แม้ความสัมพันธ์ระหว่างคีรินทร์และอลิสาจะเริ่มก้าวเข้าสู่มิติที่ลึกซึ้งขึ้นจากการต้องไปร่วมงานต่างๆ ด้วยกันบ่อยครั้ง ทว่าสนามรบแห่งหัวใจนี้ก็ยังคงมีผู้เล่นคนอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแพรไหมที่ยังคงก่อกวนอย่างต่อเนื่อง หรือธามที่ยังคงคอยเป็นห่วงเป็นใยอลิสาอย่างสม่ำเสมอ สร้างความรำคาญใจให้ทั้งคีรินทร์และอลิสาไม่น้อย
ในงานเลี้ยงรับรองของนักธุรกิจและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งจัดขึ้นในห้องบอลรูมของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ อลิสาและคีรินทร์กำลังยืนสนทนากันอย่างออกรส พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นล่าสุด และแนวโน้มของธุรกิจสิ่งทอโลก บทสนทนาของพวกเขาราบรื่นและเป็นธรรมชาติ จนแทบไม่มีใครเชื่อว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นคู่ปรับในเกมเดิมพัน
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในห้วงสนทนา แพรไหมก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเดินตรงเข้ามาหาคีรินทร์ทันทีด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แขนเรียวของเธอสอดเข้ากับแขนของคีรินทร์อย่างถือวิสาสะ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย
"คีรินทร์คะ แพรไหมหาตั้งนานแหนะค่ะ ทำไมมาอยู่ตรงนี้เองคะ" แพรไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หวานหยดย้อยจนอลิสาที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับแอบเบะปากเล็กน้อย
คีรินทร์หันไปมองแพรไหมด้วยสีหน้าที่ไม่ได้พอใจนัก เขาพยายามจะดึงแขนออก แต่แพรไหมกลับยิ่งเกาะแน่นขึ้น
"คุณแพรไหม" คีรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ผมกำลังคุยเรื่องงานกับคุณอลิสาอยู่ครับ"
แพรไหมหันมายิ้มให้อลิสา "อ้าว คุณอลิสาก็อยู่ด้วยเหรอคะ ไม่เห็นเลยค่ะ" เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอลิสามาก่อน ทั้งที่อลิสายืนอยู่ตรงหน้าเธอชัดๆ "กำลังคุยเรื่องอะไรกันคะ แพรไหมขอฟังด้วยคนสิคะ"
อลิสาแค่นยิ้ม "ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณแพรไหม แค่เรื่องธุรกิจทั่วไปน่ะค่ะ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่รักษามารยาท แต่แววตาของเธอกลับฉายแววไม่พอใจ
แพรไหมไม่สนใจคำพูดของอลิสา เธอหันไปเกาะติดคีรินทร์แน่นกว่าเดิม "คีรินทร์คะ แพรไหมรู้สึกหิวน้ำจังเลยค่ะ คีรินทร์ช่วยไปหยิบน้ำให้แพรไหมหน่อยได้ไหมคะ" เธอพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนให้คีรินทร์ และเบะปากเล็กน้อยราวกับจะร้องไห้
คีรินทร์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาไม่ต้องการที่จะเดินออกไปจากอลิสาในตอนนี้ แต่ก็ไม่อยากให้แพรไหมสร้างเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้
"คุณแพรไหมไปหยิบเองก็ได้นี่ครับ" คีรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ
"โธ่ คีรินทร์ขา แพรไหมเมื่อยจังเลยค่ะ วันนี้ใส่ส้นสูงเดินเยอะมากเลย" แพรไหมยังคงออดอ้อนไม่เลิก
อลิสามองดูท่าทีของแพรไหมด้วยความเอือมระอา เธอไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไร้ยางอายเท่านี้มาก่อน
คีรินทร์จำใจต้องเดินไปหยิบน้ำให้แพรไหม เมื่อเขาเดินจากไป แพรไหมก็หันมายิ้มเยาะอลิสา ราวกับเป็นผู้ชนะ
"คุณอลิสาคงไม่ว่าอะไรนะคะที่แพรไหมต้องรบกวนคุณคีรินทร์ไปหยิบน้ำให้ แพรไหมก็แค่รู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ ค่ะ" แพรไหมพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย แต่แฝงความหมายที่ต้องการจะบอกว่าคีรินทร์อยู่ภายใต้อาณัติของเธอ
อลิสายิ้มตอบกลับ "ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะคุณแพรไหม หวังว่าคุณคีรินทร์คงจะไม่ต้องพาคุณแพรไหมเข้าโรงพยาบาลนะคะ ดูเหมือนคุณแพรไหมจะอ่อนแอมากเลยนะคะ" อลิสาตอกกลับเบาๆ แต่เจ็บจี๊ด
แพรไหมหน้าเสียเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าอลิสาจะตอกกลับมาแบบนี้ ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร คีรินทร์ก็เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำ
"ขอบคุณนะคะคีรินทร์ คีรินทร์นี่ใจดีกับแพรไหมที่สุดเลยค่ะ" แพรไหมเอ่ยชม พลางโอบแขนคีรินทร์แน่นอีกครั้ง
คีรินทร์พยายามจะดึงแขนออก แต่แพรไหมก็ยังคงเกาะแน่น อลิสามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความรำคาญใจ
ในอีกสถานการณ์หนึ่ง ซึ่งเป็นการประชุมธุรกิจสำคัญที่ทั้งคีรินทร์และอลิสาต้องเข้าร่วมในฐานะพาร์ทเนอร์ ธามซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทร่วมทุน ก็เข้าร่วมการประชุมด้วย ธามยังคงคอยดูแลและแสดงความเป็นห่วงอลิสาอย่างสม่ำเสมอ
ในระหว่างช่วงพักเบรกของการประชุม อลิสากำลังยืนอ่านเอกสารอยู่ที่มุมห้อง ธามเดินเข้ามาหาเธอพร้อมแก้วกาแฟ
"ลิซครับ กาแฟครับ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน" ธามยื่นแก้วกาแฟให้อลิสาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
อลิสายิ้มรับ "ขอบใจนะธาม ธามนี่น่ารักเสมอเลย"
คีรินทร์ที่กำลังเดินคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล เหลือบมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่พอใจที่เห็นธามดูแลอลิสาอย่างใกล้ชิด
"ประชุมเสร็จแล้ว ธามมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ" ธามถามอลิสา
"ยังไม่มีอะไรค่ะ" อลิสาตอบ
"ถ้าอย่างนั้นให้ธามไปส่งไหมครับ" ธามเสนอตัวด้วยความหวังดี
"ไม่ต้องหรอกธาม เดี๋ยวลิซกลับเองได้" อลิสาเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้ธามไปส่งดีกว่านะครับ ดึกแล้ว" ธามยังคงยืนยัน
คีรินทร์ที่เดินมาหยุดอยู่ไม่ไกลนัก กำลังฟังบทสนทนาของทั้งคู่อย่างเงียบๆ เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นธามพยายามเข้าหาอลิสาอย่างโจ่งแจ้ง
ทันใดนั้น แพรไหมก็เดินเข้ามาหาคีรินทร์ "คีรินทร์คะ แพรไหมรอคีรินทร์ไปส่งอยู่นะคะ"
คีรินทร์หันไปมองแพรไหมด้วยสีหน้าที่ไม่ได้พอใจนัก เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาอลิสาและธาม
"คุณอลิสาครับ ผมจะไปส่งคุณเองครับ" คีรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวเล็กน้อย ทำให้ธามและอลิสาหันมามองเขาด้วยความประหลาดใจ
ธามยิ้มบางๆ "ไม่เป็นไรหรอกครับคุณคีรินทร์ เดี๋ยวผมไปส่งลิซเองก็ได้ครับ"
"ไม่จำเป็นหรอกครับ" คีรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น "ผมเป็นพาร์ทเนอร์ของ ALISA Design ผมมีสิทธิ์ที่จะดูแลคุณอลิสามากกว่าใคร"
คำพูดของคีรินทร์ทำให้ธามเงียบไปทันที เขาไม่คิดว่าคีรินทร์จะแสดงท่าทีหึงหวงออกมาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้
อลิสามองคีรินทร์ด้วยความแปลกใจ เธอรู้สึกว่าคีรินทร์กำลังแสดงความเป็นเจ้าของเธออย่างชัดเจน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็แอบรู้สึกสนุกเล็กน้อยที่เห็นเขากำลังหงุดหงิดกับธาม
แพรไหมที่ยืนอยู่ข้างคีรินทร์ ถึงกับหน้าเสีย เธอไม่คิดว่าคีรินทร์จะปฏิเสธเธอต่อหน้าคนอื่น และยังไปประกาศตัวว่าจะไปส่งอลิสาอีกด้วย
การแทรกแซงของแพรไหมและธามทำให้ทั้งคีรินทร์และอลิสารู้สึกรำคาญใจมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับคีรินทร์ แพรไหมเปรียบเสมือนเงาตามตัวที่คอยก่อกวนเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ทำอะไร แพรไหมก็จะปรากฏตัวขึ้นมาเสมอ และพยายามแสดงความเป็นเจ้าของเขาอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งทำให้คีรินทร์รู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดอย่างมาก เขาไม่ชอบผู้หญิงที่พยายามจะควบคุมเขา และไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองจนต้องคอยเกาะติดเขาอยู่ตลอดเวลา
ส่วนธาม แม้เขาจะเป็นคนดีและหวังดีกับอลิสา แต่การแสดงความเป็นห่วงเป็นใยที่มากเกินไป และการพยายามเข้าหาอลิสาอย่างสม่ำเสมอ ก็ทำให้คีรินทร์รู้สึกไม่พอใจ เขาไม่ชอบที่เห็นธามอยู่ใกล้ชิดอลิสา และยิ่งไม่ชอบที่ธามแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่ออลิสาอย่างเปิดเผย คีรินทร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกท้าทาย และกำลังถูกธามแย่งชิงความสนใจของอลิสาไป
สำหรับอลิสา แพรไหมเป็นเหมือนอุปสรรคที่คอยขัดขวางไม่ให้เธอได้อยู่กับคีรินทร์อย่างเป็นส่วนตัว เธอรู้สึกรำคาญใจกับท่าทีที่ไร้รสนิยมของแพรไหม และรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ที่ต้องเจอคู่แข่งตลอดเวลา อลิสาไม่ชอบการถูกคุกคาม และไม่ชอบการที่ใครมาพยายามแสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งที่ยังไม่เป็นของใคร
ส่วนธาม แม้เขาจะเป็นเพื่อนที่ดีและคอยช่วยเหลือเธอเสมอ แต่อลิสาก็เริ่มรู้สึกอึดอัดกับการที่ธามพยายามเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกว่าธามกำลังแสดงความรู้สึกที่มากเกินกว่าคำว่าเพื่อน และนั่นทำให้เธอรู้สึกกดดันเล็กน้อย
ความรำคาญใจที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้คีรินทร์และอลิสาเริ่มตระหนักว่าเกมที่พวกเขากำลังเล่นอยู่นั้น ไม่ใช่แค่เกมเดิมพันที่สนุกสนานอีกต่อไปแล้ว แต่กำลังจะกลายเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยอารมณ์ที่แท้จริง
คีรินทร์เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ต้องการที่จะให้แพรไหมอยู่ใกล้เขาอีกต่อไปแล้ว เขาต้องการที่จะหลุดพ้นจากเธอ และต้องการที่จะอยู่ใกล้อลิสาเพียงคนเดียว ส่วนอลิสาก็เริ่มรู้สึกว่าเธอต้องการที่จะยุติสถานการณ์วุ่นวายนี้ และต้องการที่จะจัดการกับความรู้สึกที่แท้จริงของเธอที่มีต่อคีรินทร์
การแทรกแซงของคู่แข่งไม่ได้ทำให้พวกเขาถอยห่างจากกันเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มันยิ่งทำให้คีรินทร์และอลิสารู้สึกถึงความสำคัญของกันและกันมากขึ้น และยิ่งทำให้พวกเขาต้องการที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างแท้จริง
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่