“ภรรยาตื่นแล้ว”
ชายหนุ่มวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหานาง หากตาไม่ฝาดเซี่ยชิงหลีราวกับมองเห็นหางน้อยๆ ที่ติดอยู่ด้านหลังของเขากำลังกระดิกไปมา ร่างบางยกยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอ็นดู ในใจคิดว่าหากเขาหายดีกลับมาเป็นปกติจะมีนิสัยเช่นไรกันนะ นางนึกไม่ออกจริงๆ
“อื้ม...ข้าตื่นแล้ว อาเหิงหิวหรือไม่ วันนี้เราขึ้นเขาหาไก่ป่ากันดีไหม”
“ดี! อาเหิงเชื่อภรรยา กินไก่ป่าย่างหอมฉุย”
แม้จะมีท่าทางเหมือนเด็ก ทว่านางกลับรู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นช่างบริสุทธิ์ประดุจน้ำใส ไม่อยากให้มีสิ่งใดมาทำให้แปดเปื้อน แม้แต่ตนเองก็ตามที
คนทั้งสองเดินออกจากเรือนตระกูลเซี่ยพร้อมกัน เซี่ยจิ่งเฉิงที่พึ่งทะเลาะกับมารดาเดินกระทืบเท้าออกมานอกเรือนทันได้เห็นด้านหลังของสองคนที่กำลังเดินขึ้นเขา
“เหอะ! ไอ้พวกสวะ”
ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ วันนี้เป็นวันที่เขาต้องกลับไปยังสำนักศึกษา ทว่าเมื่อขอเงินจากมารดาห้าตำลึงนางกลับมีให้เพียงสองตำลึงเท่านั้น แล้วอย่างนี้เขาที่นัดเหล่าสหาย ให้มารวมตัวกันที่หอกุ้ยเซียงจะไม่เสียหน้าแย่หรือ
“เฉิงเอ๋อ! ฟังแม่พูดก่อน! ถึงแม้แม่จะไม่มีเงินห้าตำลึงให้ลูกแต่ท่านย่ามีไม่ใช่หรือ ลูกไปพูดหวานๆ กับนางสักสองสามคำมีหรือสามตำลึงนั้นนางจะงัดออกมาไม่ได้”
จางซุนโหรวเมื่อเห็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตนแสดงท่าทางไม่พอใจ นางจึงรีบวิ่งตามมา
“แต่ตอนนี้ท่านย่ากำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะบ้านอารอง ท่านแม่คิดจะให้ข้าไปรองรับโทสะจากนางหรือ”
ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อแสดงท่าทางโมโหกว่าเดิม
“ได้!ได้! เช่นนั้นลูกก็ไปอ่านกลอนให้ท่านปู่ฟังสักสองสามบท ลูกก็รู้ท่านปู่ของลูกชมชอบคนมีความรู้ขนาดไหน เรื่องเงินสามตำลึงก็ฝากให้ท่านเป็นคนจัดการ เช่นนี้เป็นอย่างไร”
เมื่อได้รับคำแนะนำจากมารดา เซี่ยจิ่งเฉิงราวกับพบเส้นทางแห่งแสงสว่าง เงินห้าตำลึงนี้เขาจะต้องเอามาให้ได้ ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องใช้กลวิธีที่จะได้มา
“เป็นท่านแม่ที่ฉลาดจริงๆ”
สองแม่ลูกพูดคุยด้วยสีหน้าเบิกบาน จากนั้นเซี่ยจิ่งเฉิงก็ทำตามที่มารดาแนะนำทันที ไม่นานเขาก็ได้เงินสามตำลึงจากมือของผู้เฒ่าเซี่ยมาอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มเก็บของออกเดินทางกลับไปยังสำนักศึกษาเต๋อชุ่นที่ตั้งอยู่ในอำเภอหลิงหนาน ห่างจากหมู่บ้านสือซานกว่าห้าสิบลี้
เซี่ยชิงหลีไม่สนใจว่าคนบ้านเซี่ยจะทำอะไร ตอนนี้นางกำลังขะมักเขม้นทำกับดักวางเอาไว้หลายจุดในภูเขา กับดักเหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งในวิชาพื้นฐานที่ท่านอาจารย์ของนางเคยสอนในชาติก่อน
แม้จะคิดว่าตนไม่มีโอกาสได้ใช้เพราะยุคปัจจุบันล้วนรณรงค์ให้อนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก หากต้องการกินเนื้อก็แค่เดินเข้าตลาด ไม่เหมือนที่นี่ ไม่มีเงินก็เหมือนเส้นโลหิตถูกตัดขาด
“มาเถอะอาเหิง พวกเราไปดูทางนั้นกัน”
หญิงสาวกวักมือเรียกชายหนุ่มที่กำลังเก็บผักป่าตามคำสั่งของนาง ชายหนุ่มรีบวางมือวิ่งตรงมายังหญิงสาวอย่างกระตือรือร้น
แม้จะมิได้คาดหวังทว่าในตะกร้าไม้ไผ่ของชายหนุ่มก็มีผักป่ามากกว่าครึ่ง แต่จะให้มาหาของกินเช่นนี้ทุกวันก็คงไม่ไหวอาจต้องหาอาชีพที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงครอบครัว
ถึงอย่างนั้นตนเองนอกจากรักษาคนได้บ้างก็ทำอย่างอื่นไม่ค่อยเป็น เรื่องสมุนไพรจีนก็รู้เพียงเล็กน้อย ไม่รู้ยุคโบราณจะมีสมุนไพรเหมือนในยุคปัจจุบันหรือไม่
“เก่งจริงอาเหิง”
หญิงสาวทำท่าจะลูบหัวเขา ทว่าครั้งนี้นางไม่จำเป็นต้องเขย่งเท้า เพราะชายหนุ่มคว้าร่างบางเข้าหาตัว จากนั้นอุ้มนางด้วยแขนข้างเดียวเพื่อให้ตัวของเซี่ยชิงหลีสามารถลูบหัวเขาได้อย่างถนัดมือ
“ภรรยาลูบหัวอาเหิงเร็วเข้า”
ร่างบางหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางขบขัน เจ้าลูกหมาของนางช่างเป็นคนมักน้อยเสียจริง เพียงชมเขาสองสามประโยคเจ้าหมาน้อยก็ดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร
หญิงสาวจูงมือชายหนุ่มเดินเลียบลำธารหวังว่าจะได้อะไรติดมือกลับไปบ้าง เมื่อเห็นผักกูดป่าที่ขึ้นริมน้ำนางก็คิดรายการอาหารเย็นได้ในทันที
“อาเหิง เจ้าช่วยข้าเก็บผักป่าเหล่านี้ได้หรือไม่ ยิ่งมากยิ่งดี”
ร่างบางชี้ไปยังกอผักกูดเหล่านั้นด้วยสีหน้าดีใจ หน้าฝนช่างเป็นช่วงเวลากอบโกยเสียจริง ในระหว่างที่ปล่อยให้ชายหนุ่มเก็บผักป่า สายตาคมกริบของนางก็มองเห็นบางอย่างกำลังดิ้นไหวๆ อยู่อีกฟากหนึ่ง
ลำธารที่ใสกระทั่งมองเห็นก้อนหินและปลาที่กำลังแหวกว่าย หญิงสาวคว้ามีดพร้าที่นำติดตัวมาด้วยเดินลุยน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม เมื่อไปถึงจุดที่มองเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นได้ถนัดตา นางก็ส่งแรงทั้งหมดฟันฉับลงไปทันใด
ร่างยาวเหยียดลายพร้อยขนาดเท่าแขนเด็กดิ้นพล่าน เลือดสดๆ ไหลไปตามแรงไหวของน้ำ เซี่ยชิงหลีใช้ปลายมีดช้อนร่างที่กำลังจะครึ่งของมันขึ้นมา ปรากฏว่าเจ้าอสรพิษยังคาบปลาตัวเขื่องเอาไว้ในปาก
“อาเหิงเจ้าดูนี้”
หญิงสาวชูร่างงูสิงขึ้นให้ชายหนุ่มดู อาเหิงเห็นงูตัวใหญ่ในมือของนางก็ทำท่าจะวิ่งหนี เซี่ยชิงหลีหัวเราะชอบใจไม่คิดว่าผู้ชายตัวโตจะกลัวงู
หลังจากลอกหนังทำความสะอาด หญิงสาวก็ใช้ใบกล้วยป่าห่อเก็บเอาไว้ในตะกร้า ทั้งสองเก็บผักริมน้ำจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลอยเหนือศีรษะ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าคะเนจากสายตาน่าจะใกล้เที่ยงจึงได้วางมือ
“อาเหิงหิวหรือยัง เราไปตรวจดูกับดักก่อนดีหรือไม่”
ชายหนุ่มทิ้งผักป่าในมือวิ่งดุ๊กดิ๊กมาหาหญิงสาว
“ภรรยาอาเหิงไม่กินงู”
ท่าทางของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะเข้าใจว่าเที่ยงนี้เซี่ยชิงหลีจะย่างงูให้เขากิน หญิงสาวหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างขบขัน
“เด็กโง่ ใครเขาจะให้เจ้ากินงู ข้าหมายถึงเราไปตรวจดูกับดักกัน จะได้ทำไก่ป่าย่างให้เจ้ากิน ดีหรือไม่”
“ดี! อาเหิงจะกินไก่ป่าย่าง ภรรยาดีที่สุด”
ก่อนหน้านี้เซี่ยชิงหลีได้โรยรำข้าวเอาไว้ที่กับดักไม่คิดว่าจะสามารถจับไก่ป่าได้ทั้งหมด ไก่ป่าแปดตัวถูกหญิงสาวมัดรวมกันเพราะพวกมันยังไม่ตาย
สองตัวนางจัดการถอนขนลอกหนังย่างให้อาเหิงกิน น่าเสียดายที่ไม่มีเกลือทำให้เนื้อไก่ป่าจืดชืดไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยวันนี้คนทั้งสองก็อิ่มท้องก่อนลงจากเขา
เซี่ยชิงหลีจูงมืออาเหิงเดินผ่านใจกลางหมู่บ้าน ตอนนี้ชาวบ้านยังไม่มีใครรู้ว่านางสามารถพูดได้แล้ว หญิงสาวพาอาเหิงแวะที่เรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน
บนภูเขาก่อนหน้านี้นางได้สอนให้อาเหิงพูดเรื่องแลกเปลี่ยนเกลือกับหัวหน้าหมู่บ้าน หญิงสาวใช้ไก่ป่าสามตัวและเนื้องูสิงแลกเกลือครึ่งจินและข้าวสารสามจินเอากลับเรือน
“อาเหิงกลับมาแล้ว”
ชายหนุ่มถือตะกร้าวิ่งตรงไปยังกระท่อมหลังเรือนพบว่าภายในยังคงเงียบเชียบ มารดาพี่ชายและน้องสาวยังไม่กลับมา เซี่ยชิงหลีสังหรณ์ใจบางอย่างจึงคิดออกตามหาพวกเขา
“อาเหิงเฝ้าของเอาไว้ให้ดี ถ้ามีใครคิดแย่งไปภรรยาขอสั่งให้เจ้าทุบตีพวกเขาได้เลย”
หญิงสาวสั่งความเพียงเท่านั้นก็รีบพุ่งออกจากเรือนตระกูลเซี่ยไปอีกครั้ง
เซี่ยชิงหลีกำลังกลับขึ้นเขาพบว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังหามร่างของใครบางคนกลับลงเขามา ร่างบางวิ่งตรงไปยังคนกลุ่มนั้น ทันทีที่ได้เห็นร่างที่ถูกหามชัดเจนกายของหญิงสาวชาดิกไร้ความรู้สึกไปทันที
หัวใจของนางเต้นกระหน่ำรัว ไม่คิดว่าผ่านสมรภูมิมากมายพบเห็นคนถูกฆ่าก็ไม่น้อย ไม่เคยมีความรู้สึกหนักหน่วงและหวาดกลัวมากมายขนาดนี้ ดวงตากลมโตทอดมองร่างของมารดาที่บัดนี้มีเลือดอาบไปทั่วทั้งกาย บริเวณช่องท้องและขาของนางดูเหมือนจะมีบาดแผลฉกรรจ์
ชายชุดดำกระชากสาบเสื้อของหมอวัยกลางคนจนหลุดลุ่ย เวลานั้นเองเซี่ยชิงหลีได้เอ่ยแทรกขึ้น“นี่!...ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”“เจ้าเป็นใคร!”ชายชุดดำหันขวับมาที่นางทันที สายตาที่จับจ้องมานั้นราวกับจะสังหารคนเสียให้ได้“ข้าคือคนที่ผ่านทางมาและพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“แม่นาง...เจ้าอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย ไม่เห็นหรือว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยคนผู้นี้ไม่ได้เจ้าอาจต้องตาย เห็นหรือไม่เขามีอาวุธ”ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูช่วยเอ่ยทัดทานหญิงสาว“ข้ารู้...”แม้จะรู้เช่นนั้น เซี่ยชิงหลีก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ช่างผิดวิสัยของคนปกตินักหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนผู้นั้น นางพลันจดจำได้ทันที เขาคือชายชราที่อยู่กับอาจารย์ใหญ่จ้าว เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ชายชุดดำเห็นสายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไปเหมือนกับนางเคยรู้จักนายท่านของตนมาก่อน เขาทำท่าชักกระบี่ทว่าคนที่มาด้วยห้ามเอาไว้“เจ้าคนหนึ่งมานี่ ทำตามที่ข้าบอก”เซี่ยชิงหลีจัดท่าให้ชายชรานอนหงายแล้วเปิดทางหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากและยกขากรรไกรล่างขึ้น จากนั้นสั่งให้ชายชุดดำผายปอดให้ชายชราตามวิธีการของนางผู
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เจ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”“สิ่งนี้คือเห็ดสนเจ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต“ได้...เช่นนั้นเจ้าตามเขาเข้าไปในครัว”เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง“ต่อเลยเจ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตนเมื่อ
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็นท่าหลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็นคู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเรื่องมาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็นรอง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเจ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเจ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เรื่อง ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป“เจ้า!..”เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอ
ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มกว้างและหัวเราะด้วยความดีใจ“เย้! อาเหิงได้รับรางวัลแล้ว”ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นต่างมองการกระทำของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง อาเหิงแม้จะดูใสซื่อและบริสุทธิ์ทว่ากลับทำให้คนกำหมัดอยากจะชกหน้าสักครั้งร่างบางถูกฉวยโอกาสโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตางามเบิกโพลงเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับเลือดทั้งหมดพุ่งตรงขึ้นมาที่พวงแก้มในเสี้ยวอึดใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“อ๊ะ…!”เซี่ยชิงหลีหันขวับไปมองร่างสูง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจปนเขินอาย ริมฝีปากบางขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่มีคำใดหลุดออกเลยนอกจากเสียงพึมพำในลำคอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มของตนแผ่วเบา ราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง… หรือฝันไป“ภรรยา เจ้าเป็นอะไรหรือ”ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยดวงตาใสซื่อ“ขะ...ข้า พวกเรากลับกันได้แล้ว”ร่างบางรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของทุกคนภายหลังเมื่อคนตระกูลหลี่กลับมายังหมู่บ้าน ข่าวที่บ้านหลี่ล่ากวางตัวใหญ่ได้ก็ถูกลือกระฉ่อนในชั่วพริบตา เซี่ยชิงหลีคือเพชฌฆาตคนนั้น ทุกคนจึงรอฟั
“หลีเอ๋อ เจ้าจะบอกว่าตนเองรู้เรื่องสมุนไพรหรือ”“ใช่สิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไหว้หมอพเนจรท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ กระทั่งตอนนี้ที่พูดได้ก็ไม่ใช่ฝีมือของอาจารย์ข้าหรือ”ชายชราหันมายิ้มกับหลานสาวผู้โชคดีของตน“ดี! ดีจริงๆ ไม่คิดว่าในความโชคร้ายของพวกเจ้าจะยังมีเรื่องดีๆ อยู่ด้วย นี่ท่านแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”“อืม...ท่านแม่ของข้าจะรู้หรือไม่นั้น...บาดแผลของนางข้าก็เป็นคนรักษา อีกอย่างข้ายังคิดว่าจะใช้ความรู้ของตนพัฒนาเป็นอาชีพ ต่อไปครอบครัวของเราจะต้องร่ำรวยไปด้วยกัน”สองตาหลานเดินพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน หูที่ได้รับการฝึกฝนของเซี่ยชิงหลีพลันได้ยินความเคลื่อนบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป“ท่านตา!...รอสักครู่”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูขี้เล่นเป็นจริงจังในทันที ร่างบางย่องตามเสียงนั้นไปเมื่อพ้นเขตป่าสมุนไพรกลายเป็นลานทุ่งกว้าง ที่นั่นมีสัตว์ป่ามากมายกำลังเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินทันใดนั้นกวางหนุ่มตัวเขื่องค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากแนวพุ่มไม้มันเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ด้วยจังหวะที่สงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จมูกของมันก้มลงเล็มยอดหญ้าอ่อนสีเขียวสดอย่างละเมียดละไม ทว่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความร
หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้างแม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเ