Share

บทที่4

last update Last Updated: 2025-03-27 13:59:56

บทที่4

หลังจากเดินทางด้วยรถม้าออกจากเมืองฝู่โจวตั้งแต่ฟ้าส่าง จนจวบช่วงเข้าวันที่ 3 ในที่สุดขบวนรถของคุณหนูใหญ่สกุลจื่อก็เดินทางมาถึงประตูเมืองหลวง

จื่อรั่วคล่อยเอื้อมหลังมือรั้งให้ผ้าม่านรถม้าเปิดออก เวลานี้ล่วงเข้าสู่ยามเซิน(เวลา 15.00 - 16.59 น.) ทำให้การตรวจตราเอกสารเข้าออกเมืองเข้มงวด จึงทำให้มีผู้คนออกันแน่นขนัดอยู่ประตูเมือง ตากลมโตกวาดสายตามองผู้คนที่ยืนอยู่นอนกรถม้า มีทั้งชาวบ้าน พ่อค้าวาณิชย์ การแต่งการสีสันสดใสหลากหลาย หากไม่เห็นด้วยตาคงไม่อาจเชื่อได้ว่าบ้านเมืองเพิ่งจะผ่านพ้นกลียุคมาได้ไม่นาน เนื่องจากการกระทำอันเลวทรามผิดมนุษย์ ตำช้าเกิดที่ใครๆจะรับได้ของฮองเต้องค์ปัจจุบัน แต่ทุกคนเลือกที่จะเงียบ สงบปากสงบคำ ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนต่อไป หากอยากมีชีวิตรอดก็ต้องก้มหัวให้กับผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งตอนนี้ผู้ที่กำอำนาจสูงสุดจะไปใครไปไม่ได้‘ฮองเต้เจ้าหลง’ หากขุนนางและราษฎร์ต้องก้มหัวให้คือฮองเต้

ตัวนางเองก็ยังต้องก้มหัวให้บิดา การอาศัยอยู่ที่เมืองฝู่โจ่ว จริงอยู่สิ่งที่ได้คืออิสระเล็กๆน้อยๆ แต่มันคืออิสระที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยซักเท่าไร เมืองฝู่โจวเป็นเพียงเมืองเล็กๆทางตอนเหนือ ตัวนางเองไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัวไปเลย อาศัยเพียงเบี้ยหวัดน้อยนิดจากจื่อฮูหยิน หรือต่อไปนางควรต้องเรียกแม่ใหญ่ให้ชินปาก หากแต่งออกไปนางต้องได้สินเดิมของมารดา อีกอย่างคือนางก็ยังได้ชื่อว่าคุณหนูใหญ่แห่งสกุลจื่อ นั้นคือหนึ่งเหตุผลที่ยอมกลับมาง่ายๆ ประการสุดท้ายคือต้องการเดิมพนันครั้งสุดท้ายกับความรักจากบิดานั้นเอง หากคนที่ต้องแต่งงานไม่ย่ำแย่มากนางอาจจะยอมแต่ง แต่ถ้าหากไม่นางนี้ล่ะจะล้มกระดานของบิดาเอง จ้าวกรมอารักษ์ จื่อเหลียง คิดจะใช้นางเป็นเบี้ยเพื่อผลประโยชน์ นางยอมหากมีสักชั่วขณะที่บิดานั้นรักนาง

ผ่านไปเกือบชั่วยามรถม้าของคุณหนูจื่อค่อยๆขยับ นั้นหมายถึงการตรวจตรานั้นเรียบร้อยแล้ว มือบางจึงค่อยๆ ปล่อยผ้าม่านลง

ในขณะนั้นเอง

อาชาสีดำขลับ ขี่ผ่านสวนทางออกนอนประตูเมืองไป

หากว่าอาชาตัวนั้นรูปร่างกำยำสง่างามทุกย่างก้าวแล้ว บุรุษที่ควบขี่อาชาตนนั้นกลับยิ่งสง่างามกว่าหลายส่วนมากนัก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สวมเกราะสีทอง ใบหน้าคมเข้ม จนสาวๆน้อยใหญ่ที่ยืนต่อแถวตรวจเอกสารเข้าเมืองต่างพากันมองเหลียวหลังแม้

ร่างสูงตกตะลึงแม้จะเพียงแวบเดียวที่เห็นใบหน้าหลังผ้าม่านนั้น แต่เขามั่นใจ

นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

ใจแกร่งเต้นเร่า อยากจะหันม้าควบกลับเข้าเมืองสืบให้แน่ชัดว่าเหตุใดนางจึงมาปรากฏตัวที่เมืองหลวง แต่ภาระหน้าที่ต้องมาก่อน จึงทำได้แต่กัดฟัน ควบขี่ม้ามุ่งตรงไปยังจุดนัดหมาย พลางก้นด่าตัวเองไปพลาง ปลอบใจตนเองไปพลาง

หน้าที่ หน้าที่สำคัญรออยู่ เขารู้ว่าว่านางคือใคร อย่างไรจุดหมายของนางคงไม่พ้นจวนสกุลจื่อ รีบสะสางและรีบกลับเมืองหลวง

จุดนัดหมายของเขากลับสหายนั้นคือวัดแห่งหนึ่งในเมืองฝู่โจว หนึ่งคือเป็นเมืองที่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุดเหมาะแก่การแลกเปลี่ยนข่าวสาร ด้วยกำลังของเขาและพรรคพวกยังมีไม่มากพอ ยังแทรกซึมเข้ามาในเมืองหลวงไม่ได้ อีกประการคือเขาอยากกลับดูใบหน้าของนาง เก็บเกี่ยวความคิดถึง เพื่อที่จะได้กลับมาทำงานสำคัญ เพราะครั้งนี้อาจจะนานแรมเดือนกว่าเขาจะได้เจอนางอีก

แต่เรื่องราวมันกลับผิดพลาด เขากับนางดันมาสวนทางกันที่หน้าประตูเมืองหลวงเสียได้

เฟ้ย ไอ้คนที่มันเฝ้าดูแลนางมันทำงานยังไง นางมาเมืองหลวงไม่มีใครแจ้งข่าวเขาสักคน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขาวานให้ข้าเป็นสาย(รัก)ลับ   บทที่32

    บทที่32รถม้าวิ่งเข้าสู่ราชวัง จื่อรั่วถูกมัวมัวประคองลงจากรถม้า ก่อนจะส่งมือของนางทาบลงฝ่ามือใหญ่ จื่อรั่วช้อนสายตามองผ่านผ้าคุลม เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่ล่ง”จูล่งแต่งชุดเจ้าบ่าว จับจูงเจ้าสาวเข้าสู่พิธี จื่อรั่วเดิมตามแรงดึงจากฝ่ามือหนาและแรงประคองจากมัวมัว ไหนราชโองการให้นางแต่งกับฮองเต้ แต่นี้จูล่ง ไม่ผิดแน่จูล่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวของสตรีข้างๆจึงเอียงใบหน้ากระซิบลงข้างหู “ไว้เสร็จพิธีข้าจะเล่าทุกอย่างให้รั่วเอ้อร์ ฟังทั้งหมด แต่ตอนนี้เจ้าต้องใจเข้าพิธีแต่งงานของเราสองคนก่อนเถิด”จื่อรั่วช้อนสายตาตามเสียงนั้น บุรุษผู้นี้เป็นจูล่งไม่ผิดแน่ ใบหน้านี้ สายตาที่มองนางอย่างมั่นคงและจริงใจรอยยิ้มละมุนละไมที่มีให้นางเพียงผู้เดียว เป็นจูล่งของนางไม่ผิดแน่ จึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ กระชับมือแน่น สื่อให้บุรุษด้านข้างรับรู้ว่านางเชื่อใจเขาแต่กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นก็เรัยกว่าแทบจะพรากลมหายใจคันชั่งหยกยื่นมาหมายจะเปิดผ้าคลุมเจ้าสาว“ช้าก่อน ท่านติดค้างข้าหลายเรื่องทีเดียว ข้าควรได้ฟังคำอธิบายก่อน ท่านถึงจะมีสิทธิ์เปิดผ้าคลุมออก” “แต่ข้ากับเจ้าเข้าพิธีกันเรียบร้อยแล้วน่ะ” จูล่งโอดครวญ เขาอยากจะเห็น

  • เขาวานให้ข้าเป็นสาย(รัก)ลับ   บทที่31

    บทที่31หุบเขาห่างไกล มีเรือนหลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ จื่อรั่วตื่นมาท่ามความงุนงง มือของนางถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออันเหี้ยวย่นของแม่นมจาง จื่อรั่วจำวันนั้นได้เป็นอย่างดีเขาพานางออกจากวังมาในสภาพไร้สติ เขาทำตามที่รับปากนางเอาไว้ พานางออกมาจากวังต้องห้ามได้ แต่กลับไร้เงาของเขา แม่นมจางนำจดหมายที่จูล่งฝากเอาไว้ให้‘ขอโทษที่วางยาเจ้า การออกมาจากวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีนี้รวดเร็วที่สุด ข้าต้องภาระกิจใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงชีวิต หากภารกิจสำเร็จข้าจะไปรับเจ้ากลับหยิ่งตู่ไปพบครอบครัวของข้า แต่ถ้าหากไม่ บุรุษที่เดินทางไปกับเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจ เขาจะดูแลเจ้ากับแม่นมจางเป็นอย่างดี’จื่อรั่วอ่านจดหมายนั้นซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง ร้องไห้น้ำตารองหน้าอยู่หลายคืน จนในที่สุดนางก็ลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆเรือน พอเบื่อก็ออกสำรวจรอบๆป่า จนได้พบว่า บุรุษที่จูล่งฝากฝังนางเอาไว้ ฝีมือวรยุทธ์ดีเยี่ยมก็แน่ล่ะ จูล่งเก่งขนาดนั้น ลูกน้องจะกระจอกงอกง่อยได้อย่างไร “ข้าจะรอท่าน”ดวงหน้างามทอดสายตาทองไปยังทางขึ้นเขา นางไม่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่จะรอคอยบุรุษที่นางรักด้วยหัวใจที่เชื่อหมั่นว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ไม่เป็

  • เขาวานให้ข้าเป็นสาย(รัก)ลับ   บทที่30

    บทที่30ปั้ง!ฝ่ามือหนามือหนาตบลงบนพนักวางแขน บัลลังก์ทองสั่นสะเทือน“ข้าจะแต่งกับนาง ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขวาง” จูล่งฮองเต้ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หัวข้อถกเถียงในท้องพระโรงวันนี้คือ การรับสนมเข้าวัง “แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” แม้เจียวก้านและขุนนางฝ่ายเจียวก้าวจะสนับสนุนเขาเต็มกำลัง แต่ก็ทีขุนนางอีกหลายคนที่มองว่าคุณหนูจื่อรั่วไม่เหมาะกับตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน“ถ้าอย่างไร รับคุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อเข้ามาเป็นพระสนมก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางอีกคนรีบเสนอ เพราะหลายวันที่ผ่านมาถดเถียงกันอยู่เพียงเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรฮองเต้ก็จะรับนางเข้ามาเป็นฮองเฮา“ข้าบอกแล้วข้าไม่รับสนม ไม่ว่าตำแหน่งใดๆก็ไม่รับ ข้าจะรับจื่อรั่วมาเป็นฮองเฮาเพียงผู้เดียว” ไม่ว่าอย่างไร จูล่งก็ไม่มีทางรับสตรีใดเข้าวัง“ฝ่าบาท ราชวงศ์จำเป็นต้องแตกสาขา เพื่อความมั่นคงของแคว้น ตอนนี้เชื่อพระวงค์โดยสายเลือดมีเพียงพระองค์ เหล่าอ๋องทั้งสามและองค์หญิงที่อภิเษกไปอยู่แคว้นฉู่”กงกงเดินเข้ามากระซิบกระซาบ จูล่งฮองเต้พยักหน้า ไม่ช้าก็มีบุรุษสวมชุดเกราะเดินองอาจเข้ามาภายในท้องพระโรง แม่ทัพใหญ่ซ่งเว่ยหลง เป็นคนคุ

  • เขาวานให้ข้าเป็นสาย(รัก)ลับ   บทที่29

    บทที่29จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ

  • เขาวานให้ข้าเป็นสาย(รัก)ลับ   บทที่28

    บทที่28แม้จะต้องสังหารคนที่เคยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มาก่อน จูล่งก็ไม่ลังเล เขารู้ฝีมือองครักษ์ของฮองเต้ทุกคนเป็นอย่างดี แต่องครักษ์ทุกคนก็รู้ฝีมือเขาเช่นกันเมื่อถูกลุมล้อม จูล่งจึงพลาดพรั้ง ถูกปลายกระบี่จองฮองเต้แทงเข้าที่หัวไหล่ขวา ฮองเต้หลงหมายจะซ้ำอีกดาบสังหารกบฏแท่ทัพหลิวเห็นจูล่งพลาดพลั้ง จึงกระโดดเอาตัวเข้าบังจูล่งเอาไว้ แทงกระบี่สวนออกไปยังทิศทางที่ฮองเต้แทงหมายจะสังหารจูล่งกระบี่ทั้งสองเล่นจึงปักที่อกข้างซ้ายของทั้งสองฝ่ายพอดี ทั้งคู่ตึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น“อย่าอาฆาตแค้นกันเลย คิดซะว่ามันคือเวรกรรมที่พระองค์สังหารคนที่เลี้ยงดูพระองค์” จูล่งตวัดปลายกระบี่ตัดศีรษะของฮองเต้หลงหลุดจากบ่าในกระบี่เดียวรีบไปประคองแม่ทัพหลิวเพื่อดูอาการและให้คนไปตามน้องรองมาดูอาการแม่ทัพทันทีส่วนองครักษ์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฮองเต้สิ้นพระชนม์จึงวางดาบยอมจำนวน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไปอีกแล้วคุณชายรองจูเหวินจางรีบฝ่าเข้ามาดูอาการแม่ทัพหลิวในทันที“แม่ทัพเอาตัวบังให้ข้า ไม่งั้นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอาจเป็นข้าเอง” จูล่งกล่าวบอกน้องชายเสียงเบา เขาเป็นหนี้ชีวิตแม่ทัพหลิวแล้ว หากไม่ได้แม่ทัพ คง

  • เขาวานให้ข้าเป็นสาย(รัก)ลับ   บทที่27

    บทที่27หลังจากที่สำรวจเส้นทางตามแผนที่ พบกุญแจและทางเข้าตามที่จูไป๋เสวี่ยบอกอย่างไม่ผิดเพี้ยน แม่ทัพหลิวจึงวางแผนนำกองกำลังเขาเมืองหลวง โดยการเดินทางเจ้าเมืองหลวงหลายๆ เส้นทาง แยกกันมากลุ่มล่ะ 1-2คนเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นการผิดสังเกต ผู้นำตระกูลอย่างเจียวเจี้ยก็สนับสนุนอาวุธและเสบียงอาหาร ยอมเปิดคลังเสบียงของตระกูลเพื่อช่วยเหลือในครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้พี่น้องทั้งสี่ของสกุลจูและเขาตกใจก็คือ นอกจากจะเชื่อมไปยังพระราชวังยังมีอาวุธมากมายเก็บซ่อนเอาไว้ หากดูผิวเผินเส้นทางนี้ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อนเพราะไม่มีรอยเท้าใดๆ เลยเงาสายหนึ่งวิ่งฝ่าท่ามกลางความมืดไปมุ่งตรงไปยังปลายทางอย่างไม่หยุดพัก บนไหล่หนามีร่างสลบไสลของสตรีนางหนึ่ง “เจ้าไม่คิดจะบอกความจริงกับนาง” หลิวเสวี่ยอวี้มองสหายที่แบกร่างจื่อรั่วที่สลบออกมาจากอุโมงค์ลับ จูล่งค่อยๆว่างร่างของนางลงบนรถม้าแผ่วเบา จุมพิตลงบนหน้าผาก ก่อนจะพยักหน้าให้องครักษ์เงาบังคับรถม้าลงจากเขาไป“ข้าฝากจดหมายไว้กับองครักษ์มู่แล้ว” นั้นคือชื่อขององครักษ์เงาที่คอยตามดูแลนางมาตลอดหลายปีอีกไม่เพียงชั่วยามจะเริ่มแผนการทั้งหมด แม้จะฝากนางไว้กับเจียวเฟย แต่กร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status