กลิ่นหอมของดอกไม้สดและเสียงดนตรีคลาสสิกที่บรรเลงคลอเคลียในงานแสดงศิลปะของมูลนิธิการกุศลแห่งหนึ่ง ไม่ได้ช่วยลดทอนบรรยากาศอันตึงเครียดที่แผ่ซ่านอยู่ระหว่างบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งเลยแม้แต่น้อย คีรินทร์ ยืนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกลจาก อลิสา สายตาของเขาจับจ้องไปยังทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ไม่ต่างอะไรกับเหยี่ยวที่เฝ้าระวังเหยื่อ
ภูริชเดินเข้ามาหาอลิสาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มที่ขับเน้นให้เขาดูภูมิฐานและน่าเชื่อถือ เขายื่นแก้วไวน์ให้อลิสาอย่างสุภาพ "คุณอลิสาครับ ไวน์แดงแก้วนี้เหมาะกับบรรยากาศวันนี้มากเลยครับ"
อลิสายิ้มรับ "ขอบคุณค่ะคุณภูริช"
คีรินทร์ที่เห็นเหตุการณ์นั้นพอดี ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่แววตาของเขากลับฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน
"คุณภูริชก็มางานนี้ด้วยเหรอครับ" คีรินทร์เอ่ยทักทายภูริชด้วยน้ำเสียงที่เจือความท้าทายเล็กน้อย
ภูริชหันมามองคีรินทร์ รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า "ครับคุณคีรินทร์ พอดีผมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของมูลนิธินี้น่ะครับ"
"อ๋อ...อย่างนั้นเองเหรอครับ" คีรินทร์แค่นยิ้ม "ผมก็นึกว่าคุณภูริชสนใจเรื่องศิลปะเป็นการส่วนตัวเสียอีก"
ภูริชหัวเราะเบาๆ "ผมก็สนใจในระดับหนึ่งครับ แต่หลักๆ ก็เพื่อสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ของสังคมน่ะครับ" เขาเหลือบมองอลิสาเล็กน้อย "คุณอลิสาเองก็ดูเหมือนจะสนใจเรื่องศิลปะมากเลยนะครับ"
"ค่ะ ลิซชอบงานศิลปะทุกแขนงเลยค่ะ" อลิสาตอบ เธอรู้สึกได้ถึง ความตึงเครียด ที่แผ่ซ่านอยู่ระหว่างคีรินทร์และภูริช
ทันใดนั้น ธาม ก็เดินเข้ามาสมทบ เขาถือแก้วน้ำผลไม้มาให้อลิสา "ลิซครับ วันนี้ลิซคงเหนื่อยทั้งวันแน่ๆ ดื่มน้ำผลไม้สดชื่นๆ หน่อยนะครับ"
อลิสายิ้มรับน้ำใจจากธาม "ขอบใจนะธาม"
คีรินทร์มองดูธามด้วยแววตาที่เย็นชา "คุณธามก็มาด้วยเหรอครับ ไม่ยักกะรู้ว่าคุณธามสนใจงานศิลปะด้วย"
ธามยิ้มตอบ "ผมก็แค่มาเป็นเพื่อนลิซน่ะครับ พอดีลิซชวนมา"
คำพูดของธามทำให้คีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก เขาเห็นว่าธามพยายามแสดงความเป็นเจ้าของอลิสาอย่างชัดเจน
"อ๋อ...อย่างนั้นเองเหรอครับ" คีรินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจือประชดประชัน "ผมก็นึกว่าคุณธามจะยุ่งอยู่กับงานที่บริษัทเสียอีก"
ธามยิ้มตอบ "งานก็ส่วนงานครับ แต่เรื่องสำคัญอย่างการมางานกับลิซ ผมก็ต้องแบ่งเวลามาให้ได้อยู่แล้วครับ"
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคีรินทร์ ภูริช และธาม ต่างก็พยายามแสดงออกถึงความสนใจที่มีต่ออลิสาอย่างไม่ปิดบัง พวกเขาผลัดกันพูดคุยกับอลิสา พยายามดึงความสนใจของเธอให้มาอยู่ที่ตัวเอง
ในขณะที่ทั้งสามหนุ่มกำลังประชันขันแข่งกันเพื่อแย่งชิงความสนใจของอลิสา แพรไหม ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเดินเข้ามาในงานด้วยชุดราตรีสีทองอร่ามที่โดดเด่นสะดุดตา เธอเดินตรงเข้ามายังกลุ่มของคีรินทร์และอลิสาอย่างไม่ลังเล
"คีรินทร์ขา แพรไหมหาคีรินทร์ตั้งนานแน่ะค่ะ ทำไมมาอยู่ตรงนี้เองคะ" แพรไหมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แขนเรียวของเธอสอดเข้ากับแขนของคีรินทร์อย่างถือวิสาสะ
คีรินทร์พยายามจะดึงแขนออก แต่แพรไหมก็ยิ่งเกาะแน่นขึ้น เขามองแพรไหมด้วยสีหน้าที่ไม่ได้พอใจนัก
"คุณแพรไหม" คีรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ผมกำลังคุยเรื่องงานกับคุณอลิสาและเพื่อนๆ อยู่ครับ"
แพรไหมหันมายิ้มให้อลิสาอย่างเสแสร้ง "อ้าว คุณอลิสาก็อยู่ด้วยเหรอคะ ไม่เห็นเลยค่ะ" เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอลิสามาก่อน "คุณอลิสากำลังคุยเรื่องอะไรกันคะ แพรไหมขอฟังด้วยคนสิคะ"
อลิสาแค่นยิ้ม "ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณแพรไหม แค่เรื่องงานศิลปะทั่วไปน่ะค่ะ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่รักษามารยาท แต่แววตาของเธอกลับฉายแววไม่พอใจ
แพรไหมไม่สนใจคำพูดของอลิสา เธอหันไปเกาะติดคีรินทร์แน่นกว่าเดิม "คีรินทร์คะ แพรไหมรู้สึกหิวจังเลยค่ะ วันนี้ยังไม่ได้ทานอะไรเลย คีรินทร์พาแพรไหมไปหาอะไรทานหน่อยได้ไหมคะ" เธอพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนให้คีรินทร์
คีรินทร์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาไม่ต้องการที่จะเดินออกไปจากอลิสาในตอนนี้ แต่ก็ไม่อยากให้แพรไหมสร้างเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้
"คุณแพรไหมไปหาอะไรทานเองก็ได้นี่ครับ" คีรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ
"โธ่ คีรินทร์ขา แพรไหมอยากให้คีรินทร์ไปเป็นเพื่อนนะคะ" แพรไหมยังคงออดอ้อนไม่เลิก
อลิสารับมือแพรไหม ด้วยความอดทน เธอรู้ดีว่าแพรไหมกำลังพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อแยกเธอกับคีรินทร์ออกจากกัน แต่อลิสาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เธอจะไม่ยอมให้แพรไหมมาควบคุมสถานการณ์นี้ได้
"คุณแพรไหมคะ" อลิสาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด "ถ้าคุณคีรินทร์ไม่ว่าง ลิซคิดว่าคุณแพรไหมน่าจะหาเพื่อนคนอื่นไปทานด้วยนะคะ ในงานนี้มีอาหารอร่อยๆ เยอะแยะเลยค่ะ"
คำพูดของอลิสาทำให้แพรไหมหน้าเสียเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าอลิษาจะตอกกลับมาแบบนี้
"คุณอลิสา!" แพรไหมทำท่าจะโวยวาย
แต่ก่อนที่แพรไหมจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ คีรินทร์ก็ตัดสินใจแทรกขึ้นมา "ไม่เป็นไรครับคุณแพรไหม เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ"
คีรินทร์หันไปมองอลิสา ภูริช และธามด้วยแววตาที่บอกเป็นนัยว่าเขาจะกลับมาจัดการเรื่องนี้ทีหลัง ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับแพรไหมที่ยิ้มเยาะอลิสาอย่างผู้ชนะ
เมื่อคีรินทร์เดินจากไป ธามก็หันมาถามอลิสาด้วยความเป็นห่วง "ลิซครับ ลิซไม่เป็นไรใช่ไหมครับ"
อลิสายิ้มบางๆ "ลิซไม่เป็นไรหรอกธาม"
ภูริชเองก็มองอลิสาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ เขารู้ดีว่าอลิสากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่
การประชันหน้าครั้งแรกในงานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ ความตึงเครียด และการแข่งขันที่ชัดเจน ทุกคนต่างพยายามแสดงออกถึงความรู้สึกและความต้องการของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง
หลังเหตุการณ์ในงาน คีรินทร์กลับมาที่คอนโดฯ ด้วยความรู้สึกที่เดือดดาลกว่าที่เคย เขาเดินไปรอบห้องอย่างกระวนกระวายใจ ภาพของอลิสาที่ยิ้มให้ภูริชและธามยังคงติดตาเขาอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกหึงหวงมันแทบจะระเบิดออกมา
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกอยากเอาชนะปนเปื้อนกับความโกรธและความหงุดหงิดอย่างรุนแรง เขาตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ทำไมวะ ทำไมกูต้องรู้สึกแบบนี้!"
ในขณะเดียวกัน อลิสาเองก็กลับมาที่คอนโดฯ ด้วยความรู้สึกที่สับสนไม่แพ้กัน เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เธอหงุดหงิดกับแพรไหมที่พยายามสร้างสถานการณ์น่ารำคาญ และเริ่มรู้สึกหึงหวงเมื่อเห็นคีรินทร์กับแพรไหมอยู่ด้วยกัน
เธอคิดถึงเกมเดิมพันที่คีรินทร์เป็นคนเสนอขึ้นมา เธอเคยคิดว่าเธอจะสามารถควบคุมเกมนี้ได้ และจะไม่มีทางถลำลึกไปกับมัน แต่ตอนนี้เธอกลับไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้ว
"นี่มันยังเป็นเกมอยู่ไหมนะ" อลิสาพึมพำกับตัวเอง "หรือว่ามันกำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงไปแล้ว"
เธอเริ่มตั้งคำถามกับความรู้สึกของตัวเอง ความรู้สึกที่ซับซ้อนนี้ทำให้เธอไม่แน่ใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ เธอต้องการที่จะชนะเกมนี้ หรือเธอต้องการที่จะชนะใจคีรินทร์จริงๆ
การประชันหน้าครั้งแรกได้เผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกของเกมเดิมพัน และมันก็ทำให้ทั้งคีรินทร์และอลิสาต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งภายในใจของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่