ในขณะที่เสียงหัวเราะและบทสนทนาของ แพรไหม กำลังดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกาย คีรินทร์ ผู้ซึ่งถูกนางแบบสาวโอบแขนอย่างสนิทสนมเกินเพื่อน สายตาของคีรินทร์ไม่ได้จับจ้องอยู่กับแพรไหมเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเหลือบมองไปยัง อลิสา ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา เธอยังคงสนทนากับ ภูริช ด้วยรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ
คีรินทร์พยายามที่จะฟังสิ่งที่แพรไหมพูด แต่สมองของเขากลับประมวลผลภาพของอลิสากับภูริชที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน และนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรู้สึกไม่พอใจที่เห็นอลิสาสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น ทั้งๆ ที่เขากำลังเล่นเกมจีบเธออยู่ และเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับเธอเลยในตอนนี้
แต่แล้วจู่ๆ สายตาของคีรินทร์ก็ไปสะดุดกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามาในงาน ชายหนุ่มคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสูทสีเข้มที่ดูภูมิฐาน ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาฉายแววฉลาดและดูเป็นคนใจดี เขามีท่าทีที่ดูเป็นมิตรและอบอุ่นกว่าคีรินทร์อย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ ชายหนุ่มคนนั้นกำลังเดินตรงเข้าไปหาอลิสาด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด
เขาคือ ธาม นักธุรกิจคู่ค้าคนสำคัญของ ALISA Design เจ้าของบริษัทนำเข้าวัตถุดิบและอุปกรณ์สิ่งทอรายใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อลิสาประสบความสำเร็จในธุรกิจแฟชั่น ธามเป็นชายหนุ่มที่แอบชอบอลิสามานานแล้ว เขาชื่นชมในความสามารถและบุคลิกที่โดดเด่นของเธอเสมอ แต่เขาไม่เคยแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง หรือรุกเข้าหาเธอแบบผู้ชายคนอื่นๆ เขาเลือกที่จะอยู่ข้างๆ เธอ คอยช่วยเหลือสนับสนุนในฐานะคู่ค้าและเพื่อนร่วมงานที่ดี
ธามเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอลิสาและภูริช เขาไม่ได้แสดงท่าทีตกใจที่เห็นภูริชยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับทักทายอลิสาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจและอบอุ่น
"ลิซ! ในที่สุดผมก็ได้เจอคุณสักที" ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจ "ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ เห็นคุณยุ่งกับงานมาหลายวัน ไม่ได้พักผ่อนเลยใช่ไหมครับ"
อลิสายิ้มกว้างอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเห็นธาม "ธาม! ไม่คิดเลยว่าจะมางานของลิซด้วย" เธอเอ่ยด้วยความยินดีอย่างเห็นได้ชัด ความจริงใจที่เธอแสดงออกต่อธามทำให้คีรินทร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลรู้สึกขัดใจเล็กน้อย
ธามส่งสายตาเป็นห่วงไปที่อลิสา "ก็ต้องมาสิครับ งานสำคัญขนาดนี้ ผมจะพลาดได้ยังไง" เขาพูดพลางกวาดสายตามองไปทั่วงานอย่างชื่นชม "คอลเลกชันใหม่ของคุณสวยมากจริงๆ นะลิซ สมกับที่คุณทุ่มเทแรงกายแรงใจไปทั้งหมดเลย"
"ขอบคุณมากนะธาม" อลิสาตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอไม่ได้ยิ้มแบบที่ยิ้มให้คีรินทร์ หรือยิ้มแบบที่ยิ้มให้ภูริช แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสบายใจและความไว้วางใจ
ธามไม่ได้จีบอลิสาตรงๆ เขาเพียงแค่แสดงออกถึงความห่วงใยและความสนใจในตัวเธออย่างชัดเจน เขาถามไถ่ถึงความเหน็ดเหนื่อยจากการเตรียมงาน ความกังวลที่เธออาจจะมี หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของเธอเอง
"คุณดูผอมลงไปนิดหน่อยนะครับช่วงนี้" ธามพูดพลางสังเกตใบหน้าของอลิสาอย่างละเอียด "คงจะทำงานหนักมากใช่ไหมครับ อย่าหักโหมมากนักนะครับ ผมเป็นห่วง"
คำพูดของธามแม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง มันเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสังเกตเห็น และนั่นทำให้อลิสารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกว่าธามเป็นคนที่เข้าใจเธอ และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
"ไม่เป็นไรหรอกธาม ลิซสบายดี" อลิสาตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น "เดี๋ยวงานนี้จบก็คงได้พักแล้วล่ะ"
คีรินทร์ที่กำลังถูกแพรไหมโอบแขนอยู่ อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองธามด้วยแววตาที่เริ่มแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นท่าทีที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของธามที่มีต่ออลิสา และยิ่งไปกว่านั้น เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มที่จริงใจและอ่อนโยนที่อลิสาส่งให้กับธาม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับจากเธอเลย
"คีรินทร์คะ มองอะไรอยู่คะ" แพรไหมเอ่ยขึ้นข้างๆ หูของคีรินทร์ น้ำเสียงของเธอเจือความไม่พอใจเล็กน้อยที่เขาไม่สนใจเธอเลย
คีรินทร์หันกลับมามองแพรไหมเล็กน้อย "เปล่าครับ ผมแค่ดูบรรยากาศในงานน่ะ" เขาตอบอย่างขอไปที
แต่สายตาของคีรินทร์ก็ยังคงจับจ้องไปที่อลิสาและธาม เขาเห็นธามกำลังพูดคุยกับอลิสาอย่างออกรส ราวกับพวกเขามีเรื่องมากมายที่อยากจะแบ่งปันให้กันฟัง คีรินทร์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังกัดกร่อนอยู่ในใจ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ความหึงหวง แต่เป็นความไม่พอใจที่เห็น "เป้าหมาย" ของเขากำลังถูก "วอแว" โดยผู้ชายคนอื่น
ในเกมเดิมพันนี้ คีรินทร์คือ "นักล่า" และอลิสาคือ "เหยื่อ" เขาไม่ชอบที่มีนักล่าคนอื่นก้าวเข้ามาในอาณาเขตของเขา และพยายามที่จะเข้าใกล้เหยื่อของเขาอย่างเปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้น ธามยังแสดงออกถึงความรู้สึกที่ดูจริงจังและใส่ใจอลิสาในแบบที่แตกต่างจากเขาและภูริชอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกไม่พอใจของคีรินทร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นธามโน้มตัวลงไปกระซิบอะไรบางอย่างกับอลิสา ทำให้เธอหัวเราะออกมาอย่างสดใส คีรินทร์กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าเกมนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้แล้ว เพราะดูเหมือนจะมีคู่แข่งปรากฏตัวขึ้นมาอีกคน และคู่แข่งคนนี้ก็ดูเหมือนจะมีความใกล้ชิดกับอลิสามากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก
แพรไหมที่ยืนอยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่แผ่ออกมาจากตัวคีรินทร์ เธอเหลือบมองตามสายตาของเขาไป และเห็นอลิสากำลังสนทนากับธามอย่างสนิทสนม แพรไหมรู้สึกหมั่นไส้อลิสาอย่างรุนแรง เธอรู้ดีว่าอลิสาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในการคว้าหัวใจของคีรินทร์ แม้คีรินทร์จะยังคงให้ความสนใจเธอในฐานะคู่ควง แต่แพรไหมก็สัมผัสได้ถึงความสนใจที่คีรินทร์มีต่ออลิสาที่ดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ
ธามและอลิสาดูเข้าขากันอย่างเป็นธรรมชาติ พวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีที่โรแมนติกเกินเลย แต่ความเป็นห่วงเป็นใยที่ธามมีต่ออลิสา และความสบายใจที่อลิสาแสดงออกต่อธามนั้น มันชัดเจนมากพอที่จะทำให้คีรินทร์รู้สึกว่าเขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อดึงความสนใจของอลิสากลับมาที่เขา
สถานการณ์ในงานเปิดตัวคอลเลกชันแฟชั่นที่ควรจะเป็นไปอย่างราบรื่น กลับกลายเป็นสนามรบแห่งหัวใจที่เต็มไปด้วยการช่วงชิงและแก่งแย่งชิงดี การปรากฏตัวของธามและแพรไหม ทำให้เกมเดิมพันที่คีรินทร์และอลิสากำลังเล่นกันอยู่ซับซ้อนและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่