เซี่ยจื่ออี้สบถออกมาเสียงดัง เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเขาด่าทอใครสักคน ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็คงจะเหลืออดแล้วเช่นกัน
“ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกพวกท่าน เรื่องนี้เกี่ยวกับท่านแม่โดยตรง หลังจากข้าพูดเรื่องนี้ออกไปท่านต้องตัดสินใจให้ดี”
“ได้..แม่รู้แล้ว”
หญิงสาวชั่งใจเล็กน้อย ไม่รู้สิ่งที่ตนพูดออกไปจะเป็นผลดีต่อการตัดสินใจของมารดาหรือไม่ แต่ตนได้คิดเรื่องออกจากบ้านเซี่ยแล้ว จำต้องบอกนางแม้นางจะต้องเสียใจก็ตามที
“ตอนนี้จางซุนโหรวกำลังตั้งครรภ์ ดูเหมือนยังไม่น่าจะเกินสองเดือน และคนที่ข้าสงสัยว่าอาจจะเป็นพ่อของเด็กก็คือ...”
เซี่ยชิงหลีมองมารดาด้วยสายตาเห็นใจ หากนางรู้คนผู้นั้นคือใครนางจะเสียใจหรือไม่
“...เซี่ยจื่อยวน”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! หลีเอ๋อเรื่องเช่นนี้พูดเหลวไหลมิได้ แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบบิดาของเจ้า แต่เจ้าจะใส่ร้ายผู้อื่นไม่ได้”
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของมารดา หญิงสาวก็มิได้แสดงสีหน้าแปลกใจ เซี่ยชิงหลีเข้าใจความรู้สึกของนาง คนอยู่ด้วยกันมาเกือบยี่สิบปีจะบอกให้เชื่อว่าเขาทำเช่นนั้นจริงคงไม่ง่าย ทว่าตนก็ไม่สามารถปล่อยให้นางถูกหลอกโดยชายชั่วผู้นั้น
“ท่านแม่ ท่านฟังข้าก่อนได้หรือไม่ เรื่องทั้งหมดมิได้มีเพียงเท่านี้”
หญิงสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจากความทรงจำของร่างเดิม
ครั้งก่อนนางขึ้นเขาเก็บผักป่ากับอาเหิง พบคนทั้งสองกำลังเดินขึ้นเขาโดยบังเอิญ คนที่ไม่เคยทำงานบ้านหรือช่วยเหลือครอบครัวของตนมีหรือจะยอมลำบากขึ้นเขาเพื่อหาอาหาร
บัดนั้นความรู้สึกสงสัยจึงผุดขึ้นในใจ นางพาอาเหิงตามติดคนทั้งสองไป จึงพบว่าพวกเขากำลังลักลอบมีความสัมพันธ์ที่กระท่อมกลางป่า
กระท่อมหลังนั้นเป็นกระท่อมที่ลุงพรานในหมู่บ้านสร้างเอาไว้เมื่อยามที่กลับลงเขาไม่ทันฟ้ามืด เมื่อค้นพบความลับของพวกเขาเกรงจะถูกทำร้ายจึงรีบพาอาเหิงออกมาจากที่นั่น ทว่ากลับถูกจางซุนโหรวพบเห็นเข้า
“ท่านแม่เมื่อวานนางแอบตามข้าขึ้นเขา”
เซี่ยชิงหลีเอ่ยเป็นนัยเพื่อให้มารดาคิดตาม อุบัติเหตุที่ร่างเดิมได้รับคือฝีมือของผู้ใด
“เจ้าอย่าบอกนะว่าที่เจ้าหมดสติบนเขาก็เป็นฝีมือของนาง”
“ถูกต้อง นางตามไปหยั่งเชิงว่าข้ารู้เห็นมากน้อยเพียงใด แม้ข้าปฏิเสธไปทว่านางก็ไม่คิดปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด จางซุนโหรวอาศัยช่วงที่ข้าเผลอผลักข้าตกจากเขา ก่อนนางจากมานางคิดว่าข้าได้ตายไปแล้ว โชคยังดีที่ช่วงนี้ฝนตกทุกวันทำให้พื้นดินไม่แข็งมาก ทว่ากว่าจะเอาชีวิตรอดกลับมาได้ก็เกือบถูกโคลนทับตาย”
“นะ..นาง ทำเช่นนั้นจริงหรือ หลีเอ๋อ...บิดาของเจ้าก็รู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่”
เซี่ยชิงหลีส่ายหน้า ตัวนางเองก็ไม่แน่ใจเพราะไม่มีความทรงจำอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว
“ท่านแม่...ข้าไม่รู้ แต่สิ่งที่ข้าแน่ชัดในใจคือคนทั้งสองแม้จะลักลอบมีความสัมพันธ์ แต่เซี่ยจื่อยวนก็ไม่มีความคิดรับนางเป็นภรรยา ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยเอาไว้เนิ่นนานเพียงนี้”
“น้องรอง เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เซี่ยจื่ออี้ถามน้องสาวด้วยสีหน้าตกใจ
“ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ลับของพวกเขาครั้งนั้นคงมิใช่ครั้งแรก ไม่อย่างนั้นจางซินโหรวคงไม่ตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือน พี่ใหญ่ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่”
หญิงสาวเหลือบมองมารดาด้วยสายตาพินิจ ในใจอยากรู้ว่ามารดาจะทำเช่นไรเมื่อได้รู้สิ่งที่คนทั้งสองกระทำลับหลังนาง
“ท่านแม่... ท่านคิดหย่าขาดจากคนผู้นั้นหรือไม่”
หลี่หลันฮวาตกใจกับคำถามของบุตรสาวไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ควรให้คำตอบเช่นไร วันนี้ทุกสิ่งที่ได้รู้มามันทำให้นางเหมือนคนอับจน
“แม่...แม่ไม่รู้! หลีเอ๋อขอเวลาให้แม่ได้คิดทบทวนสักหน่อเถิด ดีชั่วอย่างไรเขาก็เป็นบิดาของพวกเจ้า หากต้องการจากไปอย่างไรก็คงมีเพียงแม่เท่านั้นที่ไปจากที่นี่ได้ แล้วพวกลูกทั้งสามคนจะทำอย่างไร”
เซี่ยชิงหลีเข้าใจความกังวลของมารดาเป็นอย่างดี ทว่าตัวนางก็มิใช่ลูกพลับนิ่มที่ใครๆ สามารถบีบได้ ต่อให้วันหน้าต้องต่อกรกับคนบ้านเซี่ยอีก นางก็มั่นใจว่าตนเองจะไม่มีวันพ่ายแพ้
“เช่นนั้นท่านแม่พักสักหน่อย จากนี้บ้านรองของเราจะไม่ทำตามความต้องการของผู้อื่นอีก มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง”
หญิงสาวเอ่ยปลุกใจครอบครัวของตน
วันนี้พวกตนถือว่าแตกหักกับคนตระกูลเซี่ยอย่างเป็นทางการ ในเมื่อแหกหน้ากันไปแล้วยังจะอยู่ร่วมกันได้อีกหรือ ไม่มีทาง!
อีกอย่างแม่เฒ่าหวังถูกตนทุบดีขนาดนั้นนางคงไม่ปล่อยให้พวกตนได้อยู่อย่างสงบเป็นแน่ หลังจากวันนี้ไปคงต้องวางแผนไปตามสถานการณ์
จริงๆ แล้วหากตนตัวคนเดียวคงไม่จำเป็นต้องวางแผนให้วุ่นวาย เพราะการฆ่าคนโง่เหล่านี้ทำได้ง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ อุบัติเหตุโดยไม่คาดฝันมักเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา
ในระหว่างที่เซี่ยชิงหลีกำลังปรึกษากับคนในครอบครัว เสียงอึกทึกด้านนอกกระท่อมก็ดังขึ้น
“พี่หญิง!!เกิดเรื่องกับพี่อาเหิงแล้ว”
เซี่ยชิงหลีเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่มนางก็รีบพุ่งตัวออกจากกระท่อมในทันที
“เกิดอะไรขึ้น!”
เซี่ยชิงเป่ายืนหอบอยู่หน้ากระท่อม หญิงสาวรีบรินน้ำให้น้องสาวพลางลูบหลังให้นางใจเย็นลง
“พี่อาเหิง...ถูกเด็กโข่งบ้านอู่รังแกที่ท้ายหมู่บ้านเจ้าค่ะ เดิมทีข้าอยากจะพาเขาไปตัดหญ้ามาเลี้ยงไก่ ไม่คิดว่าจะพบคนพาลเหล่านั้น”
เซี่ยชิงหลีนึกโทษตนเองในใจ ไม่ควรให้พวกเขาออกจากบ้านเลย ไม่อย่างนั้นอาเหิงของนางคงจะไม่ถูกผู้อื่นรังแกง่ายๆ
เมื่อเห็นน้องสาวมีท่าทีสงบลงแล้วหญิงสาวจึงผละจากนางวิ่งตรงไปยังท้ายหมู่บ้านทันที เมื่อไปถึงที่นั่นกลับพบว่าเด็กชายในหมู่บ้านห้าหกคนอายุราวสิบสามสิบสี่ที่มีเด็กบ้านอู่เป็นผู้นำ ทุกคนต่างล้มระเนระนาดร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ส่วนอาเหิงของนางบัดนี้ยืนอยู่บนก้อนหินกอดอกมองผลงานของตนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ภรรยา!! เจ้ามารับข้าหรือ”
ชายหนุ่มรีบกระโดดแผล็วลงมาจากก้อนหินทันทีเมื่อมองเห็นหญิงสาว เซี่ยชิงหลีถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่เสียเปรียบให้เด็กอันธพาลในหมู่บ้าน
“ภรรยาดูสิอาเหิงผดุงความยุติธรรม อาเหิงตีพวกเขาเพราะพวกเขาว่าร้ายภรรยา”
หญิงสาวเขย่งเท้าเอื้อมมือลูบหัวชายหนุ่มที่สูงกว่าตน การกระทำของนางราวกับกำลังเอ่ยชมสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่ทำความดี หญิงสาวเหลือบมองอันธพาลเหล่านั้นด้วยหางตา จากนั้นจูงมืออาเหิงกลับเรือนโดยไม่แยแสอาการบาดเจ็บของพวกเขา
ภายหลังจากทั้งสองกลับมาที่เรือนได้เพียงไม่นาน สะใภ้บ้านอู่ก็มาโวยวายที่เรือนตระกูลเซี่ยทันที แม้นางจะทำเช่นนั้นประตูใหญ่บ้านเซี่ยก็ยังคงปิดสนิท นางโวยวายด่าทออยู่กว่าหนึ่งชั่วยามเมื่อไม่เห็นคนออกมาสุดท้ายสะใภ้บ้านอู่จึงยอมแพ้กลับไป
วันต่อมา
บ้านรองที่เคยลั่นวาจาว่าจะไม่ยอมทำงานอีกแล้ว ทั้งหมดได้ทำตามที่พูดจริงๆ ไม่มีใครตื่นขึ้นมาทำอาหารในตอนเช้าสักคน สะใภ้ใหญ่แม้จะรู้สึกโมโหจนตัวสั่น ทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เซี่ยชิงหลีกระทำเมื่อวานก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนบ้านรองอีก ต้องรอให้แม่เฒ่าหวังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ จากนั้นค่อยหาทางเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง
เซี่ยชิงหลีตื่นขึ้นในช่วงสายของวันใหม่ นางไม่เคยรู้สึกว่าได้นอนหลับอย่างเต็มตาเช่นนี้นานแล้ว ชีวิตในสงครามที่มีแต่การฆ่าฟันทำให้นางไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ ทุกวันต้องคอยหวาดระแวงว่าเมื่อใดจะเกิดการต่อสู้ขึ้น
หลังผ่านเหตุการณ์มากมายนางก็ยินดียอมรับชะตากรรมที่ผ่านเข้ามา จากนี้ครอบครัวใหม่ของนางจะต้องใช้ชีวิตให้ดี แต่ก่อนหน้านั้นต้องอิ่มท้องเสียก่อน
เมื่อหญิงสาวลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา พบว่าแม่พี่ชายและน้องสาวออกไปข้างนอกหมดแล้ว ตอนนี้ในเรือนเหลือเพียงนางและอาเหิงที่นั่งรออยู่นอกกระท่อมให้นางตื่นอย่างซื่อสัตย์
ชายชุดดำกระชากสาบเสื้อของหมอวัยกลางคนจนหลุดลุ่ย เวลานั้นเองเซี่ยชิงหลีได้เอ่ยแทรกขึ้น“นี่!...ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”“เจ้าเป็นใคร!”ชายชุดดำหันขวับมาที่นางทันที สายตาที่จับจ้องมานั้นราวกับจะสังหารคนเสียให้ได้“ข้าคือคนที่ผ่านทางมาและพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“แม่นาง...เจ้าอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย ไม่เห็นหรือว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยคนผู้นี้ไม่ได้เจ้าอาจต้องตาย เห็นหรือไม่เขามีอาวุธ”ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูช่วยเอ่ยทัดทานหญิงสาว“ข้ารู้...”แม้จะรู้เช่นนั้น เซี่ยชิงหลีก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ช่างผิดวิสัยของคนปกตินักหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนผู้นั้น นางพลันจดจำได้ทันที เขาคือชายชราที่อยู่กับอาจารย์ใหญ่จ้าว เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ชายชุดดำเห็นสายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไปเหมือนกับนางเคยรู้จักนายท่านของตนมาก่อน เขาทำท่าชักกระบี่ทว่าคนที่มาด้วยห้ามเอาไว้“เจ้าคนหนึ่งมานี่ ทำตามที่ข้าบอก”เซี่ยชิงหลีจัดท่าให้ชายชรานอนหงายแล้วเปิดทางหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากและยกขากรรไกรล่างขึ้น จากนั้นสั่งให้ชายชุดดำผายปอดให้ชายชราตามวิธีการของนางผู
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เจ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”“สิ่งนี้คือเห็ดสนเจ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต“ได้...เช่นนั้นเจ้าตามเขาเข้าไปในครัว”เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง“ต่อเลยเจ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตนเมื่อ
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็นท่าหลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็นคู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเรื่องมาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็นรอง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเจ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเจ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เรื่อง ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป“เจ้า!..”เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอ
ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มกว้างและหัวเราะด้วยความดีใจ“เย้! อาเหิงได้รับรางวัลแล้ว”ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นต่างมองการกระทำของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง อาเหิงแม้จะดูใสซื่อและบริสุทธิ์ทว่ากลับทำให้คนกำหมัดอยากจะชกหน้าสักครั้งร่างบางถูกฉวยโอกาสโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตางามเบิกโพลงเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับเลือดทั้งหมดพุ่งตรงขึ้นมาที่พวงแก้มในเสี้ยวอึดใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“อ๊ะ…!”เซี่ยชิงหลีหันขวับไปมองร่างสูง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจปนเขินอาย ริมฝีปากบางขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่มีคำใดหลุดออกเลยนอกจากเสียงพึมพำในลำคอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มของตนแผ่วเบา ราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง… หรือฝันไป“ภรรยา เจ้าเป็นอะไรหรือ”ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยดวงตาใสซื่อ“ขะ...ข้า พวกเรากลับกันได้แล้ว”ร่างบางรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของทุกคนภายหลังเมื่อคนตระกูลหลี่กลับมายังหมู่บ้าน ข่าวที่บ้านหลี่ล่ากวางตัวใหญ่ได้ก็ถูกลือกระฉ่อนในชั่วพริบตา เซี่ยชิงหลีคือเพชฌฆาตคนนั้น ทุกคนจึงรอฟั
“หลีเอ๋อ เจ้าจะบอกว่าตนเองรู้เรื่องสมุนไพรหรือ”“ใช่สิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไหว้หมอพเนจรท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ กระทั่งตอนนี้ที่พูดได้ก็ไม่ใช่ฝีมือของอาจารย์ข้าหรือ”ชายชราหันมายิ้มกับหลานสาวผู้โชคดีของตน“ดี! ดีจริงๆ ไม่คิดว่าในความโชคร้ายของพวกเจ้าจะยังมีเรื่องดีๆ อยู่ด้วย นี่ท่านแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”“อืม...ท่านแม่ของข้าจะรู้หรือไม่นั้น...บาดแผลของนางข้าก็เป็นคนรักษา อีกอย่างข้ายังคิดว่าจะใช้ความรู้ของตนพัฒนาเป็นอาชีพ ต่อไปครอบครัวของเราจะต้องร่ำรวยไปด้วยกัน”สองตาหลานเดินพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน หูที่ได้รับการฝึกฝนของเซี่ยชิงหลีพลันได้ยินความเคลื่อนบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป“ท่านตา!...รอสักครู่”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูขี้เล่นเป็นจริงจังในทันที ร่างบางย่องตามเสียงนั้นไปเมื่อพ้นเขตป่าสมุนไพรกลายเป็นลานทุ่งกว้าง ที่นั่นมีสัตว์ป่ามากมายกำลังเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินทันใดนั้นกวางหนุ่มตัวเขื่องค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากแนวพุ่มไม้มันเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ด้วยจังหวะที่สงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จมูกของมันก้มลงเล็มยอดหญ้าอ่อนสีเขียวสดอย่างละเมียดละไม ทว่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความร
หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้างแม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเ