Share

เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)
เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)
Author: ปัฐน์พี

หลินเซียน

last update Last Updated: 2025-09-25 12:10:14

.....แสงอาทิตย์เช้าสาดผ่านหลังคาของบ้านไม้เก่าผุพัง หลังคาหลายแผ่นกร่อนจนเห็นแสงลอดเข้ามา เสียงลมพัดผ่านรอยรั่วในหน้าต่างไม้เก่า เสียงไก่ขันปะปนกับใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ริมเนินดิน ข้างหลังมี ป่าลึก ที่แม้จะรก แต่ยังมีความสดชื่นของพืชพรรณป่า และไหล่เขาเล็ก ๆ ยืนตระหง่านคลุมหมู่บ้านเล็ก ๆ ไว้ราวกับคอยปกป้องบ้านขนาดเล็กนี้

"หลินเซียน" ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นอนแผ่นบางบนฟูกเก่า ผ้าห่มขาด ๆ คลุมร่างกายผอมๆสูงๆ ของเขา แม้ บ้านจะทรุดโทรม แต่ทุกมุมเต็มไปด้วยความทรงจำของครอบครัว ....ความยากจนหลังจากไม่มีเสาหลักครอบครัวอย่างบิดาแล้ว  หลินเซียนก็พยายามทำทุกอย่างให้แม่และท่านย่าที่แก่ชรา

ตื่นนอนวันนี้เขาทำความสะอาดบ้านเป็นสิ่งแรกสุดอย่างตั้งอกตั้งใจเท่าที่แรงกายจะทำได้

หลังนั้นก็ออกไปเก็บผักจากแปลงหน้าบ้านซึ่งมีผักขาดแคลนสารอาหารและโตช้า หลินเซียนถือกระบุงกลับบ้าน แม่และย่ารออยู่บนพื้นไม้เก่าที่มีรอยแตกเต็มไปหมด

แม่มองลูกชายด้วยสายตากังวล

“เซียนเออร์… เจ้าทำตั้งแต่เช้าแล้ว เหนื่อยก็พักนะลูก”

หลินเซียนยิ้มบาง ๆ

“ข้ายังพอไหวขอครับท่านแม่อย่าได้กังวล”

ท่านย่าซึ่งเป็นหญิงชราค่อยๆ เดินมาจับแขนหลินเซียน มือสั่นเล็กน้อย

“ย่าภูมิใจในตัวเจ้า ถ้าพ่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงภูมิใจมากที่มีลูกกตัญญูเช่นเจ้า ตระกูลหลินโชคดีที่มีเจ้า หลานรัก”

หลินเซียนก้มหน้าเล็กน้อย แฝงรอยยิ้มเศร้า

“ขอครับท่านย่า…ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ โดนแดดและลมมากๆเดี๋ยวท่านจะไม่สบายเอา ท่านไม่ต้องกังวล หลานจะทำทุกอย่างแทนท่านพ่อให้เองเอง ข้าจะไม่ปล่อยให้แม่และท่านย่าลำบากอีกแล้ว"

"… แม้ชีวิตคนยากจนอย่าข้าจะไม่มีค่า แต่โชคดีมาถึงข้าแล้ว วันก่อนข้าได้ท่านเซียนช่วยสำรวจให้แล้วว่าข้ามีรากเซียน สามารถฝึกเป็นเซียนได้ หากเข้าสำนักเซียนได้ก็จะมีเงินส่งให้ท่านแม่และท่านย่าใช้สุขสบายเสียที”

หลังพูดจบ เขาเดินไปก่อไฟต้มน้ำในหม้อเก่า รอจนเดือด เสียงไก่ขันและลมพัดผ่านต้นไม้รอบบ้าน

หลินเซียนค่อย ๆ ยกหม้อใส่น้ำร้อนมาที่แม่

“ท่านแม่… ข้าล้างเท้าให้ขอรับ”

แม่สะดุ้งเล็กน้อย แต่สายตาเต็มไปด้วยความรัก

“เซียนเออร์… ไม่เป็นไรลูก เจ้าเหนื่อยเกินไปแล้ว”

หลินเซียนยิ้มบาง ๆ มองตาแม่

“ไม่เป็นไรขอครับ แค่ได้ทำให้แม่สบาย ลูกก็พอใจแล้ว”

เขาคุกเข่าลงช้า ๆ ปล่อยน้ำร้อนลงบนเท้าแม่ มือเล็กแต่แน่นอน ล้างทีละนิ้ว ใบหน้าเรียวสวยเต็มไปด้วยความตั้งใจ แม่แอบลูบหัวเขาเบา ๆ ด้วยความซาบซึ้ง

ท่านย่ายืนมองอยู่ใกล้ ๆ น้ำตาแทบไหล

“หลินเซียน… เจ้าทำให้ย่าและแม่ภูมิใจ ถ้าทดสอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีเจ้าอยู่ ย่าและแม่เจ้าก็มีความสุขมากแล้ว”

เสียงหัวเราะของเด็กคนอื่นจากหมู่บ้านดังเข้ามา

“ขยะไร้ค่าอย่างหลินเซียน จะฝึกเซียนได้เหรอ ฮ่า ๆ”

หลินเซียนกัดฟันแน่น พยายามไม่สนใจเสียงเยาะเย้ย

เขาเดินไปมุมเก็บคัมภีร์เก่า ๆ ของพ่อ แววตาใสแจ๋วของเด็กชายเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น

แม้มีรากวิญญาณเซียนก็จริง แต่ก็ต่ำเกินกว่าที่ใครคาดคิด กระนั้นหลินเซียนก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา

รอบ ๆ หมู่บ้านยังคงสงบ แต่เบื้องหลังภูเขาและป่าลึกนั้น… มีสมุนไพรแปลกตา และร่องรอยวัตถุโบราณที่รอผู้กล้าไปค้นหา

เด็กชายขยะคนนี้ยืนอยู่ท่ามกลาง บ้านเก่าผุพังและธรรมชาติที่เรียบง่าย แต่ในใจรู้ชัดเจน… 

"พรุ่งนี้แล้วสินะที่ข้าจะได้ไปทดสอบเข้าเป็นศิษย์สำนักเซียน"

....สายๆ แสงแดดเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย ลูกสาวเจ้าของร้านน้ำชาในหมู่บ้าน เดินถือตะกร้าอาหารมาที่บ้านหลินเซียน คนใช้ของเธอเดินตามอยู่ข้างหลัง

“พี่เซียน… ข้านำอาหารมาให้” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

หลินเซียนเดินออกมาจากประตูบ้าน เขาก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อมองเห็นใบหน้าหญิงสาวดวงตาใสแจ๋ว

“ขอบคุณขอครับคุณหนู… ข้าเกรงใจท่านมาก เอามาให้ข้าบ่อยๆ”

คุณหนูร้านน้ำชาเธออดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าขาวเนียนเรียวสวยคล้ายผู้หญิงของเขา ช่างราวกับเซียนจากสวรรค์ก็ไม่ปาน น่าหลงไหลมาก นี่เองที่ทำให้เธอหลงรักข้างเดียวมาแสนนาน

คนใช้ยกตะกร้าใส่อาหารลงบนแคร่ไม้ไผ่อย่างระมัดระวัง

“อย่าลืมล้างมือก่อนกินนะเจ้าหนู”

หลินเซียนพยักหน้าแล้วล้างมืออย่างเรียบร้อย

เธอหัวเราะเบา ๆ พลางสังเกตการกระทำสุภาพของเขา

“เจ้าดูแลตัวเองดีเหมือนพ่อแม่สอนจริง ๆ นะ”

หลินเซียนอายเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้ม

“ข้าพยายามให้ดีที่สุดครับ”

เธอวางอาหารไว้บนโต๊ะไม้เก่า มองเขาด้วยดวงตาแวววาว

“ถ้าเจ้าอยากอะไรอีก บอกพวกเราได้นะ เดี๋ยวข้าจะเอามาให้”

หลินเซียนโค้งเล็ก ๆ

“ขอบคุณขอครับ… ข้าไม่เคยลืมความช่วยเหลือของท่านเลยคุณหนู”

“พี่เซียน… ข้าขอร้อง เจ้าอย่าไปทดสอบเข้าสำนักเซียนเลยนะ มันอันตรายเกินไป”

หลินเซียนยืนตรง ใบหน้าเรียวสวยยังคงสงบ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่านขอรับ… แต่ข้าต้องไปเพื่อแม่และย่าของข้า”

เธอกัดริมฝีปาก มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ

“แต่เจ้ารู้ไหม… คนที่มีพรสวรรค์ต่ำเหมือนเจ้ามักถูกดูถูก ถูกมองเป็นขยะ… แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะทำอย่างไร”

คุณหนูโผเข้าไปซบอกและกอดหลินเซียนแล้วกลั้นน้ำตาร้องไห้ไม่อยู่ ทำเอาสาวใช้ที่ตามมาด้วยตกใจ

หลินเซียนยิ้มบาง ๆ แต่หนักแน่น เอามือข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาที่ขอบตาให้คุณหนู

“ข้าอาจไม่มีพรสวรรค์… แต่ข้าจะฝืนฟ้า ฝืนโชคชะตา เพื่อให้ได้เห็นอนาคตที่ข้าต้องการ ข้าจะไม่ยอมแพ้”

เธอถอนหายใจยาว แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

“ข้าไม่อยากเห็นเจ้าทุกข์… ข้าแค่หวังให้เจ้าปลอดภัย”

หลินเซียนก้มหน้าเล็กน้อย แตะมือเธอเบา ๆ

“ข้ารู้ว่าข้าอาจอันตราย แต่ถ้าไม่ลอง… ข้าจะไม่มีวันรู้ว่าตัวเองทำได้หรือไม่ ข้าต้องไป ขอให้คุณหนูเชื่อมั่นในตัวข้า”

เธอมองแววตาที่หนักแน่นของชายที่เธอหลงรัก แล้วพยายามกลั้นน้ำตา และยิ้มออกมาเล็ก ๆ

“ข้าจะรอเจ้า เจ้าต้องปลอดภัยนะ”

หลินเซียนพยักหน้า ยิ้มบาง ๆ

“ข้าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ”

(ท้ายบท)

วันทดสอบรากวิญญาณในหมู่บ้าน เด็กหลายคนที่มีรากเซียนได้ผลลัพธ์เป็นสีสว่างงดงาม แต่ของหลินเซียนรากเซียนกลับเป็น “แสงขุ่นคล้ำเหมือนน้ำเน่า”

ทุกคนแม้แต่ท่านเซียนที่มาตรวจให้หัวเราะ บอกว่าเขาเป็น

เศษสวะไร้ค่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สัตว์เลี้ยงอสูรตัวแรก

    ....กลางป่าลึกที่เงียบสงัด เพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ก็เหมือนกรีดทิ่มใจ ณ ต้นไม้เซียนที่พ่อปลูก ขณะที่หลินเซียนกำลังทดลองนำเปลือกไม้และใบมาผสมปรุงยาอยู่นั้น หลินเซียนก็ขมวดคิ้วแน่น เพราะเขารู้สึกถึงสายตาลึกลับที่จ้องมองอยู่ตลอด เหมือนเส้นลมหายใจถูกกดทับจนแทบแตกสลาย “ใคร?!”เขาเรียกปราณกระบี่สายนทีวายุขึ้นมา 1 เล่มลอยข้างตัวเขาทันที"ออกมา! ถ้าไม่ออกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ"พุ่มไม้ข้างหน้าขยับวูบ ราวกับมีเงาดำซ่อนตัวอยู่ หลินเซียนยกมือแตะด้ามดาบ พลังปราณพลุ่งพล่านพร้อมปะทะในพริบตา บรรยากาศหนักหน่วงเข้มข้นจนแทบกลายเป็นเสียงดังก้องในหูแต่อีกวินาที… “ซวบ!”สิ่งที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กลับเป็นเจ้าลูกหมีแพนด้าตัวน้อยมันมีขนสีขาวดำที่ควรจะนุ่มนวล แต่ตอนนี้กลับมอมแมมเลอะโคลนไปทั่ว ดวงตากลมโตสีดำสนิทช่างฉายประกายใสซื่อไร้เดียงสา มันยืนสองขาโงนเงน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งตุ้บลงไปอย่างงุ่มง่าม กอดท่อนไผ่หักครึ่งท่อนแนบอกไว้แน่นเหมือนสมบัติล้ำค่าเสียง "กรอบๆ" เล็ดลอดออกมาจากฟันเล็กๆ ที่กำลังแทะไผ่ แต่พอเงยหน้าขึ้นมามอง หลินเซียนก็แทบสะดุ้งกับสายตานั้น… มันจ้องด้วยแววตากลมใสไม่กะพริบ ราวกับกำลังสื่อสารว่า

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สิ่งที่ข้ามีเหนือกว่า

    ....ภายในป่าลึกหลังบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลอดกิ่งไม้ลงมาเป็นเส้นสาย ต้นไม้เซียนที่พ่อเคยปลูกตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ใบของมันมีประกายแสงระยิบราวหยดน้ำแข็ง ส่วนผลไม้สีม่วงกลมโตกลับแผ่วพลังปราณออกมาจางๆ จนบรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยพลังวิเศษหลินเซียนยืนนิ่ง สายตาจับจ้องต้นไม้นั้น แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและหนักแน่น“พ่อ…ท่านปลูกสิ่งนี้ไว้เพื่อข้า ข้าจะใช้มันไม่ให้สูญเปล่า เพื่อปกป้องท่านแม่และตัวข้า”เขารู้ตัวเองดี รากวิญญาณของตนต่ำต้อยกว่าคนทั่วไปมาก หากจะเดินตามตำราอย่างเดียว ย่อมไม่ทันใคร ไม่พ้นจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังตลอดไป ดังนั้นเขาต้องสร้างเส้นทางที่ไม่เหมือนใครมือเรียวของเขาเอื้อมไปเด็ดผลไม้ลูกหนึ่งมากัดช้าๆ น้ำหวานหอมไหลซึมลงลำคอ พลังปราณเย็นไหลเข้าสู่เส้นลมปราณทันที แต่หลินเซียนไม่รีบร้อน เขานั่งขัดสมาธิ ปล่อยให้พลังนั้นซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างระมัดระวัง“ตำราเขียนไว้แค่ผลอวิ๋นฮวานี้(ผลไม้แห่งเมฆาและดวงดาว)เพียงอย่างเดียว แม้จะทรงค่า…แต่เหตุใดตำราจึงมิกล่าวถึงราก กิ่ง ก้าน หรือแม้แต่ใบ? ยังไงเสียมันก็คือต้นไม้ที่มีพลังเซียนทุกส่วน”เขาเริ่มขบคิด"ไก่ 2 ตัว เป็ด 3 ตัวออกไข่ได้ 5 ฟอง

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ความดีของท่านพ่อ

    ....หลินเซียนเปลี่ยนจากชุดผ้าไหมที่เคยสวมใส่เป็นชุดชาวบ้านสีเทาเก่า ๆ ผ้าขาดตรงชายเสื้อเล็กน้อย พอให้ดูไม่ต่างจากชาวบ้านธรรมดาที่เดินไปมาในตลาด เขาดึงหมวกงอบลงต่ำเพื่อบดบังใบหน้า หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะยามก้าวผ่านผู้คนเขายังคงครุ่นคิดไม่หยุดถึงความเป็นไปได้สำนักอวิ๋นเจิ้งอาจส่งคนออกมาตามล่าเขาอยู่ทุกย่างก้าว หรือบางทีหลิวเซี่ยง ไอ้อ้วนขี้อิจฉานั่น อาจลงมือเอง ส่งลูกน้องมือดีเฝ้าดักตามทางสายหลักหลินเซียนไม่กลัวตาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจคือท่านแม่ หากเขาพลาดท่า ศัตรูเหล่านั้นอาจลามไปถึงผู้ให้กำเนิด ความคิดนั้นทำให้ทุกก้าวที่เหยียบพื้นหินเย็นยะเยือกหนักอึ้งยิ่งกว่าภูเขามือเขาเผลอกำแน่นที่ชายเสื้อ หูคอยเงี่ยฟังทุกเสียงรอบด้าน เสียงฝีเท้าคนเดิน เสียงลมพัดกลีบดอกไม้ เสียงใด ๆ ก็อาจแฝงมีดสั้นจากเงามืดได้ทั้งสิ้นสายตาของเขากวาดมองรอบตลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แม้เพียงร่างคนเมาสะดุดล้ม หลินเซียนก็สะดุ้งนึกว่าเป็นศัตรูมาโจมตี ความกังวลกัดกินใจ แต่สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้คือภาพรอยยิ้มอ่อนโยนของมารดาในความทรงจำเขาต้องอยู่รอดให้ได้… ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อปกป้องนางจากเล่ห์กลของคนใจด

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ไม่เป็นไรลูก

    ....แสงแรกของรุ่งอรุณลอดผ่านปากถ้ำบาง ๆ กระทบหยดน้ำเกาะตามผนังหินหลินเซียนนั่งขัดสมาธิอยู่กลางถ้ำ ความมืดรอบตัวไม่อาจกลบความมุ่งมั่นในดวงตาเขาข้อมือและร่างกายยังมีรอยช้ำจากการเฆี่ยนในคุก แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปทุกความเจ็บปวดคือเชื้อไฟให้หัวใจมุ่งมั่นต่อสู้ในมือ เขารวบรวมปราณวายุให้กลายเป็นคมกระบี่จาง ๆ ที่แทบมองไม่เห็นจากนั้นปราณหมื่นสายนทีเริ่มไหลเวียนในกายละอองน้ำมากมายรวมตัวกันเป็นก้อนน้ำลอยอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของเขาน้ำหยดเล็ก ๆ จากเพดานถ้ำสั่นสะท้านตามจังหวะปราณที่เขาเรียกใช้หลินเซียนค่อย ๆ ผสานสองวิชาเข้าด้วยกันครั้งแรกที่ลอง รวมปราณทั้งสองเข้าด้วยกัน เขารู้สึกพลังปะทะกันรุนแรงเสียงสะท้อนดังก้องในถ้ำ คล้ายกับธรรมชาติทดสอบความเข้มแข็งของเขาเขาสูดลมหายใจลึก ปรับจังหวะลมหายใจให้สอดคล้องกับการไหลของน้ำปราณหมื่นสายนทีพุ่งออกมารอบตัว เป็นเกราะบาง ๆ รอบคมกระบี่วายุคมกระบี่แปรเปลี่ยนเป็นเส้นปราณใสคล้ายลมพายุในละอองน้ำหลินเซียนฟันอากาศ ฝึกซ้ำหลายครั้ง แต่ครั้งแรกยังไม่แม่นยำเสียงลมปราณและน้ำกระทบกันเป็นจังหวะราวกับดนตรีแห่งพลังเขาไม่ยอมแพ้ ล้มแล้วลุกใหม่ ลองปรั

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   แหกคุกด้วยปัญญา

    ....ท่ามกลางความมืดชื้นและกลิ่นสนิมเลือดในคุกใต้ดิน แสงจันทร์ส่องลอดลงมา ภาพรอยยิ้มของมารดาก็ผุดขึ้นมาในใจหลินเซียนอย่างชัดเจนเขาจำได้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นและเสียงปลอบโยนที่เคยคอยประคองเขายามบาดเจ็บและท้อแท้อีกด้านหนึ่ง ความทรงจำของย่าผู้เฒ่าที่คอยหุงหาอาหารและเล่านิทานยามค่ำคืน ทำให้หัวใจเขาอ่อนโยนแต่ก็สั่นไหวความคิดเป็นห่วงพวกท่าน กลัวว่ามารดาและย่าอาจถูกผู้คนภายนอกกดขี่หรือได้รับความอัปยศเพราะเขาทำให้ดวงตาที่เคยสิ้นหวังกลับลุกโชนขึ้นหลินเซียนกัดฟันแน่น ราวกับจะสลักคำสัตย์ลงในเลือดเนื้อของตนเอง“ต่อให้คุกนรกนี้กักขังข้าไว้ ข้าก็ต้องรอดออกไป... เพื่อปกป้องแม่และย่าของข้าให้ได้!”เขาเริ่มมองรอบๆตัวอย่าเพ่งพินิจ คุกใต้ดินหนาแน่นราวกับโคลนเหนียวกลิ่นอับชื้นผสมกับกลิ่นเลือดและสนิมเหล็กคละคลุ้งหลินเซียนนั่งพิงกำแพงหินครุ่นคิด ข้อมือและข้อเท้าถูกโซ่เหล็กหนาล่ามไว้แน่น“ในคุกนี้มีอะไร? แล้วตัวข้าตอนนี้มีอะไร? ข้าต้องเก็บข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อใช้สิ่งที่มีทุกอย่างพาข้าออกไปจากที่นี่!”เขาหลับตา สูดหายใจเข้า แม้เจ็บปวดก็ยังบังคับจิตใจให้นิ่งทบทวนวิชาที่เคยร่ำเรียนต่างๆกระบี่วายุปราณ = มันเปล

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า

    ....ภายใน หอพิพากษาสำนัก แสงไฟจากคบเพลิงสลัวสะท้อนเงาบนผนังหิน ทำให้บรรยากาศขึงขังและเย็นเยียบ ราวกับทุกลมหายใจถูกพันธนาการด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น เมื่อบานประตูหินหนักค่อยๆ เปิดออก เสียงก้าวเท้าองครักษ์เกราะดำสิบคนกระแทกพื้นดังก้อง พวกมันกดบ่าหลินเซียนแน่นจนถูกบังคับให้คุกเข่าลงบนลานพิพากษาอันกว้างใหญ่เบื้องสูงสุดของแท่นหินดำประดับหยก เจ้าสำนักชุดคลุมสีครามเข้มประทับนั่ง ดวงตาเรียบเฉย แต่แฝงแรงกดข่มที่ทำให้แม้กระทั่งอากาศรอบตัวสั่นสะท้านสองข้างล่างลงมา อาจารย์เฉิงเสิน และ อาจารย์จื่อหยง นั่งขนาบซ้ายขวาอาจารย์เฉิงเสินมีใบหน้าคมคายแฝงรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาเหมือนมองทุกคนต่ำต้อยกว่าตนส่วนอาจารย์จื่อหยงนั้นสายตาเย็นชา ดั่งเฝ้าสังเกตโดยไร้อารมณ์ด้านข้างอีกชั้นคือ ผู้อาวุโสทั้งสาม ผู้ชรานั่งเรียงราย เคราขาวสะบัดตามลมปราณที่พัดไหว บรรยากาศเคร่งขรึมเต็มไปด้วยอำนาจเก่าแก่หลินเซียนถูกองครักษ์เกราะดำกดคุกเข่าลงตรงกลางลานหินเย็นเฉียบ เลือดที่มุมปากยังไม่แห้งสนิท หัวใจเต้นแรง แต่สายตายังคงแข็งกร้าวไม่ยอมก้มหัวให้ใครหลินเซียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาอิดโรยแต่ยังพอมีประกายความหวังอยู่เล็กน้อย... เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status