Home / วาย / เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว / ตอนพิเศษ 1 เรียกข้าว่าฟูจวินได้หรือไม่

Share

ตอนพิเศษ 1 เรียกข้าว่าฟูจวินได้หรือไม่

last update Last Updated: 2025-07-29 20:43:17

สายลมเอื่อยพัดยอดดอกหญ้าสีขาวพลิ้วไหวลู่เอนไปทางซ้าย ดวงตาของเสี่ยวหยุนจ้องมองภาพของใครบางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ยามได้เห็นคนในใจมักจะยิ้มแย้มโดยไม่รู้ตัว

หากแต่ครานี้กลับชะงักงันเพราะใบหน้าที่คุ้นเคยเหมือนเยาว์วัยลงไปหลายปี ทั้งสีหน้า แววตาที่เศร้าสร้อยทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน 

เสี่ยวหยุนอยากเอื้อมมือเช็ดน้ำตาเปื้อนแก้มอีกฝ่ายใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้แตะต้องร่างเปราะบางที่พร้อมจะแตกสลายในทุกเมื่อ

“อย่าร้องเลย” เขาเอ่ยแผ่วเบาพร้อมทำทุกอย่างเพียงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมีน้ำตา “เป็นข้าหรือที่ทำผิดต่อท่าน”

คนตรงหน้าไม่เอื้อนเอ่ยคำใด สายตาที่มองมาทางเขาว่างเปล่าจนเจ็บแปลบในใจ เสี่ยวหยุนไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้

ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความฝัน เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “เสี่ยวหยุน”

“…” เขามั่นใจว่าเสียงนั้นคือเสียงของคนที่เขากำลังมองอยู่ข้างหน้า แต่น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกเขาดูสดใส ร่าเริงและเต็มไปด้วยความสุขต่างจากภาพใบหน้าที่เขาเห็นเวลานี้

“เสี่ยวหยุน”

ชายหนุ่มคิดในใจรู้ตัวแล้วว่าเขาเพียงแค่หลับฝัน หากลืมตาตื่นแล้วคงจะได้เห็นรอยยิ้มของอาจารย์ที่เขารัก หวังลึก ๆ ว่าใบหน้าช่วงเยาว์วัยของคนรักจะเป็นแค่ความฝันเรื่อยเปื่อยของเขาเท่านั้นเพราะเสี่ยวหยุนไม่อยากเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

ครั้นลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วจึงได้เห็นว่าคนที่เรียกเขากำลังส่งยิ้มให้ สีหน้าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

“ฝันอันใดอยู่หรือจึงมีน้ำตาเช่นนี้” เหลียนเฟินไม่พูดเปล่าแต่ไล้นิ้วเช็ดน้ำตาเปรอะเปื้อนหางตาให้อย่างอ่อนโยน

“ข้าฝันเห็นท่านมีน้ำตาแต่ข้ากลับไม่อาจปลอบโยนได้” เขาเล่าความฝันให้เหลียนเฟินได้รู้ 

เหลียนเฟินได้ยินเช่นนั้นยิ้มมุมปากแล้วจับแก้มคนที่นอนอยู่บนทุ่งหญ้ากว้าง สายตาเอ็นดูระคนรักใคร่ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ผู้ใดกันแน่ที่ชอบร้องไห้จนข้าต้องปลอบใจอยู่บ่อย ๆ เสี่ยวหยุน เจ้ายังไม่โตจริง ๆ ด้วย”

“ข้าน่ะหรือยังไม่โต” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พลางโอบเอวคว้าเหลียนเฟินมานั่งตักตัวเอง ปลายคางเกยไหล่คนตรงหน้าแล้วพูดอีกว่า “ท่านพูดเช่นนี้อยากพิสูจน์อีกสักหนดีหรือไม่”

“พิสูจน์ไปแล้วจะเกิดอันใด ทั้งที่เมื่อครู่เจ้ายังฝันร้ายจนร้องไห้อยู่เลยมิใช่หรือ” เหลียนเฟินกล่าวเฉไฉมองไปทางอื่น

แผ่นหลังสัมผัสอกกว้างของเสี่ยวหยุน สัมผัสนั้นย้ำเตือนให้รู้ว่าเด็กน้อยในวันวานเติบโตมากขนาดนี้แล้ว ลมหายใจร้อนรดต้นคอเรียว เสียงกระซิบทำให้เขานึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนนั้น

“เหตุใดจึงไม่คิดว่าข้าเพียงแค่อยากให้อาจารย์โอบปลอบใจบ้างเล่า” ปลายจมูกของเสี่ยวหยุนแตะหลังใบหู พลันริมฝีปากประทับแก้มข้างขวาอย่างนุ่มนวล “ยิ่งได้รู้ว่าอ้อมกอดอบอุ่นนั้นมีให้ข้าเพียงผู้เดียว ยิ่งไม่อาจห้ามใจ อยากสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า”

ใบหน้าของเหลียนเฟินแดงระเรื่อเขินอายจนทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่เขาพูดจาเช่นนั้นและไม่อาจทำตัวให้คุ้นชินกับการกระทำของเขาได้เลยเพราะเมื่อสองเดือนก่อน เสี่ยวหยุนยังไม่กล้าสบตากับเขาหรือคิดกับเขาอย่างคนรักเสียด้วยซ้ำ

หลังจากสารภาพความในใจแล้ว ไม่ว่าเขาจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรก็คงไม่เคยนึกอยากปิดบังอีกต่อไป ทุกวันนี้เหลียนเฟินจึงได้ยินคำบอกรักราวกับเป็นคำทักทายยามเช้าไปแล้วและตัวเขาเองก็รู้สึกใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้ยินจนเผลอยิ้มออกมา

“อาจารย์”

“อืม… ทำเสียงออดอ้อนเช่นนี้ เจ้าคงมีเรื่องที่อยากได้สินะ”

“ภรรยาเรียกสามีว่าอย่างไรหรือ” เขาถามออกมาราวกับอยากรู้คำตอบ

“ฟูจวิน” เหลียนเฟินตอบโดยไม่ทันได้คิดลึกซึ้งมากไปกว่าการบอกสิ่งที่เขาสงสัย

“เรียกข้าว่าฟูจวินได้หรือไม่” น้ำเสียงของเสี่ยวหยุนยามต้องการสิ่งใดมักดูไพเราะเป็นพิเศษแต่คนที่ได้ฟังคำขอหน้าแดงกระวนกระวายทำตัวไม่ถูก “ข้าอยากได้ยินท่านเรียกข้าเช่นนั้นบ้างเหมือนสามีภรรยาคนอื่น ๆ”

“ไม่ชอบให้เรียกเสี่ยวหยุนแล้วหรือ ข้าอุตส่าห์ตั้งชื่อนั้นให้เจ้าแท้ ๆ” เหลียนเฟินนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอเขาในตลาด เด็กชายตัวน้อยมอมแมมหิวโซชอบอกชอบใจยิ่งนักที่ตนเองจะได้มีชื่อเรียกอย่างคนอื่นเขา

“อย่างนั้นก็ชอบแต่ข้าอยากให้ผู้อื่นรู้ด้วยว่าข้าเป็นสามีของท่านแล้ว ใครบางคนจะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับท่านเสียทีเพราะว่าข้าไม่ชอบ” 

เหลียนเฟินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มกว้าง “ทุกวันนี้มีเจ้าอยู่เคียงข้างไม่ห่างกาย ผู้ใดจะกล้าเข้ามายุ่งกับข้ากันเล่า”

“หลี่จิ้นหลิง” เขาเอ่ยชื่อบุตรชายของใต้เท้าหลี่ด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ราวกับเป็นศัตรูกันมาช้านาน เสี่ยวหยุนนับว่าอีกฝ่ายเป็นหนามยอกอกเพราะไม่ว่าจะข่มขู่หรือไล่ให้ไปสักเท่าใด ชายคนนี้ก็ไม่เคยเกรงกลัวต่างจากคนอื่นยิ่งนัก

“ไม่รู้สิ” ท่าทีลังเลของเหลียนเฟินทำให้เขาเลิกคิ้วก่อนจะได้ยินว่า “คุณชายหลี่อยากเป็นศิษย์ของข้าแต่เจ้าห้ามไว้ เขาจึงยอมเป็นเพื่อนบ้าน นับถือและเคารพข้า ไม่ก้าวก่ายสถานะที่ข้าขีดกั้นเอาไว้ ความสัมพันธ์เช่นนั้นมีอะไรให้เจ้ากังวลด้วยหรือ”

เสี่ยวหยุนกดปลายจมูกตรงต้นคอเหลียนเฟิน สูดดมกลิ่นหอมที่คุ้นเคยแล้วตอบว่า “ข้าเพียงแค่กลัวว่าใจของท่านจะเปลี่ยนไป ข้าทนไม่ได้จริง ๆ” เขาพูดแล้วแนบใบหน้าซบแผ่นหลังของอีกฝ่าย เอ่ยพึมพำราวกับเด็กน้อยเอาแต่ใจ “หากวันนั้นมาถึง หัวใจของข้าคงแตกสลาย”

“เสี่ยวหยุน ข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเจ้าหรอก ทั้งยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะเชื่อ แต่ว่าข้าให้เจ้าไปหมดทุกอย่างแล้ว ทั้งร่างกายและหัวใจดวงนี้เป็นของเจ้าคนเดียว” 

“แต่ก็ยังไม่เรียกข้าว่าฟูจวิน” เหลียนเฟินเหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจของคนดื้อรั้นจึงอดอมยิ้มไม่ได้ 

เขาเอนศีรษะไปทางข้างหลัง มือข้างขวาโน้มใบหน้าเสี่ยวหยุนเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกสิ่งที่อีกฝ่ายอยากได้ยินมากที่สุดในยามนี้ “ฟูจวิน”

รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่ม ความสุขล้นปรี่จนไม่อาจเก็บอาการไว้ได้ต้องแก้เก้อด้วยการหอมแก้มอีกฝ่ายพลางพูดว่า “เรียกอีกได้หรือไม่”

“อืม… ฟูจวิน” ครั้นเห็นสีหน้าอารมณ์ดีของเขา เหลียนเฟินจึงเผลอทำตามใจอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป “ใกล้มืดค่ำแล้ว เรากลับบ้านกันดีหรือไม่” พลันลุกขึ้นยืนแล้วมองตาคนตรงหน้า

“ขอรับ” เสี่ยวหยุนหันหลังค้อมตัวลงมาเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ขี่หลังข้าดีหรือไม่ คืนนี้ฟูเหรินต้องเก็บแรงเอาไว้ ข้าไม่อยากให้ท่านเหนื่อยตั้งแต่เดินกลับบ้าน”

เมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนั้น เหลียนเฟินพลันนึกถึงค่ำคืนเร่าร้อนขึ้นมาทันที “เจ้าคงไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นใช่หรือไม่” แต่ก็ขึ้นขี่หลังอย่างว่าง่าย

“หากฟูเหรินหมายถึงเรื่องที่สามีภรรยากระทำยามค่ำคืน ข้ากำลังคิดเช่นนั้นอยู่”

นับตั้งแต่คืนนั้น เสี่ยวหยุนไม่ได้แตะต้องตัวเหลียนเฟินอีกเลยด้วยเกรงว่าร่างกายที่เปราะบางราวกลีบดอกท้อที่พร้อมปลิวเพราะสายลมจะแตกสลาย เขาจึงคอยดูแลทะนุถนอมปานดวงใจรอให้อีกฝ่ายพร้อม

“…”

“ข้าทำได้หรือไม่ ฟูเหริน” 

เหลียนเฟินถอนหายใจเพราะตกหลุมพรางความออดอ้อนอีกแล้ว รู้ว่าชายหนุ่มอดทนอดกลั้นมากแค่ไหน นึกเสียดายเรื่องเดียวที่ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไปจึงไม่อาจตอบสนองความต้องการของเสี่ยวหยุนได้อย่างคู่รักทั่วไป 

แต่กระนั้น เสี่ยวหยุนเข้าใจดีทุกอย่างจึงไม่เคยร้องขออะไรที่ทำให้เขาต้องรู้สึกว่ากำลังบกพร่องหน้าที่นั้น กลับกันมักจะชอบสัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการกอด หอมแก้ม จุมพิตตามร่างกายเพราะอยากทิ้งร่องรอยของตนเองเอาไว้เสียมากกว่า

“อืม ตามใจเจ้าเถิดแต่ว่ายั้งแรงไว้ได้หรือไม่” เขาเอ่ยขอล่วงหน้าเพราะรู้ดีว่ากำลังวังชาของเสี่ยวหยุนมีมากล้น ส่วนเขานั้นเรียกได้ว่าร่างกายอ่อนแอไม่พอ สังขารยังไม่เอื้อสักเท่าใดนัก

“เหตุใดจึงพูดเหมือนแก่เฒ่าไปได้ ฟูเหรินก็ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ” เสี่ยวหยุนยิ้มกว้างนึกถึงสีหน้าและร่างกายเย้ายวนของเหลียนเฟินในยามไร้อาภรณ์

“เฮอะ… เจ้าพูดเช่นนี้ลืมไปแล้วหรือว่าข้าอายุเท่าใด” 

“ได้ยินท่านพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำให้ข้านึกสงสัยว่าเหตุใดข้าจึงไม่เกิดให้เร็วกว่านี้สักหน่อย ข้ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เติบโตมาพร้อมท่าน” 

เหลียนเฟินโอบกอดคอคนตรงหน้า “ต่อจากนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าไปอีกนาน ชดเชยช่วงเวลาที่เราเจอกันช้าไปดีหรือไม่”

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ หัวใจเต้นรัวราวกับได้ยินคำสัญญาว่าฟูเหรินของเขาจะไม่มีวันจากเขาไปที่ใด

พวกเขาพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ระหว่างทางกลับบ้าน บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นจนกระทั่งได้เห็นแขกที่มาเยี่ยมเยียนในรอบสิบปี เสี่ยวหยุนไม่เคยเจอพวกเขามาก่อนแต่เพียงแค่เห็นหน้าก็ทำให้ไม่สบอารมณ์ในทันทีเพราะหนึ่งในนั้นตะโกนทักทายคนรักของเขาว่า “ศิษย์พี่เหลียนเฟิน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 12 เกิดใหม่อีกกี่ครา วานวาสนาผูกกันไม่เสื่อมคลาย (จบ)

    สามเดือนต่อมาเช้าวันหนึ่งเสี่ยวหยุนมองเหลียนเฟินที่กำลังนอนหลับใหลในอ้อมกอดของเขา สายตาเต็มไปด้วยความรักท่วมท้นในใจก่อนจะพึมพำร่ายอาคมอย่างหนึ่งขึ้นมาพลันกรีดปลายนิ้วจนได้เลือดหยดหนึ่งหลอมรวมกับลูกกลมสีฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้เป็นวิชาที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวหยุนตั้งชื่ออาคมนั้นว่า “พันธะวิญญาณ” อาคมที่สามารถผูกวิญญาณของพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกันในทุก ๆ ชาติ ไม่ว่าเหลียนเฟินจะเกิดเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน เขาจะรู้ได้ในทันที นับต่อจากนี้ไม่มีพรากจากลมหายใจของร่างบางในอ้อมกอดสัมผัสแผ่นอกกว้างของเขาเตือนสติให้รู้ตัว ล้มเลิกความคิดเช่นนั้น เสี่ยวหยุนยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบีบอาคมนั้นให้แตกสลายไปริมฝีปากจุมพิตหน้าผากเรียกเหลียนเฟินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟูเหรินของข้า”“อืม…” เหลียนเฟินยังคงงัวเงียพลันได้รับจุมพิตที่แก้ม โลมเลียลงลำคอ สัมผัสเรียวลิ้นร้อนชื้นดูดเม้มก่อนจะถูกใครบางคนคร่อมร่างกายท่อนบนเอาไว้“ฟูเหริน ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 11 ความรู้สึกที่โหยหา(NC)

    เหลียนเฟินนอนนิ่งบนแผ่นอกของเขา ส่วนล่างกระตุกบีบแก่นกายที่ค้างอยู่ราวกับเชิญชวนจึงถูกพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนใต้ร่างพลางโดนเสี่ยวหยุนจับขาสองข้างยกขึ้นแล้วขย่มสะโพกเป็นจังหวะ“ข้าเพิ่งจะ…อ๊ะ...” เหลียนเฟินไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องเม้มปากตัวเองอีกครั้ง มือสองข้างจับหมอนที่วางอยู่ ขยำจนผ้ายับยู่ยี่ ลมหายใจร้อนหอบถี่ ฟังแล้วยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการอย่างยิ่งยวดแก่นกายที่ครูดเข้าออกเร่งขึ้นอย่างเร่าร้อนจนน้ำที่ปล่อยเอาไว้เมื่อครู่กระเซ็นเปรอะเปื้อน คนกระทำยิ้มมุมปากชอบใจยิ่งนักที่ได้เห็นร่องรอยของเขาบนตัวคนรักเมื่อโพรงเนื้อโอบรอบจนมิดแน่นขนัดยิ่งเสียวซ่านจนตาเหลือกลอย “อือ… เหลียนเฟิน” ในใจวนเวียนแต่คำว่า อีกนิด ข้าขออีกนิดในขณะที่คนใต้ร่างแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่ พึมพำแผ่วเบา “ข้าไม่ไหวแล้ว… อย่าเพิ่งขยับ”“จะให้ข้าหยุดจริงหรือ” เขาเอ่ยถามแต่ส่วนลับยังคงกระทุ้งเข้า ๆ ออก ๆ บดเบียดภายใน หยอกล้อเหลียนเฟินเพราะอยากเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ สุขสม พลันวางขาทั้งสองข้างลงแล้วพลิกตัวเหลียนเฟินให้นอนคว่ำในพริบตาก่อนจะยกส

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 10 ความรักเอ่อล้น (NC)

    เหลียนเฟินโอบแขนรอบคอของเสี่ยวหยุนกดแรงโน้มตัวเขาลงมาหา จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาพลันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยกระซิบยืนยันความรู้สึกของตัวเอง “ข้ารักเจ้า”คนได้ฟังคำรักน้ำตาไหลเอ่อไม่อาจกั้นด้วยความรู้สึกผิดระคนกับความรู้สึกอื่น ๆ ในใจ แม้รู้ตัวว่าไม่สมควรมายืนอยู่ข้างเขาแต่เวลานี้ก็ไม่อาจขยับกายหรือเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายได้เลยเขารักเหลียนเฟิน ผู้เป็นฟูเหรินของเขาและไม่อยากถูกพรากจากอีกแล้ว ทั้งยังดีใจเพราะใบหน้าที่มองเขาในเวลานี้ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เกลียดชังเขาจนต้องจ่อปลายกระบี่เข้าหาราวกับแค้นเคืองกันมาเนิ่นนาน“เสี่ยวหยุน” เสียงเรียกหาอ่อนหวานจับใจ “ยังคงจำได้อยู่ใช่หรือไม่ว่าเวลานี้เจ้าคือฟูจวินของข้า”“…” เขาพยักหน้าเล็กน้อย เม้มปากแน่นแล้วกอดเหลียนเฟินเอาไว้ครั้นสะสางความหลัง ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างพลันคลี่คลาย ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไปหวังซีซวนและพรรคพวกแวะมาหาพวกเขาเหมือนอย่างเคย สังเกตได้ว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนดูอึมครึมเล็กน้อย ดวงตาเสี่ยวหยุนบวมช้ำปรากฏเด่นชัดจนอดถามไม่ได้“

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 9 ความทรงจำหวนคืน

    ครั้นเรื่องราววุ่นวายที่ใจกลางตลาดจบลงไปได้ด้วยดี เหลียนเฟินจึงพาเสี่ยวหยุนกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านหลังน้อย พลางขอให้หวังซีซวนช่วยกลั่นยาสมุนไพรให้เขาจนกว่าจะหายดีเขาหลับลึกอยู่หลายวันเพราะใช้เรี่ยวแรงร่ายวิชาอาคมโดยไม่สนขีดจำกัดของตัวเองเพียงเพราะเป็นห่วงเหลียนเฟินและไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อใบหน้าสงบนิ่งยามหลับใหลทำให้เหลียนเฟินโล่งใจได้บ้างว่าเขาคงไม่ได้ฝันร้ายเหมือนที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนตรงหน้าพักผ่อนให้เต็มที่“ท่านเซียน เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” หลี่จิ้นหลิงแวะมาเยี่ยมเพราะได้ข่าวว่าเสี่ยวหยุนยังไม่ฟื้น“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเพียงแค่ต้องนอนให้เยอะ ๆ ก็เท่านั้น” เหลียนเฟินยิ้มให้อีกฝ่ายนึกขอบคุณที่เขาช่วยหาตำราต้องห้ามจนพบ“หากท่านเซียนต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใด อย่าได้ลังเลใจที่จะบอกข้านะขอรับ” หลี่จิ้นหลิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องฟื้นฟูพลังชีวิตของท่าน ถ้าตำราต้องห้ามไม่ได้ผล ข้ายินดีหาหนทางอื่น”เหลียนเฟินส่ายหน้าเข้าใจดีว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ว่าเขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผลที่ได้จะออกมาเป็น

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 8 ปกป้องคนรัก

    “ปล่อยคุณหนูหลี่” เหลียนเฟินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขากำกระบี่ในมือไว้แน่นพลันยกขึ้นมากันท่าไม่ให้เสิ่นหยางพุ่งตัวเข้าใกล้ระยะประชิดก่อนจะม้วนตัวแล้วถีบคนตรงหน้ากระเด็นไปอีกทางด้วยแรงที่ออมไว้สามส่วน“ฝีเท้าหนักใช่เล่น” เขาเอ่ยชม รอยยิ้มกวนประสาทราวกับถูกใจอย่างยิ่งยวด “อย่าขัดขืนนักเลย เมื่อครู่ข้าเพียงยั้งมือเอาไว้เท่านั้นเพราะไม่อยากทำให้ร่างกายของท่านเซียนมีบาดแผล”เสิ่นเหยา แฝดผู้พี่ที่จับตัวหลี่ฮวาเอาไว้ลูบปลายจมูกตัวเอง “หากท่านเซียนยินยอมมากับพวกข้า ข้าจะคืนสตรีนางนี้เป็นการแลกเปลี่ยน”“เช่นนั้นปล่อยนางก่อน” เหลียนเฟินไม่ตกลงง่าย ๆ และเป็นห่วงความปลอดภัยหลี่ฮวาที่เวลานี้กำลังกลั้นน้ำตาไม่ร้องไห้เสียงดังด้วยความหวาดกลัว“ท่านเซียนคงไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใดจึงพยายามเล่นแง่ยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าสองชั่วยามต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอนและหากทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่ข้าต้องการ ข้าจะทำลายหมู่บ้านให้ราบคาบ” เสิ่นหยางประกาศก้อง คำพูดของเขาทำให้ชาวบ้านขวัญ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 7 พรรคมารก่อความวุ่นวาย

    ครั้นพูดคุยเรื่องตำราต้องห้ามเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมายังบ้านหลังน้อยจึงได้เห็นว่าหลี่จิ้นหลิงกำลังนั่งเล่นอยู่ตั่งไม้กับเหลียนเฟินแววตาเสี่ยวหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“ข้าเห็นว่าท่านเซียนเมาหลับไป วันนี้จึงอยากมาดูให้แน่ใจว่ามีอาการใดหรือไม่” เขายักไหล่พูดด้วยสีหน้าสบายอารมณ์หากแต่เสี่ยวหยุนอารมณ์ดีจึงไม่ใส่ใจแล้วเดินไปนั่งข้างเหลียนเฟิน เอ่ยกับเขาว่า “ข้าต้องไปหอสมุดวังหลวง คุณชายหวังซีซวนบอกว่าที่นั่นมีตำราเก็บไว้อยู่ อาจช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของท่านได้”“เขาไม่ได้บอกหรือว่าที่แห่งนั้นห้ามให้คนนอกเข้าไป” เหลียนเฟินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่าง “หากคิดไปขโมยตำรามาก็หยุดแต่เพียงเท่านั้นเถิด พลังชีวิตของข้ามีแค่ครึ่งเดียวแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้ายังแข็งแรงดี”“ไม่อยากอยู่กับข้านานกว่านี้หรือ” สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยหากต้องล้มเลิกความตั้งใจ รู้ว่าบำเพ็ญคู่จะสามารถยืดอายุขัยออกไปได้ แต่หากพลังชีวิตของเขากลับมาเหมือนเดิม ย่อมมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นไปอีกเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status