หลังจากเหตุการณ์การประชันหน้าในงานแสดงศิลปะ บรรยากาศรอบตัว คีรินทร์ และ อลิสา ดูเหมือนจะเงียบงันลง แต่ภายในใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยพายุแห่งความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน เกมที่เคยสนุกสนานกลับกลายเป็นเรื่องที่จริงจังเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิด และมันกำลังนำพาทั้งคู่ไปสู่ จุดเปลี่ยน สำคัญในความสัมพันธ์
คืนนั้นในห้องทำงานของคีรินทร์ แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องกระทบใบหน้าเคร่งเครียดของเขา คีรินทร์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาจับจ้องไปยังเพดานว่างเปล่า ภาพของอลิสาที่ยืนอยู่ท่ามกลางภูริชและธามยังคงติดตาเขาอย่างชัดเจน ความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ และความหึงหวงที่รุนแรงยังคงเกาะกุมจิตใจของเขาไม่คลาย
"นี่มันไม่ใช่แค่เกมแล้วจริงๆ เหรอวะ" คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง เขาเริ่ม ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น ในใจ ความรู้สึกที่เขาพยายามจะปฏิเสธมาตลอด เขาเคยเชื่อว่าความรักเป็นแค่เรื่องของชัยชนะ เป็นแค่การพิชิตสิ่งที่ปรารถนา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว สิ่งที่เขารู้สึกกับอลิสาลึกซึ้งกว่านั้นมาก
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูรูปอลิสาอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบลง ความปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้เธอ ได้ดูแลเธอ และได้เป็นเจ้าของเธอเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง เขานึกถึงทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับอลิสา ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในงานปาร์ตี้ การทะเลาะเบาะแว้งกันในตอนแรก ไปจนถึงบทสนทนาที่ลึกซึ้งขึ้นในช่วงหลัง ทุกอย่างมันเหมือนกับภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำอยู่ในหัวของเขา
"ถ้ามันไม่ใช่เกม...แล้วมันคืออะไรวะ" คีรินทร์ถามตัวเองอีกครั้ง เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในใจของเขาเอง
ในขณะเดียวกัน ที่คอนโดมิเนียมของอลิสา เธอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคีรินทร์เท่าไหร่นัก อลิสาเดินไปมาในห้องนั่งเล่นอย่างกระวนกระวายใจ ความรู้สึกหงุดหงิดกับแพรไหม ความสับสนกับท่าทีของภูริชและธาม และที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกที่อลิสาเองมีต่อคีรินทร์ มันตีกันอยู่ในหัวของเธอไปหมด
"นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่" อลิสาพึมพำกับตัวเอง เธอเริ่ม ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อคีรินทร์มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอยากเอาชนะอีกต่อไปแล้ว มันปนเปื้อนไปด้วยความหึงหวง ความห่วงใย และความปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้เขา
เธอนึกถึงคำพูดที่คีรินทร์เคยพูดกับเธอ นึกถึงแววตาของเขาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจเมื่อเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น นึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาที่ดูจริงจังและใส่ใจเธอมากขึ้น อลิสาสับสนว่านี่เป็นเพียงกลยุทธ์ของเขาในเกม หรือเป็นความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีให้เธอ
"ฉันต้องการที่จะยุติเกมนี้ไหมนะ" อลิสาถามตัวเอง เธอรู้สึกเหนื่อยกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้ และต้องการที่จะหาคำตอบให้กับความรู้สึกของตัวเอง
วันรุ่งขึ้น คีรินทร์นัดปกรณ์มาที่สนามกอล์ฟส่วนตัวของเขา บรรยากาศยามเช้าที่สดใสตัดกับสีหน้าเคร่งเครียดของคีรินทร์อย่างสิ้นเชิง
"ไอ้ปกรณ์ กูนึกว่ากูจะบ้าตายแล้วนะเว้ย" คีรินทร์เอ่ยขึ้นทันทีที่ปกรณ์เดินเข้ามาใกล้
ปกรณ์ยิ้มบางๆ "กูบอกมึงแล้วใช่ไหมล่ะ ว่ามันไม่ใช่แค่เกม"
คีรินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เออ...มึงพูดถูก" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมรับความจริง "กูยอมรับแล้วว่าความรู้สึกที่กูมีต่ออลิสามันไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของเกมอีกต่อไปแล้ว"
ปกรณ์เลิกคิ้วสูง "แล้วมันคืออะไรวะ"
"กู...กูไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีว่ะ" คีรินทร์ตอบ สีหน้าของเขาดูสับสน "กูแค่รู้สึกว่ากูอยากอยู่กับยัยนั่นตลอดเวลา กูไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาเข้าใกล้เลย กูหึง กูหงุดหงิด กูเป็นบ้าไปแล้วมั้ง"
ปกรณ์หัวเราะเบาๆ "นั่นแหละที่เรียกว่าความรักโว้ยไอ้คี"
คีรินทร์ชะงักไป "ความรักเหรอวะ" คำว่า "ความรัก" ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขามองออกไปยังสนามกอล์ฟที่เขียวขจี เขาจะเริ่มยอมรับว่าความรู้สึกที่เขามีต่ออลิสาไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของเกมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความรู้สึกที่จริงจังเกินกว่าที่เขาคิดไว้
"กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยว่ะไอ้ปกรณ์" คีรินทร์สารภาพ "กูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักใครได้มากขนาดนี้"
"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ" ปกรณ์ตบไหล่เพื่อนเบาๆ "ถึงเวลาแล้วที่มึงจะต้องหยุดเล่นเกมบ้าๆ นั่น แล้วหันมาเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองอย่างจริงจัง"
คีรินทร์พยักหน้าช้าๆ เขานึกถึงอนาคตที่อาจจะมีอลิสาอยู่เคียงข้าง เขาจะเริ่มมองเห็นอนาคตกับอลิสา ภาพชีวิตคู่ที่เคยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ตอนนี้มันกลับดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นในความคิดของเขา
"กูจะทำยังไงดีวะ" คีรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
"ก็แค่เดินหน้าต่อไปอย่างจริงใจไงวะ" ปกรณ์ตอบ "มึงเป็นคนฉลาด มึงน่าจะรู้ดีว่าการจะพิชิตใจใครสักคนมันต้องทำยังไง"
ในอีกด้านหนึ่ง อลิสาไปนั่งจิบกาแฟกับนาราที่คาเฟ่โปรดของพวกเธอ บรรยากาศเงียบสงบช่วยให้อลิสารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความกังวลในใจของเธอก็ยังคงอยู่
"นารา ลิซสับสนไปหมดแล้ว" อลิสาเปิดประเด็น
นารามองหน้าเพื่อนด้วยความเข้าใจ "เรื่องคุณคีรินทร์ใช่ไหมลิซ"
อลิสาพยักหน้า "ลิซไม่รู้ว่าลิซกำลังรู้สึกอะไรกับเขาอยู่กันแน่" เธอสารภาพ "มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอยากเอาชนะอีกต่อไปแล้ว แต่มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก"
นารายิ้มบางๆ "ลิซก็คงรักเขาเข้าแล้วล่ะสิ"
คำว่า "รัก" ทำให้หัวใจของอลิสาเต้นแรงขึ้น เธอหลบสายตาของนารา "ไม่รู้สิ...ลิซไม่แน่ใจ"
"ถ้าลิซไม่แน่ใจ แสดงว่าลิซก็คงรู้สึกแบบนั้นแหละ" นาราพูดอย่างจริงจัง "เพราะถ้าลิซไม่รู้สึกอะไร ลิซคงไม่มานั่งสับสนแบบนี้หรอกนะ"
อลิสาเงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้ว่านาราพูดถูก ความรู้สึกที่เธอมีต่อคีรินทร์มันไม่ใช่แค่เรื่องของเกมเดิมพันอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความรู้สึกที่ ลึกซึ้งกว่านั้น
"แล้วลิซจะทำยังไงต่อไปล่ะ" นาราถาม "ลิซจะยุติเกมนี้ไหม"
คำถามของนาราทำให้ อลิสาเริ่มสับสนว่าเธอต้องการที่จะยุติเกมนี้หรือไม่ เธอเคยคิดว่าเธอจะชนะเกมนี้ และทำให้คีรินทร์ต้องตกหลุมพรางของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าเธออยากจะให้เกมนี้จบลงแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า
"ลิซไม่รู้" อลิสาตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "ลิซกลัวว่าถ้าลิซหยุดเล่นเกมนี้ ลิซจะเสียเขาไป"
"ถ้าลิซรักเขาจริงๆ ลิซก็ควรจะบอกความรู้สึกของลิซให้เขาได้รับรู้สิลิซ" นาราเตือน "การเล่นเกมไปเรื่อยๆ มันจะทำให้ลิซเจ็บปวดทั้งคู่"
อลิสาสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอรู้ว่านาราพูดถูก เธอจะต้อง พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริง ของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ตอนนี้ถือเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ของคีรินทร์และอลิสา ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงในใจของตัวเอง และต่างก็ยอมรับว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันนั้นเกินกว่าคำว่า "เกมเดิมพัน" ไปมากแล้ว
คีรินทร์ได้ตัดสินใจที่จะเอาจริงกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เขาจะเปลี่ยนจาก "การเล่นเกม" เป็น "การจีบ" อย่างจริงจัง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคู่แข่งทุกคนเพื่อพิชิตหัวใจของอลิสาให้ได้
ส่วนอลิสาเองก็กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องตัดสินใจ เธอจะต้องเลือกว่าจะยุติเกมนี้และเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริง หรือจะยังคงเล่นเกมต่อไปและเสี่ยงที่จะต้องเจ็บปวดในท้ายที่สุด
อนาคตของคีรินทร์และอลิสากำลังจะถูกกำหนดขึ้นจาก การตัดสินใจว่าจะดำเนินความสัมพันธ์นี้ต่อไปอย่างไร และจะยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้หรือไม่ เกมแห่งหัวใจครั้งนี้กำลังจะเข้าสู่บทบาทที่เข้มข้นที่สุด และไม่มีใครรู้ว่าบทสรุปของมันจะเป็นอย่างไร
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่