Mag-log inปลายเล็บแหลมคมเคลือบด้วยสีแดงสด กรีดไล้ลงบนชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด ก่อนจะหยิบมาทาบตัวแล้วหมุนไปมา ตามทำนองของเพลงโปรด ที่เปิดขับกล่อมยามนิทรา ผู้หญิงทุกคนฝันถึงวันแต่งงานของตัวเอง กับผู้ชายที่ตัวเองรัก น้อมจิตก็เช่นกัน ชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด ที่เธอกอดแล้วพาหมุนวนไปตามทำนองเพลงชุดนี้ เธอสั่งตัดตั้งแต่ตอนที่มีความรักครั้งแรก และวาดหวังเอาไว้ว่าเธอจะใส่มันเข้าพิธีแต่งงานกับเขา เมื่อคิดถึงคนที่เธอรัก เท้าที่ร่ายรำไปตามทำนองเพลงก็หยุดชะงัก กี่ปีแล้วที่เธอรอเขา รอว่าวันหนึ่งเขาจะรักเธอเหมือนอย่างที่เธอรักเขา วิวัฒนาการทางการแพทย์ช่วยทำให้เธอรักษาความสวยงามเอาไว้ได้ก็จริง แต่สภาพร่างกายต้องทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
“พี่พร้อมว่าฉันยังใส่ชุดนี้ได้ไหม” ถามคนสนิทที่นั่งดูเธอร่ายรำไปตามทำนองเพลง
“คุณน้อมยังสาวและสวยเหมือนเดิมค่ะ”
“จริงหรือพี่ ฉันย่างเข้าห้าสิบแล้วนะ”
“คุณน้อมยังเด็กอยู่เลยค่ะ ดูไม่ออกเลยว่าอายุห้าสิบแล้ว” เพราะไม่อยากทำให้เจ้านายโกรธ ป้าพร้อมจึงพูดเพื่อเอาใจ
“พี่พร้อมก็พูดไปเรื่อย พี่ว่าตาใหญ่จะชอบชุดนี้หรือเปล่า” ใบหน้าที่ยิ้มอยู่แล้ว ยิ้มมากขึ้นไปอีกเมื่อเอ่ยถึงภาสันต์
“คุณน้อมสวยขนาดนี้ ถ้าคุณใหญ่เห็นเข้า ต้องรักต้องหลงคุณน้อมแน่นอนค่ะ”
“พี่พร้อมไม่ต้องพูดให้ฉันรู้สึกดีหรอก ฉันรู้ว่าตาใหญ่ไม่เคยรักฉัน”
“ที่เป็นแบบนั้นเพราะฐานะที่เป็นค่ะ คุณน้อมมีศักดิ์เป็นย่า คุณใหญ่คงไม่กล้าคิดเกินเลย”
“ทำเหมือนฉันไม่รู้ ตาใหญ่รักปนันชิตา”
“คุณปั้นกำลังจะแต่งงานกับคุณเล็ก คุณน้อมอย่ากังวลไปเลย นอนได้แล้วค่ะ นอนดึกเดี๋ยวไม่สวยนะคะ”
“จริงด้วย ตาใหญ่เข้านอนแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ...คุณใหญ่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว พักนี้งานเธอยุ่ง คงเพลียน่ะค่ะ” ป้าพร้อมพูดโกหกเพราะไม่อยากทำให้น้อมจิตไม่สบายใจ โรคที่น้อมจิตเป็นอยู่จะกำเริบถ้ามีคนขัดใจ
“พรุ่งนี้บอกให้ปั้นทำซุปไก่ให้ตาใหญ่ด้วยนะ น้อมเป็นห่วงตาใหญ่”
“ค่ะ พร้อมจะบอกให้นะคะ” พูดจบป้าพร้อมก็เดินมาหยิบชุดเจ้าสาวออกจากอ้อมแขนของน้อมจิต แล้วนำไปแขวนไว้ในตู้ตามเดิม โรคที่น้อมจิตเป็นอยู่ อาจจะน่ากลัว แต่สำหรับนางแล้วมีแต่ความสงสาร น้อมจิตเข้ามาอยู่กับคุณท่านตั้งแต่เด็ก มารู้จักกับคำว่ารักก็ตอนที่พบกับภาสันต์ ยิ่งภาสันต์โตขึ้นนางก็รักมากขึ้น
“น้อมอยากไปหาตาใหญ่”
“พรุ่งนี้นะคะ คุณใหญ่เข้านอนแล้วค่ะ” ป้าพร้อมบอกพร้อมกับประคองน้อมจิตขึ้นเตียงนอน ถ้าน้อมจิตรู้ว่าคนที่นางกำลังคิดถึง เดินลัดเลาะไปทางหลังบ้านแล้วหายเข้าไปในเรือนหลังเล็ก จนป่านนี้ยังไม่ออกมา น้อมจิตคงอาละวาดจนบ้านแตก
เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านไม่เคยพ้นสายตาของนาง แต่จะพูดหรือไม่ก็แล้วแต่เหตุการณ์ น้อมจิตพยายามเข้าหาภาสันต์มาตั้งแต่เด็ก เป็นนางอีกเช่นกันที่ช่วยให้ภาสันต์รอดพ้น น้อมจิตมีปัญหาทางจิต นางไม่อยากให้ภาสันต์หรือใคร ๆ ต้องมีตราบาปติดตัว
“ฝันดีนะคะ”
“น้อมจะฝันถึงตาใหญ่” พูดจบน้อมจิตก็กอดผ้าห่มที่ป้าพร้อมห่มให้แนบกาย จินตนาการว่าผ้าผืนนี้ คือร่างกายของภาสันต์ ป้าพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินไปนอนที่โซฟาหน้าเตียงนอน คืนนี้คงต้องนอนที่นี่ เกิดน้อมจิตตื่นขึ้นมาแล้วอยากไปหาภาสันต์นางจะได้ห้ามทัน
ภาสันต์กอดคนในอ้อมแขน เมื่ออิ่มเอมกับบทรักที่เพิ่งจบลง ปนันชิตาหัวไวเรียนรู้ได้เร็ว เขาสอนแค่ไม่กี่ครั้งเธอก็ทำตามได้อย่างคล่องแคล่ว นึกแล้วก็ขำตั้งใจจะเป็นคนคุมเกมแท้ ๆ แต่พอมาเจอกับความสดใหม่ ก็แพ้อย่างไม่เป็นท่า พรุ่งนี้เขาจะพาเธอไปจดทะเบียนสมรส เงินที่เธอเรียกร้อง ไม่ได้มากเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาได้จากเธอ เอาตัวเธอมาเป็นของเขาก่อน หัวใจเอาไว้ทีหลัง เธอคงไม่เกลียดกันยันวันตาย
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงข้อความ ที่ดังมาจากมือถือบนหัวเตียง ทำให้ภาสันต์ย่นคิ้ว ใครส่งข้อความมาหาเธอเวลานี้ ไวเท่าความคิดมือหนากดเข้าไปอ่าน เพราะเธอไม่ได้ตั้งรหัสล็อกเครื่องเอาไว้
พ่อ : พรุ่งนี้เช้าโอนตังค์ให้พ่อด้วย พ่อต้องใช้ด่วน
“หึ...ไม่พ้นการพนัน” พูดกับตัวเอง เมื่อเลื่อนอ่านข้อความ ที่คุณอรุณส่งหาลูกสาว ทุกข้อความต้องมีคำว่าตังค์ปนอยู่ในนั้น เขาไม่เคยมีพ่อ เลยไม่รู้ว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกซาบซึ้งแค่ไหน ข้อความที่คุณอรุณส่งมา ก็ไม่ทำให้ซาบซึ้งเลยสักนิด เพราะทุกประโยคจะมีแต่คำว่าเดือดร้อน และจบที่การขอเงิน
“ขายลูกกิน!” คำรามในลำคอแล้ววางมือถือลงที่เดิม พ่อของเธอเป็นหนี้มากมายเพราะติดการพนัน ส่วนแม่ก็จมไม่ลง ที่ปนันชิตาเรียกร้องเงินจากเขา เพราะอยากทำให้คนพวกนั้นมีความสุข เห็นทีเขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ เมียเขาคงไม่มีความสุข
มือแกร่งแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างใจเย็น ก่อนจะสลัดออกจากบ่า เผยให้เห็นหน้าอกแน่นหนันที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ภัทรดนัยเจ้าสำอางก็จริง แต่ไม่ใช่ประเภทรักสวยรักงานจนกระเดียดไปทางผู้หญิง แกะหัวเข็มขัดออกจากกันแล้วรูดกางเกงยีนส์สีเข้ม ออกจากท่อนขา แล้วตามด้วยกางเกงในผ้าเนื้อดี ร่างสูงคุกเข่าลงบนที่นอน ในสภาพเปลือยเปล่า ขยับสาวชักลำรักที่ตั้งผงาดพร้อมรบสองสามครั้ง หยิบซองสีเงินที่วางอยู่บนที่นอนขึ้นมา ใช้ฟันแหลมคมฉีกมันออก แล้วครอบลงบนลำรัก รูดสองสามครั้งเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่วางอยู่ใกล้ ๆ เทเจลที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ใส่มือ แล้วนำไปชะโลมลงบนก้นขาวเนียน ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปมา เน้นย้ำตรงช่องทางพิเศษ เพราะขนาดของมันเล็กมาก ถ้าเทียบกับเจ้ามังกรใหญ่ยักของเขา “อย่านะ ปล่อย ช่วยด้วย พี่สาช่วยจ๋าด้วย” ชินานางส่งเสียงร้อง ร่างบางพยายามดิ้นหนี เมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเบาเหมือนเสียงกระซิบ เมื่อต้องเจอกับความโหดร้าย คนแรกที่เธอคิดถึงก็คือริสา ภัทรดนัยไม่สนใจเสียงร้องของคนบนเตียง มือแกร่งช้อนเข้าใต้สะโพก จั
ปนันชิตามาถึงคอนโดของภาสันต์ก็ดึกมากแล้ว ฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้การจราจรติดขัด จึงติดอยู่ในรถแท็กซี่หลายชั่วโมง เธอไม่มีบัตรผ่านเข้าคอนโด แต่เคยมาที่นี่จึงมีชื่ออยู่ในสมุดบันทึกเวลาเข้าออกของรปภ. กว่ารปภ.จะหาเจอ หญิงสาวก็ต้องโดนฝนสาดใส่จนเปียกปอน เธอไม่กล้าโทรถามป้าพร้อมว่าภาสันต์กลับบ้านหรือไม่ จึงคิดเอาเองว่าเขาอยู่ที่นี่ ได้แต่ภาวนาขอให้เจอเขา เพราะมีเรื่องคุยกับเขาหลายเรื่อง อยากขอบคุณเรื่องหนี้สินของพ่อ และที่สำคัญเธออยากถามว่า ที่เขาบอกว่ารัก มันคือเรื่องจริงหรือเปล่ากริ๊ง ๆ ๆ เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้ภาสันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ตาคู่มองนาฬิกาที่ฝาผนัง แล้วถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงหน้าคนที่มารบกวนยามวิกาล เขาหลบมาอยู่ที่นี่ ภัทรดนัยยังจะตามรังควาญเขาอีกหรือ เขาไม่ดีเองที่บอกให้คนนอกรู้ที่อยู่ ภัทรดนัยเลยเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ทันทีที่ประตูเปิดออก ตาสองคู่ก็สบกัน ภาสันต์มองคนที่ยืนตัวเปียกอยู่หน้าห้อง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะคนที่มากลางดึกไม่ใช่ภัทรดนัยแต่เป็นปนันชิตา ปนันชิตามองหน้าเขา เมื่อเห็นความว่างเปล่าในดวงตาสีนิลคู่นั้น ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของเขาตอนน
หลังจากแยกกับปนันชิตา ภาสันต์ก็กลับมายังคอนโดที่เป็นห้องพักของเขา ร่างสูงยังยืนอยู่ที่เดิม ตาคู่คมเหม่อมองออกไปแสนไกล ท้องฟ้ายามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ไม่ได้สว่างไสว เพราะมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง มาบดบังแสงสว่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวที่อับแสงคำนี้คงเหมาะกับเขา ไม่ว่าเขาจะมีความรักสักกี่ครั้ง คนรักของเขาต่างก็หันหลังให้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตารังเกียจ จากสิ่งที่ภัทรดนัยยัดเยียดให้เขาเป็น หลายครั้งที่เขาอยากทำร้ายภัทรดนัย ให้สมกับความเจ็บปวดที่เขาเจอ แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของแม่ครูที่ขอไว้ ใจเขาก็อ่อนลง คงต้องทำเหมือนกับทุกครั้ง ข่มกลั้นความเจ็บปวด คนอย่างเขาคงไม่ได้เกิดมาเป็นคู่ของใคร ครืด ครืด มือถือเครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้น ภาสันต์หันไปมอง เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็กดตัดสายทิ้ง ปิดเครื่องแล้วโยนมันไปให้พ้นสายตา เพราะตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ‘บริการฝากหมายเลขโทรกลับ’ ปนันชิตาใจเสีย เมื่อได้ยินเสียงข้อความอัติโนมัติ ที่ตอบกลับมาตามสาย ภาสันต์ปิดมือถือ แล้วเธอจะติดต่อเขาได้ยังไง “ตกลงจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” คนขับรถหันมาถาม เมื่อเธอสั่งให้เขาขับมาเรื่อย ๆ เพราะคิดว่า
ปนันชิตาปาดน้ำตาออกจากหน้า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มีทั้งความเสียใจ น้อยใจ ผสมปนเปกันไปหมด เสียใจที่ถูกภัทรดนัยหลอก และน้อยใจที่ภาสันต์ไม่ให้เงินตามที่ตกลงกันไว้ เธอยอมเขาสารพัดเพื่อแลกกับเงินไม่กี่แสน เขาก็รู้ว่าเธอกำลังเดือดร้อน ยังจะแกล้งเธออีก กลั้นสะอื้นแล้วกลืนน้ำตาลงคอ เธอต้องมีสติให้มากที่สุด อย่าเสียใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เมื่อกลับไปแก้ไขไม่ได้ก็ควรเดินหน้าต่อไป พ่อกำลังรอเธออยู่ เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาป้าพร้อม วันนี้เธอคงไม่กลับไปบ้านคุณย่า เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และหาเงินให้ครบตามจำนวนที่พ่อขอ “ป้าพร้อมคะ ช่วยแจ้งคุณย่าให้ด้วยว่าคืนนี้ปั้นนอนบ้านคุณพ่อค่ะ” ฝากป้าพร้อมให้รายงานคุณน้อมจิต แล้วคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะต่อสายหาเพื่อน ๆ เพื่อขอยืมเงิน เธอมีเพื่อนไม่มาก โอกาสได้ครบมีน้อย และที่สำคัญเธอจะหาเงินจากไหนไปคืนเพื่อน เพราะไม่มีงานประจำทำ เงินเดือนที่ได้จากคุณน้อมจิตก็น้อยนิด ถ้าเทียบกับเงินก้อนโตที่ต้องหา หวังจากค่าสินสอดก็ไม่ได้แล้ว เพราะเธอคงไม่ได้แต่งงานกับภัทรดนัย เมื่อคิดถึงภัทรดนัยน้ำตาก็ไหลออกมาอีก ถึงแม้จะมีอะไรกั
“จะไปไหนครับ” ภัทรดนัยตรงเข้ามาขวาง เมื่อภาสันต์จะตามปนันชิตาออกไป “ถอยไป ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก” ถ้าไม่ติดว่าภัทรดนัยเป็นน้อง เขาคงฆ่ามันไปแล้ว “ผมพูดอะไรผิด เรื่องมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ปนันชิตาต้องมีลูกให้ผม ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณย่าอยากได้หลาน คุณใหญ่รับข้อเสนอของผม แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะครับ” “ฉันรับข้อเสนอของแกก็จริง แต่ฉันรับแค่ข้าวปั้น ส่วนแกฉันไม่ต้องการ ถอยไป แล้วอย่ามายุ่งกับเมียฉันอีก ถ้าแกไม่ใช่น้องฉัน แกตายไปแล้วเล็ก!” พูดจบภาสันต์ก็ผลักลงที่อกของภัทรดนัยจนเสียหลักล้ม แต่ภัทรดนัยยังไม่ยอมแพ้ ถึงจะล้มลงไม่เป็นท่า แต่ก็ยังคลานมาขวางทาง ใช้สองแขนกอดขาภาสันต์เอาไว้ “คุณใหญ่ใจร้าย คุณใหญ่ลืมสัญญาของเราแล้วเหรอครับ ไหนคุณใหญ่เคยบอกว่าจะอยู่กับผมตลอดไป จะไม่มีวันทิ้งผม แล้วคุณใหญ่ทิ้งผมทำไม” ภัทรดนัยแนบหน้าลงกับต้นขาของภาสันต์ กอดขาเขาร้องไห้ พรั่งพรูคำสัญญาที่เคยให้กันไว้ออกมา จนตอนนี้ไม่เหลือความเป็นภัทรดนัยที่เคยหล่อเหลาและสง่างามอีกแล้ว “อย่าทิ้งผมไปนะ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณใหญ่” ภาสันต์มองคนที่กอดข
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมล้อเล่นน่ะ ผมจะทำแบบนั้นกับปนันชิตาได้ยังไง คุณใหญ่ก็รู้ว่าผมรักคุณใหญ่คนเดียว!” คำพูดของภัทรดนัยทำให้ปนันชิตาที่ทรุดลงไปกองกับพื้น สะดุ้งสุดตัวหญิงสาวยกมือปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวจะส่งเสียงออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน ภัทรดนัยกำลังพูดเรื่องอะไร “หยุดพูดบ้า ๆ ได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไป ฉันจะทำงาน” ภาสันต์ข่มความโกรธเอาไว้ เขารู้ว่าภัทรดนัยจงใจทำให้ปนันชิตาเข้าใจเขาผิด “ออกมาได้แล้วปั้น อยู่ที่นี่ก็ดี จะได้มาทำสัญญาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที” ภัทรดนัยเรียกคนที่อยู่ในห้อง แต่ปนันชิตายังนิ่งอยู่กับที่ “พูดเรื่องอะไรของนาย ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” “รู้อะไรไหมปนันชิตา!” ครั้งนี้ภัทรดนัยจงใจตะโกนให้หญิงสาวได้ยิน “เล็ก! หยุดพล่ามแล้วออกไป!” ภาสันต์โมโหที่ภัทรดนัยกำลังล้ำเส้นของเขา “ทำไมครับ ได้หน้าแล้วลืมหลังเหรอครับ” “ฉันบอกให้นายหยุด!” “ไหนคุณใหญ่บอกว่าที่นอนกับปนันชิตาก็เพราะลูก ผมมีลูกให้คุณใหญ่ไม่ได้ ทำไมครับ พอได้มันแล้วลืมที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอครับ” ปนันชิ






![นางบำเรอ [5P]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
