Mag-log inภาสันต์มองคนที่ยกอาหารมาวางบนโต๊ะ เมื่อเห็นการแต่งตัวของเธอ ก็ยิ่งเอ็นดูมากขึ้นไปอีก เมื่อคืนเขาหนักมือไปหน่อยเลยทำให้คนตัวเล็กบอบช้ำไปทั้งตัว ขนาดใส่เสื้อปิดจนมิดคอก็ยังมีรอยแดงเล็ดลอดออกมาให้เห็น
“ซุปไก่ค่ะคุณย่า” ปนันชิตาวางถ้วยใบใสตรงหน้าประมุขของบ้าน ก่อนจะถอยหลังมานั่งประจำที่ของตัวเอง นึกโมโหภาสันต์ในใจ ที่จนป่านนี้เขายังไม่ถอนสายตาไปจากเธอ จะมองทำไมนักหนาแค่นี้เธอก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว
“ซุปไก่จ้ะตาใหญ่ ย่าให้ปั้นทำให้เมื่อเช้า” ตาคู่คมถอนสายตาออกจากดวงหน้าหวาน เมื่อคุณน้อมจิตเลื่อนถ้วยซุปมาตรงหน้า
“ขอบคุณครับ” รับถ้วยซุปจากคุณน้อมจิต แล้วมองคนที่นั่งตรงข้ามอีกครั้ง เมื่อคืนเขาเสียพลังงานไปเยอะ ซุปถ้วยนี้มาถูกจังหวะจริง ๆ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ใช่คำสั่งของคุณย่า เธอจะทำให้เขาไหม
“อร่อย...” เอ่ยชมเมื่อตักซุปไก่เข้าปาก
“ขอบคุณค่ะ” ปนันชิตาเอ่ยขอบคุณแล้วต้องรีบหลบตา แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำว่าอร่อยของเขา
การกระทำของหนุ่มสาวอยู่ในสายตาของน้อมจิตและป้าพร้อมตลอดเวลา ป้าพร้อมรู้สึกกังวลใจ ในขณะที่น้อมจิตบีบมือตัวเองเพื่อระงับความโกรธ มีหรือที่นางจะดูไม่ออก สองคนนี้มีบางอย่างต่อกัน ตั้งแต่นั่งร่วมโต๊ะภาสันต์ก็มองแต่ปนันชิตา
“ไม่รอกันบ้างเลย” เสียงของคนมาใหม่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องต้องหันไปมอง ปนันชิตาตกใจเมื่อเห็นภัทรดัยเดินเข้ามาหา มือที่จับช้อนสั่นขึ้น เธอคิดว่าเขาไม่อยู่บ้าน เพราะเห็นเขาขับออกไปเมื่อคืน ความผิดที่เธอทำไว้มากมายเหลือเกิน และที่สำคัญเธอยังหาเหตุผลไปอธิบายกับเขาไม่ได้
“เช้านี้มีอะไรทานบ้างครับ” ภัทรดนัยเดินมาหาคู่หมั้นสาว ก้มลงมาถามแล้วหอมลงที่แก้มเนียนใสฟอดใหญ่ ปนันชิตาเบี่ยงหลบแต่ก็ช้าไปกว่าเขา
“ตายแล้วตาเล็ก ถ้าจะหวานกันขนาดนี้ เห็นทีต้องใช้ฤกษ์สะดวกเสียแล้ว ว่าไงตาใหญ่เห็นด้วยกับย่าหรือเปล่า” คำถามของน้อมจิตไม่ได้รับคำตอบ เพราะภาสันต์เอาแต่สนใจกับอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า
“คุณเล็กกลับมาตอนไหนคะ” ภัทรดนัยมองหน้าภาสันต์ ก่อนจะตอบคำถามของหญิงสาว
“ถึงบ้านตีสี่กว่า ๆ ครับ” หัวใจดวงน้อยร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อได้ยินคำตอบของเขา เพราะมันเป็นเวลาเดียวกับที่ภาสันต์ออกมาจากห้องนอนของเธอ
“พี่พร้อมตักข้าวให้ตาเล็กสิ นาน ๆ จะได้ทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้า ย่ามีความสุขจริง ๆ” คุณน้อมจิตพูดพร้อมกับสังเกตอาการของทุกคนไปด้วย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปหยุดที่ว่าที่หลานสะใภ้ วันนี้ปนันชิตาดูแปลกไป โดยเฉพาะการแต่งตัว
“ขอตัวนะครับ” ภาสันต์เอ่ยขอตัวเพราะไม่อยากเห็นภาพของคู่รักที่กำลังแสดงความรักต่อกัน ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็ต้องหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดิน เมื่อภัทรดนัยพูดบางอย่างออกมา
“หาช่างมาทำประตูหลังบ้านด้วยนะครับคุณย่า แมวข้างบ้านจะได้เข้ามาขโมยของกินไม่ได้”
เคล้ง!
ช้อนในมือของปนันชิตาร่วงลงพื้น เมื่อภัทรดนัยพูดจบประโยค ภาสันต์มองหน้าน้องชาย ก่อนจะเดินออกไป
“มีแมวเข้ามาด้วยเหรอ” น้อมจิตถาม
“ครับย่า แมวขโมยเสียด้วย เผลอเป็นไม่ได้ ยังไงฝากคุณย่าด้วยนะครับ ไม่ต้องกลัวนะปั้น ถ้ามันเข้ามาอีก พี่จะยิงมันทิ้ง”
“อะไรกันตาเล็ก ต้องทำรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ไล่ไปก็พอ”
“ไม่ได้ครับคุณย่า แมวพวกนี้ต้องฆ่าให้ตาย!” ภัทรดนัยเข่นเขี้ยวพูดประโยคนี้ออกมา
“โอ๊ย จะใจร้ายไปแล้ว รีบ ๆ กินเถอะเดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อย ย่าให้ปั้นทำซุปไก่ให้ตาใหญ่ เล็กจะเอาด้วยไหม”
“ไม่ครับ ผมไม่ได้ใช้แรง!” คำพูดของภัทรดนัย ทำให้ปนันชิตานั่งไม่ติด ข้าวต้มในถ้วยฝืดคอจนกลืนไม่ลง เธอไม่ใช่เด็ก ที่จะฟังไม่ออกว่าภัทรดนัยหมายถึงอะไร
“ปั้นขอตัวนะคะ”
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอ เพิ่งทานแค่นิดเดียวเอง”
“อิ่มแล้วค่ะ” พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ แต่ภัทรดนัยเรียกเอาไว้
“วันนี้ปั้นมีธุระหรือเปล่า พอดีพี่หยุดว่าจะพาไปดูของเตรียมงาน” คำถามของเขาทำให้ปนันชิตากลืนน้ำลายลงคอ เธอนัดกับภาสันต์ไว้ที่เขต ได้เงินจากเขาแล้วจะนำไปให้พ่อที่บ้าน
“จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอปั้น ให้ตาเล็กไปด้วยสิ จะได้ถือโอกาสบอกพ่อแม่ เรื่องงานแต่ง ตอนแรกย่าว่าจะไปบอกเอง ให้ตาเล็กไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ปรึกษาเรื่องงานกันด้วย ถ้าเล็กใจร้อนอยากเลื่อนเข้ามา ย่าก็ไม่ติดนะ” กำจัดปนันชิตาออกไปให้พ้นทางเร็ว ๆ ก็ยิ่งดีกับตัวนางเอง
“ปั้นมีนัดกับยายอรค่ะคุณเล็ก”
“อ่า...งั้นก็ดีเลยครับ พี่กำลังอยากเจอคุณอรอุมาอยู่พอดี คุณอรเปิดบริษัทโฆษณาใช่ไหม พี่มีโปรเจ็คงานจะให้เธอช่วยดู ดีจังจะได้ถือโอกาสคุยเรื่องงานไปด้วยเลย” ภัทรดนัยพูดด้วยท่าทางกระตือรือร้น จนปนันชิตาหมดทางเลี่ยง อะไรจะพอดีขนาดนั้น ภัทรดนัยทำเหมือนกำลังสงสัยและจับผิดเธอ
“ค่ะ...” รับปากเพราะหมดทางแก้ตัว คงต้องโทรไปบอกภาสันต์ให้เลื่อนออกไปก่อน แล้วเงินที่ตกลงกันไว้จะทำยังไง พ่อเธอกำลังเดือดร้อน รอเงินที่เธออยู่
มือแกร่งแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างใจเย็น ก่อนจะสลัดออกจากบ่า เผยให้เห็นหน้าอกแน่นหนันที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ภัทรดนัยเจ้าสำอางก็จริง แต่ไม่ใช่ประเภทรักสวยรักงานจนกระเดียดไปทางผู้หญิง แกะหัวเข็มขัดออกจากกันแล้วรูดกางเกงยีนส์สีเข้ม ออกจากท่อนขา แล้วตามด้วยกางเกงในผ้าเนื้อดี ร่างสูงคุกเข่าลงบนที่นอน ในสภาพเปลือยเปล่า ขยับสาวชักลำรักที่ตั้งผงาดพร้อมรบสองสามครั้ง หยิบซองสีเงินที่วางอยู่บนที่นอนขึ้นมา ใช้ฟันแหลมคมฉีกมันออก แล้วครอบลงบนลำรัก รูดสองสามครั้งเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่วางอยู่ใกล้ ๆ เทเจลที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ใส่มือ แล้วนำไปชะโลมลงบนก้นขาวเนียน ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปมา เน้นย้ำตรงช่องทางพิเศษ เพราะขนาดของมันเล็กมาก ถ้าเทียบกับเจ้ามังกรใหญ่ยักของเขา “อย่านะ ปล่อย ช่วยด้วย พี่สาช่วยจ๋าด้วย” ชินานางส่งเสียงร้อง ร่างบางพยายามดิ้นหนี เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเบาเหมือนเสียงกระซิบ เมื่อต้องเจอกับความโหดร้าย คนแรกที่เธอคิดถึงก็คือริสา ภัทรดนัยไม่สนใจเสียงร้องของคนบนเตียง มือแกร่งช้อนเข้าใต้สะโพก จั
ปนันชิตามาถึงคอนโดของภาสันต์ก็ดึกมากแล้ว ฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้การจราจรติดขัด จึงติดอยู่ในรถแท็กซี่หลายชั่วโมง เธอไม่มีบัตรผ่านเข้าคอนโด แต่เคยมาที่นี่จึงมีชื่ออยู่ในสมุดบันทึกเวลาเข้าออกของรปภ. กว่ารปภ.จะหาเจอ หญิงสาวก็ต้องโดนฝนสาดใส่จนเปียกปอน เธอไม่กล้าโทรถามป้าพร้อมว่าภาสันต์กลับบ้านหรือไม่ จึงคิดเอาเองว่าเขาอยู่ที่นี่ ได้แต่ภาวนาขอให้เจอเขา เพราะมีเรื่องคุยกับเขาหลายเรื่อง อยากขอบคุณเรื่องหนี้สินของพ่อ และที่สำคัญเธออยากถามว่า ที่เขาบอกว่ารัก มันคือเรื่องจริงหรือเปล่ากริ๊ง ๆ ๆ เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้ภาสันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตาคู่มองนาฬิกาที่ฝาผนัง แล้วถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงหน้าคนที่มารบกวนยามวิกาล เขาหลบมาอยู่ที่นี่ ภัทรดนัยยังจะตามรังควาญเขาอีกหรือ เขาไม่ดีเองที่บอกให้คนนอกรู้ที่อยู่ ภัทรดนัยเลยเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ทันทีที่ประตูเปิดออก ตาสองคู่ก็สบกัน ภาสันต์มองคนที่ยืนตัวเปียกอยู่หน้าห้อง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะคนที่มากลางดึกไม่ใช่ภัทรดนัยแต่เป็นปนันชิตา ปนันชิตามองหน้าเขา เมื่อเห็นความว่างเปล่าในดวงตาสีนิลคู่นั้น ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของเขาตอนน
หลังจากแยกกับปนันชิตา ภาสันต์ก็กลับมายังคอนโดที่เป็นห้องพักของเขา ร่างสูงยังยืนอยู่ที่เดิม ตาคู่คมเหม่อมองออกไปแสนไกล ท้องฟ้ายามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ไม่ได้สว่างไสว เพราะมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง มาบดบังแสงสว่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวที่อับแสงคำนี้คงเหมาะกับเขา ไม่ว่าเขาจะมีความรักสักกี่ครั้ง คนรักของเขาต่างก็หันหลังให้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตารังเกียจ จากสิ่งที่ภัทรดนัยยัดเยียดให้เขาเป็น หลายครั้งที่เขาอยากทำร้ายภัทรดนัย ให้สมกับความเจ็บปวดที่เขาเจอ แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของแม่ครูที่ขอไว้ ใจเขาก็อ่อนลง คงต้องทำเหมือนกับทุกครั้ง ข่มกลั้นความเจ็บปวด คนอย่างเขาคงไม่ได้เกิดมาเป็นคู่ของใคร ครืด ครืด มือถือเครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้น ภาสันต์หันไปมอง เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็กดตัดสายทิ้ง ปิดเครื่องแล้วโยนมันไปให้พ้นสายตา เพราะตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ‘บริการฝากหมายเลขโทรกลับ’ ปนันชิตาใจเสีย เมื่อได้ยินเสียงข้อความอัติโนมัติ ที่ตอบกลับมาตามสาย ภาสันต์ปิดมือถือ แล้วเธอจะติดต่อเขาได้ยังไง “ตกลงจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” คนขับรถหันมาถาม เมื่อเธอสั่งให้เขาขับมาเรื่อย ๆ เพราะคิดว่า
ปนันชิตาปาดน้ำตาออกจากหน้า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มีทั้งความเสียใจ น้อยใจ ผสมปนเปกันไปหมด เสียใจที่ถูกภัทรดนัยหลอก และน้อยใจที่ภาสันต์ไม่ให้เงินตามที่ตกลงกันไว้ เธอยอมเขาสารพัดเพื่อแลกกับเงินไม่กี่แสน เขาก็รู้ว่าเธอกำลังเดือดร้อน ยังจะแกล้งเธออีก กลั้นสะอื้นแล้วกลืนน้ำตาลงคอ เธอต้องมีสติให้มากที่สุด อย่าเสียใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เมื่อกลับไปแก้ไขไม่ได้ก็ควรเดินหน้าต่อไป พ่อกำลังรอเธออยู่ เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาป้าพร้อม วันนี้เธอคงไม่กลับไปบ้านคุณย่า เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และหาเงินให้ครบตามจำนวนที่พ่อขอ “ป้าพร้อมคะ ช่วยแจ้งคุณย่าให้ด้วยว่าคืนนี้ปั้นนอนบ้านคุณพ่อค่ะ” ฝากป้าพร้อมให้รายงานคุณน้อมจิต แล้วคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะต่อสายหาเพื่อน ๆ เพื่อขอยืมเงิน เธอมีเพื่อนไม่มาก โอกาสได้ครบมีน้อย และที่สำคัญเธอจะหาเงินจากไหนไปคืนเพื่อน เพราะไม่มีงานประจำทำ เงินเดือนที่ได้จากคุณน้อมจิตก็น้อยนิด ถ้าเทียบกับเงินก้อนโตที่ต้องหา หวังจากค่าสินสอดก็ไม่ได้แล้ว เพราะเธอคงไม่ได้แต่งงานกับภัทรดนัย เมื่อคิดถึงภัทรดนัยน้ำตาก็ไหลออกมาอีก ถึงแม้จะมีอะไรกั
“จะไปไหนครับ” ภัทรดนัยตรงเข้ามาขวาง เมื่อภาสันต์จะตามปนันชิตาออกไป “ถอยไป ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก” ถ้าไม่ติดว่าภัทรดนัยเป็นน้อง เขาคงฆ่ามันไปแล้ว “ผมพูดอะไรผิด เรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ปนันชิตาต้องมีลูกให้ผม ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณย่าอยากได้หลาน คุณใหญ่รับข้อเสนอของผม แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะครับ” “ฉันรับข้อเสนอของแกก็จริง แต่ฉันรับแค่ข้าวปั้น ส่วนแกฉันไม่ต้องการ ถอยไป แล้วอย่ามายุ่งกับเมียฉันอีก ถ้าแกไม่ใช่น้องฉัน แกตายไปแล้วเล็ก!” พูดจบภาสันต์ก็ผลักลงที่อกของภัทรดนัยจนเสียหลักล้ม แต่ภัทรดนัยยังไม่ยอมแพ้ ถึงจะล้มลงไม่เป็นท่า แต่ก็ยังคลานมาขวางทาง ใช้สองแขนกอดขาภาสันต์เอาไว้ “คุณใหญ่ใจร้าย คุณใหญ่ลืมสัญญาของเราแล้วเหรอครับ ไหนคุณใหญ่เคยบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดไป จะไม่มีวันทิ้งผม แล้วคุณใหญ่ทิ้งผมทำไม” ภัทรดนัยแนบหน้าลงกับต้นขาของภาสันต์ กอดขาเขาร้องไห้ พรั่งพรูคำสัญญาที่เคยให้กันไว้ออกมา จนตอนนี้ไม่เหลือความเป็นภัทรดนัยที่เคยหล่อเหลาและสง่างามอีกแล้ว “อย่าทิ้งผมไปนะ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณใหญ่” ภาสันต์มองคนที่กอดข
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมล้อเล่นน่ะ ผมจะทำแบบนั้นกับปนันชิตาได้ยังไง คุณใหญ่ก็รู้ว่าผมรักคุณใหญ่คนเดียว!” คำพูดของภัทรดนัยทำให้ปนันชิตาที่ทรุดลงไปกองกับพื้น สะดุ้งสุดตัวหญิงสาวยกมือปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวจะส่งเสียงออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน ภัทรดนัยกำลังพูดเรื่องอะไร “หยุดพูดบ้า ๆ ได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไป ฉันจะทำงาน” ภาสันต์ข่มความโกรธเอาไว้ เขารู้ว่าภัทรดนัยจงใจทำให้ปนันชิตาเข้าใจเขาผิด “ออกมาได้แล้วปั้น อยู่ที่นี่ก็ดี จะได้มาทำสัญญาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที” ภัทรดนัยเรียกคนที่อยู่ในห้อง แต่ปนันชิตายังนิ่งอยู่กับที่ “พูดเรื่องอะไรของนาย ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” “รู้อะไรไหมปนันชิตา!” ครั้งนี้ภัทรดนัยจงใจตะโกนให้หญิงสาวได้ยิน “เล็ก! หยุดพล่ามแล้วออกไป!” ภาสันต์โมโหที่ภัทรดนัยกำลังล้ำเส้นของเขา “ทำไมครับ ได้หน้าแล้วลืมหลังเหรอครับ” “ฉันบอกให้นายหยุด!” “ไหนคุณใหญ่บอกว่าที่นอนกับปนันชิตาก็เพราะลูก ผมมีลูกให้คุณใหญ่ไม่ได้ ทำไมครับ พอได้มันแล้วลืมที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอครับ” ปนันชิ







