ด้วยความสามารถและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลอันเป็นเลิศ อลิสาและคีรินทร์ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกเขาตัดสินใจที่จะขยายธุรกิจไปในมิติใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นและท้าทายยิ่งกว่าเดิม หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับยักษ์ พวกเขามองเห็นโอกาสในการลงทุนในโปรเจกต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการอสังหาริมทรัพย์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ความสำเร็จทางธุรกิจของพวกเขาสอดคล้องกับความสุขในชีวิตส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งคู่เป็นที่ยอมรับและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในวงการนี้อย่างแท้จริง
โครงการใหม่ที่อลิสาและคีรินทร์กำลังผลักดันคือ "Green City" ซึ่งเป็นโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์เชิงนิเวศน์ขนาดใหญ่ที่เน้นการอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยมีการนำเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนมาใช้ทั้งหมด เช่น แผงโซลาร์เซลล์ ระบบบำบัดน้ำเสียแบบปิด และการออกแบบอาคารที่ส่งเสริมการระบายอากาศตามธรรมชาติ เพื่อลดการใช้พลังงานให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สวนสาธารณะ และทางเดินปั่นจักรยานที่เชื่อมต่อกันทั่วทั้งโครงการ แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์เทรนด์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน แต่ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทั้งสองให้ความสำคัญ
การเริ่มต้นโปรเจกต์ Green City ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีประสบการณ์และความสำเร็จมากมาย แต่การก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีความซับซ้อนด้านเทคโนโลยีและกฎระเบียบที่เข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมก็ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่ด้วยความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน อลิสาและคีรินทร์จึงสามารถนำทีมก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้
การประชุมกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทางเลือก การเจรจากับซัพพลายเออร์วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการนำเสนอแนวคิดให้แก่หน่วยงานภาครัฐเพื่อขออนุมัติโครงการ ล้วนต้องใช้ความรู้ความสามารถและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของทั้งสองคน อลิสาในฐานะซีอีโอผู้มากความสามารถ ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและการตัดสินใจที่เด็ดขาด ในขณะที่คีรินทร์ในฐานะประธานบริษัท ก็ใช้ประสบการณ์และความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ
วันหนึ่ง ระหว่างการประชุมสำคัญกับคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมของเมือง ซึ่งเป็นจุดชี้ขาดว่าโครงการ Green City จะได้รับอนุมัติหรือไม่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด อลิสานำเสนอข้อมูลและตอบคำถามอย่างมั่นใจและคล่องแคล่ว แต่ก็มีคำถามหนึ่งที่ยากเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวต่อระบบนิเวศในพื้นที่ใกล้เคียง
“คุณอลิสาครับ ทางคณะกรรมการยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายพันธุ์พืชท้องถิ่นบางชนิดที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์” ประธานคณะกรรมการกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อลิสานิ่งคิดไปชั่วครู่ เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้อง แล้วสายตาก็หยุดอยู่ที่คีรินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาส่งยิ้มให้เธออย่างให้กำลังใจ เหมือนจะบอกว่า "คุณทำได้" อลิสาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบออกไปอย่างมั่นใจ
“ท่านประธานคะ ทางบริษัทของเราได้เตรียมแผนการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์วิจัยพืชท้องถิ่น และการจัดสรรพื้นที่สีเขียวพิเศษเพื่อเป็นแหล่งเพาะปลูกและขยายพันธุ์พืชเหล่านั้นโดยเฉพาะ เราไม่ได้แค่สร้างเมือง แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศใหม่ที่สมบูรณ์และยั่งยืนขึ้นมาค่ะ”
คำตอบที่ชาญฉลาดและรอบคอบของอลิสาทำให้คณะกรรมการพยักหน้าด้วยความพอใจ การนำเสนอครั้งนั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และโครงการ Green City ก็ได้รับการอนุมัติในที่สุด
หลังจากที่โครงการ Green City ได้รับการอนุมัติ ทั้งอลิสาและคีรินทร์ต่างรู้สึกโล่งใจและภาคภูมิใจในความสำเร็จครั้งใหญ่นี้ คีรินทร์ต้องการฉลองความสำเร็จนี้กับคนที่เขารักที่สุด เขาจึงจองโต๊ะที่ร้านอาหารสุดหรูบนรูฟท็อปของโรงแรมห้าดาวใจกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างงดงาม
ในคืนนั้น อลิสาปรากฏตัวในชุดราตรีสีแดงเพลิงที่ขับเน้นรูปร่างเพรียวบางของเธอให้โดดเด่นงดงาม คีรินทร์ในชุดสูทสีเข้มดูสง่างามและภูมิฐาน เมื่ออลิสาเดินเข้ามาในร้าน คีรินทร์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เขายื่นมือออกไปจับมือเธออย่างอ่อนโยน แล้วจูบลงบนหลังมือเธออย่างแผ่วเบา
“วันนี้ลิซสวยมากๆ เลยครับ” คีรินทร์ชมด้วยความจริงใจ
อลิสายิ้มเขินๆ “พี่คีก็วันนี้ก็หล่อมากๆ เลยเหมือนกันค่ะ”
เมื่อนั่งลงที่โต๊ะ คีรินทร์ยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับอลิสา ดวงตาของเขาสะท้อนประกายความสุขและความภาคภูมิใจ
“พี่อยากขอบคุณลิซนะครับ” คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ความสำเร็จในวันนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีลิซอยู่เคียงข้าง ลิซคือผู้หญิงที่เก่งที่สุดและเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของพี่เสมอมา”
อลิสามองสบตาเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม “ลิซก็ต้องขอบคุณพี่คีเหมือนกันค่ะ ที่เชื่อมั่นในตัวลิซเสมอ และให้โอกาสลิซได้ทำในสิ่งที่ลิซรัก พี่คีก็คือแรงบันดาลใจของลิซเช่นกันค่ะ”
พวกเขาทานอาหารและพูดคุยกันอย่างมีความสุข บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจในกันและกัน เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ สร้างความโรแมนติกให้กับค่ำคืนนั้นมากยิ่งขึ้น พวกเขาพูดคุยถึงอนาคตของโปรเจกต์ Green City และความฝันที่จะขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลกในอนาคต
แม้จะยุ่งวุ่นวายกับงานที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น แต่อลิสาและคีรินทร์ก็ไม่เคยละเลยที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันในชีวิตประจำวัน ความรักและความห่วงใยที่พวกเขามีให้กันยังคงมีอยู่เสมอ และบางครั้งการแสดงออกถึงความรักก็อยู่ในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย
หลังจากวันทำงานที่เหน็ดเหนื่อย พวกเขาจะกลับมาถึงบ้านพร้อมกับความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เห็นหน้ากัน บางครั้งอลิสาก็จะเป็นฝ่ายทำอาหารค่ำเมนูโปรดให้คีรินทร์ เช่น สเต๊กเนื้อย่างที่เขาชอบ หรือพาสต้าคาโบนาร่าที่เธอทำได้อร่อยเป็นพิเศษ คีรินทร์ก็จะคอยช่วยเตรียมส่วนผสม หรือไม่ก็ยืนกอดเธอจากด้านหลังขณะที่เธอกำลังทำอาหาร
วันหนึ่ง อลิสากลับถึงบ้านด้วยอาการปวดศีรษะเล็กน้อยจากการใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน คีรินทร์เห็นดังนั้นก็รีบเดินเข้ามาประคองเธอไปนั่งบนโซฟา แล้วเขาก็เดินไปหยิบยาแก้ปวดและน้ำมาให้
“ปวดหัวเหรอครับลิซ” คีรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ
อลิสาพยักหน้า “นิดหน่อยค่ะ สงสัยจะจ้องหน้าจอคอมนานไปหน่อย”
คีรินทร์เอื้อมมือไปนวดขมับให้เธอเบาๆ อย่างคล่องแคล่ว แรงกดที่พอเหมาะทำให้อลิสารู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด เขาค่อยๆ นวดไล่ขึ้นไปตามไรผม ก่อนจะกดจุดที่ท้ายทอย
“ดีขึ้นไหมครับ” คีรินทร์ถาม
“ดีขึ้นเยอะเลยค่ะพี่คี” อลิสาตอบด้วยรอยยิ้ม
เมื่ออาการปวดหัวทุเลาลง คีรินทร์ก็ดึงอลิสาเข้ามาโอบกอดแน่นบนโซฟา พวกเขาซบกัน แบ่งปันความเหนื่อยล้าและความสุขในแต่ละวันให้กันและกัน อลิสาซบหน้ากับอกของคีรินทร์ สูดดมกลิ่นกายหอมๆ ของเขาอย่างสบายใจ ส่วนคีรินทร์ก็ลูบผมเธอเบาๆ แล้วจูบลงบนกระหม่อมของเธออย่างอ่อนโยน
“วันนี้พี่ก็เหนื่อยมากเลยครับลิซ” คีรินทร์กระซิบ
“ลิซก็เหมือนกันค่ะ” อลิสาตอบ “แต่พอได้กอดพี่คีแบบนี้ ลิซก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
ความรักของพวกเขาคือพลังขับเคลื่อนที่ทำให้พวกเขาก้าวไปสู่ความสำเร็จ และยังคงเป็นสิ่งที่เติมเต็มความสุขในทุกๆ วันของชีวิต
ความสำเร็จของอลิสาและคีรินทร์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในแวดวงธุรกิจเท่านั้น แต่พวกเขายังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์และผู้ประกอบการรุ่นเยาว์มากมาย พวกเขามักจะได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายในงานสัมมนาต่างๆ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และวิสัยทัศน์ในการทำงาน
ในงานสัมมนาใหญ่ที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยชื่อดัง อลิสาและคีรินทร์ได้ขึ้นเวทีบรรยายคู่กัน ภาพของผู้นำสองคนที่ยืนเคียงข้างกันอย่างสง่างาม แสดงให้เห็นถึงความลงตัวทั้งในเรื่องงานและความสัมพันธ์ พวกเขาพูดถึงความสำคัญของการทำงานอย่างมีจรรยาบรรณ การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการให้ความสำคัญกับความสุขในชีวิตส่วนตัว
“ผมเชื่อว่าความสำเร็จที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียวครับ” คีรินทร์กล่าวบนเวที “แต่มาจากการที่เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ และมีคนที่รักอยู่เคียงข้างคอยสนับสนุนเราเสมอ”
อลิสาพยักหน้าเห็นด้วย “และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมชีวิตส่วนตัวและความสัมพันธ์ที่ดีถึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ความสำเร็จในหน้าที่การงานเลยค่ะ”
หลังจากการบรรยาย มีนักศึกษาและผู้ประกอบการรุ่นใหม่จำนวนมากเข้ามารุมล้อมเพื่อขอคำแนะนำและถ่ายรูปกับพวกเขา อลิสาและคีรินทร์ใช้เวลาพูดคุยกับทุกคนด้วยความเป็นกันเองและให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เสมอ
ในคืนพิเศษหลังจากงานสัมมนาที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม อลิสาและคีรินทร์กลับมาถึงวิลล่าส่วนตัวของพวกเขาที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนพื้นดิน แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่ตอนนี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความภาคภูมิใจ
อลิสาเดินไปยืนที่ระเบียงห้องนอน ปล่อยให้ลมเย็นๆ พัดกระทบผิว คีรินทร์เดินเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลัง เขาจูบลงบนไหล่เปลือยเปล่าของเธออย่างอ่อนโยน มือของเขาลูบไล้ไปตามแขนเรียวของเธอเบาๆ
“ลิซครับ” คีรินทร์กระซิบข้างหู “วันนี้ลิซเก่งมากๆ เลยครับ พี่ภูมิใจในตัวลิซที่สุดเลย”
อลิสาเอนตัวซบกับอกของเขา “ลิซก็ภูมิใจในตัวพี่คีเหมือนกันค่ะ”
คีรินทร์ค่อยๆ พลิกตัวอลิสาให้หันหน้ามาหาเขา เขามองสบตาเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้ง อลิสารับรู้ได้ถึงความเร่าร้อนในดวงตาของเขา และตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชิญชวน
เขาโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่ม จูบนั้นเริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน ก่อนที่จะค่อยๆ ทวีความร้อนแรงและลึกซึ้งขึ้น อลิสาตอบรับจูบนั้นอย่างกระหาย มือของเธอเลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอของเขา จิกปลายเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างของคีรินทร์เบาๆ
คีรินทร์ค่อยๆ ถอนจูบออกชั่วครู่ ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองใบหน้าแดงก่ำของอลิสา แววตาของเขามีทั้งความปรารถนา ความหลงใหล และความเคารพ เขาอุ้มอลิสาขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่จัดเตรียมไว้ราวกับจะมอบรางวัลแห่งความสำเร็จให้กับพวกเขา
เมื่อวางอลิสาลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล คีรินทร์ก็ทาบทับร่างของเขาลงไปทันที จูบซับลงตามลำคอระหง ไหล่มน และหยุดอยู่ที่ทรวงอกอวบอิ่ม เขาดูดดึงและคลึงเคล้นยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างหนักหน่วง ทำให้อลิสาครางออกมาด้วยความสุขสม
“อ๊าพี่คีซี๊ด” อลิสาครางเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าเหยเกด้วยความสุขสม มือของเธอจิกผ้าปูที่นอนแน่น ร่างกายบิดเร้าด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ลิซของพี่คืนนี้เป็นของพี่นะ”
อลิสาพยักหน้าอย่างเร่าร้อน “ลิซเป็นของพี่คีเสมอค่ะอื้อออ”
คีรินทร์ไม่รอช้า เขาเริ่มต้นบทเพลงแห่งความรักที่ลึกซึ้งที่สุด จังหวะการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงแต่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลทำให้อลิสากรีดร้องด้วยความสุขสมทุกครั้งที่เขากระแทกกายเข้ามา เสียงครางกระเส่าของอลิสาและเสียงคำรามต่ำของคีรินทร์ดังประสานกันไปทั่วห้อง ราวกับบทเพลงแห่งความเร่าร้อนที่บรรเลงขึ้นในค่ำคืนแห่งความสุข
พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืน ปล่อยให้ความปรารถนาและความรักนำพาไปสู่ห้วงแห่งความสุขสมที่ไร้ขีดจำกัด การได้อยู่เคียงข้างกันและเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน ทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว คือความสุขที่แท้จริงที่อลิสาและคีรินทร์ได้ค้นพบ ความสำเร็จทางธุรกิจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ความสุขที่แท้จริงกลับอยู่ที่การได้มีอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตมาเติมเต็มทุกมิติให้สมบูรณ์
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่