Share

เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)
เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)
Author: ปัฐน์พี

หลินเซียน

last update Last Updated: 2025-09-25 12:10:14

.....แสงอาทิตย์เช้าสาดผ่านหลังคาของบ้านไม้เก่าผุพัง หลังคาหลายแผ่นกร่อนจนเห็นแสงลอดเข้ามา เสียงลมพัดผ่านรอยรั่วในหน้าต่างไม้เก่า เสียงไก่ขันปะปนกับใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ริมเนินดิน ข้างหลังมีป่าลึกที่แม้จะรก แต่ยังมีความสดชื่นของพืชพรรณป่า เบื้องหลังภูเขาและป่าลึกนั้น… มีสมุนไพรแปลกตามากมาย 

"หลินเซียน" เด็กหนุ่มหน้าตาดีวัย 14 ปี ค่อยๆ กขึ้นจากที่นอนไม้ที่ปูด้วยฟูกเก่า มีเพียงผ้าห่มขาดๆคลุมร่างกายผอมๆสูงๆของเขา

สำหรับเขาแล้วแม้บ้านหลังนี้จะทรุดโทรม แต่ทุกมุมเต็มไปด้วยความทรงจำ

....ความยากจนนี้เกิดขึ้นหลังจากไม่มีเสาหลักครอบครัวอย่างบิดา ท่านเป็นเพียงพลทหารที่เสียชีวิตในสงครามโดยที่ไม่มีผู้ใดจดจำนอกจากลูกเมีย

หลินเซียนจึงพยายามทำทุกอย่างแทนบิดาเพื่อท่านแม่และท่านย่าที่แก่ชรา

เช้าๆหลังตื่นนอนวันนี้เขาทำความสะอาดบ้านเป็นสิ่งแรกสุดอย่างตั้งอกตั้งใจ

หลังนั้นก็ออกไปเก็บผักจากแปลงหน้าบ้าน ผักที่ปลูกเล้กไม่สวยงามเพราะดินขาดแคลนสารอาหารแถมยังโตช้าอีกด้วย

หลินเซียนถือกระบุงค่อยๆเก็บผักที่รับประทานได้ เมื่อเขากลับเข้ามาในบ้านก็เห็นท่านแม่และย่ารออยู่บนพื้นไม้เก่าที่มีรอยแตกเต็มไปหมด

ท่านแม่มองลูกชายด้วยสายตากังวล

“เซียนเออร์… เจ้าทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว เหนื่อยก็พักบ้างนะลูก”

หลินเซียนยิ้มบาง ๆ

“ข้ายังไหวขอครับท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวล”

ท่านย่าซึ่งเป็นหญิงชราค่อยๆ เดินมาจับแขนหลินเซียน มือสั่นเล็กน้อย

“ย่าภูมิใจในตัวเจ้า ถ้าพ่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงภูมิใจมากที่มีลูกกตัญญูเช่นเจ้า ตระกูลหลินโชคดีที่มีเจ้า หลานรัก”

หลินเซียนก้มหน้าเล็กน้อย แฝงรอยยิ้มเศร้า

“ขอครับท่านย่า…ท่านพักผ่อนเถอะขอรับ หลานจะทำทุกอย่างแทนท่านพ่อเอง ข้าจะไม่ปล่อยให้แม่และท่านย่าต้องทนลำบาก"

แล้วหลินเซียนก้พูดข่าวดีให้แม่และย่าเขาฟัง

"… ท่านแม่,ท่านย่าขอรับ โชคดีมาถึงข้าแล้ว วันก่อนข้าได้ท่านเซียนช่วยสำรวจให้แล้วว่าข้ามีรากเซียน สามารถฝึกเป็นเซียนได้"

"หากเข้าสำนักเซียนได้ก็จะมีเงินส่งให้ท่านแม่และท่านย่าใช้สุขสบายเสียที” หลินเซียนยิ้มแววตามีความหวัง

หลังพูดจบ เขาก็เดินไปก่อไฟต้มน้ำในหม้อเก่า รอจนเดือด แล้วค่อยๆ ยกหม้อใส่น้ำร้อนผสมน้ำเย็นมาที่ท่านแม่

“ท่านแม่… ข้าล้างเท้าให้ขอรับ เท้าท่านเย็นจนแตกไปหมดแล้ว”

แม่มองลูกชายสายตาเต็มไปด้วยความรัก

“เซียนเออร์… ไม่เป็นไรลูก เจ้าเหนื่อยแล้ว”

หลินเซียนยิ้มบาง ๆ มองตาแม่

“ไม่เป็นไรขอครับ แค่ได้ทำให้แม่สบาย ลูกก็พอใจแล้ว”

เขาคุกเข่าลงช้าๆ ปล่อยน้ำอุ่นลงบนเท้าแม่ มือเรียวบางนั่นเล็กแต่แน่นอน หลินเซียนล้างนิ้วเท้าแม่ทีละนิ้ว ใบหน้าเรียวสวยของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจ

ท่านแม่แอบลูบหัวเขาเบาๆ ด้วยความซาบซึ้ง ท่านย่ายืนมองอยู่ใกล้ๆอย่างมีความสุข

“หลินเซียน… เท่านี้แม่และย่าก็ภูมิใจแล้ว ถ้าทดสอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไรนะลูก”

แล้ว.....เสียงหัวเราะของเด็กคนอื่นจากหมู่บ้านดังเข้ามา

“ขยะไร้ค่าอย่างหลินเซียน จะฝึกเซียนได้เหรอ ฮ่า ๆ”

หลินเซียนใบหน้านิ่งก้มหน้าหลงปิดบังความเศร้าใจ เขาพยายามไม่สนใจเสียงเยาะเย้ย

"พรุ่งนี้ข้าจะไปทดสอบเข้าเป็นศิษย์สำนักเซียน และจะำให้สำเร็จ!"

 

....สายๆ แสงแดดเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย มีหญิงสาวอายุ 14 ปีแต่งกายดี เธอเป็นลูกสาวเจ้าของร้านน้ำชาในหมู่บ้าน มีหญิงรับช้ช่วยถือตะกร้าอาหารมาที่บ้านหลินเซียน 

“พี่เซียน… ข้านำอาหารมาให้” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

หลินเซียนเดินออกมาจากประตูบ้าน เขาก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อมองเห็นใบหน้าหญิงสาวดวงตาใสแจ๋ว

“ขอบคุณขอครับคุณหนู… ข้าเกรงใจท่านมาก เอามาให้ข้าบ่อยๆ”

คุณหนูร้านน้ำชาเธออดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าขาวเนียนเรียวสวยของเขา ช่างหล่อราวกับเซียนจากสวรรค์ก็ไม่ปาน น่าหลงไหลมาก นี่เองที่ทำให้เธอหลงรักข้างเดียวมาแสนนาน

คนใช้ยกตะกร้าใส่อาหารลงบนแคร่ไม้ไผ่อย่างระมัดระวัง

“อย่าลืมล้างมือก่อนกินนะเจ้าหนู”

หลินเซียนพยักหน้าแล้วล้างมืออย่างเรียบร้อย

เธอหัวเราะเบา ๆ พลางสังเกตการกระทำสุภาพของเขา

“เจ้าเด็กนี่พ่อแม่สอนมาดีจริงๆ”

หลินเซียนอายเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้ม

เธอวางอาหารไว้บนโต๊ะไม้เก่า มองเขาด้วยดวงตาแวววาว

“ถ้าเจ้าอยากอะไรอีก บอกพวกเราได้นะ เดี๋ยวข้าจะเอามาให้”

หลินเซียนโค้งเล็ก ๆ

“ขอบคุณขอครับ… ข้าไม่เคยลืมความช่วยเหลือของท่านเลยคุณหนู”

“เซียน… ข้าขอร้อง พรุ่งนี้พี่อย่าไปทดสอบเข้าสำนักเซียนเลยนะ มันอันตรายเกินไป”

หลินเซียนยืนตรง ใบหน้าเรียวสวยยังคงสงบ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่านขอรับ… แต่ข้าต้องไปเพื่อท่านแม่และท่านย่าของข้า”

“แต่พี่รู้ไหม… คนที่มีพรสวรรค์ต่ำเหมือนพี่มักถูกดูถูก ถูกมองเป็นขยะ…"

"แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะทำอย่างไร?”

คุณหนูโผเข้าไปซบอกและกอดหลินเซียนแล้วกลั้นน้ำตาร้องไห้ไม่อยู่ ทำเอาสาวใช้ที่ตามมาด้วยตกใจ

หลินเซียนตกใจเล้กน้อยแต่ก็ยิ้มบางๆ เขาเอามือข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาที่ขอบตาให้คุณหนู

“ก็ใช่อยู่ที่ข้าไม่มีพรสวรรค์… แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม"

"ข้ายังเชื่อว่าพรแสวงนั้นทำให้สำเร็จได้ไม่ต่างจากพรสวรรค์"

เธอถอนหายใจยาว แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

“ข้าไม่อยากเห็นพี่ทุกข์… ข้าแค่หวังให้พี่ปลอดภัย”

หลินเซียนก้มหน้าเล็กน้อย แตะมือเธอเบา ๆ

“ขอให้คุณหนูเชื่อมั่นในตัวข้า เหมือนที่ข้าเชื่อใจคุรหนูมาโดยตลอด”

เธอมองแววตาที่หนักแน่นของชายที่เธอหลงรัก แล้วพยายามกลั้นน้ำตา และยิ้มออกมาเล็ก ๆ

“ข้าจะรอเจ้า พี่ต้องปลอดภัยนะ”

หลินเซียนพยักหน้า ยิ้มบาง ๆ

“ข้าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ”

.

.

.

(ท้ายบท)

วันทดสอบรากวิญญาณในหมู่บ้าน เด็กหลายคนที่มีรากเซียนได้ผลลัพธ์เป็นสีสว่างงดงาม แต่ของหลินเซียนรากเซียนกลับเป็น “แสงขุ่นคล้ำเหมือนน้ำเน่า”

ทุกคนแม้แต่ท่านเซียนที่มาตรวจให้หัวเราะ บอกว่าเขาเป็น

เศษสวะไร้ค่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ตามความสามารถ

    (3 เดือนผ่านไป).....บัดนี้ศิษย์ทั้ง 6 คนบรรลุระดับรวบรวมปราณขั้นต้นได้หมดแล้ว หลินเซียนเริ่มให้แต่ละคนฝึกฝนต่างกัน - หลี่เทียนอวิ๋น แม้เขาจะเป็นคนก้าวร้าวแต่เขาเป็นลูกขุนนางจึงมีการศึกษาดีกว่าทุกคน หลินเซียนเริ่มสอนทักษะพื้นฐานการสร้าวงค่ายกลให้แก่เขา- เซียวฉิง นางฝึกฝนวิชากระบี่มาจากแม่แล้วหลินเซียนจึงสอนการบรรจุพลังปราณลงในกระบี่ให้- หวังต้า หลินเซียนสอนปราณธาตุไฟให้เขา หวังต้าชอบมากเพราะเขาคิดว่าอนาคตย่อมมีประโยชน์กับงานร้านตีเหล็กของเขาได้- จางซาน หลินเซียนสอนวิชาการปรุงยา และความรู้เรื่องสมุนไพรเซียนให้เขา เผื่อวันหน้าเขาจะหลอมยาไว้บำรุงร่างกายตัวเอง- หานซิ่วเรียนรู้พลังปราณธาตุน้ำตาหลินเซียน- หลิงเออร์แม้จะเป็นเด็กแต่รากวิญญาณเซียนเธอดีพิเศษ หลินเซียนจึงให้เธอฝึกปราณธาตุน้ำ, ไม้ และดิน ซึ่งปราณธาตุไม้นั้นหลินเซียนให้เสี่ยวหมิงออกมาช่วยด้วย เธอจึงทั้งสนุกที่ได้เล่นหมีแพนด้าและสัมผัสปราณธาตุไม้การสอนศิษย์ทุกคนหลายเดือนนี้หลินเซียนก็เหมือนได้ทบทวนวิชาต่างๆที่ตัวเองเคยร่ำเรียนมาให้ความรู้แน่นขึ้น เก็บตกเศษชิ้นส่วนเล็กๆในแต่ละวิชามาเติมเต็มปัญญาตนเอง บางครั้งกลางดึกเขาเองก็ไป

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สัมผัสปราณ

    ....ข่าวการไล่ตะเพิดอันธพาลทำให้ไม่มีีอาจารย์สถาบันติวอื่นกล้ามาคบหากับหลินเซียน แต่ก็ทำให้มีชื่อเสียงในกลุ่มเด็กๆเยาวชนที่อยากผ่านการทดสอบเป็นเซียนบางคน ทำให้สถาบันของหลินเซียนคึกคักขึ้น ห้องเรียนเล็กๆบัดนี้มีคนหนุ่มสาวทั้งชายหญิงรวมถึงเด็กน้อยครั้งก่อนมาเรียนด้วย 6 คนแล้วคนแรก คือเด็กหญิงตัวน้อยที่มาช่วยหลินเซียนครั้งที่แล้ว เธอชื่อหลิงเออร์ เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่อยู่กับคุณปู่ที่เปิดร้านขายน้ำหมึกและพู่กันข้างๆบ้านหลินเซียนนี่เอง เนื่องจากหลินเซียนบอกจะสอนให้ฟรี ปู่เธอจึงอนุญาตให้มาเรียนด้วยคนที่ 2 ชื่อหลี่อวิ๋นเทียน อายุ 14-15 ปีแล้ว เขาเป็นคุณชายสกุลขุนนางปลายแถว เนื่องด้วยเป็นเด็กมั่นใจตัวเองสูงพ่อแม่สอนไม่ฟัง จึงเอามาฝากให้หลินเซียนช่วยอบรมให้คนที่ 3 ชื่อหวังต้า เป็นลูกชายคนโตของร้านช่างตีเหล็กในตลาดคนที่ 4 ชื่อหานซิ่ว เป็นลูกชาวนายากจนจากชนบท แต่เป็นคนเรียบร้อยถ่อมตน หลินเซียนให้เขาพักที่สถาบัน โดยให้ทำงานทำความสะอาดเรือนแลกกับการให้ที่พักคนที่ 5 ชื่อเซียวฉิง เธอเป็นลูกสาวจอมยุทธหญิง ชำนาญวิชาดาบ แต่เมื่อตรวจพบว่ามีรากวิญญาณเซียน แม่เธอจึงพาเข้าเมืองหลวง และได้ยินชื่อเสียงหล

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   อาจารย์หลิน

    ....แคว้นจูตั้งอยู่ทางเหนือสุดของทวีป ถูกขนาบด้วยเทือกเขาหิมะที่สูงเสียดฟ้าปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี และในหุบเขามีทะเลสาบน้ำแข็งนิรันดร์ที่เล่ากันว่าซ่อนสมบัติเซียนและกระบี่โบราณไว้อยู่ด้วยส่วนพื้นที่ราบเป็นทุ่งน้ำแข็งและทะเลสาบที่ถูกแช่แข็งเกือบทั้งปี แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนสั้นๆจะมีทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มให้สัตว์เลี้ยงและกวางป่าออกหากินมีลมเหนือหนาวเย็นพัดลงมาที่เมืองทั้งปี ดวงอาทิตย์ส่องแสงน้อยจึงเป็นแคว้นที่กลางวันสั้นส่วนกลางคืนยาว ทำให้ผู้คนที่นี่แข็งแกร่งและอดทนณ เมืองหลวงขอแคว้นชื่อไป๋ซวง(น้ำค้างขาว) มีกำแพงเมืองที่ถูกสร้างด้วยหินแข็งแรงและไม้สนดำ ทนทานต่อพายุหิมะผู้คนแคว้นนี้มีผิวซีดขาว แก้มแดงจากอากาศหนาว มักสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์ซ้อนหลายชั้นอาชีพหลักคือ ล่าสัตว์, ทำหนังสัตว์, ค้าขนสัตว์, และหลอมเหล็กจากแร่ในภูเขา จึงมีตลาดแลกเปลี่ยนที่คึกคัก แม้จะเป็นแคว้นห่างไกลที่นี่ยังเป็นแคว้นที่ผู้คนมีรากวิญญาณเซียนหลายคน นั่นจึงทำให้มีสำนักเซียนมากมายในแคว้น ซึ่งการทดสอบเข้าเป็นศิษยืแต่ละสำนักก็มีทั้งการสอบมาตรฐานที่ราชสำนักกำหนด และการทดสอบเฉพาะแต่ละสำนักด้วยและด้วยทางการสนับสนุนอย่างด

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สิบปีสุดท้ายนี้ลูกจะอยู่กับแม่ไม่ไปไหน

    A : ไง?หลินเซียน : ท่านเป็นใคร ทำไมข้าไม่เห็นหน้าท่าน? แล้วที่นี่ที่ไหน?B : สำคัญด้วยรึ?หลินเซียน : พวกท่านเป็นใคร? ข้าอยู่ที่ไหน?B : เจ้าหนู ที่นี่มันเป็นสถานที่ๆอธิบายยากอยู่นะ เจ้าอย่าสนใจเลยA : เจ้าช่วยตอบคำถามพวกเราสัก 2 ข้อได้ไหม? แล้วเราจะปล่อยเจ้าไปหลินเซียน : ท่านจะถามอะไรขอรับ?A : ข้าจะถามว่า.......B : ส่วนข้าอยากถามเจ้าว่า.....A+B : แล้ววันหลังพวกเราจะมาขอคำตอบหลินเซียนลืมตาเบิกโพลง เขามองรอบๆตัว ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง มีผ้าห่ม และผ้าพันแผลพันกายนิดหน่อย"เจ้าฟื้นแล้วรึ?" ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนางปีศาจจิ้งจอกเก้าหางนั่นเอง นางนั่งเฝ้าเขาอยู่ไม่ไปไหน แถมมีเสี่ยวหมิงแพนด้าตัวน้อยอยู่ข้าง ๆ พอมันเห็นว่าหลินเซียนฟื้นแล้วมันดีใจรีบเดินเข้าไปออดอ้อนทันที"ขอบใจเจ้ามากที่มาช่วยพวกเรา" หลินเซียนเอื้อมไปจับมือนางจิ้งจอก ทำเอานางเขินแก้มแดง"ม....ไม่มีอะไรนี่ การตอบแทนบุญคุณเป็นเรื่องธรรมดา" หางนางโผล่ออกและบิดไปมา หลินเซียนยิ้มใความเขินอายของสาวแก่อายุตั้งพันปี"อาจารย์ท่านตื่นแล้ว!" องค์ชายดีใจพูดเสียงดัง อาการบาดเจ็บเขาดีขึ้นมากเพราะน้ำวิเศษในน้ำเต้าที่หลินเซียนให้เขาดื่ม

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ดั่งคำสัญญา....

    .....หลินเซียนใช้ม่านวารีพิทักษ์ป้องกันครบไปแล้ว 3 ครั้ง ดังนั้นลูกไฟสีน้ำเงินและสีเขียวที่ลอยพุ่งมานี้เขาไม่สามารถใช้วิธีเดิมป้องกันได้อีกแล้วหลินเซียนรีบชูแหวนธาราสวรรค์ขึ้นมา เขาเสี่ยงดวงดูว่าแหวนธาราสวรรค์จะสามารถดูดพลังไฟประหลาดทั้งสองนี้เก็บไว้ได้ไหม ปรากฏว่าแหวนธาราสวรรค์ดูไฟทั้งสองสีเข้าไปได้ แต่หากถอดจิตเข้าไปดูด้านในไฟนั้นลุกท่วมไปทั่วทำเอาปราณน้ำที่สะสมไว้ระเหยปั่นป่วนไปหมดหลินเซียนคิดว่าคงไม่อาจเก็บไว้ประหลาดแบบนี้ได้อีกแล้ว ฝ่ายเซียนหยวนอิงประหลาดใจไม่น้อย ไม่คิดว่าหลินเซียนจะมีแหวนธาราสวรรค์ของหายาก เขารู้สึกเจ็บแผลที่ถูกดาบวารีแทงเมื่อสักครู่"โทษที่เจ้าทำให้ข้าเจ็บ งั้นข้าจะเผาเจ้าด้วยสุดยอดไฟของข้า!"เขาปล่อยพลังออกมามากมายจะเศษซากอาคารถล่ม แผ่นดินสั่นไหว เขาใช้สิงมือกุมกันจนมีลูกไฟสีทองแดงโผล่ขึ้นมามันไม่ใ่ชไฟธรรมดา เพียงคนทั่วไปมองก็ตาบอดทันที พวกเซียนระดับต่ำก็มองแล้วจะรู้สึกเหมือนถูกโดนแผดเผาทั้งร่างส่วนหลินเซียนมั้นมองได้แค่แผบเดียวแล้วต้องรีบเอามือมาปิดบัง "นี่คือไฟจากแกนพิภพ!"เซียนชุดแดงหยิบสมบัติเซียนออกมาขว้างไปที่หลินเซียนกลายเป็นกรงแสงที่ไม่มีทางหนีห

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ไฟ...ปะทะ...น้ำ

    ....กลางสมรภูมิ แผ่นฟ้าสีเลือดฉาบด้วยแสงอัคคีแดงฉาน บัดนี้กองทัพขององค์ชายจ้าวหานเฟิง ที่มีทั้งทหารกล้าและเหล่าเซียนแคว้นจ้าวกำลังถลำลึกสู่ขอบเหวแห่งความพ่ายแพ้เสียงโครมครามของอาวุธชนกับอาวุธปะปนกับเสียงโหยหวน สายลมพัดกลิ่นคาวเลือดโชยอวลจนแทบหายใจไม่ออก ร่างทหารผู้กล้าและเซียนถูกเปลวเพลิงนรกกลืนกิน ร่างพวกเขากรีดร้องเพียงครู่ก่อนจะแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเหนือสนามรบ บนฟากฟ้าสีแดงฉานปรากฏเงาร่าง เซียนหยวนอิงฝ่ายศัตรูเพียงหนึ่งเดียว ชายชราผมขาวหนวดขาวในชุดสีแดง นัยน์ตาเขาราวกับแผดเผาด้วยเพลิงโลกันต์ ปราณของเขาเป็น "ไฟนรก" ที่ไม่ดับสิ้นแม้เมื่อดวงวิญญาณหลุดร่าง เปลวไฟนี้กัดกร่อนทั้งเนื้อหนังและวิญญาณ ผู้ที่ถูกเผาแม้ตายแล้วก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องของตนเองก้องสะท้อนอยู่ในห้วงว่างเหล่าเซียนแคว้นจ้าวพยายามค้ำยันค่ายกลถึงที่สุด เพื่อป้องกันไฟนรก แต่เส้นลายยันต์บนฟ้าและพื้นดินแตกร้าวอย่างน่าสยดสยอง ราวกับมังกรที่ใกล้ขาดลมหายใจ เซียนหนุ่มสาวและชายชรามากมายผู้รับหน้าที่เป็นเสาหลักของค่ายกล เลือดไหลจากเจ็ดทวาร ร่างสั่นสะท้านจนแทบจะยืนไม่อยู่ หากค่ายกลแตกพังเมื่อใด กองทัพแคว้นจ้าวทั้งหมดจะถูกไฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status