Share

บทที่ 3

Penulis: กากบาทเย่
เจียงซื่อถอนหายใจแผ่วเบา

นางเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บุตรสาวฟังอย่างคร่าว ๆ

เซวียหมิงเฟยมีรอยยิ้มประดับใบหน้า “ท่านแม่ อย่างไรเสียอนุชิวก็หวังดีต่อลูกนะเจ้าคะ น้องหญิงเองก็ปลอดภัยดีแล้ว โทษทัณฑ์ทั้งหักเบี้ยหวัดและกักบริเวณนี้ ดูจะหนักหนาเกินไปสักหน่อย”

ผู้พูดมิได้ใส่ใจ

แต่ฮูหยินเจียงกลับรู้สึกแสลงหูอย่างน่าประหลาด

เพื่อหวังดีต่อบุตรสาวของนาง ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น

แต่อนุชิวต้องการสิ่งใดกัน?

แม้เจิ้นกั๋วกงในยามนี้จะเป็นคนพิการ แต่บรรดาศักดิ์นั้นคือของจริง

หากเซวียหว่านอี้ได้เป็นฮูหยินเจิ้นกั๋วกง แม้แต่นางที่เป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลเซวีย ก็ยังต้องคารวะอดีตบุตรสาวอนุผู้นี้

ถึงยามนั้น สถานะของอนุชิวย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย

เรื่องที่มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียต่ออนุชิวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องบีบบังคับบุตรสาวแให้ถึงแก่ความตายด้วย?

ต่อให้นางพยายามเอาอกเอาใจเพียงใด หากสิ้นบุตรสาวในไส้ไปแล้ว ชั่วชีวิตที่เหลือของอนุชิวก็ไร้ที่พึ่งพิง

ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

“อนุชิวดีต่อเจ้ามากหรือ?”

ฮูหยินเจียงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เซวียหมิงเฟยซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับผ้าทออันหรูหรา พยักหน้ารับโดยมิได้สังเกตสิ่งใด

“เจ้าค่ะ หลายปีมานี้ เสื้อผ้าของลูกไม่น้อยเลยที่อนุชิวเป็นผู้ตัดเย็บ ฝีเข็มละเอียด ประณีตงดงาม สวมใส่สบาย สมกับเป็นคนที่เคยรับใช้อยู่ข้างกายท่านย่าเจ้าค่ะ”

นางชูผ้าพับหนึ่งขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านดูสีนี้สิเจ้าคะ ขับผิวข้าหรือไม่?”

ชาติก่อนไม่มีเหตุการณ์ตกน้ำเช่นนี้

เมื่อชาตินี้เกิดเรื่องราวผิดแผกไป เซวียหมิงเฟยจึงมิได้คิดมาก

มิเช่นนั้นเล่า?

อนุชิวรักใคร่เอ็นดูนาง เมื่อเห็นเซวียหว่านอี้ได้แต่งงานดีกว่านาง จึงดุด่าว่ากล่าวไปไม่กี่คำเท่านั้น

เรื่องเหล่านี้เซวียหมิงเฟยคุ้นชินมานานแล้ว จากการเอาอกเอาใจวันแล้ววันเล่าของอนุชิว

นางเป็นบุตรีสายตรงของตระกูลเซวีย คนทั้งจวนรักใคร่นาง ย่อมเป็นเรื่องสมควรแล้ว

ต่อให้เซวียหว่านอี้เป็นบุตรสาวของอนุชิวแล้วอย่างไร

ก็แค่อนุคนหนึ่ง การเอาใจใส่บุตรีสายตรงเช่นนาง ย่อมมิใช่เรื่องผิดแผกอันใด

ผู้ใดจะคาดคิดว่าน้องสาวต่างมารดาผู้นั้นจะเปราะบางถึงเพียงนี้ เพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคก็คิดสั้นฆ่าตัวตาย

ทำเอาอนุชิวต้องถูกหักเบี้ยหวัดและกักบริเวณ ช่างอกตัญญูเสียจริง

ฮูหยินเจียงไม่ชอบอนุชิว

ไม่ว่าสามีของผู้ใด หากใส่ใจอนุภรรยา ย่อมไม่มีทางรู้สึกสบายใจได้

ตอนนี้แม้แต่บุตรสาวในไส้ของตนก็ยังเอ่ยปากชมอนุผู้นั้นไม่ขาดปาก ฮูหยินเจียงแม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับรู้สึกประหลาดพิกลอย่างบอกไม่ถูก

เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้

นางสังหรณ์ใจว่าตนเองได้มองข้ามบางสิ่งไป

……

ยามรุ่งสาง เซวียหว่านอี้ลืมตาโพลง หอบหายใจถี่กระชั้น

ความเจ็บปวดที่ไม่อาจทานทนแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย

“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว…”

นางนอนขดตัว กอดตัวเองไว้แน่น

บอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว นางได้เกิดใหม่แล้ว ความเจ็บปวดตลอดสี่ห้าปีนั้นไม่มีอยู่แล้ว

ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา

นางพร่ำบอกตัวเองซ้ำ ๆ จนกระทั่งขอบฟ้าเริ่มทอแสงสีขาว จึงได้ผล็อยหลับไปด้วยความสะลึมสะลืออีกครั้ง

คุณหนูรองแห่งเรือนว่างซู เป็นเพียงคนนอกสายตาในจวนแห่งนี้

ไม่ถึงกับถูกทารุณ แต่ก็ถูกเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง

ในจวนสกุลเซวีย บ่าวไพร่ต่างพากันเอาอกเอาใจและยกยอปอปั้นเซวียหมิงเฟย

ส่วนคุณหนูรองที่เกิดจากอนุผู้นี้ ภายใต้กฎระเบียบ กลับไม่มีผู้ใดใส่ใจ

ฮูหยินเจียงเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยในเรือน นางย่อมไม่ลดตัวลงมาจัดการกับบุตรีอนุคนหนึ่ง

ถึงจะเป็นลูกอนุ แต่ก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเซวีย เป็นหมากตัวหนึ่งที่ใช้เชื่อมสัมพันธ์ทางการแต่งงานได้

เรื่องที่เงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถแก้ไขได้ ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องไปข่มเหงรังแก

สิ่งเดียวที่แตกต่างคือ สินเดิมของฮูหยินเจียงจะเก็บไว้ให้บุตรสาวของตนเท่านั้น

มารดาผู้ให้กำเนิดของเซวียหว่านอี้ เป็นเพียงสาวใช้ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า ไม่มีทรัพย์สินติดตัวเลยแม้แต่น้อย

อีกสองเดือนนางจะต้องแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว

สถานที่แห่งนั้นเป็นเช่นไร ครึ่งชีวิตหลังของนางถูกกำหนดไว้แล้ว

ไร้บุตร ต้องเป็นม่าย ไร้ซึ่งความหวังใด ๆ

ต่อให้เซวียหว่านอี้ตื่นสาย ไม่ได้ไปคารวะเช้าที่เรือนทิงหลาน ฮูหยินเจียงก็มิได้ว่ากล่าวอันใด

เมื่อวานเพิ่งจะตกน้ำ ศักดิ์ศรีของฮูหยินเจียงในตระกูลเซวีย มิได้ขึ้นอยู่กับการมาคารวะเช้าเย็นของบุตรีอนุคนหนึ่ง

“คุณหนู พวกเรามาทำอะไรที่นี่หรือเจ้าคะ?”

เจินจูติดตามอยู่ข้างกายเซวียหว่านอี้ ยืนอยู่หน้าเรือนชิงเหอ ซึ่งเป็นที่พำนักของอนุชิว

แม้จะถูกนายท่านสั่งกักบริเวณ แต่ก็มิได้ห้ามผู้อื่นเข้าไปด้านใน

เซวียหว่านอี้มองดูเรือนตรงหน้าอย่างเงียบงัน

“เฝ่ยชุ่ยยังไม่กลับมาอีกหรือ?”

ก่อนนอนเมื่อคืน นางสั่งให้เฝ่ยชุ่ยออกไปทำธุระตั้งแต่เช้าตรู่

นี่ก็ใกล้จะยามซื่อแล้ว ยังไม่กลับมา นับว่าผิดปกติอยู่บ้าง

เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยเป็นสาวใช้คนสนิทของเซวียหว่านอี้ ชาติก่อนพวกนางติดตามนางแต่งเข้าตระกูลฉู่ด้วยความจงรักภักดี

จวบจนฉู่ยวนได้เป็นมหาอำมาตย์ นางถูกคุมขังและทารุณกรรม สาวใช้ทั้งสองพยายามช่วยนางจนถูกบ่าวไพร่ตระกูลฉู่รัดคอตายต่อหน้านางทั้งเป็น

เจินจูลดเสียงต่ำลงเอ่ยว่า “ยังเลยเจ้าค่ะ แต่เฝ่ยชุ่ยหัวไว ไม่ทำให้งานที่คุณหนูสั่งเสียหายแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านวางใจเถิด”

นางย่อมวางใจ เพียงแต่กังวลว่าเฝ่ยชุ่ยจะประสบเหตุไม่คาดฝันเท่านั้น

นางก้าวเท้าเดินไปยังเรือนชิงเหอ

“ประเดี๋ยวเจ้ารออยู่ที่หน้าประตู”

เจินจูเดินตามไป “เจ้าค่ะ คุณหนู”

ณ เรือนชิงเหอ

นับตั้งแต่ถูกกักบริเวณเมื่อวาน อนุชิวก็ตกอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดกระวนกระวาย และถึงขั้นเคียดแค้น

บ่าวไพร่ในเรือนต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าหายใจแรง เกรงว่าจะไปล่วงเกินนายหญิงผู้นี้เข้า

อย่าเห็นว่าอนุชิวเป็นเพียงอนุภรรยา แต่วิธีการทรมานคนของนางนั้นค่อนข้างโหดเหี้ยมอำมหิตนัก

เมื่อเห็นเซวียหว่านอี้ บ่าวไพร่ที่ปกติไม่เคยมีสีหน้าดี ๆ ให้นาง ต่างก็อดดีใจขึ้นมาไม่ได้

เหตุผลไม่มีอะไรมาก อนุชิวไม่ชอบบุตรสาวคนนี้ เมื่อนางมา อนุก็จะได้ระบายโทสะ ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาก็จะดีขึ้นบ้าง

เซวียหว่านอี้เมินเฉยต่อบ่าวไพร่ในลาน เดินตรงเข้าไปในห้องโถง

ส่วนเจินจูยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู คอยกันไม่ให้ใครเข้าใกล้มาได้ยินวาจาที่ไม่สมควรได้ยิน

“เจ้ามาดูเรื่องน่าขันของข้าหรือ?”

เมื่ออนุชิวเห็นเซวียหว่านอี้ ความอัปยศอดสูตลอดทั้งคืนทำให้ใบหน้าที่เคยงดงามเย้ายวนฉายแววบิดเบี้ยวดูดุร้าย

“ปีกกล้าขาแข็งแล้วจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าข้าจะถูกลูกชั้นต่ำอย่างเจ้าเล่นงานเอาได้ รู้อย่างนี้ตอนที่เจ้าเกิดมา ข้าน่าจะบีบคอเจ้าให้ตายไปเสียตั้งแต่แรก”

แววตาของนางฉายแววอำมหิตราวกับภูตผีร้าย จ้องเขม็งไปยังเด็กสาวตรงหน้า

เซวียหว่านอี้กวาดสายตามองไปรอบห้อง นอกจากหญิงรับใช้สูงวัยคนสนิทข้างกายนางแล้ว ก็ไม่มีบุคคลที่สี่อยู่อีก

เซวียหว่านอี้มองนาง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฐานะนังชั้นต่ำนี้ เหมาะกับท่านยิ่งนัก”

สิ้นเสียง หญิงรับใช้สูงวัยที่ยืนอยู่ข้างอนุชิวก็ถึงกับตะลึงงัน

ดูเหมือนไม่อยากเชื่อว่าเด็กสาวที่เคยขลาดกลัวผู้นั้น บัดนี้จะกล้าต่อปากต่อคำกับมารดาผู้ให้กำเนิด

ประโยคนี้ไปสะกิดถูกปมด้อยเรื่องชาติกำเนิดของอนุชิวเข้าอย่างจัง นางลุกพรวดขึ้นทันที เงื้อมือฟาดลงมาที่เซวียหว่านอี้

นางมิได้หลบ และไม่ได้ตอบโต้

ใบหน้าฉายแววเย้ยหยันขึ้นในทันใด

ฝ่ามือนั้นชะงักค้างอยู่ที่ข้างแก้มของนาง มิได้ฟาดลงมา

เซวียหว่านอี้เลิกคิ้ว รอยยิ้มยิ่งลึกล้ำ “ดูท่า ท่านก็ยังพอมีสมองอยู่บ้าง”

ตบฝ่ามือนี้ลงไปจะแลกกับสิ่งใด อนุชิวย่อมไม่รู้

แต่นางจะไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย หนำซ้ำอาจถูกเซวียหว่านอี้เล่นงานหนักกว่าเดิม

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

อนุชิวโกรธจนหน้ามืดตาลาย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ตนถูกนังชั้นต่ำที่ตนเคยดูถูกที่สุดวางแผนเล่นงานเอาได้

มิหนำซ้ำ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ นางกลับไม่มีหนทางตอบโต้เลยแม้แต่น้อย

หากเซวียหว่านอี้ตาย ผู้ที่ต้องแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงก็มีแต่บุตรสาวในไส้ของนางเท่านั้น

แม้จะมีเกียรติยศของเจิ้นกั๋วกง แต่อีกฝ่ายพิการซ้ำยังไม่อาจร่วมอภิรมย์ได้ มีเพียงฐานะแล้วจะมีประโยชน์อันใด

ชั่วชีวิตนี้ถูกกำหนดให้ต้องเป็นม่ายทั้งเป็น

เซวียหว่านอี้ยิ้มพลางก้าวเข้าไป กระซิบที่ข้างหูของนาง

กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “อนุ ท่านผู้นั้นช่างเหมือนกับท่านมากขึ้นทุกทีเลยนะเจ้าคะ”

รูม่านตาของอนุชิวหดเกร็งอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น ในห้องก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น

“อ๊า—”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 30

    ราตรีเยียบเย็นดุจสายน้ำเซวียหว่านอี้นั่งอยู่ในศาลา ตรงหน้ามีเตาอุ่นขนาดเล็กจุดอยู่กาน้ำดินเผาสีแดงบนเตา มีกลิ่นหอมหวานโชยเอื่อยออกมานางยกจอกสุราข้างกายขึ้นมา เอนกายพิงพนักอย่างเกียจคร้าน ทอดมองเหล่าปลาจิ่นหลี่ที่กำลังแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้แสงโคมบัวยามค่ำคืน“คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าพิธีปักปิ่นที่ในจวนจะจัดให้คุณหนู ครานี้จะยิ่งใหญ่กว่าของท่านผู้นั้นเสียอีกนะเจ้าคะ”เฝ่ยชุ่ยถือเครื่องเคียงสองอย่างเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะหินอย่างแผ่วเบา“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณหนูแล้วกระมังเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยตอบ นางจิบสุราเพียงเล็กน้อย พวงแก้มก็พลันระเรื่อสีชมพูจาง ๆเฝ่ยชุ่ยเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหนู จึงพูดต่อไปตามลำพัง“ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นจะคิดอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ”เมื่อตอนบ่าย เรือนทิงหลานส่งของมาให้มากมาย ทำให้เรือนว่างซูที่แต่เดิมโล่งกว้าง กลับโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาในทันทีแม้ว่าหากเทียบกับจวนอ๋องจวนโหวเหล่านั้น อาจจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็ตามสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เหล่าแมกไม้ใบหญ้าพลันส่งเสียงเสียดสีกัน“พิธีปักปิ่นของท่านผู้นั้นจะจั

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 29

    นางยิ้มบางเบา “หากท่านไม่เต็มใจ พวกเราสลับตัวเจ้าสาวกันก็ได้”นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชาตินี้เซวียหมิงเฟยไม่กล้าแต่งให้เย่จั๋วอีกเป็นอันขาดหากเดิมพันชนะ นางก็สามารถยืมอำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงมาจัดการฉู่ยวนให้ตายตกไปเดิมพันแพ้ ก็แค่แต่งออกไป ในคืนวันเข้าหอ ก็ไปสู่ปรโลกพร้อมกับเขาไม่ฉู่ยวนตาย ก็พวกเขาตายด้วยกันเซวียหมิงเฟยตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมนางส่ายหน้า ไม่แยแสต่อสีหน้าตื่นเต้นยินดีของอนุชิว พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้ากับเจิ้นกั๋วกงมีพระราชทานสมรสตามราชโองการของฝ่าบาท หากเรื่องสลับตัวเจ้าสาวถูกเปิดโปง ตระกูลเซวียของพวกเราเกรงว่าจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติล้างตระกูล”ชาติก่อนนางถูกเย่จั๋วทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด ชาตินี้จะยังกล้าแต่งไปหาเขาได้อย่างไรอย่าว่าแต่แต่งเลย แค่ได้ยินชื่อของเย่จั๋ว นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างแล้วแสงสว่างในแววตาของอนุชิวดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง“ข้าเกิดก่อนเจ้าเล็กน้อย ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าน้องหญิงอีกเลย”นางไม่รู้ว่าเซวียหมิงเฟยมีสีหน้าเช่นไร จึงกล่าวต่อ “หากเจ้าเรียกไม่ถนัดปาก เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็เรียกชื

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 28

    เซวียหว่านอี้ทอดมองอย่างเย็นชาชาติก่อน การถูกทรมานให้เป็นมนุษย์หมูตลอดหลายปี ทำให้นางสูญเสียการรับรู้ทางอารมณ์ไปเกือบหมดสิ้นนางถึงกับสัมผัสได้ว่า ฮูหยินเจียงมิได้เห็นนางสำคัญถึงเพียงนั้นที่มากกว่านั้นคือความอัปยศอดสูจากการถูกอนุชิวสับเปลี่ยนตัวบุตรไปหากบัดนี้ให้ฮูหยินเจียงเลือก ระหว่างนางกับเซวียหมิงเฟยมิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทุกคนย่อมเลือกเซวียหมิงเฟยฮูหยินเจียงอยากให้อนุชิวตาย ทว่านั่นมิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ความผูกพันฉันแม่ลูกตลอดสิบห้าปี ไหนเลยจะตัดขาดกันได้โดยง่ายเซวียมู่เจาในยามนี้ไม่คิดจะเอ่ยปากทว่าก็อดมิได้ที่จะสงสารยามเห็นเซวียหมิงเฟยร่ำไห้จนควบคุมตนเองไม่อยู่ท่านพ่อไม่สะดวกเอ่ยปากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านพ่อและท่านแม่ทว่าคนผู้นี้…“น้องหญิงรอง เจ้าไม่มีสิ่งใดอยากพูดบ้างหรือ?” เขาเอ่ยปากขึ้นจนได้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเซวียหว่านอี้เป็นจุดเดียวอนุชิวมิได้เอ่ยปาก ทว่าแววตาที่มองมากลับเปี่ยมไปด้วยความเวทนาและอ้อนวอนส่วนเซวียหมิงเฟย กลับลุกขึ้นวิ่งไปทรุดกายคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียหว่านอี้อีกคราเมื่อสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังอด

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 27

    นางมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโถงด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “ช่างเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดียิ่งนัก”เซวียมู่เจา: “...”เมื่อเห็นแววตาเย็นชาเมินเฉยของฮูหยินเจียง ในใจของเซวียมู่เจาก็วูบไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาไม่รู้ว่าตนไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ไม่พอใจ ถึงขั้นทำให้นางต้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ฮูหยินเจียงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลายปีมานี้ หว่านอี้ต้องอยู่อย่างไรในจวนแห่งนี้ พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี”“พวกเราไม่รู้เรื่องที่สลับตัวลูกก็จริง แต่อนุชิว...”นางชี้ไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่หน้าโถง “นางที่เป็นตัวการเรื่องนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”“สับเปลี่ยนลูกสาวของข้าแล้ว ยังเหยียบย่ำข่มเหงนางไม่หยุดหย่อน”นางลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่หน้าอนุชิว ก่อนจะก้มลงเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วกล่าวว่า “เจ้าคงลำพองใจมากกระมัง ที่ลอบใช้ลูกสาวของข้ามาดูความน่าสมเพชของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าปั่นหัวข้าไว้ในกำมือได้”“เป็นเพียงอนุภรรยา แต่กลับอาศัยลูกสาวแท้ ๆ ของข้า มาหลอกปั่นหัวข้าที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซวียจนโง่งมงายอยู่เบื้องหลัง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง”นางสะบัดใบหน้าของอน

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 26

    เซวียมู่เจาพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นความทรงจำ หรือควรกล่าวว่ากำลังพยายามล้างสมองตนเองอยู่ในความทรงจำของเขาน้องหญิงรองผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรคงเป็นเด็กขี้ขลาด หวาดกลัว และไร้ซึ่งความสดใสมีชีวิตชีวาส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อยก็ไม่น่าแปลกใจขนาดคนรับใช้ในจวนยังกล้ามองข้ามเซวียหว่านอี้ได้อย่างสิ้นเชิง หรือควรกล่าวว่าไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลยต่างหากนี่สะท้อนให้เห็นเพียงว่า ทั่วทั้งตระกูลเซวีย หามีเจ้านายคนใดให้ความสำคัญต่อนางไม่ขอเพียงมีสักคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติต่อนางดีสักสามส่วน พวกบ่าวไพร่ในจวนก็ย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ฉะนั้น การที่เซวียมู่เจาจำรูปลักษณ์ของเซวียหว่านอี้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งเซวียหว่านอี้ย่อกายคารวะ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”กิริยาท่วงท่าของนางนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติความสมบูรณ์แบบนี้ หากพูดให้ฟังดูดีคือนางเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ แต่หากพูดให้ฟังดูแย่ ก็คือความห่างเหินจนเกินไปไม่ทราบเพราะเหตุใด เซวียมู่เจาพลันรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง“พี่น้องกันแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมากพิ

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 25

    เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันตรงหน้าทั้งสอง แม้จะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่ในใจของเซวียหมิงเฟยก็บังเกิดความคิดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอนุชิว คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนางชีวิตสิบห้าปีที่ผาสุกในจวนซึ่งนางได้รับมา แท้จริงแล้วควรเป็นของเซวียหว่านอี้ฮูหยินเจียงมองคนทั้งสองในโถงด้วยสายตาเรียบเฉยไม่อยากยอมรับก็ไร้ประโยชน์อนุชิวและเซวียหมิงเฟย ช่างเหมือนกันเสียจริงนางปรายตามองเซวียฉงที่อยู่ข้างกายนางแวบหนึ่งไม่ว่าเขาจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ฮูหยินเจียงก็บังเกิดความแค้นเคืองต่อเขาแล้วเป็นเพราะความโปรดปรานที่บุรุษผู้นี้มีต่ออนุภรรยา จึงทำให้อนุชิวบังเกิดจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้แต่ตัวนางและบุตรสาวแท้ ๆ ช่างเป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งนักพลันนึกขึ้นได้ว่า เซวียหว่านอี้ได้รับพระราชทานสมรสกับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วหากเป็นเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเจียงย่อมไม่พอใจอยู่แล้วเรื่องสมรสของบุตรีอนุ ไฉนเลยจะสูงส่งกว่าบุตรสาวของนางได้แต่บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากจวนโหวโดยแท้ความรู้สึกนั้นจะมองว่าสำคัญก็ได้ หรือไม่สำคัญก็ได้ ทุกอย่างล้วนผูกพันกับผลประโยชน์ของตระกูล“นับแต่นี้ไป เบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status