊ะ แม่ดีใจด้วยนะลูก" นางซูยิ้มกว้าง "แล้วขายได้เงินเท่าไหร่ล่ะ""เมื่อวานขายได้ตั้ง 1,000 หยวนแน่ะค่ะ แม้ว่าจะลดราคาครึ่งหนึ่งก็ตาม" ซินเยว่บอกด้วยความภูมิใจ"เก่งมากจ้ะลูก"ซูหลินลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู "วันนี้แม่จะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเติมที่ร้านให้เอง ลูกจะได้ไปงานแต่งงานของเหมยฮัวได้อย่างสบายใจ""ขอบคุณมากนะคะแม่" หลิวซินเยว่ยิ้มกว
สองอาทิตย์ต่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร้านบูติกของหลิวซินเยว่ก็ได้เปิดทำการที่ถนนหนานจิง เธอจัดร้านแบบร้านขายเสื้อผ้าในห้างยุคปัจจุบัน ทำให้ร้านของเธอเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก หน้าร้านเป็นกระจกใส มี หุ่นโชว์เสื้อผ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้านดูโดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าสีสันสดใสตัดเย็บอย่างประณีตถูกสวมใส่โดยหุ่นเหล่านั้นราวกับมีชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างชะงักฝีเท้า จ้องมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้านด้วยความสนใจ บ้างก็กระซิบกระซาบพูดคุยกันถึงความแปลกใหม่ บ้างก็จูงมือกันเข้ามาในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น"นี่มันร้านอะไรกันเนี่ย ตกแต่งแปลกตาดีจัง" หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนที่เดินข้างกันหลิวซินเยว่ในชุดเดรสสีแดงสด ยืนยิ้มต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญชมสินค้าตามสบายได้เลยนะคะ วันนี้ร้านเราเปิดร้านวันแรก ลดราคา 50% ทุกชิ้นเลยค่ะ"เสียงพูดของหลิวซินเยว่ ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ"ลดตั้งครึ่งราคาเลยเหรอ จริงหรือเนี่ย" พี่สาวเฉิน สาวโรงงานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น"จริงค่ะพี่สาววันนี้วันเดียวเท่านั้นนะค