Mag-log in“ย่าได้ฤกษ์มาแล้วนะตาเล็ก ช่วงนี้ก็อยู่ให้ติดบ้านหน่อย” คุณน้อมจิตถือเอาวันที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ประกาศฤกษ์งานแต่งให้รับรู้ คำพูดของคนสูงวัยทำให้มือที่กำลังยกถ้วยกาแฟของภาสันต์ชะงักไปนิด แต่เจ้าของมือหนายังควบคุมเอาไว้ได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีคนตาดีสังเกตเห็น เพราะเขามองภาสันต์อยู่ก่อนแล้ว ภัทรดนัยยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ แล้วฟังคุณน้อมจิตพูดต่อ
“อีกสามเดือน จะเตรียมงานทันไหม เหนื่อยหน่อยนะหนูปั้น” ท้ายประโยคคุณน้อมจิตหันไปพูดกับหญิงสาว ที่นั่งพับเพียบพับดอกบัวอยู่กับป้าพร้อม พรุ่งนี้เป็นวันพระ เธอต้องเตรียมดอกไม้ให้คุณน้อมจิตเปลี่ยนในห้องพระ และไปทำบุญที่วัด
“ถ้าปั้นยังไม่พร้อม บอกคุณย่าได้นะครับ พี่ไม่มีปัญหาอะไร” ภัทรดนัยเปิดโอกาสให้หญิงสาว ไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าถูกบังคับ
“ปั้นพร้อมค่ะคุณเล็ก” ตอบตกลงเพราะไม่มีอะไรติดขัด แต่งเร็วก็ยิ่งดี เธอจะได้นำเงินก้อนใหญ่ไปใช้หนี้ให้ครอบครัว
“ช่วงที่ตาเล็กไม่อยู่บ้าน ใหญ่ก็เป็นธุระให้น้องหน่อยนะ ช่วยหนูปั้นเตรียมงาน ใหญ่ถนัดทางนี้อยู่แล้ว ย่าฝากด้วยนะ ไม่มีอะไรแล้วแยกกันไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ย่าอยากนอนเร็ว” น้ำเสียงที่ใช้ดูเหนื่อยอ่อน ผิดกับรูปร่างที่กระฉับกระเฉงว่องไว คุณน้อมจิตเพิ่งจะย่างเข้าปีที่ห้าสิบ ภาสันต์กับภัทรดนัย เป็นเด็กที่สามีของนางขอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนที่รับสองคนนี้มาอยู่ในบ้าน นางยังไม่เต็มยี่สิบด้วยซ้ำ พูดง่าย ๆ ก็คือนางมีสามีที่แก่คราวพ่อนั่นเอง ภาสันต์กับภัทรดนัยอายุห่างจากเธอไม่มาก สามีของนางให้สองคนนี้เรียกเขาว่าปู่ นางจึงกลายเป็นย่าตามศักดิ์ ถ้านับทางสายเลือดก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
“ปั้นจะกลับห้องเลยไหม พี่จะได้เดินไปส่ง ถือโอกาสคุยเรื่องงานแต่งของเราด้วยเลย ปั้นชอบแบบไหน พี่ตามใจปั้นนะ” ปนันชิตามองหน้าภัทรดนัยไม่เต็มตานัก เพราะเขินอายกับการมองของเขา ภัทรดนัยเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม สุภาพอ่อนหวาน ยังตื่นเต้นไม่หายเมื่อรู้ว่าจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา
ภาสันต์ลุกออกไปจากห้อง เมื่อรู้ตัวว่าเป็นส่วนเกิน อยากหาอะไรดื่มเพื่อล้างกาแฟที่ขมปร่าติดคอ รสชาติของกาแฟถ้วยโปรดเปลี่ยนไป คงเป็นเพราะคนชงกำลังจะมีเจ้าของนั่นเอง
ปนันชิตาเดินเคียงคู่ไปกับภัทรดนัย แปลกใจไม่น้อย เพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง ชายหนุ่มจะเว้นระยะห่าง และไม่แตะต้องเธอเลยสักนิด
“ขอบคุณค่ะคุณเล็ก” ขอบคุณเมื่อเดินมาถึงบ้านพักของเธอ เปิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น เพราะจำได้ว่าภัทรดนัยมีเรื่องจะคุยกับเธอ
“ฝันดีนะครับ” พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ปนันชิตาอยู่กับคำถาม ไม่มีการพูดคุยอย่างที่คิดเอาไว้ ประตูบ้านเปิดขนาดนี้ ต่อให้เป็นเด็กก็ดูออกว่าเธอเชื้อเชิญเขา ภัทรดนัยคือบ่อเงินบ่อทอง ถ้าทำให้เขารักได้เธอจะสบายไปทั้งชาติ และที่สำคัญเธอเองก็มีใจให้เขา
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ลอยมาเข้าจมูก ทำให้ภาสันต์ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย มือหนายกแก้วขึ้นแล้วดื่มน้ำสีเข้มรวดเดียวหมดแก้ว วางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปอีกทาง แต่ก็ช้าไปกว่าคนที่มาใหม่ ทันทีที่เขาก้าวขา ภัทรดนัยก็กอดรัดช่วงเอวของเขาเอาไว้
“เล็ก!” ตวาดพร้อมกับแกะมือของภัทรดนัยออกจากเอว นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ว ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังยังฝังจมูกลงมาที่ซอกคอของเขา ภาสันต์ออกแรงเพียงนิด ด้วยขนาดตัวที่ต่างกัน ภัทรดนัยจึงคลายวงแขนออกจากเอวหนา
“คุณใหญ่เข้าไปทำอะไรในครัว ยายปั้นถึงได้แผล” ภาสันต์ไม่ตอบคำถาม เพราะรู้ว่าภัทรดนัยรู้คำตอบอยู่แล้ว ร่างสูงก้าวหนี แต่ภัทรดนัยยังเรียกเอาไว้
“ผมมีข้อเสนอ”
“อะไร!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่สบอารมณ์นัก ไม่พอใจที่ภัทรดนัยบังอาจมาต่อรองกับเขา ร่างสูงหันกลับมาเผชิญหน้า คุณย่าเพิ่งประกาศฤกษ์งานแต่ง อยากรู้เหมือนกันว่าภัทรดนัยจะเล่นอะไรกับเขา
“ถ้าคุณใหญ่อยากได้เธอก็ไม่ยากครับ” ภัทรดนัยมองคนตรงหน้าด้วยสายตาท้าทาย
“หมายความว่าไง” ภาสันต์ถามพร้อมกับรอคอยว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร
“คิดว่าผมไม่รู้เหรอครับ เวลาที่คุณใหญ่มองว่าที่ภรรยาของผม สายตามันฟ้อง...” ไม่พูดเปล่าภัทรดนัยยังก้าวเข้ามา จนหน้าอกของเขาแนบชิดไปกับอกของภาสันต์ หนุ่มใหญ่ถอยหลังหนี แต่ถูกมือสวยงามไม่ต่างจากมือสตรีจับยึดใบหน้าเอาไว้ นิ้วเรียวลูบไล้ลงบนสันกราม ของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายไปมา
“นอนกับผมสิครับ แล้วคุณใหญ่ก็เอาเธอไป”
“หยุดพูดบ้า ๆ ได้แล้ว ฉันเป็นพี่ชายแกนะ!”
“แคร์อะไรครับ ก็แค่พี่ชายต่างสายเลือด ถ้าคุณใหญ่ปฏิเสธ ผมก็มีวิธีอื่นทำหลานให้คุณย่า เพื่อนของผมมองยายปั้นตาเป็นมัน ผมก็แค่ส่งยายปั้นไปให้พวกมัน” ใบหน้าหล่อเหลาเบี่ยงหลบ เมื่อภัทรดนัยยื่นหน้าเข้ามาหา
“ตกลงไหมครับ คุณใหญ่...” เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหู ภาสันต์ขบกราม นับหนึ่งถึงสิบในใจ ข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ ถ้าเขาด่วนตัดสินใจหรือพลั้งมือทำอะไรลงไป ปนันชิตาคงมีสภาพไม่ต่างจากสิ่งของ ที่ถูกภัทรดนัยโยนให้คนนั้นที คนนี้ที
มือแกร่งแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างใจเย็น ก่อนจะสลัดออกจากบ่า เผยให้เห็นหน้าอกแน่นหนันที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ภัทรดนัยเจ้าสำอางก็จริง แต่ไม่ใช่ประเภทรักสวยรักงานจนกระเดียดไปทางผู้หญิง แกะหัวเข็มขัดออกจากกันแล้วรูดกางเกงยีนส์สีเข้ม ออกจากท่อนขา แล้วตามด้วยกางเกงในผ้าเนื้อดี ร่างสูงคุกเข่าลงบนที่นอน ในสภาพเปลือยเปล่า ขยับสาวชักลำรักที่ตั้งผงาดพร้อมรบสองสามครั้ง หยิบซองสีเงินที่วางอยู่บนที่นอนขึ้นมา ใช้ฟันแหลมคมฉีกมันออก แล้วครอบลงบนลำรัก รูดสองสามครั้งเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่วางอยู่ใกล้ ๆ เทเจลที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ใส่มือ แล้วนำไปชะโลมลงบนก้นขาวเนียน ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปมา เน้นย้ำตรงช่องทางพิเศษ เพราะขนาดของมันเล็กมาก ถ้าเทียบกับเจ้ามังกรใหญ่ยักของเขา “อย่านะ ปล่อย ช่วยด้วย พี่สาช่วยจ๋าด้วย” ชินานางส่งเสียงร้อง ร่างบางพยายามดิ้นหนี เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเบาเหมือนเสียงกระซิบ เมื่อต้องเจอกับความโหดร้าย คนแรกที่เธอคิดถึงก็คือริสา ภัทรดนัยไม่สนใจเสียงร้องของคนบนเตียง มือแกร่งช้อนเข้าใต้สะโพก จั
ปนันชิตามาถึงคอนโดของภาสันต์ก็ดึกมากแล้ว ฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้การจราจรติดขัด จึงติดอยู่ในรถแท็กซี่หลายชั่วโมง เธอไม่มีบัตรผ่านเข้าคอนโด แต่เคยมาที่นี่จึงมีชื่ออยู่ในสมุดบันทึกเวลาเข้าออกของรปภ. กว่ารปภ.จะหาเจอ หญิงสาวก็ต้องโดนฝนสาดใส่จนเปียกปอน เธอไม่กล้าโทรถามป้าพร้อมว่าภาสันต์กลับบ้านหรือไม่ จึงคิดเอาเองว่าเขาอยู่ที่นี่ ได้แต่ภาวนาขอให้เจอเขา เพราะมีเรื่องคุยกับเขาหลายเรื่อง อยากขอบคุณเรื่องหนี้สินของพ่อ และที่สำคัญเธออยากถามว่า ที่เขาบอกว่ารัก มันคือเรื่องจริงหรือเปล่ากริ๊ง ๆ ๆ เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้ภาสันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตาคู่มองนาฬิกาที่ฝาผนัง แล้วถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงหน้าคนที่มารบกวนยามวิกาล เขาหลบมาอยู่ที่นี่ ภัทรดนัยยังจะตามรังควาญเขาอีกหรือ เขาไม่ดีเองที่บอกให้คนนอกรู้ที่อยู่ ภัทรดนัยเลยเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ทันทีที่ประตูเปิดออก ตาสองคู่ก็สบกัน ภาสันต์มองคนที่ยืนตัวเปียกอยู่หน้าห้อง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะคนที่มากลางดึกไม่ใช่ภัทรดนัยแต่เป็นปนันชิตา ปนันชิตามองหน้าเขา เมื่อเห็นความว่างเปล่าในดวงตาสีนิลคู่นั้น ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของเขาตอนน
หลังจากแยกกับปนันชิตา ภาสันต์ก็กลับมายังคอนโดที่เป็นห้องพักของเขา ร่างสูงยังยืนอยู่ที่เดิม ตาคู่คมเหม่อมองออกไปแสนไกล ท้องฟ้ายามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ไม่ได้สว่างไสว เพราะมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง มาบดบังแสงสว่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวที่อับแสงคำนี้คงเหมาะกับเขา ไม่ว่าเขาจะมีความรักสักกี่ครั้ง คนรักของเขาต่างก็หันหลังให้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตารังเกียจ จากสิ่งที่ภัทรดนัยยัดเยียดให้เขาเป็น หลายครั้งที่เขาอยากทำร้ายภัทรดนัย ให้สมกับความเจ็บปวดที่เขาเจอ แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของแม่ครูที่ขอไว้ ใจเขาก็อ่อนลง คงต้องทำเหมือนกับทุกครั้ง ข่มกลั้นความเจ็บปวด คนอย่างเขาคงไม่ได้เกิดมาเป็นคู่ของใคร ครืด ครืด มือถือเครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้น ภาสันต์หันไปมอง เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็กดตัดสายทิ้ง ปิดเครื่องแล้วโยนมันไปให้พ้นสายตา เพราะตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ‘บริการฝากหมายเลขโทรกลับ’ ปนันชิตาใจเสีย เมื่อได้ยินเสียงข้อความอัติโนมัติ ที่ตอบกลับมาตามสาย ภาสันต์ปิดมือถือ แล้วเธอจะติดต่อเขาได้ยังไง “ตกลงจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” คนขับรถหันมาถาม เมื่อเธอสั่งให้เขาขับมาเรื่อย ๆ เพราะคิดว่า
ปนันชิตาปาดน้ำตาออกจากหน้า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มีทั้งความเสียใจ น้อยใจ ผสมปนเปกันไปหมด เสียใจที่ถูกภัทรดนัยหลอก และน้อยใจที่ภาสันต์ไม่ให้เงินตามที่ตกลงกันไว้ เธอยอมเขาสารพัดเพื่อแลกกับเงินไม่กี่แสน เขาก็รู้ว่าเธอกำลังเดือดร้อน ยังจะแกล้งเธออีก กลั้นสะอื้นแล้วกลืนน้ำตาลงคอ เธอต้องมีสติให้มากที่สุด อย่าเสียใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เมื่อกลับไปแก้ไขไม่ได้ก็ควรเดินหน้าต่อไป พ่อกำลังรอเธออยู่ เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาป้าพร้อม วันนี้เธอคงไม่กลับไปบ้านคุณย่า เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และหาเงินให้ครบตามจำนวนที่พ่อขอ “ป้าพร้อมคะ ช่วยแจ้งคุณย่าให้ด้วยว่าคืนนี้ปั้นนอนบ้านคุณพ่อค่ะ” ฝากป้าพร้อมให้รายงานคุณน้อมจิต แล้วคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะต่อสายหาเพื่อน ๆ เพื่อขอยืมเงิน เธอมีเพื่อนไม่มาก โอกาสได้ครบมีน้อย และที่สำคัญเธอจะหาเงินจากไหนไปคืนเพื่อน เพราะไม่มีงานประจำทำ เงินเดือนที่ได้จากคุณน้อมจิตก็น้อยนิด ถ้าเทียบกับเงินก้อนโตที่ต้องหา หวังจากค่าสินสอดก็ไม่ได้แล้ว เพราะเธอคงไม่ได้แต่งงานกับภัทรดนัย เมื่อคิดถึงภัทรดนัยน้ำตาก็ไหลออกมาอีก ถึงแม้จะมีอะไรกั
“จะไปไหนครับ” ภัทรดนัยตรงเข้ามาขวาง เมื่อภาสันต์จะตามปนันชิตาออกไป “ถอยไป ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก” ถ้าไม่ติดว่าภัทรดนัยเป็นน้อง เขาคงฆ่ามันไปแล้ว “ผมพูดอะไรผิด เรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ปนันชิตาต้องมีลูกให้ผม ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณย่าอยากได้หลาน คุณใหญ่รับข้อเสนอของผม แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะครับ” “ฉันรับข้อเสนอของแกก็จริง แต่ฉันรับแค่ข้าวปั้น ส่วนแกฉันไม่ต้องการ ถอยไป แล้วอย่ามายุ่งกับเมียฉันอีก ถ้าแกไม่ใช่น้องฉัน แกตายไปแล้วเล็ก!” พูดจบภาสันต์ก็ผลักลงที่อกของภัทรดนัยจนเสียหลักล้ม แต่ภัทรดนัยยังไม่ยอมแพ้ ถึงจะล้มลงไม่เป็นท่า แต่ก็ยังคลานมาขวางทาง ใช้สองแขนกอดขาภาสันต์เอาไว้ “คุณใหญ่ใจร้าย คุณใหญ่ลืมสัญญาของเราแล้วเหรอครับ ไหนคุณใหญ่เคยบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดไป จะไม่มีวันทิ้งผม แล้วคุณใหญ่ทิ้งผมทำไม” ภัทรดนัยแนบหน้าลงกับต้นขาของภาสันต์ กอดขาเขาร้องไห้ พรั่งพรูคำสัญญาที่เคยให้กันไว้ออกมา จนตอนนี้ไม่เหลือความเป็นภัทรดนัยที่เคยหล่อเหลาและสง่างามอีกแล้ว “อย่าทิ้งผมไปนะ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณใหญ่” ภาสันต์มองคนที่กอดข
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมล้อเล่นน่ะ ผมจะทำแบบนั้นกับปนันชิตาได้ยังไง คุณใหญ่ก็รู้ว่าผมรักคุณใหญ่คนเดียว!” คำพูดของภัทรดนัยทำให้ปนันชิตาที่ทรุดลงไปกองกับพื้น สะดุ้งสุดตัวหญิงสาวยกมือปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวจะส่งเสียงออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน ภัทรดนัยกำลังพูดเรื่องอะไร “หยุดพูดบ้า ๆ ได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไป ฉันจะทำงาน” ภาสันต์ข่มความโกรธเอาไว้ เขารู้ว่าภัทรดนัยจงใจทำให้ปนันชิตาเข้าใจเขาผิด “ออกมาได้แล้วปั้น อยู่ที่นี่ก็ดี จะได้มาทำสัญญาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที” ภัทรดนัยเรียกคนที่อยู่ในห้อง แต่ปนันชิตายังนิ่งอยู่กับที่ “พูดเรื่องอะไรของนาย ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” “รู้อะไรไหมปนันชิตา!” ครั้งนี้ภัทรดนัยจงใจตะโกนให้หญิงสาวได้ยิน “เล็ก! หยุดพล่ามแล้วออกไป!” ภาสันต์โมโหที่ภัทรดนัยกำลังล้ำเส้นของเขา “ทำไมครับ ได้หน้าแล้วลืมหลังเหรอครับ” “ฉันบอกให้นายหยุด!” “ไหนคุณใหญ่บอกว่าที่นอนกับปนันชิตาก็เพราะลูก ผมมีลูกให้คุณใหญ่ไม่ได้ ทำไมครับ พอได้มันแล้วลืมที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอครับ” ปนันชิ







