(ดอกคาลล่า ลิลลี่ - ดอกไม้ของการเริ่มต้นใหม่และละทิ้งตัวตนเก่า เพื่อมีชีวิตใหม่ และยังเป็นดอกไม้แห่งความสว่างไสวให้กับผู้คนที่ได้รับอีกด้วย)
“รู้ตัวไหม...เธอคือคนที่ดึงฉันขึ้นมาจากความมืดมนเลยนะ”
[PUNDAO’S PART]
“ช่วยด้วย!!!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาแต่ไกล ทำให้ฉันกับร่างสูงตรงหน้าหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน ภาพตรงหน้าของพวกเราก็คือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉันกำลังโดนพวกนักเลงอีก 5 คนวิ่งไล่ตามมาในมือของพวกเขาถืออาวุธครบมือ ถึงอาวุธของพวกเขาจะเป็นไม้เบสบอลก็เถอะ มันอาจจะดูไม่ใช่อาวุธที่อันตรายแต่ถ้าใช้มันทำร้ายคนอื่นสำหรับฉันไม่ว่าอาวุธชนิดไหนก็อันตรายทั้งนั้น
“ชะ ช่วยด้วยครับพวกเขาจะไถเงินผม” ระหว่างที่ชายทั้งสองคุยกันฉันจึงได้จังหวะเก็บขนมของตัวเองเข้าถุงตามเดิม ก่อนที่มือหนาของชายร่างสูงคนเดิมจะดึงแขนเรียวของฉันเข้าหาตัวเขาพร้อมกับดันฉันให้หลบออกไปจากทาง...
“อะ อื้อ คนอะไรมือหนักชะมัด” ฉันนั่งลงไปกองอยู่พื้นทันทีตามแรงเหวี่ยงของเขา พร้อมกับยังคงกอดถุงขนมไว้แน่นอย่างหวงแหน ความเจ็บปวดบริเวณข้อเท้าของฉันทำให้ฉันไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ฉันทำได้เพียงแต่มองร่างสูงคนเดิมกำลังยืนเผชิญหน้ากับพวกนักเลงอีก 5 คนโดยมีชายร่างเล็กหลบอยู่ข้างหลังของเขาอย่างหวาดกลัว
“หึหึ ก็แค่ส่งเงินมามันยากรึไงวะ” ฉันมองไปยังร่างสูงที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกกำลังตะคอกทั้งสองคนตรงหน้าของเขาเสียงดัง แต่ท่าทางที่ดูโกรธจัดของเขาไม่ได้ทำให้ชายในเสื้อฮู้ดดูหวาดกลัวหรือมีปฏิกิริยาอะไรที่มากไปกว่าการยืนดูอยู่เฉยๆ และการที่เขาเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้พวกนักเลยเหล่านั้นหัวเสียเข้าไปใหญ่
“...”
“เงียบทำไม”
“...”
ฟุบ!!!
“มึง” หัวโจกของกลุ่มยกไม้เบสบอลในมือขึ้นเตรียมจะฟาดร่างสูงตรงหน้าของเขา แต่มือหนาก็คว้ามันไว้ได้ก่อนจะแย้งมันถือพร้อมกับใช้ไม้เบสบอลในมือฟาดร่างสูงตรงหน้ากลับไปทันที
ตุบ! ตุบ! !!
ฉันมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน แต่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างการทะเลาะวิวาทแบบนี้
ตุบ! ตุบ! !!
“ระวัง” ฉันร้องบอกชายเสื้อฮู้ดดำออกไปอย่างตกใจ ถึงจะเห็นว่าเขาดูมีทักษะทางด้านการต่อสู้ที่เหนือกว่าพวกนักเลงพวกนั้นอยู่มากทีเดียว
“...”
ตุบ!!
“นี่!” ฉันปาก้อนหินใส่ชายอีกคนที่เตรียมจะลอบทำร้ายเขาจากด้านหลัง นั่นเป็นเหตุให้เขาไม่สนใจร่างสูงในเสื้อฮู้ดแต่กลับมาสนใจฉันแทน ฉันจึงหยิบก้อนหินที่อยู่ใกล้ตัวปาใส่เขาไปอีกครั้ง จนกระทั่ง... ‘หิน...ไม่มีแล้ว’ มือบางของฉันควานหาหินแต่ได้กลับมาเพียงความว่างเปล่า
“นี่! คิดจะทำอะไร” ฉันจึงเปลี่ยนเป็นชี้หน้าถามร่างสูงตรงหน้าออกไปแทน ถึงฉันจะกลัวแต่ฉันก็กล้าเหมือนกัน ก่อนจะเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหัวของเขา ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าฝีมือการปาหินของฉันแม่นยำไร้ที่ติ เพราะมันเข้าเป้ากลางหัวของเขาพอดิบพอดีและดูจากท่าทีแล้วเขาจะโกรธฉันเอามากๆ เลยล่ะ
“ยะ อย่าเข้ามานะ ฉันสู้นะ”
“แก!”
“ว๊ายยยย!!!” ฉันยกแขนขึ้นมาปิดหัวของตัวเองเอาไว้พร้อมกับหลับตาลงทันทีอย่างกลัวๆ ก่อนที่ไม้เบสบอลในมือของชายตรงหน้าจะฟาดลงมาใส่ร่างบางของฉัน
ตุบ!!!
‘ไม่เจ็บแฮะ!!’ คิดได้ดังนั้นฉันจึงลืมตาขึ้นมามองก่อนจะเห็นร่างสูงในเสื้อฮู้ดนั่งคล่อมเพื่อบังฉันเอาไว้ ด้วยร่างกายที่สูงและใหญ่โตของเขาทำให้เขาบังร่างบางของฉันไว้จนมิด และจังหวะนี้ทำให้ฉันเห็นหน้าเขาถึงจะไม่ได้ชัดมากแต่ก็ทำให้ฉันรู้ว่าตาคมของเขาดูดุดันและน่ากลัวมากแค่ไหน
ตุบ!!!
“จะ เจ็บไหม” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงสั่นด้วยความเป็นห่วง ที่เขาต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะช่วยฉัน ร่างสูงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับนักเลงที่เหลือต่อ ใช้เวลาไม่นานเขาก็จัดการนักเลงพวกนั้นจนหนีหัวซุกหัวซุนไปกันคนละทิศละทาง
“ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มร่างเล็กคนเดิมโค้งคำนับให้ร่างสูงตรงหน้าของเขาอย่างนอบน้อง ก่อนที่เขาจะเดินจากไปเขาเองก็หันมาโค้งให้ฉันด้วยเช่นกัน
หลังจากที่สถานการณ์กลับเข้าสู่ความปกติอีกครั้ง สถานที่นี้จึงเหลือเพียงฉันกับเขา 2 คนเท่านั้น ฉันมองไปยังร่างสูงตรงหน้าอย่างกำลังใช้ความคิด เพราะตอนนี้นอกจากแบตโทรศัพท์ของฉันจะหมดแล้ว ขาของฉันก็ยังมาเจ็บอีก แต่ทั้งหมดนี่ยังไม่ได้หน้าเป็นห่วงเท่ากับว่าตอนนี้ฉันอยู่ส่วนไหนของโตเกียว
“อ๊ะ!!” ฉันพยายามจะลุกขึ้นแต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะความเจ็บปวดที่บริเวณข้อเท้าของฉันทำให้ฉันไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
“...” ร่างสูงเดินเข้ามาย่อตัวนั่งลงหันหลังให้กับฉัน ฉันเองก็มองเขากลับไปอย่างพิจารณา เขาดูไม่ใช่คนที่เลวร้ายหรอกมั้งอยู่กัน 2 คนถ้าไม่ได้เขาช่วยฉันต้องลำบากแน่ๆ
“จะช่วยฉันเหรอ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไป ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นคำตอบให้กับฉัน
“...”
“นายถืออันนี้ให้ฉันได้ไหม” ฉันยื่นถุงขนมในมือให้กับร่างสูง เขาเองก็หยิบมันไปถือไว้อย่างว่าง่าย
ฉันบอกที่อยู่ของตัวเองกับเขาก่อนจะค่อยๆ ขยับขึ้นไปบนหลังของร่างสูงตรงหน้า หลังจากนั้นเข้าก็ยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับแขนแกร่งของเขาจับขาเรียวของฉันเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างยังคงอุ้มถุงขนมไว้ให้ฉันอยู่อย่างนั้น
ใจจริงฉันอยากเห็นมากเลยว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง แต่อีกใจก็ไม่เอาดีกว่า เพราะการที่เขาใส่ฮู้ดปิดหน้าปิดตาไว้แบบนี้นั่น มันหมายความว่าเขาไม่ได้อยากให้ใครเห็น ‘ฉันก็ควรจะเคารพพื้นที่ส่วนตัวเขา’
“นายไหวแน่นะ เจ็บหลังรึป่าว” ฉันเอ่ยถามร่างสูงออกไปด้วยความเป็นห่วง เขาพาฉันค่อยๆ เดินไปตามทางที่ฉันไม่คุ้นเอาซะเลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรฉันหรอก ก็เพราะเขาเคยช่วยเหลือฉันไว้ 2 ครั้งแล้วนี่เนอะ
“...”
~จ๊อกกกกกกกกกกกก~
“อะ เอ่อ ท้องฉันร้องน่ะ” ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินต่อไปตามทางตรงหน้า หลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลายท้องของฉันก็ร้องประท้วงออกมาเสียงดัง ‘นี่จะไม่ไว้หน้าแม่เลยเหรอลูก’ ฉันทำได้แค่บ่นตัวเองเบาๆ อยู่ภายในใจ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเส้นทางตรงหน้าแก้เขิน
“นายเป็นคนแถวนี้เหรอ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปอีกครั้ง แต่สุดท้ายคำตอบที่ฉันได้กลับมาก็คือความเงียบ
“...”
“ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ไม่อยากรู้ก็ไม่ว่ากันแต่ฉันอยากจะเล่าให้นายฟัง และที่สำคัญฉันน่ะคุยคนเดียวเก่งมากด้วย”
“...”
“นายรู้ไหมเมื่อกี้ฉันกลัวมากเลยนะ เกิดมา 23 ปีไม่เคยเห็นคนตีกันใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลยอะ”
“...”
“อ่อ!...ที่หนักไปกว่านั้นคือฉันทำคนอื่นเลือดไหล ดูสิมือฉันทำคนอื่นเลือดออกอะ ถ้าคนที่บ้านฉันรู้ฉันต้องโดนตีแน่เลย” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับยกมือบางของตัวเองออกไปให้ร่างสูงตรงหน้าดู ถึงจะไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา แต่อย่างน้อยเสียงของฉันก็ช่วยทำลายความเงียบระหว่างเราได้บ้าง
“...” หลังจากนั้นฉันก็วางคางของตัวเองลงที่ไหล่แกร่งของเขาเบาๆ เหตุการณ์วันนี้ทำให้คนที่มีพลังงานเหลือล้นอย่างฉันหมดแรงได้เลยเหมือนกันนะ
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียน ถ้าเพื่อนจับได้ว่าฉันหนีเที่ยวจนได้รับบาดเจ็บแบบนี้ฉันต้องโดนด่าจนหูชาแน่เลย”
“...”
“นั่นอพาร์ทเมนท์ฉัน” ฉันชี้บอกกับร่างสูงออกไปอย่างดีใจ ในที่สุดฉันก็มาถึงจนได้และถ้าไม่ได้เขาตอนนี้ฉันคงนั่งงงอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหนแน่นอน
“เดี๋ยวฉันค่อยๆ เดินเข้าไปเองค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้วยน้ำเสียงสดใส ถึงยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงให้เขาขึ้นไปส่งถึงห้องก็คงไม่เหมาะ และอีกอย่างแค่เขาพาฉันมาส่งถึงที่นี่ฉันก็เกรงใจเขามากแล้ว หอพักของฉันมีลิฟท์ฉันมั่นใจว่าสามารถพาตัวเองขึ้นไปถึงห้องได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
“...” ร่างสูงหยุดเดินทันทีที่มาถึงหน้าทางเข้าหอพักของฉัน ก่อนที่เขาจะย่อตัวเพื่อให้ฉันลงจากหลังแกร่งของเขา
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่เจอคุณฉันคงแย่” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับเขา
“...” ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรตอบกลับฉันมาเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาก่อนจะยื่นถุงขนมกลับคืนมาให้ฉันและทำท่าจะเดินจากไป ฉันจึงดึงแขนแกร่งของเขาเอาไว้ก่อนจะยื่นจมเมล่อนของโปรดของฉันให้กับเขา
“ฉันให้ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากฉัน”
“...”
“น่านะ...ของโปรดฉันเลยนะเนี่ย ถ้าไม่ใช่นายฉันไม่ยกให้ใครง่ายๆหรอกนะ” ฉันพยายามพูดจาหว่านล้อมร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา ถึงฉันจะไม่เห็นว่าเขาทำหน้ายังไงก็เถอะนะ
“...”
“รับไปสิ”
“...” เขาไม่ตอบอะไรฉันกลับมา แต่ก็รับนมเมล่อนในมือของฉันไปถือไว้ก่อนจะหันหลังเดินออกไปเลย
“แปลกคนจัง” ฉันบนพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋า ‘ถ้าฉันทำกระเป๋าเงินหายไปคงลำบากกว่านี้แน่’ เพราะในกระเป๋าของฉันมีทั้งเงิน ทั้งบัตร และก็คีย์การ์ดฉันรู้นะว่าไม่ควรเอามันมาไว้รวมกันแบบนี้ แต่สถานการณ์ตอนนั้นมันยังไม่ทันได้คิดอะไรนี่นา ฉันเปิดประตูก่อนจะพาตัวเองเข้าไปด้านในอย่างทุลักทุเล
“ถึงสักที” ฉันว่างทุกอย่างลงก่อนจะหยิบชุดใหม่ออกมาจากตู้ เพื่อจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ฉันเห็นสภาพตัวเองในกระจกแล้วฉันยังตกใจเลย เหมือนฉันพึ่งเอาตัวเองไปคลุกกับดินมาเลย...
“ลาลา ลาล้า ลาละ โอ้ย...” ฉันก้มลงไปมองข้อเท้าของตัวเองก่อนจะรีบอาบน้ำต่อให้เสร็จจะได้ทายาและก็กินยาแก้ปวดไปด้วยเลย ฉันหวังว่าตื่นเช้ามาคงไม่เจ็บเท่าตอนนี้หรอกนะ
“...” ฉันนั่งทายาที่ขาของตัวเองพร้อมกับในหัวของฉันก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปด้วย แม้แต่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกยังมีมุมเล็กๆที่อันตรายเลย นับประสาอะไรกับที่นี่ สำหรับฉันทุกที่ก็มีอันตรายเหมือนกันหมดนั้นแหละมันอยู่ที่เราว่าจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นหรือไม่ หรือบางที่สถานการณ์เหล่านั้นก็ดันมาเกิดอยู่ตรงหน้าของเราอย่างที่ฉันเจอเข้ากัยตัวเองวันนี้ไงล่ะ
ครั้งนี้ถือว่าโชคยังดีที่ฉันเจอเขา ครั้งหน้าฉันคงไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้อีกแล้วล่ะ เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะโชคดีอย่างกับวันนี้ไหม
“ฉันยังไม่ได้ชื่อเขาเลยนี่นา” ฉันพูดขึ้นเบาๆ ทันทีที่นึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันไม่ได้ถามชื่อของเขา แต่ถึงถามไปก็ไม่รู้ว่าเขาจะตอบฉันหรือไม่ และอีกอย่างเขาขึ้นไปทำอะไรบนกำแพงที่สูงขนาดนั้นกันนะ...
SPECIAL EPISODE 02 : Wintersweet(ดอกวินเทอร์สวีท เป็นดอกไม้แห่งความรัก ความเอ็นดู เหมือนกับมีใครบางคนที่เฝ้ามองดูการเติบโตของอีกคนเสมอ คอยสนับสนุน และอยู่เคียงข้างทุกช่วงเวลาของเขา)“ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ฉันคนนี้ก็จะคอยอยู่เคียงข้างพวกคุณเอง”[PUNDAO’S PART]9 ปีต่อมา...-Niseko, Japan-“รัน…คุณพ่อบอกไว้ว่ายังไงครับ” เร็นคุงในวัน 9 ขวบเอ่ยบอกกับน้องชายของเขาออกไปเสียงเรียบ ก่อนจะก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้กับเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง เร็นนอกจากเขาจะมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับดันแล้ว เขายังได้นิสัยและความเฉลี่ยวฉลาดมาจากพ่อของเขาทั้งหมด“ต้องตรวจสอบอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนออกมาครับ” รันตอบพี่ชายกลับไปเสียงอ่อน พร้อมกับก้มมองพี่ชายตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสดใส รันลูกชายคนเล็กในวัย 7 ขวบของเราถึงเขาจะมีนิสัยที่เหมือนกับฉันมากกว่าดันเขารู้จักออดอ้อนคนอื่นเหมือนกับฉัน แต่ในเรื่องความฉลาดหลักแหลมต้องขอบอกเลยว่าลูกชายทั้งสองคนของฉันไม่มีใครได้ฉันมาเลยสักคน ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาได้เรื่องนี้มาจากดันทั้งหมด เพราะคุณสามีของฉันน่ะเก่งที่สุดแล้ว“พร้อมไหมครับ” ดันเดินเข้
SPECIAL EPISODE 01 : Zinnia(ดอกซินเนีย เป็นสัญลักษณ์ของความเสมอต้นเสมอปลาย ความสม่ำเสมอ แทนความรู้สึกของคนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด วันแรกเป็นยังไง วันนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น)“ฉันเคยรักคุณมากแค่ไหน วันนี้ฉันก็ยังคงรู้สึกแบบนั้น”[PUNDAO’S PART]แอ๊ดดดดด!! ปัง!!“สรุปหมอว่ายังไงบ้าง” พี่ทิวาวิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตื่น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ในมือของคุณพ่อมาถือเอาไว้ ก่อนจะมองมาที่ฉันกับดันผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ตรงหน้าของเขาอย่างรอคำตอบ“ดาวท้องได้ 13 สัปดาห์แล้วค่ะ”“ห๊ะ!! 13 สัปดาห์ 3 เดือนเหรอ นี่น้องท้องแล้วไม่รู้ตัวเหรอพันดาว” พี่ทิวาเอ่ยถามฉันออกมาเสียงดุ“อย่าดุน้องนะเดี๋ยวหลานก็ตกใจหรอกค่ะ” ฉันแกล้งบอกปลายสายออกไปเสียงอ่อน แต่มันก็เป็นอย่างที่พี่ทิวาบอกฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง ถ้าดันไม่สงสัยเรื่องที่ประจำเดือนของฉันไม่มา ฉันก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าในกายของฉันกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาฉันไม่เคยแพ้ท้องเลยจะมีอ่อนเพลียซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่กำลังตั้งครรภ์“ถ้า 3 เดือน นี่อย่าบอกนะว่าติดตั้งแต่คืนเข้าหอน่ะ” พี่ทิวาหันไปถามดันที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย
EPISODE 52 : Jasmine (THE END)(ดอกมะลิ เป็นดอกไม้แห่งความปรารถนาดี ความรักและความกตัญญู เปรียบได้กับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว หรือแม้แต่คนที่รักเราด้วยใจที่บริสุทธิ์ ดอกมะลิยังมีอีกความหมายก็คือ ความรักที่เร่าร้อนจากกลิ่นหอมที่ชวนให้คลั่งไคล้อย่างง่ายดายของมันจึงไม่แปลกเลยหากใครจะอยากสัมผัสและดอมดม)“จนเป็นตัวของตัวเองเถอะนะ เพราะทั้งหมดที่เป็นคุณทำให้ฉันตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า”[PUNDAO’S PART]2 ปีต่อมา...-THAILAND-หลังจากที่ฉันจบการศึกษาปริญญาโทได้เพียงไม่นาน เรื่องงานแต่งงานระหว่างฉันกับดันก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาดันเป็นคนจัดการงานเองทั้งหมดโดยมีพี่ทิวาเป็นคนคอยช่วยเหลือเรื่องสถานที่จัดงาน ส่วนฉันมีหน้าที่ออกความคิดเห็นเท่านั้นและทำตัวให้เรียบร้อยที่สุดในงานก็พองานแต่งงานของเราถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่ ‘ไร่พันแสง’ ไร่ของครอบครัวฉัน ภายในงานมีเพียงครอบครัวและคนสนิทของเราทั้งคู่เท่านั้น งานแต่งของเราจึงอบอวลไปด้วยความอบอุ่น รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ“If one day you ever have a change of heart that you don’t love my daughter anymore, please don’t hurt her, just
EPISODE 51 : Lily of the Valley(ลิลลี่แห่งหุบเขา ดอกไม้แห่งความสุขที่นุ่มนวล หอมหวาน ชวนให้ตกหลุมรักระฆังน้อยแห่งหุบเขาไม่ว่าจะเป็นกลิ่น หรือรูปร่างที่เหมือนระฆังอันเล็กอันน้อยแสนน่ารัก ซึ่งหมายถึงความสุขและการเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับความสุขที่เคยขาดหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง)“รู้ตัวไหมคุณเป็นคนเข้ามาเติมเต็มความสุขให้กับผม ความสุขที่ผมเคยขาดหายไป”[PUNDAO’S PART]ฉันค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งคล่อมร่างสูงตรงหน้าก่อนที่สะโพกงามของฉันจะเริ่มขยับถูไถกับท่อนเอ็นอันใหญ่โตของเขา ในขณะที่มือหนาทั้งสองข้างเขายังคนขย้ำและนวดคลึงอกอวบอิ่มของฉันอย่างหลงใหล ใบหน้าหล่อเหลามองมาที่ฉันด้วยแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม พร้อมกับริมฝีปากหนาที่กำลังยิ้มออกมาอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้สายตาของดันก็ยังคงจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่ยอมละไปไหน“อะ อ่าส์ที่รักครับ” ดันครางเรียกฉันเสียงกระเส่าพร้อมกับมือหนาของเขาลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉัน ร่างสูงค่อยๆ ชันตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพิงหลังแกร่งของเขากับโต๊ะญี่ปุ่นตัวใหญ่ ในขณะที่มือหนายังคงประคองร่างบางของฉันเอาไว้ไม่ยอมห่าง“อื้อออ ขา ที่รัก”“อืมมมม ดันต้องการดาวคร
EPISODE 50 : Stock(ดอกสต็อกเป็นดอกไม้แห่งความสุขอันเป็นนิรันดร์ ความยินดีและยังเป็นดอกไม้แห่งสายใยรักระหว่างกันและกัน เป็นทั้งความรักความผูกพันที่ยากจะตัดขาด)“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คนพิเศษของผมก็จะยังเป็นคุณ”[PUNDAO’S PART]“ดาว” ร่างสูงตรงหน้าดึงฉันเข้าไปกอดไว้ทันทีที่เขาวิ่งมาเจอฉันซึ่งกำลังยื่นคุยกับคุณตาและคุณปู่อยู่ที่บริเวณทางเข้าบ้าน แขนแกร่งกอดรัดฉันไว้แน่นพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาของเขาซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนของฉันอย่างโหยหา หูของฉันแนบลงกับอกแกร่งของเขาทำให้ฉันรู้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงจนฉันกลัวว่ามันจะหลุดออกมาด้านนอก ฉันผงกหัวขึ้นมามองใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยของร่างสูงตรงหน้า ‘นี่อย่าบอกนะว่าเขาวิ่งตามหาฉันซะทั่วเลยเลยน่ะ’จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“ดะ ดัน” ฉันร้องเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่นพร้อมกับมองไปยังคนอื่นๆ ที่กำลังจ้องมองพวกเราอยู่อย่างเขินอาย ก็ดันเล่นจุ๊บทั่วทั้งใบหน้าของฉันแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นๆ ใครจะไม่เขินยังไงไหว และอีกอย่างคุณปู่กับคุณตาของเขาก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ถึงพวกท่านจะไม่ได้ว่าอะไรแต่ฉันก็อดเกรงใจพวกท่านไม่ได้จริงๆ“ดะ ดัน”“ครับ?”ทันท
EPISODE 49 : Caspia(ดอกแคสเปีย ดอกไม้แห่งความทรงจำ ความสัมพันธ์หรือเรื่องราวของใครบางคนที่ยังติดอยู่ในใจ และอีกความหมายหนึ่ง นั่นก็คือดอกไม้แห่งความสำเร็จ เป็นแรงผลักดันให้คนคนนั้นลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวเองอีกครั้ง)“อย่ายอมแพ้นะคะ หนูจะคอยเป็นกำลังใจให้เอง”[PUNDAO’S PART]-KYOTO (นครเกียวโต)-“คุณปู่อยู่ที่นี่เหรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับมองออกไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างตกตะลึงกับความอลังการของมัน ลักษณะของบ้านเรือนเป็นหลังคาทรงสูงมุงหลังคาด้วยหญ้าคายะ (Kaya) ซึ่งเรียกหลังคารูปแบบนี้ว่าคายาบุกิ (Kayabuki) หลังคาโครงสร้างแบบดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อราวๆ เกือบ 200 ปีมาแล้ว คนในเกียวโตเรียกบ้านแบบนี้ว่าแบบคิตายามะ (Kitayama Style Farmhouse)“ไม่ได้อยู่หรอกครับ”“อ้าว...”“ดันอยากพาดาวมาพบคนคนหนึ่งก่อนน่ะครับ” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนพร้อมกับมือหนาลูบลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันก้มลงไปดูนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองที่กำลังสวมใส่แหวนเพชรเม็ดงามอยู่ด้วยความสงสัย ในทุกๆ เช้าดันจะเป็นคนหยิบแขวนขึ้นมาสวมใส่ให้กับฉันด้วยตัวเองถ้าวันไหนที่ฉันอยู่บ