09:30 น.
"อ่ะ! มีอะไรก็ว่ามา" โจ้เดินมานั่งที่โต๊ะแล้วถามด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ "มีอะไรยังไงว่ะ" สายลมถาม "เอ้า! ก็ที่มึงเรียกให้กูมามอตอนนี้ไง มีอะไรด่วน" โจ้พูด "เปล่าอ่ะไม่มีไร" สายลมตอบ "ไม่มีอะไรแล้วมึงเรียกกูมาทำไม" โจ้ถาม "กูก็แค่ไม่อยากอยู่คนเดียวเฉย ๆ" สายลมตอบ "แล้วมึงจะรีบออกมาแต่เช้าเพื่อ มึงไม่อ่านในไลน์กลุ่มเหรอว่ะว่าวันนี้คาบเช้าเขายกคลาสอ่ะ" โจ้พูด "อ่านแล้ว" สายลมตอบ "อ่านแล้วแล้วมึงจะสาระแนมาทำไมแต่เช้าครับ ทำไมมึงไม่นอนเล่นที่คอนโดมึงก่อนครับแล้วพอถึงคาบบ่ายมึงก็ค่อยเสนอหน้าออกมาเรียน" โจ้พูด "กูไม่ได้มาแต่เช้าแต่กูขี้เกียจวนรถกลับไปคอนโดก็เลยเรียกมึงมาอยู่เป็นเพืื่อนนี่ไง" คำตอบของสายลมทำให้ยิ่งฟังโจ้ก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น "ไอ้เชี้ยลม! มึงก็รู้นิหว่าว่าอาจารย์ประภาสแกยกคลาสยากขนาดไหนแล้วนี่กูอุตส่าห์ได้โอกาสนอนตื่นสายแล้วแท้ ๆ มึงก็ยังโทรขุดกูออกมาจากเตียงอีก ไอ้เพื่อนชั่ว" โจ้ว่าสายลมด้วยความหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าความจริงว่าที่เพื่อนเรียกให้เขามาเป็นเพราะแค่ไม่อยากอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเขารีบตั้งใจมาหาสายลมด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าสายลมน่าจะมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงรอคุยกันตอนบ่ายไม่ได้ "เรื่องแค่นี้เองมึงจะบ่นทำไมเนี่ย" สายลมพูด "ไม่บ่นได้ไงเมื่อคืนกูดูบอลจนดึกเพิ่งจะได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง" โจ้ตอบ "กูก็ได้นอนแปปเดียวเหมือนมึงนั่นแหละ" สายลมตอบ "แล้วมึงเป็นห่าอะไรไม่นอน!" โจ้ถาม "เรื่องของกู" สายลมตอบ "มึงนี่แม่ง!...อุ้ย~น้องแพร" ในระหว่างที่โจ้กำลังบ่นสายลมอยู่สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับแพรรุ่นน้องสาวสวยในคณะ "สวัสดีค่ะพี่โจ้ พี่สายลม" แพรตอบ "จะไปไหนครับเนี่ย" โจ้ถาม สายลมเห็นสีหน้าดี้ด้าของเพืือนก็ถึงกับส่ายหัวทันทีเพราะเมื่อกี้เจ้าตัวยังหงุดหงิดใส่เขาอยู่เลยแต่พอเจอสาวสวยก็ดันอารมณ์ดีขึ้นมาซะงั้นแต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะโจ้เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เขาเป็นคนคารมดี เฟรนลี่ขี้เล่น โกรธง่ายหายเร็วและชอบเต๊าะสาว ๆ สวย ๆ เป็นที่สุด "แพรมาจองโต๊ะให้เพืื่อน ๆ น่ะค่ะไม่รู้ทำไมวันนี้โต๊ะเต็มแต่เช้าเลย" แพรตอบ "เห็นว่ามีนักร้องชื่อดังศิษย์เก่าจากคณะเรามาพูดคุยกับพวกอาจารย์เกี่ยวกับงานกีฬามหาลัยอ่ะคนก็เลยแห่มาที่คณะเรากันเต็มเลย" โจ้พูด "แย่จัง สงสัยแพรกับเพืื่อน ๆ ต้องไปนั่งรอที่โรงอาหารคณะอื่นแล้วมั้งคะเนี่ย" แพรตอบ "ถ้าน้องแพรกับเพื่อน ๆ ไม่คิดมากก็นั่งกับพวกพี่ได้นะครับ" โจ้พูด "ได้เหรอคะ" แพรถาม "ได้สิครับ" โจ้ตอบ "พี่สายลมจะอึดอัดหรือเปล่าคะ" แพรพูด "ตามสบายเลยครับยังไงโต๊ะมันก็ว่างอยู่แล้ว" สายลมตอบ "ขอบคุณค่ะ" แพรกล่าวขอบคุณแล้วนั่งลงร่วมโต๊ะกับสองคนทันที "ไม่ได้เจอกันไม่กี่วันน้องแพรสวยขึ้นเยอะเลยนะครับ" โจ้พูด "ขอบคุณค่ะพี่โจ้" แพรตอบพร้อมกับส่งยิ้มที่สดใสให้โจ้ด้วยความจริงใจ "โอ้โห~ แสงแดดที่แยงตายังไม่เท่ายิ้มที่เธอส่งมาแยงใจ" โจ้พูด "เฮ่อ" สายลมถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเอือมระอากับมุกเสี่ยว ๆ ของเพื่อน "เอ่อ...พี่โจ้นี่มีมุกใหม่มาเล่นตลอดเลยนะคะ" แพรตอบ "ชอบไหมล่ะครับ" โจ้ถามพร้อมกับยักคิ้วข้างนึงใส่แพร "แฮร่ ๆ ๆ" แพรแสยะยิ้มตอบ "นั่นรอยยิ้มหรือแผ่นดินไหวเห็นที่ไรแล้วใจสั่นทุกที" โจ้ตอบ แพรถึงกับค้างไปเลยเธอเริ่มไม่แน่ใจแช้วว่าที่ตัดสินใจนั่งร่วมโต๊ะกับโจ้ด้วยเป็นการตัดสินใจที่ผิดไหมเพราะเขาเอาแต่ส่งมุกมาหยอดเธอตลอดเวลา "พะ แพรยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยขอตัวไปซื้อข้าวก่อนนะคะ" แพรพูด "อ้าวแล้วน้องแพรจะไปซื้อข้าวอะไรกินเหรอครับ" โจ้ถาม "เอ่อ...." แพรไม่คิดว่าโจ้จะถามอะไรแบบนี้เธอเลยไม่ได้คิดคำตอบไว้แต่เมื่อเงยหน้าไปเจอร้านข้าวมันไก่เป็นร้านแรกเธอเลยตอบมั่ว ๆ ไปก่อน "ข้าวมันไก่ค่ะ" แพรตอบ "อ๋อ~ ข้าวมันไก่หรือจะสู้ ข้าวมาใกล้ ๆ หน่อยได้ไหมคิดถึง" โจ้ตอบ แพรฝืนยิ้มตอบออกมาอีกครั้งแล้วก็รีบสาวเท้าเดินออกจากโต๊ะไปทันที "สงสัยจะเขิน...คิ ๆ ๆ" โจ้พูดด้วยความภาคภูมิกับสกิลการเล่นมุกของตัวเอง "มึงเลิกเล่นมุกอะไรแบบนี้สักทีได้ป่ะกูได้ยินทีไรแล้วหงุดหงิดชิบหาย" สายลมพูด "คนไม่มีวาทศิลป์แบบมึงไม่มีวันเข้าใจมุกระดับสูงของกูหรอก" โจ้ตอบ "ใครเขาจะอยากเข้าใจไอ้มุกเสี่ยวๆ ของมึงว่ะ แม่งเลี้ยนสัตว์" สายลมพูด "คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรองอ่ะเคยได้ยินป่ะ" โจ้พูด "ฮึ~ แต่สำหรับกูคือรูปหล่อเป็นที่หนึ่งและรวยเป็นที่สุดส่วนเรื่องคารมไม่จำเป็นต้องใช้เลยว่ะ" สายลมตอบ "ไอ้สัตว์! ดีแต่มึงมั้ง" โจ้เสียอารมณ์ทันทีที่ถูกสายลมขิงใส่ หลังจากเรียนเสร็จสายลมก็มานั่งอยู่เพื่อน ๆ ของเขาสนามฟุตบอลซึ่งตอนนี้โจ้กับเป้กำลังเตะบอลกับเพื่อนอย่างสนุกสนานแต่สายลมยังคงนั่งอยู่ข้างสนามไม่ยอมลงสักที "แป๊ปนะเว้ยพวกมึง" เป้พูดกับคนในทีมแล้ววิ่งออกมาหาสายลมที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ "เฮ้ยไม่ลงเหรอว่ะหรือว่าไม่ได้เอาชุดมา" เป้ถามพร้อมกับยืนกระดกน้ำดื่มเพื่อดับกระหาย "วันนี้ไม่เล่นว่ะมีธุระต่อ" สายลมตอบ "ไปไหนว่ะ" เป้ถาม "เสือก" สายลมตอบ "เอ้าไอ้นี่!" เป้ว่าพร้อมกับยื่รเท้าไปเตะขาของสายลมเบา ๆ "โอ้โหไอ้เป้!" เสียงโจ้โวยวายมาแต่ไกลจนทั้งสองคนต้องหันไปดู "อะไร" เป้ตะโกนถาม "มึงเห็นไหมเนี่ยพวกมันทำประตูได้แล้วเนี่ย มึงจะออกจากสนามหาพ่อมึงเหรอ" โจ้ตอบ "กูออกมายังไม่ถึงนาทีเลยโว้ย!" เป้ตอบ "ก็มึงเป็นผู้รักษาประตูไหมล่ะ ไม่มีโกลมันก็ยิงเข้าง่ายดิไอ้โง่" โจ้ตอบ "เออ ๆ ไปแล้ว" เป้ตอบแล้วโยนขวดน้ำของเขาให้สายลมช่วยเก็บให้จากนั้นก็รีบวิ่งกลับลงไปในสนามต่อ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) "ฮัลโหลครับ" สายลมรีบรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของเกรซ "ฉันเลิกงานแล้วนะ" เกรซพูด "ครับเดี๋ยวผมรีบไป" สายลมตอบ "เฮ้ยไม่ต้องรีบ...ฉันรอได้" เกรซตอบ "ได้ครับ พี่รอผมอยู่หน้าบริษัทนะเดี๋ยวผมไปรับ" สายลมตอบ "อืม" เกรซตอบแล้วก็วางสายไป "ไอ้เป้ ไอ้โจ้ กูไปก่อนนะ" สายลมพูด "เออ" เป้ตอบ "เจอกันเพื่อน" โจ้ตอบ เกรซนั่งเล่นโทรศัพท์รอสายลมอยู่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งจากนั้นไม่นานแจนที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์เพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้านก็เจอเข้าพอดีจากนั้นเธอจึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนสาวทันที "เฮ้ย! ทำไมแกยังไม่กลับบ้านอีกอ่ะ" เกรซถามเพราะเห็นว่าตอนนี้มันจะ 5 โมงเย็นแล้วซึ่งมันเลยเวลาเลิกงานของแจนไปแล้ว "ฉันมีงานต้องสะสางนิดหน่อยว่าแต่แกเถอะลืมอะไรหรือเปล่า" แจนถาม "ลืมอะไร ไม่มีนะ" เกรซตอบแล้วหันไปดูของใช้ของตัวเองในกระเป๋า "ฮื้ออออ~ ไม่ใช่...เรื่องเมื่อเช้าอะว่าไงจ๊ะ" แจนถาม เกรซรู้สึกตัวชาแปลก ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ ก็ถูกถามเรื่องของสายลม "อ๋อออออ ก็...." เกรซพยายามยื้อเวลาเพื่อคิดหาคำตอบที่ฟังดูดีหน่อยเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนหรือว่าควรพูดอะไรออกไปบ้าง "ก็อะไร" แจนนั่งลุ้นคำตอบจากเกรซจนตัวเกร็งไปหมดแล้ว "ก็เขามาจีบ" เกรซตอบ "เหรอ ๆ ๆ แล้งเขาเป็นใครอ่ะ หล่อป่ะ" แจนถาม "ก็ดูดีแหละ" เกรซตอบ "หึ้ย~ ดีใจด้วยนะแกในที่สุดก็ขายออกแล้ว" แจนพูดแล้วเข้าไปสวมกอดเกรซด้วยความดีใจ "โอ๊ย ๆ หายใจไม่ออก" เกรซพูดแล้วตีแขนแจนเบา ๆ "ว่าแต่เขาทำงานอะไรเหรอ" แจนถาม "เอ่อ...ความจริงก็...ยัง...ยังไม่ได้ทำงานอ่ะ" เกรซตอบ "ฮะ? หมายความว่าไงยังไม่ได้ทำงานหรือว่าเขารวยมากจนไม่ทำงานก็ได้" แจนพูด "ที่บอกว่ายังไม่ได้ทำงานก็เพราะว่าเขายังเป็น...นักศึกษาอยู่อ่ะ" เกรซตอบ "ฮะ!" แจนอุทานออกมาดเวยความตกใจ "นักศึกษา" แจนพูด เกรซพยักหน้าตอบ "นี่แกคบกับเด็กนักศึกษาเหรอ" แจนถาม "ก็ประมาณนั้นมั้ง" เกรซตอบ "เกรซ นี่แกเอาจริงดิ คือถ้า 2-3 ปีฉันพอเข้าใจนะแต่แบบนี้มันไม่เด็กไปเหรอว่ะ" แจนพูด "ก็เด็กไปจริงนั่นแหละแต่ฉันก็อยากลองดูป่ะ" เกรซตอบ "แต่ถ้าคบกันไปสักระยะนึงแล้วเกิดเลิกกันขึ้นมาตอนนั้นถ้าแกอยากจะมีใหม่มันก็ยากแล้วนะแต่เด็กนั่นเขายังวัยรุ่นอยู่เขาหาใหม่ได้สบายเลย" แจนพูด "ฉันรู้แต่ว่าฉันก็ดันรู้สึกดีกับเขาไปแล้วไงจะให้ทำไงได้ว่ะ ฉันก็อยากมีอนาคตที่มั่นคงคบกับใครสักคนไปได้ตลอดชีวิตแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรการันตีได้ป่ะว่าถ้าคบคนรุ่น ๆ เดียวกันแล้วมันจะไปกันได้ตลอดรอดฝั่งจริง ๆ วันนี้ฉันแค่รู้สึกดีกับลมก็เลยลองเปิดโอกาสให้ตัวเองดีกว่าต้องมาเสียดายทีหลังเมื่อมันสายไปแล้ว" เกรซตอบ "มันไม่มีอะไรการันตีได้ก็จริงแต่มันก็น่าจะมีเปอร์เซ็นเป็นไปได้มากกว่าคบเด็กนะแก แกดูอย่างฉันอย่างพีต้าอย่างวาดดิว่าคบคนที่อยู่ในช่วงวัยใกล้ ๆ กันมันมั่นคงแค่ไหน ฉันไม่ได้อยากจะพูดอวดแกนะแต่ฉันแค่ไม่อยากเห็นแกต้องมานั่งเสียใจตอนวัยเท่าเนี่ย" แจนพูด "ฉันเข้าใจแกนะแต่ว่าขอฉันลองคิดดูอีกหน่อยเถอะยังไงแกก็อย่าเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้วาดกับพีต้าฟังนะ ฉันยังไม่พร้อมให้มันสองคนรู้อ่ะ" เกรซพูด "อืม ได้สิ" แจนตอบ จากนั้นไม่นานรถของสายลมก็เข้ามาจอดหน้าบริษัท "ฉันไปก่อนนะ" เกรซพูด "อืม มีอะไรก็โทรมาปรึกษาฉันได้นะ" แจนตอบ "โอเค แกก็ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ" เกรซพูดอ้อมกอดอันแนบแน่นค่อย ๆ คลายลงทั้งสองคนผละออกจากกัน ใบหน้าหวานซึ้งของเกรซยังคงมีร่องรอยของความตกใจอยู่นิดหน่อยแต่ก็เจือด้วยรอยยิ้มอบอุ่น สายลมมองหน้าเกรซด้วยแววตาเปี่ยมสุข"ทำไมวันนี้ถึงว่างมาหาได้ล่ะ" เกรซถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเมื่อคืนที่คุยโทรศัพท์กันสายลมยังดูยุ่งอยู่เลย"ก็ผมคิดถึงพี่อ่ะ" "หายไปตั้งนานเพิ่งคิดถึงเองเหรอ""ผมคิดถึงตลอดเวลาเลยต่างหาก""พูดอะไรบ้า ๆ " เกรซหัวเราะเบาๆ "ไปกันเถอะ หิวแล้วง่าาา~" เกรซทำหน้าอ้อนสายลมเพราะเธอยังไม่ได้ทานอะไรมาจริง ๆ จนสายลมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้"โอเค เดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยงพี่เต็มที่เลย" สายลมจอดรถเสร็จเขาก็รีบลงมาเปิดประตูรถให้เกรซทันทีเพราะเธอมัวแต่เติมหน้าอยู่"สวยแล้วครับ""อย่ามาโกหก วันนี้งานฉันเต็มโต๊ะเดินหัวหมุนตั้งแต่เช้า ดูสิหน้าซีดมากเลยเห็นไหม""พี่ไม่แต่งหน้าก็สวยเฮอะ" เกรซลงลิปสีอ่อนไม่ฉูดฉาดจากนั้นก็"เสร็จแล้ว ป่ะ!" เกรซก้าวลงจากรถพร้อมหันหน้าสวย ๆยื่นไปให้สายลมดู"สวยยัง"สวยแล้วครับ" ทุกครั้งที่เธอได้ยินคำชมจากสายลมเธอจะรู้สึกดีมาก ๆ เสมอแม้ว่าเขาจะพูดมันออกมาบ่อยครั้งแต่เธอก็ยังชมที่ได้ฟังทุกครั้งไป บรรยากาศในร้านอบ
ก่อนจบงานเลี้ยงสายลมแอบปลีกตัวออกมาจากพื้นที่จัดงานก่อน เขามุ่งตรงไปยังลานจอดรถเพื่อไปยืนรอครอบครัวที่นั้นอยู่กับคนขับรถแม้จะรู้ดีว่าการกระทำนี้อาจไม่เหมาะสมนักแต่เขาก็อยากหลีกเลี่ยงสถานการณ์อึดอัดให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และถ้าเขายังขืนอยู่ในนั้นต่อไปก็อาจถูกบีบบังคับให้ต้องหักหน้าทุกคนอีกครั้ง ไม่นานนักพศินก็เดินตามออกมาพร้อมกับกานดาหลังจากกล่าวลากับสุรศักดิ์และมินตราด้วยสีหน้าบึ้งตึงคิ้วขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงความไม่พอใจ "แกทำอะไรลงไป!" พศินเอ่ยเสียงเข้มพยายามกดเสียงให้ต่ำที่สุดเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยินแต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยโทสะ "ทำไมไม่อยู่ลาคุณสุรศักดิ์กับฉันก่อน ที่นี่มันใช่ที่ที่แกจะมาทำตัวแบบนี้ไหม ฮะ!" สายลมนิ่งเงียบ เขาไม่รู้จะตอบอะไรออกให้ในสถานการณ์เช่นนี้มันดีขึ้นจึงทำได้แต่ฟังพ่อของเขาต่อว่าต่อไป"แกรู้ไหมว่าแกกำลังหักหน้าฉัน! หักหน้าคุณสุรศักดิ์! ต่อหน้าทุกคนอยู่และการที่แกทำแบบนี้มันทำให้คุณสุรศักดิ์ไม่พอใจมากแค่ไหนแกเคยรับรู้บ้างไหม" ขณะที่พศินกำลังระบายความโมโหกับลูกชายที่เอาแต่เงียบเหมือนคนไม่รับรู้อะไรกานดาก็รีบเข้ามาห้ามทัพไว้ก่อนโดยเธอจับที่แขนพศินเบา ๆ พร้อมกับส่ายห
ดนตรีบรรเลงในงานเลี้ยงช่วยให้สายลมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้างและว่าแม้กายเขาจะอยู่ในงานแต่ใจกลับล่องลอยไปไกลแสนไกลถึงเกรซที่นอนหลับไหลอยู่ที่คอนโดของเธอ งานเลี้ยงนี้้คือภารกิจที่เขาถูกพศินผู้เป็นพ่อบังคับให้มาเพื่อพบปะพูดคุยกับมีนคู่หมั้นในวัยเยาว์ ความสัมพันธ์ที่ถูกผูกมัดไว้ด้วยคำมั่นสัญญาของผู้ใหญ่ตั้งแต่ทั้งคู่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ มีนในวันนี้เติบโตเป็นสาวสะพรั่งเธอพยายามส่งยิ้มและแววตาหวานมาให้เขาตลอดซึ่งสายลมก็ดูออกนะแต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจไปงั้น ขณะที่สายลมกำลังจมดิ่งอยู่กับตัวเองเสียงทุ้มแหบห้าวของสุรศักดิ์พ่อมีนก็ดังขึ้นเหมือนต้องการเรียกดึงเขาให้กลับมาสนใจบทสนทนาตรงหน้า"โตเป็นหนุ่มแล้วสินะเรา" สุรศักดิ์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม "จำได้ไหม เมื่อก่อนสมัยเด็ก ๆ เราชอบมาเล่นซ่อนแอบกับมีนแล้วก็สายหมอกด้วยกันที่นี่บ่อย ๆ" บทสนทนาเริ่มต้นด้วยเรื่องราวในอดีตที่สดใส ทว่าแววตาของสุรศักดิ์กลับฉายแววบางอย่างที่อ่านได้ยากคล้ายกับกำลังต้องการรือฟื้นความทรงจำในวัยเด็กของพวกเขาเพื่อการบางอย่าง พศินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามส่งสายตาคมกริบมาข่มขู่สายลมตลอดเหมือนต้องการบอกให้เขาตอบคำถามทุกค
บรรยากาศภายในรถเงียบสงบแต่ดูอึมครึมมากทั้งพศินและสายลมเหมือนกำลังแผ่รังสีใส่กันอยู่ตลอดเวลาจนคนบนรถทุกคนได้รับผลกระทบความกดดันจากพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน สายฟ้าล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาภรรยา"ค่ะ""ผมจะถึงแล้วนะ""ได้ค่ะเดี๋ยวดาออกไปรับนะคะ""ผมโทรบอกดาแล้วนะครับพ่อ ฟังจากเสียงรอบข้างตอนนี้น่าจะมีคนถึงงานกันบ้างแล้ว""อืม จริง ๆ วันนี้แกน่าจะให้หนูมุกดามาพร้อมพวกเรานะจะได้ดูไม่น่าเกียจ""ผมบอกแล้วครับแต่ดาเขาอยากมาช่วยดูแลความเรียบร้อยในงานให้ที่บ้านก่อนก็เลยขอกลับไปนอนบ้าน 2 วันแล้ว" "ช่วยทำตัวเป็นสามีที่ดีหน่อยนะเพราะถ้าเกิดหนูดาเขาทนแกไม่ไหวขอหย่าเมื่อไหร่แกเจอฉันเล่นแน่""ครับพ่อ" สายลมเบะปากเล็กน้อยเพราะรู้สึกแย่กับคำที่พ่อสอนพี่ชายทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ยังเป็นสามีที่ดีไม่ได้แต่กลับสอนให้ลูกเป็นสามีที่ดีให้กับคนที่ลูกไม่ได้เลือกด้วยซ้ำบ้านสุขนิรันดร์"คุณแม่ขาเดี๋ยวดาขอตัวออกไปรับพี่สายฟ้าก่อนนะคะ""จ่ะ รีบมานะ""ค่ะ""ให้มีนไปเป็นเพื่อนไหมคะพี่ดา""ไม่เป็นไรจ่ะ" มุกดาลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปรอรับครอบครัวสามีที่กำลังจะมาถึง ไม่นานรถตู้สีดำเงาสวยราคาแพงก็ขับเข้ามาจอดในบ้านโด
สายลมนอนแผ่อยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย เขารู้สึกอึดอัดและคิดถึงเกรซมากจนไม่อยากทำอะไร 5 วันที่ผ่านมาที่เขาต้องอยู่คนเดียวทำได้แค่โทรคุยกับเกรซบ้างหลังเธอเลิกงานและนั่นเป็นความสุขเดียวของเขาในตอนนี้เลย เขารู้สึกซึ้งใจมาก ๆ ที่เวลาเกรซโทรมาแล้วถามถึงปัญหาที่เขาเจอ เธอพยายามช่วยเขาคิดวิธีแก้ไขทุกอย่างเพราะยังเข้าใจอยู่ว่าที่สายลมหายไปเป็นเพราะปัญหาธุรกิจจริง ๆ สายลมทั้งซึ้งใจและรู้สึกผิดอยู่นัย ๆ ที่ต้องโกหกเกรซแบบนี้บางทีเขาก็แอบน้ำตาไหลออกมาเลย เขาอยากพุ่งเข้าไปในโทรศัพท์แล้วดึงเกรซเข้ามากอดให้หายคิดถึงพร้อมกับสารภาพทุกอย่างอย่างจริงใจแต่เขาก็ทำไม่ได้ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์)สายลมรีบลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ด้วยความดีใจเพราะคิดว่าเกรซโทรมาแต่เมื่อเห็นชื่อปลายสายเป็นพ่อตัวเองเขาก็หุบยิ้มทันที"ครับ""พรุ่งนี้บ่าย 3 มาที่บ้านด้วยอย่าสายล่ะ""พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ""ไม่มีฉันจะโทรตามแกเหรอ! มาให้ตรงเวลาด้วยอย่าให้ฉันต้องรอแกนะ""เฮ่อ~ ครับ" สายลมรับปากทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะปฏิเสธมากและทันทีที่วางสายพ่อไปเกรซก็โทรเข้ามาหาเขาทันที"ฮัลโหลครับ""เมื่อกี้โทรไปแล้วติดสาย...คุยกับใครอยู่เหรอ""ผม
ผมขึ้นมาบนรถคิดทบทวนก่อนว่าจะเอายังไงต่อดีเพราะขืนวันนี้ผมกลับไปคอนโดพี่เกรซพ่ออาจจะรู้ได้ในไม่ช้าแน่ว่าผมกำลังคบกับใครอยู่เพราะผมมั่นใจว่ายังไงซะช่วงนี้พ่อต้องให้คนคอยติดตามดูผมแน่ ๆ จนกว่าเขาจะมั่นใจว่าผมไม่มีใครจริง ๆ ถึงจะเลิกตาม ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่เกรซทันทีและระหว่งรอสายอยู่ผมก็มองออกไปด้านนอกเห็นบอดี้การ์ดของพ่อหลายคนแอบเหช่มองมาที่รถผมเป็นระยะ"ฮัลโหล" เสียงอันสดใสของพี่เกรซช่วยฮีลใจผมจากการมีปากเสียงกับพ่อไปเมื่อกี้ไม่น้อยเลย"พี่ทำอะไรอยู่อ่ะ" ผมไม่รู้จะเริ่มเข้าประเด็นจากตรงไหนเลยพยายามหาเรื่องอื่นคุยก่อน"ก็ทำงานน่ะสิมีอะไรหรือเปล่า" "คือ...วันนี้...""เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย" "เปล่าครับ ผมแค่จะโทรมาบอกอ่ะว่าวันนี้ผมคงไม่ได้กลับไปทานข้าวกับพี่แล้ว""ทำไมอ่ะ""ผมมีธุระต้องจัดการนิดหน่อย...อาจจะ...ไม่ได้ไปหาพี่สักพัก" แม้ว่าการพูดออกไปตรง ๆ สำหรับใครมันอาจจะไม่ได้ยากแต่สำหรับผมมันยากมากเพราะผมรู้จักพี่เกรซดี เธอเป็นคนคิดมาก ความใจดีของเเธอถ้ามีให้กับผมมันจะทำให้เธอลำบากซะเอง ผมรู้ว่าถ้าผมสารภาพกับพี่เกรซตรง ๆ พี่เกรซต้องเข้าใจผมแน่และเธออาจยอมทำให้สิ่งที่ผมไม่ต้องกา