ข่าวคราวของแพรไหมและภูริชเป็นเหมือนบทเรียนที่ย้ำเตือนให้อลิสาและคีรินทร์เห็นคุณค่าของความซื่อสัตย์และความจริงใจ พวกเขารู้สึกขอบคุณที่ได้ผ่านพ้นวิกฤตเหล่านั้นมาด้วยกัน และความรักของพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้พวกเขายืนหยัดอยู่ได้ มิ้นท์และปกรณ์เองก็ได้รับฟังเรื่องราวและร่วมแสดงความเห็นใจ (ในแง่ที่ศัตรูได้รับผลกรรม) และทุกคนต่างตระหนักว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเอาชนะผู้อื่น แต่อยู่ที่การสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และการมีคนที่รักอยู่เคียงข้างกัน
บ่ายวันนั้น อลิสาและคีรินทร์นัดพบกับมิ้นท์และปกรณ์ที่คาเฟ่ประจำของพวกเขา บรรยากาศดูผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะความสัมพันธ์ของแต่ละคู่กลับมาแข็งแกร่งดังเดิม และเรื่องราวของแพรไหมกับภูริชที่เพิ่งได้รับรู้ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่ทำให้ทุกคนได้ทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา
“พี่คีกับลิซเห็นข่าวแพรไหมกับภูริชรึยังคะ” มิ้นท์เปิดประเด็นขึ้นมาทันทีที่ทุกคนนั่งลง
อลิสาพยักหน้า “เห็นแล้วค่ะมิ้นท์ ลิซกับพี่คีเพิ่งคุยกันเมื่อเช้าเองค่ะ”
“แกว่าไงคีรินทร์” ปกรณ์ถามขึ้นบ้าง
คีรินทร์ถอนหายใจเล็กน้อย “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละแก ผลของการกระทำมันก็ตามสนอง ไม่คิดเลยว่าแพรไหมจะไปถึงขั้นทุจริตในบริษัทตัวเองได้ขนาดนั้น”
“ส่วนภูริชนี่ก็ไม่ต่างกันเลยนะคีรินทร์ แกจำได้ไหมที่ฉันเคยเตือนว่าให้ระวังเรื่องธุรกิจสีเทาของเขา” ปกรณ์เสริม
“จำได้สิแก ตอนนั้นฉันก็ไม่คิดว่าจะจริงจังขนาดนี้” คีรินทร์ตอบ
มิ้นท์ส่ายหน้า “แย่เลยนะคะ เสียดายความสามารถของคนพวกนั้นจริงๆ ถ้าเขาเอาความสามารถไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร ป่านนี้คงรุ่งไปถึงไหนแล้ว”
อลิสาเงียบฟังมาตลอด เธอจับมือคีรินทร์ที่วางอยู่บนโต๊ะไว้แน่น “ลิซรู้สึกว่ามันเป็นบทเรียนที่ดีเลยนะคะพี่คี ทำให้ลิซเห็นคุณค่าของความซื่อสัตย์และความจริงใจจริงๆ”
คีรินทร์บีบมืออลิสาเบาๆ เป็นการตอบรับ “ใช่ครับลิซ พี่ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
“มิ้นท์ว่าจริงที่สุดเลยค่ะ” มิ้นท์เสริม “บางทีคนเราก็มัวแต่จะเอาชนะกัน มองแต่เรื่องผลประโยชน์ จนลืมสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป”
ปกรณ์โอบไหล่มิ้นท์อย่างอบอุ่น “นั่นแหละมิ้นท์ ความสุขที่แท้จริงมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก มันอยู่ที่การที่เราได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น และมีคนที่รักอยู่เคียงข้างเราแบบนี้”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของปกรณ์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแพรไหมและภูริชเป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้พวกเขาเห็นว่าเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินนั้นถูกต้องแล้ว
“ลิซรู้สึกขอบคุณนะคะพี่คี ที่เราผ่านเรื่องพวกนั้นมาด้วยกันได้” อลิสามองหน้าคีรินทร์ด้วยแววตาซาบซึ้ง “ถ้าไม่มีพี่คี ลิซคงไม่รู้ว่าจะผ่านมันมาได้ยังไง”
คีรินทร์ยิ้มให้อลิสา “พี่ก็ต้องขอบคุณลิซเหมือนกันครับ ถ้าไม่มีลิซ พี่ก็คงไม่มีวันนี้”
มิ้นท์และปกรณ์มองภาพเพื่อนรักที่แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยด้วยความสุขใจ
“พวกเค้าสองคนนี่เหมาะสมกันที่สุดเลยนะ” มิ้นท์แซว
“ใช่เลยมิ้นท์ ดูสิคีรินทร์หน้าตาสดใสขึ้นเยอะเลยนะ ตั้งแต่มีลิซมาอยู่ข้างๆ” ปกรณ์เสริม
ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข
“ลิซรู้สึกว่าปัญหาที่เคยเจอมา มันทำให้เราโตขึ้นเยอะเลยนะคะ” อลิสาพูดขึ้นมาอีกครั้ง “มันทำให้ลิซเห็นว่าความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งไม่ได้มาจากวันที่ทุกอย่างราบรื่น แต่มาจากวันที่เราได้จับมือกันผ่านพ้นอุปสรรคไปด้วยกัน”
“นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าบทเรียนชีวิตครับลิซ” คีรินทร์กล่าวเสริม “บางครั้งเราก็ต้องเจอเรื่องร้ายๆ เพื่อให้เราได้เรียนรู้และเติบโต”
ปกรณ์พยักหน้าเห็นด้วย “แกพูดถูกคีรินทร์ ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าการที่ฉันได้เรียนรู้ที่จะรับฟังมิ้นท์มากขึ้น มันทำให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นเยอะเลย”
มิ้นท์ยิ้มให้กับปกรณ์ “มิ้นท์ก็รู้สึกเหมือนกันค่ะพี่ปกรณ์ มิ้นท์เข้าใจแล้วว่าการที่เราได้เปิดใจคุยกัน มันสำคัญแค่ไหน”
การพูดคุยของทั้งสี่คนดำเนินไปอย่างออกรส พวกเขาต่างแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ที่ได้รับจากบทเรียนในอดีต ทำให้ต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้และเติบโตทางใจไปด้วยกัน
“ต่อไปนี้เรามาสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมกันดีกว่าเนอะ” อลิสาเสนอขึ้นมา
“เห็นด้วยเลยลิซ” คีรินทร์ตอบรับทันที
“เยี่ยมเลยลิซ” มิ้นท์เสริมด้วยความกระตือรือร้น
“พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น” ปกรณ์ปิดท้าย
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกับการสนทนา คีรินทร์ก็เลื่อนมือไปกุมมืออลิสาไว้แน่นอีกครั้ง อลิสาซบหน้าลงกับไหล่ของเขาอย่างสบายใจ ปกรณ์เองก็โอบไหล่มิ้นท์อย่างอบอุ่น สายใยแห่งรักและมิตรภาพของพวกเขาทอดยาวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น บทเรียนจากอดีตได้หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นคนที่ดีขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอนาคตที่สดใสไปด้วยกัน
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่