Masukทินกรหัวเสียหนักที่จนป่านนี้ยังติดต่อชลาลัยไม่ได้ เธอหายไปสามวันแล้ว วันนี้ถึงกำหนดที่เขาต้องนำเงินไปใช้หนี้ในบ่อน จนป่านนี้ชลาลัยยังไม่รับโทรศัพท์ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน แล้วเขาจะไปเอาเงินจากไหน สาว ๆ ที่เขาคบแต่ละคนก็มีแต่พวกสวยแต่รูป เวลาเดือดร้อนไม่มีใครช่วยเขาได้สักคน ชลาลัยเป็นตัวเงินตัวทองของเขา หลายครั้งที่เธอขอเลิก เพราะจับได้ว่าเขามีผู้หญิงอื่น แต่เขาก็ง้อและขอคืนดี จนเธอยอมใจอ่อนและตกลงแต่งงานกับเขา ชลาลัยเป็นคนสวย รวย และเก่งมาก แต่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็สู้เขาไม่ได้ เธอมีจุดอ่อนคือความรัก เขาจะทำให้เธอรักเขา อยู่กับชลาลัยมีแต่ได้กับได้ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะได้เป็นเจ้าของบริษัท สมบัติของเธอจะไปไหนเสีย แต่งงานกันแล้วมันก็ต้องเป็นของเขา
“อยู่ไหนนะน้ำ วันนี้ถ้าไม่ได้เงินผมตายแน่” ทินกรมั่นใจว่าไม่ได้ทำให้เธอโกรธ แล้วมีเหตุผลอะไรเธอถึงไม่รับโทรศัพท์เขา
ธาดามองมือถือที่ดังขึ้นรัว ๆ มือถือเครื่องนี้อยู่ในกระเป๋าถือของชลาลัย เธอทำตกไว้ในวันที่เขาลงมือกับเธอ ตาคมเข้มอ่านชื่อคนโทรเข้ามา กำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร นอกจากโทรแล้วทินกรยังส่งข้อความมาอีก ถึงแม้จะปลดล็อกเครื่องไม่ได้ แต่ก็รู้ได้ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันขอเงินเธอ เมื่อตอนที่มันเป็นแฟนกับฟ้าริน มันก็คงทำแบบนี้กับน้องสาวเขา
“คุณดินคะ มีเอกสารจากสหกรณ์ค่ะ” เสียงของกันตาปลุกชายหนุ่มให้ออกจากภวังค์ความคิด มือหนาปัดมือถือออกไปอีกทาง อีกไม่นานแบตเตอรี่คงหมด เสียงของมันจะได้ไม่รบกวนสมาธิของเขา
“วางไว้ตรงนั้นครับ” ธาดาบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ คิ้วหนาเลิกขึ้น เมื่อกันตายังไม่ออกไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณแม่โทรมาค่ะ ท่านชวนให้ไปทานข้าวที่บ้าน ท่านบอกให้ชวนคุณไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณดินสะดวกไหมคะ” กันตาบอกพร้อมกับรอคอยคำตอบ แม่เธอไม่ได้โทรมา แต่เป็นเธอเองที่อยากชวนเขาไป
“ได้ครับ” ธาดารับปาก ส่งผลให้กันตายิ้มจนแก้มปริ ไปบ้านครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า พ่อคงถามเรื่องแต่งงาน คราวนี้ธาดาคงไม่มีข้ออ้าง เพราะที่ผ่านมาเขาอ้างนี่อ้างนั่นกับพ่อเธอมานานแล้ว
บัวผันเห็นพ่อเลี้ยงธาดาออกไปกับกันตา จึงนำของที่เตรียมไว้มาที่บ้านรักน้ำ เสกไม่ยอมเปิดประตูให้เพราะไม่อยากขัดคำสั่ง แต่เมื่อถูกบัวผันขู่จึงยอมเปิดให้แต่โดยดี
ชลาลัยมองคนที่เดินเข้ามา เธอจำได้ว่าเธอคนนี้คือแม่บ้านที่พาเธอมาที่บ้านหลังนี้
“ป้าชื่อบัวผันนะคะ เป็นแม่บ้านที่นี่” บัวผันแนะนำตัว ชลาลัยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม บัวผันมองด้วยความเอ็นดู หน้าตาสะสวยมารยาทงดงาม ไม่รู้ว่าทำอะไรให้ คุณดินถึงได้โกรธขนาดนี้
“ป้าเอาเสื้อผ้ามาให้ค่ะ” บอกพร้อมกับมองเธอด้วยความสงสาร ที่จนป่านนี้ยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อเชิ้ตที่เธอใส่กระดุมขาดไปหลายเม็ด น่าจะเป็นฝีมือเจ้านายของนาง
“ป้าไม่กลัวพ่อเลี้ยงเหรอคะ” ถามเพราะรู้ว่าบัวผันกำลังขัดคำสั่งเจ้านาย
“คุณดินเป็นคนใจดีค่ะ เธอไม่เอาเรื่องป้าหรอก” บัวผันบอกพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงหน้าเจ้านายตัวเอง ธาดาเป็นคนมีเหตุผล เสื้อผ้าแค่นี้คงไม่เอาเรื่องนาง
“ใจดีเหรอคะ” ชลาลัยอยากจะหัวเราะให้กับพูดคนสูงวัย ใจดีอะไรกัน เขาทำร้ายเธอด้วยวิธีป่าเถื่อน และแผนการของเขาก็ทุเรศที่สุด
“ป้าคะ ป้ารู้ไหมคะว่าฟ้ารินอยู่ไหน” คำถามของชลาลัย ทำให้มือที่กำลังหยิบถุงของกินที่เอามาด้วยสั่นขึ้น บัวผันมองหน้าหญิงสาวน้ำตาเอ่อล้นดวงตา เมื่อได้ยินชื่อคุณหนูของนาง
“คุณรู้จักคุณฟ้าด้วยเหรอคะ” คำถามของบัวผันทำให้ชลาลัยรู้ว่า บัวผันไม่รู้เรื่องที่ธาดากำลังทำกับเธอ
“รู้จักค่ะ” ตอบไปตามตรง เธอรู้จักฟ้าริน เพราะฟ้ารินเป็นเด็กฝึกงานในบริษัท และฟ้ารินก็เป็นคนที่แย่งคนรักไปจากเธอ
“คุณฟ้าเสียแล้วค่ะ เธอเสียพร้อมลูกในท้อง”
“อะไรนะคะ...” คำพูดของบัวผันทำให้ชลาลัยรู้ว่า ธาดาไม่ได้โกหก แต่มันไม่เกี่ยวกับเธอเลยสักนิด เธอไม่ได้ทำร้ายฟ้าริน
“ป้าพูดมากเกินไปแล้ว คุณเก็บนี่ไว้กินนะคะ มีขนมและอาหารแห้ง ป้าไม่รู้ว่าคุณดินโกรธคุณเรื่องอะไร อดทนนะคะ คุณดินไม่ใช่คนใจร้าย เดี๋ยวคงปล่อยคุณไป”
‘ปล่อยแน่แต่ต้องหลังจากที่เธอท้อง’ ประโยคนี้ชลาลัยไม่ได้พูดออกไป เพราะไม่มีประโยชน์ คืนพรุ่งนี้เธอจะไปจากที่นี่ เสื้อผ้าและอาหารพวกนี้ คงใช้มันแค่ครั้งเดียว
“ขอบคุณมากนะคะ” ขอบคุณคนแก่ แล้วรับของมาถือเอาไว้ อย่างน้อยป้าบัวผันก็ใจดีกับเธอ
“คืนนี้คุณดินไปบ้านคุณกันตา อาบน้ำกินขนมที่ป้าเอามาให้นะคะ คุณดินคงไม่มากวนคุณ” คำบอกเล่าของบัวผัน ทำให้ชลาลัยดีใจที่สุด
“ฉันชื่อชลาลัย ชื่อเล่นน้ำ ป้าเรียกฉันว่าน้ำนะคะ ขอบคุณนะคะที่ป้าเมตตาฉัน ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของป้าเลยค่ะ”
“คุณน้ำ อดทนนะคะ” บัวผันยิ้มให้หญิงสาว แล้วบอกให้เธออดทน ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงจะทำอะไรเธออีก จากแขนขาและเนื้อตัวที่เขียวช้ำ พอจะเดาออกว่า ธาดาไม่เบามือกับเธอเลย
บัวผันออกไปแล้ว ชลาลัยยังนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิม ความเงียบเหงาวนเข้ามาอีกครั้ง หวังว่าคืนนี้ธาดาจะไม่มาที่นี่ตามที่บัวผันบอก ร่างกายเธออ่อนล้าเต็มทน คงรับความรุนแรงของเขาไม่ไหว
“คุณพ่อคะ ไม่เป็นห่วงน้ำบ้างเหรอคะ” ที่ผ่านมาเธอมักจะหายไปบ่อย ๆ จนคนทางบ้านเลิกเป็นห่วง พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ พ่อคงคิดว่าเธอหนีเที่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา
“น้ำอยากกลับบ้าน” ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะหนีไปรอดหรือไม่ ถ้ารอดไปได้เธอจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเขาอีกเลย แต่ถ้าหนีไปไม่รอด ธาดาคงฉีกเธอออกเป็นชิ้น ๆ
ฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้ชลาลัยตกใจกลัว เธอไม่รู้ว่าด้านนอกมีคนอยู่หรือไม่ เพราะทุกครั้งที่มืดลงเธอจะปิดประตูห้องนอน ขังตัวเองเอาไว้ ตะเกียงดับเพราะลมที่พัดแรง ยิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้นไปอีก หญิงสาวนอนกอดตัวเองในความมืด ผ้าห่มที่บัวผันเอามาให้ช่วยเธอได้มาก เพราะหนาวจนจับขั้วหัวใจ น้ำตาพากันไหลลงมาอีก เมื่อคิดถึงคำพูดของคุณหมอ เธอต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่ และดื่มนมมาก ๆ เจ้าตัวเล็กในท้องจะได้แข็งแรง หมอจะรู้ไหมว่าสิ่งที่เธอได้กินในแต่ละวันคืออะไร ข้าวเปล่ากับผักต้มและน้ำปลา บางวันมีไข่ต้มมาด้วย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ต่อให้เขาจัดอาหารดี ๆ มาให้ เธอก็กินไม่ลง ฟ้ารินบอกอะไรกับพี่ชายของเธอ ธาดาถึงได้เกลียดชังเธอขนาดนี้ ถ้าเธอออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไร เธอจะไม่มีวันย้อนกลับมา ธาดาจะไม่ได้เห็นหน้าลูก เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาอีก ธาดาคงไม่อยากเห็นหน้าลูก เพราะเขาไม่ต้องการลูกต้องแต่แรกแล้ว ลูกคือเครื่องมือแก้แค้นของเขา เธอจะไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายลูกของเธอ จะพาเขาไปหาที่อยู่ใหม่ แล้วใช้ชีวิตกันสองคน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ไม่ว่าธาดาหรือทินกร ก็ไม่มีใครได้แตะต้องลูกของเธอ
บัวผันมาหาหญิงสาวตอนบ่าย หญิงสูงวัยกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสภาพของเธอ “คุณน้ำขา ลุกขึ้นมากินอะไรสักหน่อยนะคะ ป้าเอาข้าวมาให้” ที่ผ่านมาชลาลัยได้กินแต่ข้าวกับผักต้ม ร่างกายถึงได้ผ่ายผอม พักหลัง ๆ คนเฝ้าประตูบอกว่าเธอไม่แตะอาหารเลย จึงทำให้ผอมลงไปอีก “ฉันไม่หิวค่ะป้า” “ไม่หิวก็ต้องฝืนนะคะ เห็นแก่นายน้อยนะคะ คุณน้ำไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว จะทำอะไรก็นึกถึงลูกบ้างนะคะ” บัวผันเกลี้ยกล่อม น้ำตาไหลอาบแก้ม เพราะสงสารคนที่อยู่ในท้อง นายน้อยไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ทำไมต้องมารับกรรมที่พ่อแม่ทำไว้ “ดื่มนมสักนิดนะคะ ป้าเอานมมาให้ด้วย” ชลาลัยน้ำตารื้นหัวตา คงแค่มื้อนี้มื้อเดียว พรุ่งนี้กับข้าวของเธอ คงมีแค่ข้าวกับผักต้มตามเดิม “ป้าวางนมไว้ตรงนั้นนะคะ ดึก ๆ ฉันจะลุกมากิน” บอกให้คนแก่สบายใจ แต่เธอไม่คิดจะดื่มมัน “ผ้าห่มค่ะ กลางคืนอากาศหนาว ห่มอีกชั้นนะคะจะได้อุ่นขึ้น” “ขอบคุณนะคะป้า ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของป้าเลย” พูดจบชลาลัยก็หลับตาลง เป็นอันจบบทสนทนา บัวผันมองโซ่ที่ขาสลับกับใบหน้าที่ซีดเผือดของหญิงสาว ต้องโ
หลังจากตรวจเสร็จ คุณหมอหนุ่มก็เข้ามารายงานอาการของคนป่วยให้เจ้าของไร่ทราบ ธาดาตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อรู้ว่าชลาลัยตั้งท้อง เร็วเกินไปหรือเปล่า ชลาลัยมาอยู่ที่นี่ยังไม่ถึงเดือน เธอท้องแล้วเหรอ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ได้ไปหาเธออีก คนของเขารายงานว่าเธอไม่ยอมกินอาหาร ร่างกายซูบผอมจนล้มป่วย แล้วยังมาท้องอีก แบบนี้ร่างกายเธอจะรับไหวเหรอ “มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าเธอท้องกับใคร อย่าบอกนะว่าท้องกับมึง” พชรถามเมื่อเพื่อนไม่ตอบจึงสรุปเอาเอง ธาดาไม่ปฏิเสธ ยิ่งทำให้คุณหมองงหนักขึ้นไปอีก เกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมถึงอยู่ในสภาพนั้น หน้าตาผิวพรรณบ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนแถวนี้ “ไม่ปฏิเสธ แสดงว่าจริง เกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงให้เธออยู่อย่างนั้น ไหนจะโซ่ที่ขาอีก มึงรู้ไหมว่ามันบาดขาเธอจนเป็นแผลลึก เล่ามาเลยนะ เล่ามาให้หมด ไม่อย่างนั้นกูจะแจ้งความให้ตำรวจมาจับมึง” พชรขู่ ธาดายกมือกุมขมับ พร้อมกับถอนหายใจออกมา “ไว้กูจะเล่าให้ฟังทีหลัง มึงว่าอาการเธอเป็นยังไงนะ” หมอหนุ่มกลอกตา เมื่อเพื่อนไม่ยอมปริปาก ดีที่ยังเป็นห่วงเธอบาง “คนท้องนะมึง ถ้าไม่กินข้า
ธาดาวางหญิงสาวลงบนแคร่ไม้ไผ่ โดยมีบัวผันช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง “ทำไมต้องทำรุนแรงด้วยคะ” บัวผันถาม พร้อมกับใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปบนเนื้อตัวของหญิงสาว หญิงสูงวัยหัวใจกระตุก เมื่อเห็นแผลเป็นทางยาวที่เท้าและตามตัวของเธอ “ป้าก็เห็นว่าเธอคิดหนี” ธาดาตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมา ไม่พอใจที่ถูกคนที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กตำหนิ “แล้วคุณดินทำอะไรคะ เธอถึงคิดหนี” “ป้าไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า” “ค่ะ ป้าจะไม่พูด จะไม่ยุ่งกับคุณดินอีก แต่ป้าขอนะคะ อย่าทำร้ายเธออีกเลย แค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายแล้วค่ะ” บัวผันตัดบท นางไม่รู้ปัญหาของสองคนนี้ นางก็จะไม่ยุ่งอีก ธาดาเป็นคนมีเหตุผล แต่สิ่งที่เขาทำกับชลาลัยมันมากเกินไป จนนางทนไม่ไหว “ขอโทษครับป้า” ธาดาขอโทษที่เผลอใช้คำพูดไม่ดีกับบัวผัน “ไม่เป็นไรค่ะป้าไม่โกรธ คุณดินเป็นคนมีเหตุผล ป้าเชื่อว่าที่คุณดินทำ คุณดินต้องคิดมาแล้วถึงทำ” บัวผันประชดให้คนหนุ่ม ธาดากลอกตาไปมา ตกลงป้าบัวผันเป็นคนของใครกันแน่ ทำไมไปอยู่ข้างชลาลัย “ออกไปสิคะป้าจะเช็ดตัวให้คุณน้ำ” บัวผันไล่เจ้านาย ที่ยังยืน
ชลาลัยมองเห็นไฟทางบนถนน ภูเขาที่อยู่อีกฟากถนนตั้งตระงาน ทอดเงาทะมึนมาบดบังแสงไฟ มองแล้วคล้ายกับเงาของผู้ชายร่างสูงใหญ่ ยืนจังก้าขวางอยู่ตรงนั้น ชลาลัยหอบหายใจถี่ ๆ รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ จังหวะที่วิ่งมาถึงบริเวณทุ่งโล่ง สายลมพัดมากระทบผิวกาย รู้สึกเย็นยะเยือกจนจับขั้วหัวใจ ขนอ่อนพากันเรียงตัว ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นรถยนต์จอดอยู่ริมถนน “นั่นครับรถ” เสกหันมาบอก ชลาลัยยิ้มตอบ ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวัง อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกห้าสิบเมตรเธอก็จะถึงรถ หลังจากนั้นเธอก็จะหลุดพ้นเสกที่วิ่งนำหน้าหยุดชะงัก แล้ววิ่งออกไปอีกทาง ชลาลัยตกใจกับการกระทำของเด็กหนุ่ม ไม่ทันได้คิดนาน แสงไฟฉายและสปอร์ตไลท์ก็สว่างขึ้น แสงไฟดวงใหญ่จับอยู่ที่ตัวเสก ไม่ว่าเสกจะวิ่งไปทางไหนไฟก็ส่องตามไป ไฟฉายอีกดวงถูกส่องมาที่หน้าเธอ ชลาลัยทำอะไรไม่ถูก ล้มทั้งยืนเมื่อเห็นว่าคนที่ส่องไฟมาที่หน้าเธอเป็นใคร “จับไอ้เสกไว้!” สิ้นคำสั่งชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ก็วิ่งตามเสกไป ชลาลัยถอยหนี ใช้มือปัดป้องตัวเอง เมื่อฝ่ามือใหญ่คว้าลงมาที่ต้นแขน “คิดว่าหนีผมพ้นเหรอ! ร้ายมากนะ มิน่าเมื
ชลาลัยมองข้าวในถาด ก่อนจะนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอน อยู่ ๆ ก็ไม่อยากกินอาหาร ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะได้ออกไปจากที่นี่หายไปจนหมดสิ้น หลังจากนัดเวลากับเสก หญิงสาวก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน เวลาแค่ไม่กี่วันที่อยู่ด้วยกัน ทำไมเธอถึงรู้สึกกับธาดามากมายขนาดนี้ คงเพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ พยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกกับสิ่งที่เขาทำ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าเธอกำลังหลอกตัวเอง ถ้าธาดารู้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำให้ฟ้ารินเสียชีวิต เขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอจะเบาบางลงบ้างไหม “ลาก่อนนะคุณธาดา หวังว่าเราคงไม่ต้องมาเจอกันอีก” บอกลาเขาในใจ จากกันครั้งนี้คงไม่ได้เจอกันอีก เป็นอีกวันที่ธาดาไม่มีสมาธิทำงาน ชายหนุ่มพาตัวเองออกมาท้ายไร่ ดูผลผลิตที่กำลังจะได้เก็บเกี่ยวในอีกไม่นาน ทำตัวให้ยุ่งที่สุด จะได้ไม่ต้องคิดถึงเธอ รอให้เธอตั้งท้องเขาจะพาเธอไปส่งที่บ้าน ถึงเวลานั้นคงไม่ต้องมาเจอกันอีก ปีนี้ลำไยราคาดีกว่าทุกปี เพราะช่วงที่ราคาตกต่ำ เกษตรกรพากันตัดต้นทิ้ง เขาบอกให้ทุกคนอดทน และทำแบบที่เขาทำ แต่ชาวบ้านก็ทนไม่ไหว ที่ลำไยของชาวบ้านขายไม่ได้ราคา เพราะผลผลิตไม่ได้มาตร







