Home / แฟนตาซี / เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path) / บรรยากาศแปลกๆในห้องเรียน

Share

บรรยากาศแปลกๆในห้องเรียน

last update Last Updated: 2025-09-30 13:59:00

....ยามเช้าแสงแดดสาดลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องเรียน เสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์ดังระงม ทั้งหัวเราะ ทั้งกระซิบกระซาบ รอคอยอาจารย์มาสอน

บางคนพลิกตำรา บางคนคุยเล่นหยอกล้อกันอย่างออกรส บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ครืด! เสียงเปิดประตูห้อง แต่ไม่ใช่อาจารย์ เป็นหลินเซียน

เมื่อหลินเซียนก้าวเข้ามาในห้องเรียน ชุดเซียนสีขาวใหม่สะท้อนแสงแดด ทำให้ทั้งห้องเงียบชะงักไปชั่วขณะ

ทุกสายตาหันมามองเขา ด้วยความตกตะลึง ผิวพรรณราวกับหยกและท่าทางสง่างามทำให้บรรยากาศรอบตัวราวกับหยุดเวลา

พวกศิษย์ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ ต่างพากันก้าวเข้ามาใกล้ รู้สึกเขินอายอย่างเห็นได้ชัด เสียงหัวเราะเบาๆ คลอเบาๆ ในห้อง

บางคนมือยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น หลินเซียนเพียงยิ้มบางเบา แต่ก็ทำให้หัวใจของพวกเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ

แม้แต่เพื่อนชายบางคนก็แอบเหลือบตาเขาอย่างชื่นชม

แต่...สายตาของหลิวเซี่ยงกลับเต็มไปด้วยความอิจฉา แน่นอนว่าไม่พอใจมาก

หลินเซียนก้าวไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองอย่างสง่า ชุดเซียนสีขาวปลิวไหวเบาๆ กับลมพัดผ่าน

ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์ธรรมชาติ ทำให้ศิษย์หลายคนลืมหายใจไปชั่วขณะ

พวกผู้หญิงพากันขยับใกล้เพื่อมองชุดสวยและรายละเอียดเล็กๆ ของชุด แต่ก็ยังคงเกรงใจเขาอยู่

เสียงกระซิบกระซาบของพวกเธอเต็มห้อง คล้ายลมพัดเบาๆ แต่ทุกคำพูดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม

หลิวเซี่ยงนั่งก้มหน้า ไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจ้องด้วยสายตาอิจฉาและแดงก่ำเล็กน้อย

....ประตูห้องเรียนถูกเลื่อนเปิดออก อาจารย์จื่อหยงก้าวเข้ามาพร้อมศิษย์หญิงร่างบางผู้ติดตามมาด้วย

เธอคือจินฮวา ศิษย์หญิงที่อายุน้อยที่สุดในรุ่น แม้นไม่ได้เก่งอะไร แต่เธอสามารถมาเรียนร่วมรุ่นได้ด้วยสิทธิพิเศษบางอย่างจากใครบางคน ซึ่งในห้องไม่มีใครกล้าซุบซิบพูดถึงเรื่องนี้เลย

สายตาของทั้งคู่สบกันเพียงครู่ ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย แฝงความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้

ศิษย์ในห้องต่างหันไปมองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

อาจารย์จื่อหยงไอเบาๆ คลายความเขิน ก่อนยกมือตรงหน้ากระดานหิน

“วันนี้…เราจะเริ่มเรียนวิชาค่ายกลเซียน” เสียงเขาดังกังวาน ตัดบรรยากาศอึดอัดลงในทันที

วิชาค่ายกลที่อาจารย์จื่อหยงสอนนั้นเป็นค่ายกลรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีสอนในสำนักนี้ 

ศิษย์ทุกคนในห้องสนใจมาก บางคนพูดจาหยอกล้อกับอาจารย์จื่อหยงอย่างออกรส

ยกเว้นหลินเซียน อาจเพราะเขามองว่าค่ายกลพวกนี้ไม่สำคัญเท่าการเพิ่มระดับปราณเซียน 

เพราะหากปราณเซียนแข็งแกร่งมากพอ ค่ายกลก็ถูกทำลายได้อยู่ดี

หลินเซียนจึงมองดูก้อนเมฆและนกบนฟ้ามากกว่าจะฟังอาจารย์จื่อหยงสอนหน้าห้อง

"หลินเซียน หันหน้ากลับมาฟังที่ข้าสอนหน่อย"

หลินเซียนหันหน้ากลับมาก้มหน้ามองตำราบนโต๊ะ

“เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า เจ้าจะเก่งเพียงใด ก็ยังมีผู้ที่เก่งกว่าเจ้าอยู่เสมอ”

หลิวเซี่ยงรีบปรบมือเสียงดัง ดังขึ้นจากด้านข้างหลินเซียน

“หึ…คนเก่งที่สุดในรุ่นนี่นะ แต่กลับมัวเหม่อไม่ฟังที่อาจารย์สอน”

หลิวเซี่ยงกอดอก สายตาเปี่ยมไปด้วยการเยาะเย้ย ปากยกยิ้มประชด

"หรืออาจารย์จื่อหยงไม่มีความรู้พอที่จะสอนอัจฉริยะเช่นเจ้า"

“เจ้าถึงคิดว่าตัวเองเก่งจนไม่จำเป็นต้องเรียนแล้ว?”

ศิษย์รอบข้างต่างเหลือบมอง บางคนกลั้นหัวเราะ บางคนอึ้งกับความกล้าเสือกของหลิวเซี่ยง

หลินเซียนหันมามองเพียงชั่วครู่ แววตาสงบ ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อย ไม่แม้แต่จะตอบโต้

บรรยากาศเงียบกริบลงทันที ความสง่างามของหลินเซียนยิ่งทำให้หลิวเซี่ยงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด

....หลังเสียงระฆังเลิกเรียนดังขึ้น ศิษย์ทั้งหลายทยอยออกจากห้องไปทีละคน

หลินเซียนกำลังเดินออกจากตึกเรียนอย่างสงบ จู่ๆ เงาร่างสูงของอาจารย์เฉิงเสินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ในมือของอาจารย์ถือคัมภีร์เก่าแก่ปกสีน้ำเงินเข้ม กลิ่นอายพลังเซียนแผ่วเบาแผ่ซ่านออกมา

“หลินเซียน” เสียงทุ้มดังชัด “นี่คือ คัมภีร์วิชากระบี่เซียน ที่ข้าได้จากสำนักเซียนชั้นสูงตอนที่ข้าไปเรียนที่นั่น ข้ามอบให้เจ้า”

ดวงตาของหลินเซียนเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงราวกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ

อาจารย์เฉิงเสินเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มบาง “วิชานี้ขึ้นชื่อเรื่องกระบี่วายุปราณ สามารถพลิกพลังปราณเป็นคมกระบี่ได้ แม้ไร้ดาบอยู่ในมือ”

มือทั้งสองของหลินเซียนยกขึ้นคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนยื่นไปรับคัมภีร์ด้วยความเคารพสูงสุด

“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ ข้าจะฝึกฝนอย่างสุดกำลัง” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

สายตาอาจารย์เฉิงเสินทอดมองศิษย์ด้วยความพอใจ ลึกๆ แฝงรอยยิ้มแห่งความหวัง

"ท่านเฉิงเสิน เจ้าสำนักเรียกขอรับ" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินแทรกเข้ามาบอก

"อ๋อ ท่านอาจารย์เรียกข้าเหรอ? ได้ เจ้านำทางข้าไปเลย"

ว่าแล้วอาจารย์เฉิงเสินก็รีบเดินออกไป ก่อนเดินจากหลินเซียนเขาเอามือตบไหล่หลินเซียนแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป....

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ตามความสามารถ

    (3 เดือนผ่านไป).....บัดนี้ศิษย์ทั้ง 6 คนบรรลุระดับรวบรวมปราณขั้นต้นได้หมดแล้ว หลินเซียนเริ่มให้แต่ละคนฝึกฝนต่างกัน - หลี่เทียนอวิ๋น แม้เขาจะเป็นคนก้าวร้าวแต่เขาเป็นลูกขุนนางจึงมีการศึกษาดีกว่าทุกคน หลินเซียนเริ่มสอนทักษะพื้นฐานการสร้าวงค่ายกลให้แก่เขา- เซียวฉิง นางฝึกฝนวิชากระบี่มาจากแม่แล้วหลินเซียนจึงสอนการบรรจุพลังปราณลงในกระบี่ให้- หวังต้า หลินเซียนสอนปราณธาตุไฟให้เขา หวังต้าชอบมากเพราะเขาคิดว่าอนาคตย่อมมีประโยชน์กับงานร้านตีเหล็กของเขาได้- จางซาน หลินเซียนสอนวิชาการปรุงยา และความรู้เรื่องสมุนไพรเซียนให้เขา เผื่อวันหน้าเขาจะหลอมยาไว้บำรุงร่างกายตัวเอง- หานซิ่วเรียนรู้พลังปราณธาตุน้ำตาหลินเซียน- หลิงเออร์แม้จะเป็นเด็กแต่รากวิญญาณเซียนเธอดีพิเศษ หลินเซียนจึงให้เธอฝึกปราณธาตุน้ำ, ไม้ และดิน ซึ่งปราณธาตุไม้นั้นหลินเซียนให้เสี่ยวหมิงออกมาช่วยด้วย เธอจึงทั้งสนุกที่ได้เล่นหมีแพนด้าและสัมผัสปราณธาตุไม้การสอนศิษย์ทุกคนหลายเดือนนี้หลินเซียนก็เหมือนได้ทบทวนวิชาต่างๆที่ตัวเองเคยร่ำเรียนมาให้ความรู้แน่นขึ้น เก็บตกเศษชิ้นส่วนเล็กๆในแต่ละวิชามาเติมเต็มปัญญาตนเอง บางครั้งกลางดึกเขาเองก็ไป

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สัมผัสปราณ

    ....ข่าวการไล่ตะเพิดอันธพาลทำให้ไม่มีีอาจารย์สถาบันติวอื่นกล้ามาคบหากับหลินเซียน แต่ก็ทำให้มีชื่อเสียงในกลุ่มเด็กๆเยาวชนที่อยากผ่านการทดสอบเป็นเซียนบางคน ทำให้สถาบันของหลินเซียนคึกคักขึ้น ห้องเรียนเล็กๆบัดนี้มีคนหนุ่มสาวทั้งชายหญิงรวมถึงเด็กน้อยครั้งก่อนมาเรียนด้วย 6 คนแล้วคนแรก คือเด็กหญิงตัวน้อยที่มาช่วยหลินเซียนครั้งที่แล้ว เธอชื่อหลิงเออร์ เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่อยู่กับคุณปู่ที่เปิดร้านขายน้ำหมึกและพู่กันข้างๆบ้านหลินเซียนนี่เอง เนื่องจากหลินเซียนบอกจะสอนให้ฟรี ปู่เธอจึงอนุญาตให้มาเรียนด้วยคนที่ 2 ชื่อหลี่อวิ๋นเทียน อายุ 14-15 ปีแล้ว เขาเป็นคุณชายสกุลขุนนางปลายแถว เนื่องด้วยเป็นเด็กมั่นใจตัวเองสูงพ่อแม่สอนไม่ฟัง จึงเอามาฝากให้หลินเซียนช่วยอบรมให้คนที่ 3 ชื่อหวังต้า เป็นลูกชายคนโตของร้านช่างตีเหล็กในตลาดคนที่ 4 ชื่อหานซิ่ว เป็นลูกชาวนายากจนจากชนบท แต่เป็นคนเรียบร้อยถ่อมตน หลินเซียนให้เขาพักที่สถาบัน โดยให้ทำงานทำความสะอาดเรือนแลกกับการให้ที่พักคนที่ 5 ชื่อเซียวฉิง เธอเป็นลูกสาวจอมยุทธหญิง ชำนาญวิชาดาบ แต่เมื่อตรวจพบว่ามีรากวิญญาณเซียน แม่เธอจึงพาเข้าเมืองหลวง และได้ยินชื่อเสียงหล

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   อาจารย์หลิน

    ....แคว้นจูตั้งอยู่ทางเหนือสุดของทวีป ถูกขนาบด้วยเทือกเขาหิมะที่สูงเสียดฟ้าปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี และในหุบเขามีทะเลสาบน้ำแข็งนิรันดร์ที่เล่ากันว่าซ่อนสมบัติเซียนและกระบี่โบราณไว้อยู่ด้วยส่วนพื้นที่ราบเป็นทุ่งน้ำแข็งและทะเลสาบที่ถูกแช่แข็งเกือบทั้งปี แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนสั้นๆจะมีทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มให้สัตว์เลี้ยงและกวางป่าออกหากินมีลมเหนือหนาวเย็นพัดลงมาที่เมืองทั้งปี ดวงอาทิตย์ส่องแสงน้อยจึงเป็นแคว้นที่กลางวันสั้นส่วนกลางคืนยาว ทำให้ผู้คนที่นี่แข็งแกร่งและอดทนณ เมืองหลวงขอแคว้นชื่อไป๋ซวง(น้ำค้างขาว) มีกำแพงเมืองที่ถูกสร้างด้วยหินแข็งแรงและไม้สนดำ ทนทานต่อพายุหิมะผู้คนแคว้นนี้มีผิวซีดขาว แก้มแดงจากอากาศหนาว มักสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์ซ้อนหลายชั้นอาชีพหลักคือ ล่าสัตว์, ทำหนังสัตว์, ค้าขนสัตว์, และหลอมเหล็กจากแร่ในภูเขา จึงมีตลาดแลกเปลี่ยนที่คึกคัก แม้จะเป็นแคว้นห่างไกลที่นี่ยังเป็นแคว้นที่ผู้คนมีรากวิญญาณเซียนหลายคน นั่นจึงทำให้มีสำนักเซียนมากมายในแคว้น ซึ่งการทดสอบเข้าเป็นศิษยืแต่ละสำนักก็มีทั้งการสอบมาตรฐานที่ราชสำนักกำหนด และการทดสอบเฉพาะแต่ละสำนักด้วยและด้วยทางการสนับสนุนอย่างด

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สิบปีสุดท้ายนี้ลูกจะอยู่กับแม่ไม่ไปไหน

    A : ไง?หลินเซียน : ท่านเป็นใคร ทำไมข้าไม่เห็นหน้าท่าน? แล้วที่นี่ที่ไหน?B : สำคัญด้วยรึ?หลินเซียน : พวกท่านเป็นใคร? ข้าอยู่ที่ไหน?B : เจ้าหนู ที่นี่มันเป็นสถานที่ๆอธิบายยากอยู่นะ เจ้าอย่าสนใจเลยA : เจ้าช่วยตอบคำถามพวกเราสัก 2 ข้อได้ไหม? แล้วเราจะปล่อยเจ้าไปหลินเซียน : ท่านจะถามอะไรขอรับ?A : ข้าจะถามว่า.......B : ส่วนข้าอยากถามเจ้าว่า.....A+B : แล้ววันหลังพวกเราจะมาขอคำตอบหลินเซียนลืมตาเบิกโพลง เขามองรอบๆตัว ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง มีผ้าห่ม และผ้าพันแผลพันกายนิดหน่อย"เจ้าฟื้นแล้วรึ?" ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนางปีศาจจิ้งจอกเก้าหางนั่นเอง นางนั่งเฝ้าเขาอยู่ไม่ไปไหน แถมมีเสี่ยวหมิงแพนด้าตัวน้อยอยู่ข้าง ๆ พอมันเห็นว่าหลินเซียนฟื้นแล้วมันดีใจรีบเดินเข้าไปออดอ้อนทันที"ขอบใจเจ้ามากที่มาช่วยพวกเรา" หลินเซียนเอื้อมไปจับมือนางจิ้งจอก ทำเอานางเขินแก้มแดง"ม....ไม่มีอะไรนี่ การตอบแทนบุญคุณเป็นเรื่องธรรมดา" หางนางโผล่ออกและบิดไปมา หลินเซียนยิ้มใความเขินอายของสาวแก่อายุตั้งพันปี"อาจารย์ท่านตื่นแล้ว!" องค์ชายดีใจพูดเสียงดัง อาการบาดเจ็บเขาดีขึ้นมากเพราะน้ำวิเศษในน้ำเต้าที่หลินเซียนให้เขาดื่ม

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ดั่งคำสัญญา....

    .....หลินเซียนใช้ม่านวารีพิทักษ์ป้องกันครบไปแล้ว 3 ครั้ง ดังนั้นลูกไฟสีน้ำเงินและสีเขียวที่ลอยพุ่งมานี้เขาไม่สามารถใช้วิธีเดิมป้องกันได้อีกแล้วหลินเซียนรีบชูแหวนธาราสวรรค์ขึ้นมา เขาเสี่ยงดวงดูว่าแหวนธาราสวรรค์จะสามารถดูดพลังไฟประหลาดทั้งสองนี้เก็บไว้ได้ไหม ปรากฏว่าแหวนธาราสวรรค์ดูไฟทั้งสองสีเข้าไปได้ แต่หากถอดจิตเข้าไปดูด้านในไฟนั้นลุกท่วมไปทั่วทำเอาปราณน้ำที่สะสมไว้ระเหยปั่นป่วนไปหมดหลินเซียนคิดว่าคงไม่อาจเก็บไว้ประหลาดแบบนี้ได้อีกแล้ว ฝ่ายเซียนหยวนอิงประหลาดใจไม่น้อย ไม่คิดว่าหลินเซียนจะมีแหวนธาราสวรรค์ของหายาก เขารู้สึกเจ็บแผลที่ถูกดาบวารีแทงเมื่อสักครู่"โทษที่เจ้าทำให้ข้าเจ็บ งั้นข้าจะเผาเจ้าด้วยสุดยอดไฟของข้า!"เขาปล่อยพลังออกมามากมายจะเศษซากอาคารถล่ม แผ่นดินสั่นไหว เขาใช้สิงมือกุมกันจนมีลูกไฟสีทองแดงโผล่ขึ้นมามันไม่ใ่ชไฟธรรมดา เพียงคนทั่วไปมองก็ตาบอดทันที พวกเซียนระดับต่ำก็มองแล้วจะรู้สึกเหมือนถูกโดนแผดเผาทั้งร่างส่วนหลินเซียนมั้นมองได้แค่แผบเดียวแล้วต้องรีบเอามือมาปิดบัง "นี่คือไฟจากแกนพิภพ!"เซียนชุดแดงหยิบสมบัติเซียนออกมาขว้างไปที่หลินเซียนกลายเป็นกรงแสงที่ไม่มีทางหนีห

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ไฟ...ปะทะ...น้ำ

    ....กลางสมรภูมิ แผ่นฟ้าสีเลือดฉาบด้วยแสงอัคคีแดงฉาน บัดนี้กองทัพขององค์ชายจ้าวหานเฟิง ที่มีทั้งทหารกล้าและเหล่าเซียนแคว้นจ้าวกำลังถลำลึกสู่ขอบเหวแห่งความพ่ายแพ้เสียงโครมครามของอาวุธชนกับอาวุธปะปนกับเสียงโหยหวน สายลมพัดกลิ่นคาวเลือดโชยอวลจนแทบหายใจไม่ออก ร่างทหารผู้กล้าและเซียนถูกเปลวเพลิงนรกกลืนกิน ร่างพวกเขากรีดร้องเพียงครู่ก่อนจะแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเหนือสนามรบ บนฟากฟ้าสีแดงฉานปรากฏเงาร่าง เซียนหยวนอิงฝ่ายศัตรูเพียงหนึ่งเดียว ชายชราผมขาวหนวดขาวในชุดสีแดง นัยน์ตาเขาราวกับแผดเผาด้วยเพลิงโลกันต์ ปราณของเขาเป็น "ไฟนรก" ที่ไม่ดับสิ้นแม้เมื่อดวงวิญญาณหลุดร่าง เปลวไฟนี้กัดกร่อนทั้งเนื้อหนังและวิญญาณ ผู้ที่ถูกเผาแม้ตายแล้วก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องของตนเองก้องสะท้อนอยู่ในห้วงว่างเหล่าเซียนแคว้นจ้าวพยายามค้ำยันค่ายกลถึงที่สุด เพื่อป้องกันไฟนรก แต่เส้นลายยันต์บนฟ้าและพื้นดินแตกร้าวอย่างน่าสยดสยอง ราวกับมังกรที่ใกล้ขาดลมหายใจ เซียนหนุ่มสาวและชายชรามากมายผู้รับหน้าที่เป็นเสาหลักของค่ายกล เลือดไหลจากเจ็ดทวาร ร่างสั่นสะท้านจนแทบจะยืนไม่อยู่ หากค่ายกลแตกพังเมื่อใด กองทัพแคว้นจ้าวทั้งหมดจะถูกไฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status