Mag-log inแกร๊ก
เสียงปลดล็อกประตูที่ได้ยิน ทำให้ปนันชิตาตกใจจนก้าวขาไม่ออก
“คุณใหญ่!” เรียกชื่อคนที่บุกรุกเข้ามา พร้อมกับถอยหนี ขยับเสื้อคลุมเนื้อบางเบาให้กระชับตัวยิ่งขึ้น
“เข้ามาทำไมคะ!” น้ำเสียงที่ใช้บอกถึงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
ภาสันต์ไม่พูดหรืออธิบายอะไร ร่างสูงตรงเข้าหาคนที่ถอยหนี คว้าข้อมือของเธอ แล้วออกแรงดึงจนปนันชิตาถลามาชนกับแผงอกของเขา
“ปล่อยนะคุณใหญ่!” นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ว ภาสันต์ยังออกแรงรัดเธอมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาหาแล้วซุกไซ้ลงบนซอกคอของเธอ ปนันชิตาต่อต้านเขาสุดกำลัง ภาสันต์ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้บุกเข้ามาทำแบบนี้กับเธอ
“ปล่อยนะ! ฉันบอกให้ปล่อย!” ปนันชิตาดิ้นหนี ยกมือขึ้นมาค้ำแผงอกของเขาเอาไว้
“หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้!” ภาสันต์กดเสียงต่ำ ไม่พอใจที่หญิงสาวขัดขืน ต่อหน้าคนอื่นปนันชิตาจะเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ภาสันต์รู้ดีว่ากิริยาท่าทางแบบนั้นมันเป็นแค่การแสดง
“หยุดนะคุณใหญ่! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” ภาสันต์มองคนดื้อด้วยความรู้สึกที่โกรธกรุ่น อยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอจะเชื่องเหมือนลูกแมว แต่เวลาที่อยู่กับเขาเธอจะกลายร่างเป็นนางแมวป่า จ้องจะทำร้ายเขาตลอดเวลา ปนันชิตามองคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ภาสันต์คิดอะไรมีหรือที่เธอจะไม่รู้ ฐานะของเขาไม่ต่างจากภัทรดนัย แต่เธอไม่ชอบเขา โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ที่จ้องมองเธอเหมือนจะกลืนกิน
“ฉันเป็นว่าที่ภรรยาของน้องชายคุณ ช่วยให้เกียรติฉันด้วยนะคะ!” ภาสันต์เหยียดยิ้มให้กับคำพูดของเธอ จะมาถามหาเกียรติอะไรตอนนี้ ไม่รู้เหรอว่าภัทรดนัยกำลังใช้เธอเป็นเครื่องมือ ต่อรองกับเขา แต่เขาต้องการแค่เจ้าสาวเท่านั้น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แขนแกร่งก็รัดเอวบางแน่นขึ้น ไม่สนใจกับอาการต่อสู้ของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ไปตามลำคอหอมกรุ่น ใช้ช่วงตัวดันหญิงสาวไปจนชิดขอบเตียง ร่างบางเสียหลักล้มลงไปบนที่นอน โดยมีร่างสูงทาบทับลงมา
“คุณใหญ่ ปล่อยฉันนะ!” ปนันชิตากรีดร้อง เมื่อมือหนาตลบกระโปรงชุดนอนเนื้อบางเบาขึ้นมากองไว้บนเอว ปนันชิตาโมโหตัวเองที่แต่งตัวไม่มิดชิด จนทำให้เสียเปรียบเขา
ปากหนาประกบลงมาบนปากอิ่ม ปนันชิตาส่ายหน้าหนี กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ปนอยู่กับลมหายใจของเขา ทำให้เธอรู้ว่าภาสันต์กำลังเมา
“หยุดนะคุณใหญ่! เมาก็กลับไปนอน อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะฟ้องคุณเล็กว่าคุณรังแกฉัน” คำว่าคุณเล็กที่ได้ยิน ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ภาสันต์ตัดสินใจง่ายขึ้น ปนันชิตารักภัทรดนัย คุณน้อมจิตก็เห็นดีเห็นงานให้สองคนนี้แต่งงานกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาชอบพอปนันชิตาอยู่ก่อนแล้ว ตอนที่รู้ว่าคุณน้อมจิตไปสู่ขอปนันชิตา เขาคิดว่าย่าสู่ขอเธอมาให้เขา แต่ย่ากลับยกเธอให้ภัทรดนัย และบอกว่าเตรียมคนที่เหมาะสมไว้ให้เขาแล้ว สะใภ้ใหญ่ของตระกูล จะต้องเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม การกระทำของย่าทำให้ภัทรดนัยพอใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าภัทรดนัยจะเป็นอะไรเขาไม่เคยรังเกียจ ภัทรดนัยมักจะเข้าหา และขอมีอะไรด้วย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ใช่แบบนั้น ที่ทำให้เขาทนไม่ได้ก็คือ ภัทรดนัยเอาปนันชิตามาเป็นเครื่องมือต่อรอง เพราะรู้ว่าเขารักเธอ
“คุณใหญ่...อื้อ” เสียงร้องขาดหายเมื่อปากร้อนประกบลงมาปิดปากอิ่ม มือใหญ่กดข้อมือบางไว้กับที่นอน ปนันชิตาขัดขืน จนภาสันต์ได้เหงื่อ ร่างหนาผละออก ตาคู่คมจ้องหน้าคนใต้ร่างเขม็ง เมื่อเห็นความเกลียดชังในสายตาของเธอ ก็ยิ่งอยากเอาชนะ
“อย่านะคุณใหญ่!” ปนันชิตากรีดร้อง เมื่อกางเกงชั้นในถูกคนเหนือร่างกระชากจนขาดติดมือ ภาสันต์รวบข้อมือบางไปไว้เหนือศีรษะ ด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างปลดหัวเข็มขัดตัวเอง สลัดกางเกงขายาวออกไปให้พ้นทาง ปนันชิตายังคงดิ้นรนขัดขืน ถึงแม้เรี่ยวแรงที่มีจะเริ่มเหือดหาย จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น เธอรักภัทรดนัยและกำลังจะแต่งงานกับเขา ภาสันต์กำลังจะสร้างตราบาปให้เธอ
ภาสันต์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รู้เพียงแต่ว่าจะไม่ยอมเสียเธอให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น เขารู้ว่าภัทรดนัยไม่ได้ขู่ ถ้าเขาไม่ตกลงภัทรดนัยจะพาเธอไปให้คนอื่น เมื่อถึงเวลานั้นเขาคงกลายเป็นฆาตกร เพราะเขาจะฆ่าทุกคนที่ทำร้ายเธอ
“กรี๊ดดด” ร่างบางผวาเฮือก เมื่อคนเหนือร่างสอดแทรกลำรักเข้ามาในกายสาว ภาสันต์ขบกรามเข้าหากัน ความสดใหม่ที่ได้จากเธอ ทำให้เขามึนงงจนทำอะไรไม่ถูก ปนันชิตายังสะอาดบริสุทธิ์ การกระทำของเขาจึงไม่ต่างอะไรกับข่มขืน
“ปั้น...ผม” อาการมึนเมาที่มีในตอนแรกหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อตระหนักได้ว่ากำลังทำให้เธอเจ็บปวด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามหน้าผาก เมื่อต้องฝืนความต้องการของตัวเอง เพราะไม่อยากทำให้คนใต้ร่างบอบช้ำไปมากกว่านี้
“เจ็บ!” ปนันชิตาร้องออกมาเมื่อคนเหนือร่างขยับตัว
“อดทนหน่อยนะ ผมสัญญาว่ามันจะดีขึ้น”
“คุณใหญ่...” เรียกชื่อชายหนุ่ม ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรจะพูดกับเขา สิ่งเดียวที่รับรู้ก็คือ เจ็บจนแทบขาดใจ เธอคงตายถ้าเขายังไม่หยุดมัน
มือแกร่งแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างใจเย็น ก่อนจะสลัดออกจากบ่า เผยให้เห็นหน้าอกแน่นหนันที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ภัทรดนัยเจ้าสำอางก็จริง แต่ไม่ใช่ประเภทรักสวยรักงานจนกระเดียดไปทางผู้หญิง แกะหัวเข็มขัดออกจากกันแล้วรูดกางเกงยีนส์สีเข้ม ออกจากท่อนขา แล้วตามด้วยกางเกงในผ้าเนื้อดี ร่างสูงคุกเข่าลงบนที่นอน ในสภาพเปลือยเปล่า ขยับสาวชักลำรักที่ตั้งผงาดพร้อมรบสองสามครั้ง หยิบซองสีเงินที่วางอยู่บนที่นอนขึ้นมา ใช้ฟันแหลมคมฉีกมันออก แล้วครอบลงบนลำรัก รูดสองสามครั้งเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่วางอยู่ใกล้ ๆ เทเจลที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ใส่มือ แล้วนำไปชะโลมลงบนก้นขาวเนียน ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปมา เน้นย้ำตรงช่องทางพิเศษ เพราะขนาดของมันเล็กมาก ถ้าเทียบกับเจ้ามังกรใหญ่ยักของเขา “อย่านะ ปล่อย ช่วยด้วย พี่สาช่วยจ๋าด้วย” ชินานางส่งเสียงร้อง ร่างบางพยายามดิ้นหนี เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเบาเหมือนเสียงกระซิบ เมื่อต้องเจอกับความโหดร้าย คนแรกที่เธอคิดถึงก็คือริสา ภัทรดนัยไม่สนใจเสียงร้องของคนบนเตียง มือแกร่งช้อนเข้าใต้สะโพก จั
ปนันชิตามาถึงคอนโดของภาสันต์ก็ดึกมากแล้ว ฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้การจราจรติดขัด จึงติดอยู่ในรถแท็กซี่หลายชั่วโมง เธอไม่มีบัตรผ่านเข้าคอนโด แต่เคยมาที่นี่จึงมีชื่ออยู่ในสมุดบันทึกเวลาเข้าออกของรปภ. กว่ารปภ.จะหาเจอ หญิงสาวก็ต้องโดนฝนสาดใส่จนเปียกปอน เธอไม่กล้าโทรถามป้าพร้อมว่าภาสันต์กลับบ้านหรือไม่ จึงคิดเอาเองว่าเขาอยู่ที่นี่ ได้แต่ภาวนาขอให้เจอเขา เพราะมีเรื่องคุยกับเขาหลายเรื่อง อยากขอบคุณเรื่องหนี้สินของพ่อ และที่สำคัญเธออยากถามว่า ที่เขาบอกว่ารัก มันคือเรื่องจริงหรือเปล่ากริ๊ง ๆ ๆ เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้ภาสันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตาคู่มองนาฬิกาที่ฝาผนัง แล้วถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงหน้าคนที่มารบกวนยามวิกาล เขาหลบมาอยู่ที่นี่ ภัทรดนัยยังจะตามรังควาญเขาอีกหรือ เขาไม่ดีเองที่บอกให้คนนอกรู้ที่อยู่ ภัทรดนัยเลยเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ทันทีที่ประตูเปิดออก ตาสองคู่ก็สบกัน ภาสันต์มองคนที่ยืนตัวเปียกอยู่หน้าห้อง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะคนที่มากลางดึกไม่ใช่ภัทรดนัยแต่เป็นปนันชิตา ปนันชิตามองหน้าเขา เมื่อเห็นความว่างเปล่าในดวงตาสีนิลคู่นั้น ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของเขาตอนน
หลังจากแยกกับปนันชิตา ภาสันต์ก็กลับมายังคอนโดที่เป็นห้องพักของเขา ร่างสูงยังยืนอยู่ที่เดิม ตาคู่คมเหม่อมองออกไปแสนไกล ท้องฟ้ายามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ไม่ได้สว่างไสว เพราะมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง มาบดบังแสงสว่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวที่อับแสงคำนี้คงเหมาะกับเขา ไม่ว่าเขาจะมีความรักสักกี่ครั้ง คนรักของเขาต่างก็หันหลังให้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตารังเกียจ จากสิ่งที่ภัทรดนัยยัดเยียดให้เขาเป็น หลายครั้งที่เขาอยากทำร้ายภัทรดนัย ให้สมกับความเจ็บปวดที่เขาเจอ แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของแม่ครูที่ขอไว้ ใจเขาก็อ่อนลง คงต้องทำเหมือนกับทุกครั้ง ข่มกลั้นความเจ็บปวด คนอย่างเขาคงไม่ได้เกิดมาเป็นคู่ของใคร ครืด ครืด มือถือเครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้น ภาสันต์หันไปมอง เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็กดตัดสายทิ้ง ปิดเครื่องแล้วโยนมันไปให้พ้นสายตา เพราะตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ‘บริการฝากหมายเลขโทรกลับ’ ปนันชิตาใจเสีย เมื่อได้ยินเสียงข้อความอัติโนมัติ ที่ตอบกลับมาตามสาย ภาสันต์ปิดมือถือ แล้วเธอจะติดต่อเขาได้ยังไง “ตกลงจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” คนขับรถหันมาถาม เมื่อเธอสั่งให้เขาขับมาเรื่อย ๆ เพราะคิดว่า
ปนันชิตาปาดน้ำตาออกจากหน้า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มีทั้งความเสียใจ น้อยใจ ผสมปนเปกันไปหมด เสียใจที่ถูกภัทรดนัยหลอก และน้อยใจที่ภาสันต์ไม่ให้เงินตามที่ตกลงกันไว้ เธอยอมเขาสารพัดเพื่อแลกกับเงินไม่กี่แสน เขาก็รู้ว่าเธอกำลังเดือดร้อน ยังจะแกล้งเธออีก กลั้นสะอื้นแล้วกลืนน้ำตาลงคอ เธอต้องมีสติให้มากที่สุด อย่าเสียใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เมื่อกลับไปแก้ไขไม่ได้ก็ควรเดินหน้าต่อไป พ่อกำลังรอเธออยู่ เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาป้าพร้อม วันนี้เธอคงไม่กลับไปบ้านคุณย่า เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และหาเงินให้ครบตามจำนวนที่พ่อขอ “ป้าพร้อมคะ ช่วยแจ้งคุณย่าให้ด้วยว่าคืนนี้ปั้นนอนบ้านคุณพ่อค่ะ” ฝากป้าพร้อมให้รายงานคุณน้อมจิต แล้วคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะต่อสายหาเพื่อน ๆ เพื่อขอยืมเงิน เธอมีเพื่อนไม่มาก โอกาสได้ครบมีน้อย และที่สำคัญเธอจะหาเงินจากไหนไปคืนเพื่อน เพราะไม่มีงานประจำทำ เงินเดือนที่ได้จากคุณน้อมจิตก็น้อยนิด ถ้าเทียบกับเงินก้อนโตที่ต้องหา หวังจากค่าสินสอดก็ไม่ได้แล้ว เพราะเธอคงไม่ได้แต่งงานกับภัทรดนัย เมื่อคิดถึงภัทรดนัยน้ำตาก็ไหลออกมาอีก ถึงแม้จะมีอะไรกั
“จะไปไหนครับ” ภัทรดนัยตรงเข้ามาขวาง เมื่อภาสันต์จะตามปนันชิตาออกไป “ถอยไป ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก” ถ้าไม่ติดว่าภัทรดนัยเป็นน้อง เขาคงฆ่ามันไปแล้ว “ผมพูดอะไรผิด เรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ปนันชิตาต้องมีลูกให้ผม ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณย่าอยากได้หลาน คุณใหญ่รับข้อเสนอของผม แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะครับ” “ฉันรับข้อเสนอของแกก็จริง แต่ฉันรับแค่ข้าวปั้น ส่วนแกฉันไม่ต้องการ ถอยไป แล้วอย่ามายุ่งกับเมียฉันอีก ถ้าแกไม่ใช่น้องฉัน แกตายไปแล้วเล็ก!” พูดจบภาสันต์ก็ผลักลงที่อกของภัทรดนัยจนเสียหลักล้ม แต่ภัทรดนัยยังไม่ยอมแพ้ ถึงจะล้มลงไม่เป็นท่า แต่ก็ยังคลานมาขวางทาง ใช้สองแขนกอดขาภาสันต์เอาไว้ “คุณใหญ่ใจร้าย คุณใหญ่ลืมสัญญาของเราแล้วเหรอครับ ไหนคุณใหญ่เคยบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดไป จะไม่มีวันทิ้งผม แล้วคุณใหญ่ทิ้งผมทำไม” ภัทรดนัยแนบหน้าลงกับต้นขาของภาสันต์ กอดขาเขาร้องไห้ พรั่งพรูคำสัญญาที่เคยให้กันไว้ออกมา จนตอนนี้ไม่เหลือความเป็นภัทรดนัยที่เคยหล่อเหลาและสง่างามอีกแล้ว “อย่าทิ้งผมไปนะ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณใหญ่” ภาสันต์มองคนที่กอดข
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมล้อเล่นน่ะ ผมจะทำแบบนั้นกับปนันชิตาได้ยังไง คุณใหญ่ก็รู้ว่าผมรักคุณใหญ่คนเดียว!” คำพูดของภัทรดนัยทำให้ปนันชิตาที่ทรุดลงไปกองกับพื้น สะดุ้งสุดตัวหญิงสาวยกมือปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวจะส่งเสียงออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน ภัทรดนัยกำลังพูดเรื่องอะไร “หยุดพูดบ้า ๆ ได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไป ฉันจะทำงาน” ภาสันต์ข่มความโกรธเอาไว้ เขารู้ว่าภัทรดนัยจงใจทำให้ปนันชิตาเข้าใจเขาผิด “ออกมาได้แล้วปั้น อยู่ที่นี่ก็ดี จะได้มาทำสัญญาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที” ภัทรดนัยเรียกคนที่อยู่ในห้อง แต่ปนันชิตายังนิ่งอยู่กับที่ “พูดเรื่องอะไรของนาย ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” “รู้อะไรไหมปนันชิตา!” ครั้งนี้ภัทรดนัยจงใจตะโกนให้หญิงสาวได้ยิน “เล็ก! หยุดพล่ามแล้วออกไป!” ภาสันต์โมโหที่ภัทรดนัยกำลังล้ำเส้นของเขา “ทำไมครับ ได้หน้าแล้วลืมหลังเหรอครับ” “ฉันบอกให้นายหยุด!” “ไหนคุณใหญ่บอกว่าที่นอนกับปนันชิตาก็เพราะลูก ผมมีลูกให้คุณใหญ่ไม่ได้ ทำไมครับ พอได้มันแล้วลืมที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอครับ” ปนันชิ







