บรรยากาศในงานเปิดตัวแบรนด์นาฬิกาหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ คลุ้งไปด้วยเสียงดนตรีแจ๊สเบาๆ และเสียงผู้คนสนทนากันจอแจ คีรินทร์ ยืนอยู่ริมห้องโถงกว้างใหญ่ สายตาคมกริบของเขากวาดมองไปทั่วงานอย่างไม่ลดละ ดวงตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่บุคคลเพียงคนเดียว นั่นคือ อลิสา เธอกำลังยืนสนทนาอยู่กับกลุ่มนักลงทุนด้วยรอยยิ้มสดใส แต่แล้วรอยยิ้มของคีรินทร์ก็พลันจางหายไป เมื่อเขาเห็น ภูริช เดินเข้ามาสมทบในวงสนทนา และยื่นแก้วแชมเปญให้อลิสาด้วยท่าทางที่ดูเป็นกันเองเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้
ความรู้สึกที่ไม่ใช่แค่เกม เริ่มกัดกินหัวใจของคีรินทร์อย่างรุนแรง ความหงุดหงิดและความไม่พอใจพุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขากำแก้วไวน์ในมือแน่นจนข้อกระดูกขาวโพลน "ไอ้ภูริชนั่นมันอีกแล้วเหรอวะ" เขาพึมพำกับตัวเอง
ปกรณ์ที่เดินเข้ามาหาคีรินทร์ สังเกตเห็นสีหน้าตึงเครียดของเพื่อนสนิท
"เป็นอะไรวะไอ้คี ทำไมทำหน้าเหมือนคนจะกินเลือดกินเนื้อใคร" ปกรณ์ถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
คีรินทร์ไม่ได้ตอบ เขาเพียงแต่พยักพเยิดหน้าไปทางอลิสาและภูริช "มึงดูดิ ไอ้ภูริชนั่นมันไม่เลิกราเลยจริงๆ"
"อ๋อคู่แข่งคนสำคัญของมึงน่ะเหรอ" ปกรณ์ยิ้มมุมปาก "กูว่ามึงก็ควรจะทำใจนะเว้ย ก็ในเมื่อมึงยังเล่นเกมอยู่ ใครๆ เขาก็มีสิทธิ์เข้ามาจีบอลิสาได้ทั้งนั้นแหละ"
คำพูดของปกรณ์เหมือนน้ำมันราดบนกองไฟ คีรินทร์หันขวับมามองปกรณ์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ "เกมเหรอวะไอ้ปกรณ์! มึงคิดว่านี่มันยังเป็นแค่เกมอีกเหรอวะ!"
ปกรณ์เลิกคิ้วสูง เขาไม่เคยเห็นคีรินทร์แสดงอาการกราดเกรี้ยวขนาดนี้มาก่อน "แล้วมันไม่ใช่เกมแล้วไงวะ"
"มันไม่ใช่เกมแล้วโว้ย!" คีรินทร์ตอบเสียงดังขึ้นเล็กน้อย "กูไม่ชอบเลยที่เห็นมันอยู่กับไอ้ภูริชนั่น ไม่ชอบเลยที่เห็นไอ้ธามมันคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ"
คีรินทร์ เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่าทำไมเขาถึงต้องรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่เคยคิดว่าความรักเป็นแค่เกมสนุกๆ ผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นที่เขาจะพิชิตได้ง่ายๆ แต่กับอลิสามันไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ตั้งแต่แรกที่ได้เจอเธอ เธอก็ท้าทายเขา ทำให้เขาต้องผิดแผนไปเสียหมด เขาเคยคิดว่าความรู้สึกอยากเอาชนะคือสิ่งเดียวที่ผลักดันเขา แต่ตอนนี้มันปนเปื้อนไปด้วยความหึงหวงและหงุดหงิดที่แท้จริง
"มึงหึงอลิสาใช่ไหมวะ" ปกรณ์ถามตรงๆ
คีรินทร์นิ่งไป เขาไม่อาจปฏิเสธคำพูดของปกรณ์ได้อีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกร้อนรุ่มในอกมันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
"กูกูไม่รู้" คีรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เขาเดินออกไปจากจุดที่ยืนอยู่เพื่อหลบสายตาผู้คน ปกรณ์เดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ
ในขณะเดียวกัน อลิสาเองก็กำลังเผชิญหน้ากับความขัดแย้งภายในใจของตัวเองไม่ต่างกัน เธอยืนอยู่กลางวงสนทนา พยายามตอบคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักลงทุน แต่สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบมองคีรินทร์เป็นระยะๆ
เธอเห็นเขายืนอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดกว่าปกติ และสายตาของเขาก็จับจ้องมาที่เธอและภูริชอย่างไม่พอใจ อลิสารู้สึกแปลกๆ ที่เห็นคีรินทร์แสดงท่าทีแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกสนุกเล็กน้อยที่ได้เห็นเขาแสดงอาการหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน
แต่แล้วความรู้สึกสนุกก็พลันจางหายไป เมื่อ แพรไหม เดินเข้ามาในงาน เธอสวมชุดราตรีสีแดงสดที่โดดเด่นสะดุดตา และตรงเข้าไปหาคีรินทร์ทันที เธอโอบแขนเขาอย่างถือวิสาสะ และซบหน้าลงบนไหล่เขาอย่างออดอ้อน อลิสารู้สึกเหมือนมีไฟลุกพรึ่บขึ้นมาในอกทันที
อลิสา เริ่มรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง เธอหงุดหงิดกับแพรไหมที่เข้ามาแทรกกลาง และเริ่มรู้สึกหึงหวงเมื่อเห็นคีรินทร์กับผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่เธอเคยบอกตัวเองมาตลอดว่านี่เป็นแค่เกมเดิมพันเท่านั้น
"ยัยนั่นมันน่ารำคาญจริงๆ" อลิสาพึมพำกับตัวเอง
ภูริชที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นสีหน้าของอลิสาที่เปลี่ยนไป "คุณอลิสาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
อลิสาฝืนยิ้ม "เปล่าหรอกค่ะ ลิซแค่รู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย"
แต่สายตาของเธอก็ยังคงจับจ้องไปที่คีรินทร์และแพรไหมอย่างไม่ลดละ ความรู้สึกหึงหวงที่ปนเปื้อนกับความหงุดหงิดมันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เธอไม่ชอบที่เห็นแพรไหมอยู่ใกล้คีรินทร์ และไม่ชอบที่แพรไหมแสดงความเป็นเจ้าของคีรินทร์อย่างโจ่งแจ้ง
ความคิดเรื่องเกมเดิมพันที่เคยสนุกสนาน ตอนนี้มันเริ่มไม่ตลกอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเองว่าเกมนี้กำลังควบคุมเธออยู่หรือไม่ หรือจริงๆ แล้วเธอเองที่กำลังควบคุมเกมนี้ไม่ได้เสียแล้ว
อลิสาสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ และหันไปสนทนากับนักลงทุนต่อ แต่ในใจของเธอก็ยังคงร้อนรุ่มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผู้หญิงอย่างเธอที่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดและสามารถควบคุมทุกอย่างได้ บัดนี้กลับกำลังถูกควบคุมด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้จัก
หลังเลิกงาน คีรินทร์ขับรถกลับคอนโดฯ ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เขาจอดรถในลานจอดรถใต้ดิน และนั่งนิ่งอยู่ในรถเป็นเวลานาน แสงไฟสลัวๆ จากหลอดไฟนีออนส่องเข้ามาในรถ ทำให้เงาของเขาดูโดดเดี่ยวและว่างเปล่า
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนดูรูปอลิสาในแกลเลอรี ภาพที่เขาแอบถ่ายเธอไว้ตอนที่เธอเผลอยิ้มอย่างสดใสในงานวันนั้น รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบลง
"ทำไมวะ" คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง "ทำไมกูถึงต้องรู้สึกขนาดนี้"
เขาพยายามจะหาเหตุผลมารองรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่ก็หาไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจ เหตุผลทางสังคม หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม มันไม่มีอะไรมาอธิบายความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีต่ออลิสาได้เลย
คีรินทร์ยอมรับกับตัวเองว่าเขาไม่ได้กำลังเล่นเกมอีกต่อไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการแค่ชัยชนะ แต่เขาต้องการอลิสา ต้องการที่จะได้อยู่กับเธอ ต้องการที่จะเห็นรอยยิ้มของเธอทุกวัน และต้องการที่จะปกป้องเธอจากทุกสิ่งทุกอย่าง
ความรู้สึกหงุดหงิดที่เคยมีต่อภูริชและธาม ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับความริษยา ความรู้สึกที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้เลย เขาอิจฉาที่ภูริชได้อยู่ใกล้ชิดอลิสา อิจฉาที่ธามได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอ
คีรินทร์ลุกขึ้นจากรถ เขาเดินขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักของตัวเอง เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็ตรงไปที่บาร์ หยิบวิสกี้ขึ้นมารินใส่แก้ว จิบเข้าไปอึกใหญ่ ความขมปร่าของแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกภายในใจของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย
เขาเดินไปที่ระเบียง มองออกไปยังแสงไฟของเมืองที่พลุกพล่าน ความคิดของเขาวนเวียนอยู่กับอลิสาตลอดเวลา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกผูกพันกับใครมากเท่านี้มาก่อน และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักใครได้มากขนาดนี้
คีรินทร์หลับตาลง เขาพยายามจะจัดเรียงความคิดและความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในใจ เขาจะต้องยอมรับความจริง และจะต้องเดินหน้าต่อไปในเกมแห่งหัวใจนี้อย่างจริงจัง
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่