ตอนเช้า
"อื้อออ.." ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งช้า ๆ พลางมองไปรอบ ๆ เขา ไปแล้วสินะ... มันเป็นแบบนี้มาสี่ปีแล้วแหละ เขาทำแบบนี้กับฉันมาสี่ปีแล้ว ฉันเป็นตัวอะไรสำหรับเขากันนะ ฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปซื้อของเข้าห้องด้วยร่างกายที่แทบจะไม่มีแรงเหลือ คนเอาแต่ใจอย่างเขาชอบทำแบบนี้กับฉันเสมอน่ะแหละ “อืม...น่าจะซื้อเยอะเลยนะเนี่ย..” ฉันพึมพำกับตัวเองพลางนึกถึงของที่จะซื้อ ถ้าถามว่าฉันเอาเงินมาจากไหนทำไมถึงยังอยู่คอนโดหรูหรานี่มาได้ถึงสามปี ก็เพราะพ่อกับแม่ฉันส่งตังมาให้ทุกเดือนเลยน่ะสิ แต่ไม่เคยติดต่อมาสักครั้ง พวกเขาส่งมาให้ฉันครั้งละสามหมื่นบาทต่อเดือน แต่ฉันก็ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยเลยนะ ประหยัดสุด ๆ เลยล่ะ ฉันเห็นแบบนี้ก็รู้จักขี้งกเหมือนกันนะ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉันมาถึงห้างก็ตรงไปโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที ฉันต้องรีบหน่อยแล้วล่ะไม่ค่อยอยากอยู่ข้างนอกนาน ๆ เดี๋ยวฉันมีปัญหาอีก ไม่รู้เขามีกล้องติดตามตัวฉันหรือไง ถึงได้รู้ไปหมดว่าฉันทำอะไร ที่ไหน กับใคร “อืม…จะพอมั้ยนะ” ฉันพึมพำกับตัวเองพลางคำนวนว่าจะเอาไข่ไก่กับมาม่าไปไว้เท่าไหร่ให้พอเดือนนี้ดี “ขอโทษนะครับ...” ฉันหันไปมองคนที่สะกิดเรียกฉันอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาคนที่สะกิดเรียก “เอ๊ะ!?” แต่ที่ทำฉันตกใจมากก็คือคตที่ทักฉันนี่แหละ “ไงครับ” เขาทักทายฉันแล้วยิ้มอย่างใจดีเหมือนที่ชอบทำให้บ่อย ๆ “พี่เทม?” ฉันเรียกชื่อเขาด้วยความตื่นเต้น พี่เทมเป็นลูกของเพื่อนคุณพ่อของฉันเอง ฉันเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ จนพอขึ้นมัธยมเขาก็ดันต้องไปเรียนต่อต่างประเทศซะงั้น ตั้งแต่วันที่ไปส่งเขาที่สนามบินวันนั้น เขาก็หายไปเลย จนกระทั่งตอนนี้… “ไปไง มาไงคะเนี่ย” ฉันเริ่มถามไถ่ทันที เพราะไม่ได้เจอหน้ากันนาน “พี่ว่าเราไปหาร้านนั่งคุยกันดีกว่ามั้ย ยัยตัวเล็ก ไม่เจอกันซะนานเรื่องคุยน่าจะเยอะ” เขาพูดแล้วเอามือลูบหัวฉันอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉันบาง ๆ “นี่!พี่เทม! ผมยุ่งเลยเนี่ย ไปหาร้านนั่งก็ได้ค่ะ แต่ว่าห้ามเรียกตัวเล็กแล้วนะ เพราะตอนนี้เค้าโตแล้ว” ฉันพูดพร้อมทำหน้าหมุ่ยใส่เขา พร้อมกับเดินไปด้วย จนลืมไปเลยว่าต้องซื้อของด้วย “ก็ยังเล็กเหมือนเดิมเลยนะ นี่โตขึ้นบ้างมั้ยเนี่ย” แหม๋เขาตัวโตกว่าฉันขึ้นนิดหน่อยทำมาเป็นเถอะ ตัวโตขึ้นละทำเป็นมาพูดบุลลี่ฉันนะ “ใครมันจะไปตัวโตอย่างพี่กันล่ะฮ่ะ! ว่าเเต่ไปทำอะไรมาเนี่ย ดูหล่อขึ้นมากเลย” ฉันเดินไปมองสังเกตุเขาดี ๆ ไปด้วย เรื่องจริงนะ เขาดูดีขึ้นมาก มากเสียจนฉันก็แทบจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ “แน่นอนอยู่แล้วก็นะ พี่ไปตรงไหนสาว ๆ ก็มองอะนะ” เขาว่าแล้วยักคิ้วส่งมาให้ฉันกวน ๆ ยอตัวเองสุดๆ ไปเลยจ้าพ่อคุณ “ยกเว้น เค้าคนหนึ่งอะ ที่ม่ายมองง” “หรอยัยตัวเล็ก” พี่เทมพูดแล้วเอามือมาดึงเเก้มทั้งสองข้างของฉันอย่างกับฉันเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างงั้นแหละ “อ่อย อ๊าาา ไอ้ อี้ อ้าา (ปล่อย น๊าาา ไอ้พี่บ้าา) ” ฉันพูดพลางตีมือเขาไปด้วยเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาปล่อย “ว่าแต่เราเถอะสบายดีหรือเปล่า” เขาถามแต่สายตาเต็มไปด้วยความสงสารและเป็นห่วง เขาคงจะสื่อถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนที่ครอบครัวของฉันล้มละลายแบบกระทันหันแบบนั้น ถึงจะช้าไปแต่ก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เพราะสายตาของเขาน่ะ มันต่างจากสายตาของผู้ชายอีกคนไปโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ “ก็ เรื่อย ๆ อ่ะแหละ เค้าก็ตั้งใจเรียนอยู่ อยากไปหาคุณพ่อคุณแม่ไว ๆ” ฉันพูดแล้วเดินเลี้ยวเข้าไปในร้านกาแฟทันที เพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีก “ก็ดีแล้ว อ้อแล้วถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกพี่ได้เลยนะยัยตัวเล็ก ห้ามเกรงใจนะ เข้าใจมั้ย” ฉันอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเขาพูดแบบนี้ แอบรู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วงฉันขนาดนี้ “งั้น เลี้ยงชาเขียวหน่อยนะคะ คุณพี่สุดหล่ออ” ฉันพูดติดตลกพลางทำหน้าตาอ้อน ๆ เพราะไม่อยากเสียเงินซื้อน้ำที่ราคาต่อแก้วเป็นร้อย "ได้ครับ คุณน้องคนสวย" พี่เทมเองก็ตบมุขของฉันกลับอย่างรู้ทันทันที ให้มันได้อย่างนี้สิ พี่ฉัน สปอร์ต หล่อ ใจดี ครบจบในคนเดียว! “งั้นเดี๋ยวพี่ไปสั่งเครื่องดื่มแปป เราเอาชาเขียวกับเค๊กวานิลลาใช่มั้ย?” ไม่น่าเชื่อ ว่าเขายังจำได้ด้วยว่าฉันชอบอะไร “ยังจำได้อยู่เหรอคะว่าเค้าชอบกินอะไรน่ะ” ฉันพูดแล้วยิ้มตาหยีส่งไปให้เขา เขาเองก็ลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินแยกไปสั่งเครื่องดื่ม ส่วนฉันก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อรอเขาทันที ไม่นานนักเขาก็เดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มของเขาแล้วก็ของฉัน “น่ากินจัง ของฟรีนี่ดี๊ดี” ฉันพูดขึ้นเมื่อเขาวางถาดเครื่องดื่มลงตรงหน้าฉัน พร้อมกับเค้กวานิลลา “ขอบคุณนะคะ คุณพี่เทม” ฉันพูดขอบคุณเขาด้วยท่าทางน่ารัก หวังให้เขาเอ็นดูเยอะ ๆ เผื่อจะได้อะไรกินฟรีอีก “กินเข้าไปจะได้อ้วน ๆ นี่วัน ๆ กินอะไรบ้างมั้ยเนี่ยฮ่ะ” ฉันก็กินนะ กินมาม่าไง เช้า เย็น ส่วนเที่ยงฉันกินแซนวิซกับนมเอา หรือไม่ก็ไปหาอะไรกินกับยัยนก ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะกินเยอะหน่อย “กินสิคะ กินจุแทบทุกมื้อเลยด้วยสงสัยพยาธิเยอะไปหน่อยน่ะค่ะ ฮ่าๆๆ” ฉันพูดติดตลกแล้วหัวเราะออกมาแต่...ดูเหมือนคนฟังจะไม่ตลกด้วยเลย “โกหกไม่เนียน ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ สินะ” เขารู้ทันอีกแล้ว เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจริง ๆ “พี่เทมรู้ได้ยังไงอ่า” ฉันพูดพลางหลบตาแล้วทำเป็นกินเค้กต่อ “ถ้าเธอโกหก เธอจะหัวเราะตบท้ายไม่กล้าสบตาตอนพูด เธอเป็นแบบนี้ออกบ่อย” โห..นี่เขาเคยลืมเรื่องของฉันบ้างมั้ยเนี่ย ขนาดไม่ได้เจอกันนานแล้วนะเนี่ย หากเจอหน้ากันบ่อยครั้ง คงรู้หมดว่าฉันคิดอะไรแบบไหน “โห..เก่งจัง พี่เทมเองก็ดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ เรื่องนิสัยมองออกคนเนี่ย เก่งที่หนึ่งเลย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเขาเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครอีกคนที่มองฉันออกทะลุปรุโปร่งไปแล้วเรียบร้อย “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” ฉันรีบสบตากับคนตรงหน้าทันที ไม่ได้นะ เขาจะมารู้เรื่องของฉันกับพี่วินไม่ได้นะ หากเขารู้ เขาต้องพาฉันหนีไปหาพ่อกับแม่ทันทีแน่ ๆ แบบนั้นเขาอาจจะเดือดร้อนเพราะฉันอีกคนแน่ ๆ “เปล่าค่ะไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ฉันพูดแล้วสบตาเขาอย่างไม่ต้องการให้เขาจับได้ทันที ไม่รู้ว่าได้ผลไหม แต่ถ้าเขาไม่ถามเซ้าซี้ก็คงได้ผลแหละ “พี่เทมลองกินเค้กมั้ยคะ อร่อยน้า” ฉันทำเป็นตักเค้กไปจ่อตรงหน้าเขา เพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที “ไม่เอาหรอก พี่ว่ามันเลี่ยนจะตายไป” ฉันทำหน้าหมุ่ยเล็กน้อยก่อนจะเอาเค้กในช้อนนั้นกลับมากินเสียเอง ไม่เห็นจะเลี่ยนเลย หวานออก “ยังชอบมันอยู่หรือเปล่า?” จู่ ๆ เขาก็ถามถึงใครบางคน ที่ฉันเคยชอบเขามาก มากเสียจนไม่เคยเปิดใจให้กับใครอีก “คะ? ใครหรอคะ?” ฉันทำเป็นไม่เข้าใจในคำถามของเขาทันที เพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร “อย่ามาทำเป็นไขสือน่า เธอรู้ดีว่าพี่หมายถึงใคร” ฉันเบือนหน้าหนีพี่เทมทันที จะให้ตอบว่าอย่างไรล่ะ ในเมื่อไม่เคยเลิกชอบเขาได้เลย แม้ใจดวงนี้จะเจ็บสักแค่ไหน ก็ไม่อาจจะลบความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาได้เลย “ยังชอบอยู่สินะ ไม่สินานขนาดนี้ เรียกว่ารักแล้วล่ะมั้ง” ฉันหันกลับไปมองเขาทันที ที่พี่เทมพูดออกมาแบบนี้เขาคงมองฉันออกอย่างตามเคย “อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ เรื่องความรู้สึกของรินน่ะ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะคะ” ฉันรีบบอกเขาทันที เพราะไม่อยากให้เขาพูดถึงคนใจร้าย ที่ตอนนี้เอาแต่ทำตัวร้ายกาจกับฉันราวกลับว่าอยากจะบีบให้ตายคามือ “ก็ได้ ถ้าเราต้องการแบบนั้น” พี่เทมพูดแล้วยกแก้วกาแฟของเขาขึ้นจิบอย่างรู้ทัน ว่าฉันกำลังปกปิดความรู้สึกอะไรอยู่ “พี่เทมกลับมาอยู่กรุงเทพนานแล้วหรอคะ” ฉันถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที เอ๊ะ นี่ฉันเปลี่ยนเรื่องบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ “อืม.. สองเดือนกว่า ๆ แล้วล่ะ พี่ย้ายกลับมาเรียนปี4ที่นี่น่ะ” ฉันพยักหน้าเบา ๆ สงสัยจะคิดถึงที่นี่เลยย้ายกลับมา “มหาลัยเดียวกับรินแน่เลย” ฉันพูดไปยิ้มไปอย่างรู้ทัน ดูจากที่มาโผล่แถวนี้คงไม่ผิดจากที่คาดเดาสักเท่าไหร่หรอก “แหน่ะเก่งขึ้นนะเนี่ย เริ่มตามพี่ทันซะและ” ฉันยิ้มตาใสส่งไปให้เขาอย่างน้อมรับคำชม ไม่คิดจะถ่อมตัวสักนิด “แล้วนี่เรามาซื้ออะไรล่ะ?” อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น จริงสิฉันมาซื้อของไปเก็บไว้นี่นา แล้วนี่ก็ผ่านมานานมากแล้วด้วย หนังสือก็ต้องกลับไปอ่านอีก ตายล่ะ!! “เค้าลืมไปเลยอ่ะ! งั้นไว้เจอกันนะคะพี่เทม รินต้องไปแล้ว อ้อ! ขอบคุณสำหรับชาเขียวและเค้กอร่อย ๆ ด้วยนะคะ” ฉันพูดลาเขาพลางรีบลุกขึ้นทันที ก่อนจะตักเค้กชิ้นสุดท้ายเข้าปากทันที และไม่ลืมจะหยิบแก้วชาเขียวมาด้วย “เดี๋ยว ริน” ฉันชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกจากตรงนั้นทันทีที่พี่เทมเอ่ยเรียกไว้ “ขอเบอร์ไว้ให้พี่หน่อย ไว้ติดต่อกัน” พี่เทมพูดแล้วยื่นโทรศัพท์มือถอราคาแพงมาตรงหน้าฉัน ฉันพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ของตัวเองลงไป “แล้วเจอกันนะคะพี่เทม บ๊ายบายน้า” หลังจากกดเบอร์เสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาคืนทันที ก่อนที่ฉันจะพูดลาแล้วโบกมือบ้ายบายเขาแล้วเดินออกจากร้านตรงไปซื้อของที่ตั้งใจว่าจะซื้อทันทีด้วยความเร่งรีบ คอมเม้นท์ + กดใจ = เป็นกำลังใจนักเขียนนะคั้บ~~ หากต้องการอ่านตอนใหม่ก่อนใครสามารถเพิ่มเข้าชั้นหนังสือเพื่อรับการแจ้งเตือนได้นะคั้บ><พลั่ก! ตุ้บ! พลั่ก!“อั่ก! โอ้ย!”เสียงร้องโอดโอยของร่างชายฉกรรจ์ที่ถูกวินทัพฟาดด้วยท่อนไม้และเหล็ก ดังสลับกับเสียงฟาดจนคนแถวนั้นกลัวจนไม่กล้าจะเข้าห้าม จนกระทั่งเพื่อนเขาที่ตามมา“ไอ้เหี้ยวิน! พอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวมันตาย”“มึงหลบไป”วินทัพพูดบอกกันต์เสียงสั่น ตายเป็นตายเขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หากดารินเป็นอะไรไป เขาเองก็ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ไอ้คนทำมันรอดไปได้เช่นกัน“มึงฆ่ามันแล้วได้อะไรวะ ถ้ามันตายมึงจะรู้ไหม ว่าใครสั่งมันให้ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับรินอะ”กันต์ถามเรียกสติเขา ซึ่งมันได้ผล เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันต้องมีคนบงการแน่นอน แต่เขาเอาแต่โมโหจนลืมไป วินทัพเดินไปหามันแล้วกระชากคอเสื้อมันให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาปูดโปน เพราะโดนเขาอัดเละ แถมไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย“ตอบกูมา! ใครเป็นคนสั่งมึงให้ทำ พูดให้เข้าหูกูนะ ไม่งั้นกูจะตัดนิ้วมึงทีละนิ้ว”วินทัพพูดล้วจ้องหน้ามันเขม็ง กันต์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมอุปกรณ์มา หากมันไม่ยอมบอกแต่โดยดี เขาจะไม่ห้ามเพื่อนเขาสักนิด“ตอบมา!!”คนถูกกระชากคออยู่สลึมสลือราวกับจะหมดสติไป แต่วินทัพไม่ยอม เขา
@โรงพยาบาลประจำตัวเมือง“คุณส้ม!”เสียงหวานของซรานดังสะท้อนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ร้องเรียกผู้จัดการสาวที่กำลังนั่งสะอื้นไห้จนไหล่สั่นสะท้าน ความรีบร้อนในน้ำเสียงแทบทำให้หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างบางของเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามา พร้อมกับเทมที่สีหน้าซีดเผือดยิ่งไม่ต่างกัน ความตึงเครียดหนักหน่วงคลี่คลุมไปทั่วราวกับอากาศรอบกายถูกบีบอัดจนแทบหายใจไม่ออก และทันทีที่สายตาของเทมเหลือบไปเห็นกลุ่มวินทัพที่ยืนจับจ้องอยู่ ความร้อนวาบแห่งโทสะก็พุ่งขึ้นสู่ศีรษะทันที เลือดในกายพลันสูบฉีดรุนแรง ราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ มันอีกแล้ว“คุณเทมคุณซราน! ฮึก!”“รินล่ะคะ? รินเป็นยังไงบ้างคะ?”ซรานเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกลั้นสะอื้นเอาไว้ ความปวดร้าวแล่นบีบรัดในอกเพียงเพราะตั้งแต่กลับมา เธอแทบไม่ได้พบหน้าน้องสาวสุดที่รักเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ยิ่งงานที่รุมเร้าทำให้เธอไม่อาจมาหาดารินได้บ่อยดังใจต้องการ และทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอ…ดารินก็มักจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลเสมอ ภาพเหล่านั้นกัดกินใจจนยิ่งเอ่ยถามออกมา น้ำเสียงก็ยิ่งสั่นพร่าไปด้วยความกังวลและเจ็บปวด“ตอนนี้น้อง
-ดาริน-หลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นฉันก็รีบกลับเข้ามาห้องพักของตัวเองทันที กะว่าจะออกไปสูดอากาศให้หายหงุดหงิดเสียหน่อย ดันไปเจอภาพบาดตาเสียได้“อ่าวน้องริน ไหนว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลคะ?”พอเข้ามาที่ห้องก็เจอกับพี่ส้มเช้งพอดี พี่ส้มเช้งน่าจะเอาของมาเก็บให้ เพราะเมื่อกี้ฉันเดินมาไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ“อากาศมันร้อน ๆ น่ะค่ะ เลยกลับมาพักในห้องดีกว่า”ฉันโกหกออกไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าหมดอารมณ์เดินเพราะเห็นคนรักจูบกับแฟนของเขาน่ะ…น่าเกลียดจะตายไป“น้องรินคะ พี่ขอพูดอะไรได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“เรื่องคุณวินทัพ…”พี่ส้มเช้งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจที่จะพูดออกมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอพูด“พี่รู้นะคะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพี่ แต่ในฐานะที่พี่เป็นผู้จัดการของน้องริน พี่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะ เขายังมีคนของเขาอยู่ น้องรินจะเสียเอานะคะ”ฉันคิดตามที่พี่ส้มเช้งพูด ในเวลาไม่กี่วันมีคนเตือนฉันเรื่องพี่วินทัพถึงสองคน ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะสถานะของฉันตอนนี้ก็คือชู้ดี ๆ นี่เอง“รินกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ พี่ส้มสบายใจได้”ความจริงเรื่องฉันกับพี่วินทัพเราไม่ได้เป็นอ
@คอนโดดารินเมื่อปล่อยคนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจแล้ว เขาก็พาเธอกลับคอนโดของเธอทันที วันนี้เขาตั้งใจจะนอนกอดเธอไม่ไปไหนทั้งนั้น จึงตัดสินใจปิดเครื่องเอาไว้“รินครับ มานี่เร็ว”เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกจากห้องน้ำก็รีบตีที่นอนเป็นเชิงชวนให้ขึ้นเตียงทันที ดารินมองอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง กลัวเขาจะจับกินน่ะสิไม่ใช่อะไร“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า มาเร็ว ง่วงแล้วเนี่ย”เขาพูดเพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาโคตรอยากทำ แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ รอทำอะไรให้ถูกต้องก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาจนคนตัวเล็กสลบไปหลาย ๆ รอบเลยทีเดียว“เชื่อได้ใช่มั้ยคะ?”ถามออกไปอย่างระแวงแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี เพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจริง ๆ“ได้สิ พี่ไม่ทำอะไรหรอกตอนนี้น่ะ”ตอนอื่นก็ไม่แน่ เขาคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ เมื่อร่างบางยอมขึ้นเตียงมาหาเขา เขาก็รีบกอดเธอไว้แทบจะทันที ทั้งคู่เอนนอนลงบนเตียงในขณะที่โอบกอดกันอยู่“รินอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทุกคืนเลย…”ถึงแม้จะโกรธที่เขาทำให้เธอต้องเป็นคนไม่ดี แต่ก็รักเขาอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้คำว่ารักนี่แหละตัวปัญหาสุด ๆ“พี่จะรีบทำทุกอย่างให้เคลียร
@ร้านอาหารหรูดารินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่เหล่าคนรวยมักมาออกเดทกันที่นี่ เพื่อประกาศถึงความร่ำรวยและชีวิตที่หรูหราของพวกเขา แต่วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เธออยากจะเคลียร์มากที่สุดเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ ดารินที่สวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ก็มองพี่ชายต่างสายเลือดผ่านแว่นดำ และไม่คิดจะถอดมันออก“ใส่แว่นมาข่มพี่หรือไงตัวเล็ก”ใช่เสียที่ไหน เพราะเธอร้องไห้จนตาบวมมาตลอดทางต่างหาก ตั้งแต่ทราบเรื่องที่ตนแท้งก็ยังไม่มีเวลามาเอาผิดคนทราบเรื่องคนแรกแต่ไม่ยอมบอกเธอสักที“อย่ามาเปลี่ยนเฉไฉค่ะ อย่างที่พี่เทมทราบ เค้ารู้เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว”ดารินเงียบก่อนจะเอนหลังเพื่อพิงโต๊ะและกอดอกมองคนพี่อย่างเอาเรื่อง ไมทต้องถอดแว่นออกก็พอจะเดาได้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่แน่ ๆ“เค้าให้เวลาพี่เทมแก้ตัวค่ะ”คนฟังถึงกับนึกขำในใจ พอจะดุก็เอาเรื่องเหมือนกันนะน้องสาวของเขาเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษสินะ“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษเราจริง ๆ ที่พี่ไม่ได้บอก รินก็รู้ว่าถ้าพี่เล่าไปยังไงรินก็จะเสียใจ และพี่ก็ไม่อาจจะทำรินเสียใจได้ พี่เลยอยากให้รินลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นไปซะ จะโกรธพี่ก็ได้ แต
-ดาริน-ตอนนี้ฉันมาคุยงานกับเจ้าของโปรเจ็กที่ได้รับผิดชอบงานโปรโมทรีสอร์ทที่หัวหิน เห็นว่าไปตั้งสี่วันสามคืนเลยทีเดียว เพราะเป็นงานแรกด้วย จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่ไปถ่ายแบบมุมต่าง ๆ ตามรีสอร์ทเท่านั้นเอง สบายมากงานแค่นี้“เราจะเดินทางไปที่รีสอร์ทกันวันไหนนะคะพี่อาร์ท”ฉันเอ่ยถามเมื่อคุยสรุปงานกันเสร็จ พี่ส้มเองก็เตรียมจดจารางงานให้ฉันอยู่เหมือนกัน“อืม…น่าจะอีกสามวันนะ น้องรินโอเคไหมครับ?”ฉันหันไปมองหน้าพี่ส้มเช้งทันที ซึ่งพี่เขาเช็คตารางนิดหน่อยก็พยักหน้าโอเคให้“โอเคค่ะ วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ กะว่าจะแวบไปแอบดูพี่วินทัพเสียหน่อย หลัวจากวันนั้นเขาก็ไม่ค่อยได้มาหาฉันเลย เอาแต่ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ยอมมาหากันเลย คืนนั้นแันกับเขาไม่ได้ทำอะไรกันต่อนอกจากนอนกอดกันเฉย ๆ ซึ่งมันก็ดีสำหรับฉันนะ“ครับผม น้องรินกลับได้เลยครับ เดี๋ยวพี่กับทีมจะคุยกันต่ะครับ”ฉันยิ้มให้พี่อาร์ทเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือมาถือแล้วลุกขึ้นเพื่อออกจากห้องประชุม“พี่ส้มจะอยู่คุยงานส่วนอื่นต่อกับพี่อาร์ทหรือจะกลับเลยคะ?”ฉันถามพี่ส้มเช้งที่หน้ายังคงอยู่กับจอโน็ตบุ๊ค