หลายเดือนผ่านไป ชีวิตของอลิสาและคีรินทร์ดำเนินไปอย่างมีความสุขและราบรื่น ความรักของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกวันจากการเรียนรู้และเข้าใจกัน ทว่าวันหนึ่ง พวกเขาก็ได้รับข่าวคราวของแพรไหมและภูริชอีกครั้ง ข่าวเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงผลกรรมที่พวกเขาได้รับจากการกระทำของตนเองอย่างชัดเจน
เช้าวันเสาร์อันแสนสงบ อลิสาและคีรินทร์นั่งจิบกาแฟอยู่ด้วยกันที่ระเบียงคอนโด ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ของวันหยุด คีรินทร์กำลังเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ดิจิทัลบนแท็บเล็ต ในขณะที่อลิสากำลังดูข่าวจากเว็บไซต์ข่าวธุรกิจบนโทรศัพท์มือถือ
ทันใดนั้นอลิสาก็ชะงัก เธอเลื่อนหน้าจอลงไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ข่าวหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“พี่คีดูนี่สิคะ” อลิสาเรียกคีรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความตกใจเล็กน้อย
คีรินทร์วางแท็บเล็ตลง หันมามองหน้าอลิสาด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอลิซ”
อลิสายื่นโทรศัพท์ให้เขาดู ข่าวพาดหัวตัวใหญ่เกี่ยวกับบริษัทของแพรไหมปรากฏอยู่บนหน้าจอ เนื้อข่าวกล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงในข้อหาทุจริตและยักยอกเงินบริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อของแพรไหมปรากฏอยู่ด้วย
“แพรไหมถูกดำเนินคดี” อลิสาพึมพำ น้ำเสียงยังคงไม่เชื่อสายตาตัวเอง
คีรินทร์รับโทรศัพท์มาอ่าน เขาเลื่อนดูเนื้อหาอย่างละเอียด สีหน้าของเขาเรียบเฉย แต่แววตาฉายแววครุ่นคิด
“ดูเหมือนเธอจะได้รับผลกรรมจากการกระทำของตัวเองจริงๆ” คีรินทร์กล่าวเรียบๆ “ข่าวลงว่าหลักฐานชัดเจนมาก บริษัทเสียหายไปหลายสิบล้าน”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน โทรศัพท์ของคีรินทร์ก็สั่นขึ้นมา เป็นสายเรียกเข้าจากปกรณ์เพื่อนสนิท
“ฮัลโหลปกรณ์ มีอะไร” คีรินทร์กรอกเสียงไป
ปลายสายของปกรณ์ดูตื่นเต้นเล็กน้อย “คีรินทร์ แกเห็นข่าวภูริชรึยังวะ”
“ภูริช มีอะไรอีกล่ะ” คีรินทร์ถามกลับพลางเหลือบมองอลิสาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ข่าวใหญ่เลยคีรินทร์! มีคนในวงการแฉเรื่องธุรกิจสีเทาของภูริชหมดเปลือกเลย ทั้งเรื่องที่เขาเคยพัวพันกับการฟอกเงิน การหลีกเลี่ยงภาษี แล้วก็เรื่องที่เขาเคยหลอกลงทุนคนอื่นด้วย ตอนนี้เหมือนจะมีหมายจับแล้วด้วยซ้ำ เขาหนีไปแล้วล่ะ แต่คงไม่รอดหรอก” ปกรณ์เล่าอย่างออกรส “กลายเป็นบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับไปแล้ว”
คีรินทร์ฟังปกรณ์เล่าไปเรื่อยๆ จนจบ ก่อนจะตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “อืม ฉันเห็นข่าวแพรไหมแล้วเหมือนกัน ดูท่าสองคนนี้จะได้รับผลกรรมสมการกระทำจริงๆ”
หลังจากวางสายจากปกรณ์ คีรินทร์ก็หันมามองอลิสาที่นั่งเงียบไป ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงความสะใจ หรือความโกรธแค้นในอดีต แต่กลับมีแววของความเข้าใจและบางสิ่งที่คล้ายความสงบ
คีรินทร์เลื่อนมือไปกุมมืออลิสาไว้แน่น เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นเล็กน้อยที่ปลายนิ้วของเธอ
“ลิซเป็นอะไรรึเปล่า” คีรินทร์ถามด้วยความเป็นห่วง
อลิสาซบหน้าลงกับไหล่กว้างของคีรินทร์ เธอมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ของเมืองเบื้องล่างด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“เปล่าค่ะพี่คี ลิซแค่รู้สึกโล่งใจ” อลิสาพูดเสียงแผ่ว “โล่งใจที่เรื่องราวทุกอย่างมันถึงจุดจบเสียที”
“ใช่ครับลิซ ทุกอย่างมันจบลงแล้ว” คีรินทร์กระชับอ้อมแขนรอบตัวอลิสา
พวกเขาปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งสองคนมองเรื่องราวในอดีตด้วยความเข้าใจและให้อภัย ไม่ใช่การลืมเลือน แต่เป็นการยอมรับว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นได้หล่อหลอมให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น และความรักของพวกเขาก็แข็งแกร่งพอที่จะไม่ถูกอดีตมาบั่นทอนได้อีกต่อไป
คีรินทร์ค่อยๆ เงยหน้าอลิสาขึ้นมา เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความสงบ
“ลิซครับอดีตเหล่านั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสุขของเราอีกต่อไปนะ” คีรินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงจูบหน้าผากอลิสาเบาๆ เป็นการยืนยันถึงคำพูดของเขา
อลิสายิ้มตอบ ดวงตาของเธอฉายแววแห่งความสุข เธอรู้ว่าไม่ว่าอดีตจะเคยเป็นอย่างไร ปัจจุบันและอนาคตของเธออยู่ตรงหน้าแล้วในอ้อมกอดของคีรินทร์ ความรักของพวกเขาคือแสงรุ่งอรุณที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตและขับไล่เงาของอดีตให้จางหายไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่