วันต่อมา
@มหาลัย วันนี้ฉันมาส่งงานอาจารย์ ที่ตึกคณะของพวกพี่วิน เพราะอาจารย์เขามาสอนแทนเพื่อนของเขาที่ตึกนี้ทำให้ฉันต้องมาส่งที่นี่ ฉันเองก็อยากจะส่งวันอื่นนะแต่ว่า...เดตไลน์งานนี้ก็คือวันนี้ตอน4โมงน่ะสิ นี่ก็บ่ายแล้วด้วย ดีนะที่เสร็จทันไม่งั้นแย่แน่ @คอนโดมิเดียมหรู M ฉันยืนอยู่ตรงหน้าห้องของตัวเองจะเป็นชั่วโมงแล้ว...ฉันรู้ว่าเขาต้องอยู่ข้างในแน่ ๆ และฉันก็รู้ว่าเขาพาใครมา...นอนในห้องของฉัน....เพราะฉันเห็นพวกเขาตั้งแต่ด้านล่างแล้ว...ฉันไม่อยากเข้าไปเห็นอะไรตอนนี้…ฉันรอได้... แกร๊ก... "หือ!?" ฉันมองผู้หญิงที่เปิดประตูออกมาด้วยเสื้อผ้านักศึกษาที่หลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย เธอดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นฉันยืนอยู่ เมื่อเห็นว่าฉันเป็นใครเธอก็ยกยิ้มให้ฉันอย่างเย้ยหยัน แล้วก็เดินออกไปโดยไม่สนใจฉันอีก เธอคือผู้หญิงคนที่นั่งอยู่กับพี่วินเมื่อเช้านี่… ฉันสบัดความคิดทั้งหมดออกจากหัวแล้วเดินเข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่รู้สึกชา ๆ พอเข้ามาฉันก็เจอพี่วินนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟา ฉันเดินเลยผ่านเขาไปที่ห้องนอน...สภาพห้องตอนนี้มันไม่ต่างจาก…ห้องของโรงแรมมาตรฐานต่ำ มีกล่องถุงยางที่ถูกเปิดใช้แล้ว แล้วก็พวกถุงยางที่ใช้แล้วในถังขยะใบเล็กของฉัน น้ำตาของฉันรื้นขึ้นมาทันที แต่ฉันก็เก็บห้องไปด้วยอย่างทำเป็นไม่สนใจ…เมื่อไหร่เขาจะออกไปจากชีวิตของฉันสักที! ฉันเกลียดเขาเหลือเกิน เกลียดจนอยากจะอ้วกออกมา แต่ฉันก็…รักเขาเหมือนกัน “พี่วินหิวหรือเปล่าคะ?” พอฉันเก็บของในห้องเสร็จก็เดินไปหาเขาแล้วถามเขาเหมือนปกติที่คอยถามตลอด “ไม่ต้องเสือก” พี่วินทัพพูดแล้วหยิบเสื้อนักศึกษาของตัวเองพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาคงจะไปแล้ว “พี่ยังไม่ได้ฟังรินอธิบายเลย...” ฉันพูดเสียงเบาราวกับกระซิบเมื่อเขากำลังจะเดินผ่านฉันไป..ไม่รู้สิ ฉันแค่ไม่อยากให้เขามองฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น ต่อให้เขาจะมองว่าฉันเป็นแบบนั้นก็ตาม จริง ๆ ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายก็ได้ แต่เพราะฉันแคร์เขามากเกินไป “แล้วฉันต้องสนใจด้วยเหรอ? อืม…ฉันควรสนใจผู้หญิงสำส่อนแบบเธอด้วยสินะ” ฉันนึกไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังเลือกที่จะพูดออกไป พูดหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บ หาเรื่องใส่ตัวไม่เข้าท่าจริง ๆ เลยดารินเอ้ย “มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะคะ...พี่น่าจะฟังรินบ้าง” ฉันพูดโดยไม่หันไปมองหน้าเขา ตอนนี้เขาคงส่งสายตาอำมหิตส่งมาให้ฉันเหมือนเคยน่ะแหละ “งั้นที่เธอเห็นวันนี้...ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดเหมือนกัน..เธอเชื่อหรือเปล่าล่ะ ว่าฉันไม่ได้เอากับผู้หญิงคนอื่นในห้องเธอ...ฉันแค่พายัยนั่นมาติวหนังสือ...เธอเชื่อหรือเปล่า?” ฉันหมดคำจะพูดจริง ๆ นั่นมันไม่เหมือนกันด้วยซ้ำ ของเขาน่ะ หลักฐานก็มี… “หึ! เงียบแบบนี้ตอบไม่ได้สินะว่าเธอเชื่อฉัน เพราะหลักฐานมันชัดไง ก็เหมือนกับที่ฉันเห็นไง ทั้งบอกว่าคิดถึงทั้งลูบหัว นี่ถ้าไร้ยางอายกันสักหน่อย ไม่เอากันตรงนั้นเลยหรือไง!” ฉันหันควับไปหาเขาทันที เขาต้องเกลียดฉันขนาดไหนถึงได้พูดคำพวกนี้ออกมาอย่างหน้าไม่อาย ฉันมีอะไรแค่กับเขาคนเดียว! ฉันไม่ใช่พวกชอบนอนกัคนอื่นไปทั่ว เขารู้ดีกว่าใครด้วยซ้ำ แต่เขากลับ… “ค่ะ ถ้าพี่จะดูถูกรินขนาดนี้ งั้นต่อไปก็อย่ามาแตะตัวรินอีกเลยนะคะ พี่ควรขยะแขยงรินให้มากกว่านี้!” ฉันพูดออกไปด้วยความโมโห เขามันบ้า พูดจาดูถูกฉันออกมาได้อย่าไม่รู้สึกอะไร เมื่อพูดจบก็หันหน้าเตรียมเดินหนีทันที เพราะไม่อยากจะเสวนากับเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว พรึ่บ!! “อ๊ะ!!!” แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้า เขากล็คว้าแขนของฉันเอาไว้ ก่อนจะออกแรงบีบอย่างแรงจนฉันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “เธออย่าฝันเลย ไม่มีวันนั้นหรอก เพราะฉันจะทำกับเธอแบบนี้...จนกว่ามันจะสาสมกับสิ่งที่เธอทำกับหยก!” เขาพูดออดมาด้วยความโกรธแถมยังบีบข้อมือฉันแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีก เอาอีกแล้วเรื่องผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว นี่เขาจะโกรธแค้นอะไรฉันนักหนา ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอด้วยซ้ำ! “แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ! เมื่อไหร่มันจะสาสมกันสักที! รินเหนื่อย!! รินเหนื่อยมากแล้ว! รินไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำอะพี่วิน!เลิกเอาเรื่องนี้มาข่มเหงรินสักที!" ฉันพูดพลางทิ้งตัวร้องไห้ตรงหน้าของเขา อย่างอดไม่อยู่ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วไม่อยากอีกแล้ว! ฉันเหนื่ย เหนื่อยที่จะยอมเขาแบบนี้เหนื่อยที่จะรักเขาแล้ว เขาเอาแต่ทำร้ายฉันทั้งร่างกายและจิตใจซ้ำ ๆ จนฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว! “แล้วใครใช้ให้เธอทำกับผู้หญิงที่ฉันรักล่ะ!! เราเกือบจะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว! แต่สุดท้ายเธอเป็นแบบนั้นก็เพราะเธอ!” ฉันมองหน้าเขาด้วยความเจ็บปวดผู้ชายที่ฉันแอบรักมาตลอดชีวิต! เขากลับเกลียดฉันได้ขนาดนี้…แถมยังโทษว่าฉันเป็นคนทำอีก “แล้ว..ฮึก..ถ้าวันนั้น..ถ้าวันนั้นเป็นรินที่โดนล่ะคะฮึก! พี่จะทำกับผู้หญิงคนนั้นเหมือนที่พี่ทำกับรินรึป่าวคะ?” ฉันถามออกไปแต่ไม่ได้มองหน้าเขา ฉันกลัวคำตอบนะแต่…ฉันอยากจะรู้ว่าเขาคิดยังไง “แล้วทำไม...ทำไมฉันต้องทำกับหยกแบบนั้นล่ะ? เธอไม่ใช่คนที่ฉันรัก เธอไม่ใช่!และก็จะไม่มีวันใช่ด้วย!" เขาสบัดมือของฉันทิ้งอย่างแรงก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่หันกลับมาอีกเลย...เจ็บดี... ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ยังอยากจะถามออกไป ทำไมนะ ทำไมวันนั้นคนที่โดนกระทำแบบนั้นไม่เป็นฉันกันนะ...น่าจะเป็นฉันคนนี้! ฉันจะได้ไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้ 1 อาทิตย์ต่อมา ตอนนี้ฉันเตรียมตัวสอบอย่างหนักทุกวัน ใกล้จะจบปีสามแล้วนี่เนอะโชคดีที่หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยมาให้ฉันเห็นอีก เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้มีสมาธิสอบ...ถ้าฉันจบปีสี่เมื่อไหร่ฉันจะรีบไปหาคุณพ่อคุณแม่เลย…คิดถึงพวกท่านจัง “นี่! ฉันเรียกไม่ได้ยินรึไงห๊ะ!” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อยจนเพื่อนสนิทอย่างยัยนกตะโกนบ่นอุบใส่เสียงดัง “เบา ๆ สิยัยบ้า!นี่มันในห้องสมุดนะ” ฉันพูดเอ็ดยัยนกเสียงเบาราวกลับกำลังกระซิบ เพราะหวังจะให้ได้ยินกันสองคน หากเป็นข้างนอกฉันจะไม่อะไรเลย แต่นี่ในห้องสมุด แถมยังเป็นช่วงสอบอีก สายตาตำหนิหลายคู่จึงหันมามองพวกเราแกมต่อว่าในใจ “ก็แล้วฉันเรียกทำไมไม่ตอบกันเล่า หือ คิดอะไรไปถึงไหนเนี่ย” ฉันเอี่ยวหัวหลบทันทีที่ยัยนกเอามือมายีหัวฉันเบา ๆ ยัยบ้านี่หัวยุ่งหมดเลย “ผมยุ่งหมดเลยอะ ยัยนก” ฉันพูดไปพลางสางผมตัวเองไป ไม่วายต้องทำหนาหมุ่ยใส่อีกฝ่ายด้วย หัวยุ่งหมดเลยเนี่ย “แล้วเรียกเรามีอะไรเหรอ?” ฉันถามเมื่อนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่ยัยนกทำฉันหัวยุ่งแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระล่ะน่าดู! “ก็ฉันขี้เกียจลุกไปหาหนังสืออ่ะ นี่อ่ะ! ฉันจดชื่อหนังสือใว้ให้แล้วรบกวนหน่อยน้า เพื่อนรัก” ยัยนกพูดแล้วทำหน้าออดอ้อน น่ารักมากมั้งน่ะ ฉันอีกตายเคย “โอเค ๆ รอแป๊บละกันนะ” ฉันพูดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำด้ ก่อนจะหยิบกระดาษจดหนังสือที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ด้วยความเบื่อหน่ายเพื่อนสนิทเต็มทน “ขอบใจน้าา งุงงิ้ง” ยัยนกพูดแล้วจับมือฉันเบา ๆ แล้วนำไปถูกไถที่หน้าอย่างออเซาะ ให้ตายสิเป็นงี้ตลอดเลย แต่ฉันก็พยักหน้ารับเบา ๆ อย่างไม่อะไรมาก เอ็นดูเสียมากกว่าด้วย ก่อนจะเดินไปตรงหมวดที่ยัยนกจดให้ไว้ “มึง กูว่าจะเล่นแม่งวันนี้มึงเอาไง” แต่จู่ ๆ ฉันก็ดันไปได้ยินบทสนทนาหนึ่งเข้าให้ พวกพูดอยู่ตรงไหนสักแห่งของห้องนี้ ถึงเสียงจะไม่ดังมาก แต่หากเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินมันชัดเจนราวกับพูดอยู่ข้างกันเลย “มึงมั่นใจเหรอวะ ว่าจะชนะกลุ่มพวกมัน” ฉันทำท่าไม่สนใจก่อนจะหาหนังสือต่อ เพราะมันไม่น่าเกี่ยวอะไรกับฉันและฉันว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับพวกที่ชอบยกพวกตีกันสักเท่าไหร่ ว่าแต่ทำไมเลือกมาคุยกันในห้องสมุดล่ะเนี่ย “อยู่นี่เอง…” ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหยิบหนังสือที่ยัยนกให้มาเอาขึ้นมาถือไว้ “หึ มึงคิดว่าคนอย่างไอ้วินทัพมันจะเก่งสักแค่ไหนกันวะ แม่งลองต่อยกับกูตัว ๆ แม่งก็แพ้กูอยู่ดี” ฉันชะงักกึกทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่พวกเขากล่าวถึง พี่วินทั…ถ้าให้เดาคงมีแค่คนเดียว เพราะเขาน่ะมีเรื่องไปทั่วแถมชื่อเสียงยังดังกระฉ่อนอีกด้วย ว่าเขาน่ะเก่งกาจแค่ไหน สู้กับใครก็ชนะจนหลายต่อหลายคนอยากจะโค่นล้มเขา “กูว่านะ มันก็คงแค่อวดเก่งไปวัน ๆ น่ะแหละ แค่เอากลุ่มมันมาข่มพวกเราเท่านั้นแหละ จริง ๆ ก็กระจอก” ไม่จริงเลยกลุ่มของพี่วินถึงจะมีแค่ห้าคน แต่พวกเขาเก่งกาจกันทุกคน เพราะฉันเคยเห็นพวกเขาสู้มาแล้วถึงได้กล้าพูด ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นพวกเขาอายุแค่สิบแปดสิบเก้าเท่านั้นเอง แต่ล้มผู้ใหญ่ได้ดย่างงายดาย พวกเขาน่ะน่ากลัวเกินไป “แล้วก็อีกอย่างนะ กูก็มีของไปเซอร์ไพรส์มันด้วย” ฉันขยับเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อดูว่าเขาเป็นใครแต่พอเห็นสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งพูดหยิบขึ้นมาก็ถึงกับชะงักทันที..งมันคือปืน...ตอนนี้ฉันสั่นไปหมด มันทำอะไรไม่ถูกเลย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะ ฉันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่แบบนั้น...พี่วินกำลังจะมีอันตราย…ไม่ได้นะ! เขาจะตายไม่ได้นะ! ถึงเขาจะทำร้ายฉันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นเขาเป็นอะไรไปหรอกนะ...ฉันควรทำยังไงดี… ปึก! “เชี่ย ใครวะ!” แย่แล้ว...ฉันมัวแต่คิดไม่ตกเรื่องที่เห็นจึงเผลอทำหนังสือตก ทำไงดี! ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปหายัยนกทันที ถ้าพวกนั้นจับได้ฉันแย่แน่! “อ่าวมาแล้วเหรอ ทำไมไปนานจัง?” ยัยนกทักฉันทันทีที่เห็นหน้าแต่ฉันไม่ได้สนใจสิ่งที่ยัยนกพูดเลย ฉันรีบหันไปมองทางที่เดินมาทันทีก็เห็นผู้ชายสองคนนั้นกำลังจะเดินมาทางนี้ “แกยังไม่ต้องถามอะไรนะทำตัวปกติอ่านหนังสือไป ฉันอ่านหนังสือล่ะ” ฉันรีบพูดแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือตรงหน้าทันที ทำเหมือนปกติ ยัยนกเองขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมเงียบ จนผู้ชายสองคนนั้นเดินผ่านไป ให้ตายสิ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ไม่สิ ฉันต้องรีบไปหาพี่วิน! ต้องรีบไปเตือนเขา! “ยัยนก ฉันไปก่อนนะพอดีเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนอะ” ยัยนกเองก็มองฉันเก็บของแบบงง ๆ เพราะตอนนี้ฉันเก็บของลวก ๆ ยัด ๆ มันเข้ากระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะเรื่องที่รู้มานั้นสำคัญกว่ามาก “เดี๋ยว ๆ ริน แกเป็นอะไรเนี่ย? มีเรื่องอะไร?” ยัยนกจับแขนฉันไว้แล้วถามทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่ “เดี๋ยวไว้ฉันเล่าให้ฟังทีหลังนะ แต่ตอนนี้ขอฉันไปจัดการธุระก่อน ไปนะ” ฉันพูดแล้วรีบเดินออกมาทันทีไม่รอให้นกซักไซ้อะไรเพิ่ม...แต่เมื่อเดินออกมาถึงหน้าสมุดก็ต้องหยุดชะงัก...เมื่อ... “กูกะแล้วเชียว...” สายตาน่ากลัวของผู้ชายที่ควักปืนตอนนั้นกำลังทำให้ฉันกลัว...กลัวจนไม่กล้าขยับไปไหน...พวกเขารู้ได้ยังไง… “ว่าไงคนสวย จะรีบไปไหนล่ะ...รีบไปหาไอ้วินทัพหรอ?” ฉันถอยหลังช้า ๆ หนีคนที่เดินเข้ามาหาแทบจะทันที แปลกจังคนแถวนี้หายไปไหนหมดเนี่ย! แบบนี้ฉันจะหนียังไงดีล่ะ! “แหม๋ ชีวิตไอ้เหี้ยวินนี่มีแต่ผู้หญิงรุมล้อมจังนะ…หึ!” ฉันยังคงเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ โดยพยายามหาทางคิดเอาตัวรอด ฉันไม่น่ารีบออกมาเลย! ให้ตายสิ! “อย่า…อย่าเข้ามานะ!!” ฉันเริ่มพูดเมื่อมันจะถึงทางตันอยู่แล้วที่ไม่เลือกกลับเข้าไปข้างในเลยเพราะกลัวว่าจะรบกวนคนอื่น...แต่ฉันว่าฉันควรกลับเข้าไปข้างในจริง ๆ นั่นแหละ นึกได้แบบนั้นฉันก็หันหลังกลับทันทีเตรียมวิ่งสุดกำลังเลยล่ะ พรึ่บ! “อ๊ะ!!” อยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็วิ่งมาดักหน้าฉัน…อย่างรู้ทัน “ถอยไปนะ!!” ฉันพูดบอกด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ เหมือนจะไม่กลัวแต่ในใจฉันกลับเต้นรัวยิ่งกว่ากลองที่ถูกตีเสียอีก ราวกลับว่ามันจะเด้งออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น “ทำไม? ถอยให้เธอคาบข่าวไปฟ้องไอ้เหี้ยวินมันเหรอ อย่าฝันไปเลย!!" พรึ่บ! “อื้อ!!!.” พวกนั้นเอาผ้ามาปิดจมูกฉันและกอดรัดตัวฉันไว้แน่น...ฉันดิ้นสุดกำลังก่อนที่ทุกอย่างเริ่มเลือนลาง…และทุกอย่างก็ดับลงราวกับถูกปิดสวิซลง คอมเม้นท์ + กดใจ = เป็นกำลังใจนักเขียนนะคั้บ~~ หากต้องการอ่านตอนใหม่ก่อนใครสามารถเพิ่มเข้าชั้นหนังสือเพื่อรับการแจ้งเตือนได้นะคั้บ><พลั่ก! ตุ้บ! พลั่ก!“อั่ก! โอ้ย!”เสียงร้องโอดโอยของร่างชายฉกรรจ์ที่ถูกวินทัพฟาดด้วยท่อนไม้และเหล็ก ดังสลับกับเสียงฟาดจนคนแถวนั้นกลัวจนไม่กล้าจะเข้าห้าม จนกระทั่งเพื่อนเขาที่ตามมา“ไอ้เหี้ยวิน! พอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวมันตาย”“มึงหลบไป”วินทัพพูดบอกกันต์เสียงสั่น ตายเป็นตายเขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หากดารินเป็นอะไรไป เขาเองก็ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ไอ้คนทำมันรอดไปได้เช่นกัน“มึงฆ่ามันแล้วได้อะไรวะ ถ้ามันตายมึงจะรู้ไหม ว่าใครสั่งมันให้ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับรินอะ”กันต์ถามเรียกสติเขา ซึ่งมันได้ผล เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันต้องมีคนบงการแน่นอน แต่เขาเอาแต่โมโหจนลืมไป วินทัพเดินไปหามันแล้วกระชากคอเสื้อมันให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาปูดโปน เพราะโดนเขาอัดเละ แถมไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย“ตอบกูมา! ใครเป็นคนสั่งมึงให้ทำ พูดให้เข้าหูกูนะ ไม่งั้นกูจะตัดนิ้วมึงทีละนิ้ว”วินทัพพูดล้วจ้องหน้ามันเขม็ง กันต์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมอุปกรณ์มา หากมันไม่ยอมบอกแต่โดยดี เขาจะไม่ห้ามเพื่อนเขาสักนิด“ตอบมา!!”คนถูกกระชากคออยู่สลึมสลือราวกับจะหมดสติไป แต่วินทัพไม่ยอม เขา
@โรงพยาบาลประจำตัวเมือง“คุณส้ม!”เสียงหวานของซรานดังสะท้อนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ร้องเรียกผู้จัดการสาวที่กำลังนั่งสะอื้นไห้จนไหล่สั่นสะท้าน ความรีบร้อนในน้ำเสียงแทบทำให้หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างบางของเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามา พร้อมกับเทมที่สีหน้าซีดเผือดยิ่งไม่ต่างกัน ความตึงเครียดหนักหน่วงคลี่คลุมไปทั่วราวกับอากาศรอบกายถูกบีบอัดจนแทบหายใจไม่ออก และทันทีที่สายตาของเทมเหลือบไปเห็นกลุ่มวินทัพที่ยืนจับจ้องอยู่ ความร้อนวาบแห่งโทสะก็พุ่งขึ้นสู่ศีรษะทันที เลือดในกายพลันสูบฉีดรุนแรง ราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ มันอีกแล้ว“คุณเทมคุณซราน! ฮึก!”“รินล่ะคะ? รินเป็นยังไงบ้างคะ?”ซรานเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกลั้นสะอื้นเอาไว้ ความปวดร้าวแล่นบีบรัดในอกเพียงเพราะตั้งแต่กลับมา เธอแทบไม่ได้พบหน้าน้องสาวสุดที่รักเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ยิ่งงานที่รุมเร้าทำให้เธอไม่อาจมาหาดารินได้บ่อยดังใจต้องการ และทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอ…ดารินก็มักจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลเสมอ ภาพเหล่านั้นกัดกินใจจนยิ่งเอ่ยถามออกมา น้ำเสียงก็ยิ่งสั่นพร่าไปด้วยความกังวลและเจ็บปวด“ตอนนี้น้อง
-ดาริน-หลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นฉันก็รีบกลับเข้ามาห้องพักของตัวเองทันที กะว่าจะออกไปสูดอากาศให้หายหงุดหงิดเสียหน่อย ดันไปเจอภาพบาดตาเสียได้“อ่าวน้องริน ไหนว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลคะ?”พอเข้ามาที่ห้องก็เจอกับพี่ส้มเช้งพอดี พี่ส้มเช้งน่าจะเอาของมาเก็บให้ เพราะเมื่อกี้ฉันเดินมาไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ“อากาศมันร้อน ๆ น่ะค่ะ เลยกลับมาพักในห้องดีกว่า”ฉันโกหกออกไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าหมดอารมณ์เดินเพราะเห็นคนรักจูบกับแฟนของเขาน่ะ…น่าเกลียดจะตายไป“น้องรินคะ พี่ขอพูดอะไรได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“เรื่องคุณวินทัพ…”พี่ส้มเช้งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจที่จะพูดออกมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอพูด“พี่รู้นะคะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพี่ แต่ในฐานะที่พี่เป็นผู้จัดการของน้องริน พี่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะ เขายังมีคนของเขาอยู่ น้องรินจะเสียเอานะคะ”ฉันคิดตามที่พี่ส้มเช้งพูด ในเวลาไม่กี่วันมีคนเตือนฉันเรื่องพี่วินทัพถึงสองคน ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะสถานะของฉันตอนนี้ก็คือชู้ดี ๆ นี่เอง“รินกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ พี่ส้มสบายใจได้”ความจริงเรื่องฉันกับพี่วินทัพเราไม่ได้เป็นอ
@คอนโดดารินเมื่อปล่อยคนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจแล้ว เขาก็พาเธอกลับคอนโดของเธอทันที วันนี้เขาตั้งใจจะนอนกอดเธอไม่ไปไหนทั้งนั้น จึงตัดสินใจปิดเครื่องเอาไว้“รินครับ มานี่เร็ว”เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกจากห้องน้ำก็รีบตีที่นอนเป็นเชิงชวนให้ขึ้นเตียงทันที ดารินมองอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง กลัวเขาจะจับกินน่ะสิไม่ใช่อะไร“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า มาเร็ว ง่วงแล้วเนี่ย”เขาพูดเพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาโคตรอยากทำ แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ รอทำอะไรให้ถูกต้องก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาจนคนตัวเล็กสลบไปหลาย ๆ รอบเลยทีเดียว“เชื่อได้ใช่มั้ยคะ?”ถามออกไปอย่างระแวงแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี เพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจริง ๆ“ได้สิ พี่ไม่ทำอะไรหรอกตอนนี้น่ะ”ตอนอื่นก็ไม่แน่ เขาคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ เมื่อร่างบางยอมขึ้นเตียงมาหาเขา เขาก็รีบกอดเธอไว้แทบจะทันที ทั้งคู่เอนนอนลงบนเตียงในขณะที่โอบกอดกันอยู่“รินอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทุกคืนเลย…”ถึงแม้จะโกรธที่เขาทำให้เธอต้องเป็นคนไม่ดี แต่ก็รักเขาอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้คำว่ารักนี่แหละตัวปัญหาสุด ๆ“พี่จะรีบทำทุกอย่างให้เคลียร
@ร้านอาหารหรูดารินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่เหล่าคนรวยมักมาออกเดทกันที่นี่ เพื่อประกาศถึงความร่ำรวยและชีวิตที่หรูหราของพวกเขา แต่วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เธออยากจะเคลียร์มากที่สุดเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ ดารินที่สวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ก็มองพี่ชายต่างสายเลือดผ่านแว่นดำ และไม่คิดจะถอดมันออก“ใส่แว่นมาข่มพี่หรือไงตัวเล็ก”ใช่เสียที่ไหน เพราะเธอร้องไห้จนตาบวมมาตลอดทางต่างหาก ตั้งแต่ทราบเรื่องที่ตนแท้งก็ยังไม่มีเวลามาเอาผิดคนทราบเรื่องคนแรกแต่ไม่ยอมบอกเธอสักที“อย่ามาเปลี่ยนเฉไฉค่ะ อย่างที่พี่เทมทราบ เค้ารู้เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว”ดารินเงียบก่อนจะเอนหลังเพื่อพิงโต๊ะและกอดอกมองคนพี่อย่างเอาเรื่อง ไมทต้องถอดแว่นออกก็พอจะเดาได้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่แน่ ๆ“เค้าให้เวลาพี่เทมแก้ตัวค่ะ”คนฟังถึงกับนึกขำในใจ พอจะดุก็เอาเรื่องเหมือนกันนะน้องสาวของเขาเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษสินะ“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษเราจริง ๆ ที่พี่ไม่ได้บอก รินก็รู้ว่าถ้าพี่เล่าไปยังไงรินก็จะเสียใจ และพี่ก็ไม่อาจจะทำรินเสียใจได้ พี่เลยอยากให้รินลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นไปซะ จะโกรธพี่ก็ได้ แต
-ดาริน-ตอนนี้ฉันมาคุยงานกับเจ้าของโปรเจ็กที่ได้รับผิดชอบงานโปรโมทรีสอร์ทที่หัวหิน เห็นว่าไปตั้งสี่วันสามคืนเลยทีเดียว เพราะเป็นงานแรกด้วย จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่ไปถ่ายแบบมุมต่าง ๆ ตามรีสอร์ทเท่านั้นเอง สบายมากงานแค่นี้“เราจะเดินทางไปที่รีสอร์ทกันวันไหนนะคะพี่อาร์ท”ฉันเอ่ยถามเมื่อคุยสรุปงานกันเสร็จ พี่ส้มเองก็เตรียมจดจารางงานให้ฉันอยู่เหมือนกัน“อืม…น่าจะอีกสามวันนะ น้องรินโอเคไหมครับ?”ฉันหันไปมองหน้าพี่ส้มเช้งทันที ซึ่งพี่เขาเช็คตารางนิดหน่อยก็พยักหน้าโอเคให้“โอเคค่ะ วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ กะว่าจะแวบไปแอบดูพี่วินทัพเสียหน่อย หลัวจากวันนั้นเขาก็ไม่ค่อยได้มาหาฉันเลย เอาแต่ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ยอมมาหากันเลย คืนนั้นแันกับเขาไม่ได้ทำอะไรกันต่อนอกจากนอนกอดกันเฉย ๆ ซึ่งมันก็ดีสำหรับฉันนะ“ครับผม น้องรินกลับได้เลยครับ เดี๋ยวพี่กับทีมจะคุยกันต่ะครับ”ฉันยิ้มให้พี่อาร์ทเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือมาถือแล้วลุกขึ้นเพื่อออกจากห้องประชุม“พี่ส้มจะอยู่คุยงานส่วนอื่นต่อกับพี่อาร์ทหรือจะกลับเลยคะ?”ฉันถามพี่ส้มเช้งที่หน้ายังคงอยู่กับจอโน็ตบุ๊ค