ซ่า!!
“เฮือก!! แค่ก ๆ”
ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างอยากลำบากก่อนจะสำลักน้ำที่เข้าปากเข้าจมูกจนแสบไปหมด...ฉันพยายามปรับโฟกัสไปที่ทางข้างหน้า...ก็พบกับ...พวกพี่วินนี่! พอหันหลังฉันก็เจอกับพวกคนที่จับฉันมา ฉันสบตากับคนที่ฉันกำลังจะไปหาเขาแต่ก็ไม่ทันดดนจับมานอนแอ้งแม้งตรงนี้เสียก่อน สายตาคบกริบคู่นั้นจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาเฉยชา...หึ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จับฉันมาเพื่อหวังให้ผู้ชายคนนี้ยอมแพ้…ไม่มีวันซะหรอก
“ตื่นสักที หึ ไงมึง! ถ้ามึงยังไม่อยากให้อีนี่ตายก็เลิกเสือกเรื่องของพวกกูสักที! แล้วก็บอกพ่อมึงด้วยเลิกมาขัดแข้งขัดขาพวกกูได้ละ!”
ฉันมองเขาไม่วางตา พวกเขาห้าคนได้แต่เค่นหัวเราะอย่างนึกขำ ฉันเองก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าฉันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น
“ที่พวกนายทำน่ะไม่มีประโยชน์หรอก...”
ฉันพูดออกมาเสียงเบา...ซึ่งพวกพี่วินเองต่างก็เงียบแล้วฟังฉันทันที ฉันพูดไปไม่ผิดหรอก มันไร้ประโยชน์จริง ๆ
“เธอหมายความว่าไง!”
มันเดินเข้ามาจับแขนฉันอย่างโมโหฉันเองก็ชำเลืองมองมันอย่างสมเพชเหมือนกัน! มันกับฉันก็คงไม่ต่างกันนักหรอก โง่เหมือนกัน
“โง่!”
ฉันด่ามันออกไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแต่ก็เหมือนด่าตัวเองไปด้วยเมือนกัน
“อีนี่! ปากดีนักนะมึง!”
เพี้ยะ!
ฝ่ามือหนาถูกฟาดลงมาที่ใบหน้าของฉันอย่างแรง มันตบเข้ามาที่ใบหน้าของฉันสุดแรง ตอนนี้ใบหน้าของฉันชาจนแทบไม่รู้สึกเลย เพิ่งจะเคยโดนตบแรงขนาดนี้ก็ครั้งนี้แหละ แรงมากกว่าที่หมิวตบเสียอีก คงเป็นเพราะคนตบเป็นผู้ชายด้วยล่ะมั้ง...แต่พวกเค้าทั้งห้าคนกลับมองมาด้วยความนิ่งเฉย ไม่ผิดไปจากที่ฉันคิดสักเท่าไหร่หรอก ไม่น่าแปลกใจสักนิด!
ใช่สินะ...ก็ฉันมันเป็นคนผิด...ผิดทุกอย่าง…
“เหอะ! พวกมึงอย่ามาปั่นหัวพวกกูหน่อยเลย!! กูให้คนไปสืบมาแล้ว วินทัพมันชอบไปหาอีนี่ออกจะบ่อยนี่”
มันยังคงไม่ยอมรับความจริง และพูดต่อด้วยความมั่นใจตามเดิม พวกมันจะไปรู้อะไร พูดก็ไม่เชื่อ ด่าก็ไม่สน โง่จริง ๆ นั่นแหละ
“อีกอย่าง ถ้าพวกมึงไม่ใช่คนสนิทกัน แล้วมึงจะเอาสิ่งที่มึงได้ยินไปบอกมันทำไม!? หืม แม่คนสวย”
ฉันเบือนหน้าหนีมันทันที เพราะขณะที่มันพูดมันก็เอามือสกปรกมาลูบหน้าฉันเบา ๆ แลัวหันไปแสยะยิ้มกับพี่วินทัพเพื่อเย้ยหยัน ฉันหันไปมองพวกเขาที่ต่างก็พากันมองมาด้วยสายตานิ่งเฉยตามเดิม ราวกับว่าพวกเขาก็รอคำตอบเหมือนกัน...ถ้าฉันบอกความจริงออกไป เขาจะรู้สึกยังไงกันนะ แต่อยู่ ๆ คำพูดของพี่วินทัพเมื่ออาทิตย์ก่อนก็ดังเข้ามาในหัว
“ขยะไง”
“…”
ฉันเผลอพูดคำที่นึกออกไปเบา ๆ ใช่ฉันคิดว่าตัวเองก็มีค่าแค่นั้นแหละ....แค่ขยะที่เขาไม่เอามาเก็บไว้เท่านั้น
“ขยะอย่างฉันน่ะ...มีค่าแค่คาบข่าวไงล่ะ!?”
ฉันพูดกับมันแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่พี่วินทัพไม่วางตา ซึ่งเขาเองก็สบตาฉันอยู่…และสุดท้ายก็เป็นฉันที่เลือกจะหลบตาเขา
“หึ อ๋ออย่างงี้นี่เอง งั้นแบบนี้เธอก็หมดประโยชน์แล้วสินะ"
มันคนเดิมพูดพร้อมควักบางอย่างออกมาและฉันมั่นใจว่าสิ่งที่มันควักออกมาต้องเป็นสิ่งที่ฉันเคยเห็นแน่ ๆ ปืนน่ะ
เป็นจริงอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ...มันควักปืนออกมาพร้อมกับจ่อมาที่หัวของฉัน ตอนนี้ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ถ้าวันนี้จะต้องตาย ฉันก็ไใ่เสียใจอะไรแล้วเพราะฉันเหนื่อยเหลือเกิน...น้ำตาที่คิดว่าจะไม่รื้นขึ้นมาแล้วกลับรื้นขึ้นมาซะอย่างงั้น และมันก็ค่อย ๆ หยดลงช้า ๆ อาบแก้มของตัวเอง
ปัง!
ฉันหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เมื่อได้ยินเสียงลั่นไกของปืน นี่ฉันตายแล้วใช่มั้ย? ทำไมมันถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ? หรือมันไม่เจ็บอย่างที่คิด?
ฉันลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อไม่รู้สึกอะไรเท่าที่ควร แต่แล้วตัวฉันกลับไม่เป็นอะไรเลย เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้ถูกยิงจึงมองไปข้าง ๆ ตัวเอง
“กรี๊ดด!!”
ฉันกรี๊ดเสียงดังก่อนจะรีบดิ้นขยับหนีทันที น้ำสีแดงที่ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วเปรอะเปลื้อนเสื้อสีขาวของฉันมันย้ำว่าผู้ชายที่กำลังจะฆ่าฉัน ถูกฆ่าตายไปแล้วและเลือดของเขามันก็ติดอยู่ที่ตัวของฉัน!
“มึง! ไอ้เหี้ยวินทัพ!มึงไม่ได้ตายดีแน่”
เสียงผู้ชายอีกคนพูดด้วยความโมโห ฉันที่ตอนนี้สติเลือนลางลงไปทุกทีเริ่มไม่รับรู้สิ่งรอบข้างแล้ว...กลิ่นเลือดนั่น ยังคงชัดเจนจนฉันมึนหัวไปหมด อยากอ้วกจนแทบบ้า!
“นี่ ริน”
ฉันสดุ้งสุดตัวเมื่อพี่เอต้า สกิดตัวฉัน ฉันที่สภาพถูกแก้มัดเรียบร้อยแล้วแต่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม อะไรกัน? ฉันมองไปรอบๆ ก็ไม่เหลือใครนอกจากฉันกับพี่เอต้าแล้ว ทุกคนหายไปไหนหมดเนี่ย!แล้วหายไปตอนไหนกัน ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลย แล้วเกิดอะไรขึ้นไปบ้างเนี่ย
“พะ...พี่วินละคะ?”
เมื่อฉันตั้งสติได้ ก็รีบถามถึงพี่วินทัพทันที
“มันไปนานแล้ว”
พี่เอต้าตอบก่อนนั่งลงมาข้างหน้าฉัน ไปนานแล้ว…งั้นเหรอ
“เธอกลัวเลือดเหรอ?”
ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะคำถามของเขามันแปลกน่ะสิ ใครบ้างจะไม่กลัวล่ะ คนตายเลยนะ แถมเลือดนั่น…
“เธอเอง...ก็เคยทำแบบนี้กับคนรักของไอ้วินมันนี่ ครั้งนั้นเลือดก็เยอะเหมือนกัน”
สายตาของเขามองมาที่ด้วยความโกรธ ฉันควรพูดว่าอะไรดี… ถ้าพูดความจริงออกไป เขาจะเชื่อฉันหรือเปล่า หรือคิดว่าฉันโกหกเหมือนพี่วินทัพ…
“ฉัน…ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อคิดว่าเขาเองก็คงไม่ต่างไปจากพี่วินทัพก็พูดขอตัวแล้วลุกขึ้นทันที พูดไปก็ไร้ประโยชน์เขาปักใจเชื่อแบบนั้นไปแล้ว จะไปแก้อะไรได้
“รู้เหรอ ว่าจะต้องออกจากที่นี่ยังไง?”
ฉันหยุดชะงักทันที เสียงของเขาตอนนี้เหมือนเสียงเมื่อสี่ปีก่อนเลย ต่างก็แค่คำถาม…และสถานที่เท่านั้นเอง
“ก็คง..ทำเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนมั้งล่ะมั้งคะ”
ฉันพูดแล้วเดินออกมาทันที เมื่อสี่ปีก่อน เขาก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เขาถามฉันว่ารู้ใช่มั้ยว่าจะต้องออกจากที่นี่ยังไงแล้วพวกเขาก็ออกไปจากโกดังร้างนั่นทันที
คอนโดมิเดียมหรู M
ฉันกลับมาคอนโดได้สักพักแล้วเพราะเดินออกมาเรียกแท็กซี่แถวนั้นเอา โชคดีที่มันไม่ได้ไกลจากตัวถนนมากนัก ฉันอยากจะไปสถานีตำรวจเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนนะ แต่...ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นหรอก ถ้าทำแบบนั้นพี่วินก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย ฉันไม่ได้โลกสวยอะไรหรอก แต่หากได้รักใครสักคนแล้ว ก็คงไม่อยากเห็นเขาเดือดร้อนหรือเจ็บปวดหรอก…ใช่ ฉันไม่อยากให้พี่วินทัพเจ็บปวด...แต่ฉันกลับเป็นคนทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก...
ติ๊ง!
หืม? ฉันเหลือบมองมือถือเมื่อมีคนส่งไลน์มา นี่จะห้าทุ่มแล้วใครทักมาล่ะเนี่ย ปกติแล้วยัยนกจะม่ส่งข้อความมาหาฉันดึกขนาดนี้หรอก ส่วนมากถ้าดึกก็มักจะโทรมาเลยเสียมากกว่าเพราะรู้ว่าฉันไม่ได้จับโทรศัพท์แล้ว
เมื่อหยิบสมาทโฟนขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่เทม
'ริน...ทำไมหายไปเลยล่ะ?'
ฉันควรตอบดีมั้ยนะ แล้วควรตอบว่าอะไรดี เขาต้องถามฉันเรื่องพี่วินทัพด้วยแน่ ๆ เลย
'ริน อ่านแล้วตอบพี่หน่อยสิ พี่เป็นห่วงนะ'
ฉันยังคงอ่านอยู่แบบนั้น แต่ไม่ได้คิดจะตอบอะไรออกไป ก็รู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่ฉันไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี
'รินครับ มีอะไรหรือเปล่า ตอบพี่หน่อย พี่เป็นห่วงจริง ๆ'
ฉันมองข้อความนั้นก่อนจะกดพิมพ์ตอบกลับไป ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะส่งมารัว ๆ ไม่ได้นอนกันพอดี
'พี่เทมมีอะไรหรือเปล่าคะ เค้ากำลังจะนอนแล้วเนี่ย'
ฉันพิมพ์ถามพร้อมกับตัดจบไปว่าจะนอนแล้ว หวังว่าเขาจะไม่ถามอะไรเซ้าซี้ฉันตอนนี้นะ ฉันยังไม่อยากคุยจริง ๆ
'โอเค งั้นนอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้วก็ได้'
ฉันอ่านข้อความสุดท้ายนั่น ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม
“พี่ไปไหนกันนะพี่วิน...”
ฉันนอนคิดถึงผู้ชายใจร้ายก่อนที่สติของฉันจะเริ่มเลือนลางไปด้วยความอ่อนล้า ทั้ง ๆ ที่เขาใจร้ายทิ้งฉันไว้ตรงนั้นแท้ ๆ แต่ฉันกลับเป็นห่วงเขามากเหลือเกิน…
-วินทัพ-
โรงพบาลแห่งหนึ่ง
“หยก...เป็นยังไงบ้าง…”
ผมถามผู้หญิงที่นอนหลับมานานเป็นเวลานานถึงสี่ปีแล้ว เธอไม่เคยลุกขึ้นมาตอบผมเลยสักครั้ง...ผมรอเธอกลับมาหาผมทุกวัน ทุกคนในครอบครัวเราต่างก็บอกให้ผมปล่อยเธอไป แต่ความรู้สึกของผมไม่อยากปล่อยเธอไปเลย ผมรักเธอ ผมจะรอเธอตื่นขึ้นมาแต่งงานกับผม...ถ้าไม่ใช่เพราะยัยผู้หญิงโสมมนั่น หยกก็คงไม่เป็นแบบนี้ หยกคงไม่ตายทั้งเป็นแบบนี้ ยัยนั่นคงคิดว่าหยกตายไปแล้วตั้งแต่สี่ปีก่อน
เหอะ! ผมโคตรจะเกลียดเธอเลย ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเจ็บปวด! เจ็บปวดเหมือนผมกับหยก เจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น! ผมรู้ว่ายัยนั่นมีใจให้ผมมาตลอด ผมรู้มาตลอดแต่ผมไม่เคยให้ความหวังเธอเลยสักครั้ง ผมพยายามหนีห่างจากเธอ แต่สุดท้าย ยัยผู้หญิงใจทรามนั่นก็เอาความโกรธมาลงที่คนที่ผมรัก เธอล่อให้หยกของผมออกจากงานเลี้ยงเพื่อจะได้ให้ผู้ชายคนอื่นไปรุมโทรมเธอ...แล้วตัวเองก็ยืนมองด้วยความสะใจ! ภาพที่ผมเห็นในคืนวันนั้น ผมเห็นหยกนอนหมดสติอยู่บนเตียงด้วยร่างที่เปลือยเปล่าอยู่ในโกดังร้างที่นั่น
ผมดูแลหยกมาอย่างดีทุกอย่างไม่เคยล่วงเกินเธอแม้แต่น้อยดูแลซะยิ่งกว่าชีวิตของผมพอไปเห็นแบบนั้นมันก็ทำใหหัวใจของผมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ผมตามเก็บไอ้พวกระยำนั่นทุกคน! ยกเว้นคนบงการอย่างยัยสารเลวนั่น! ผมจะเก็บเธอไว้ทรมาณเล่นจนกว่าหยกจะฟื้นขึ้นมา! ผมจะรอจนหยกฟื้นขึ้นมาหาผม บอกตามตรงยิ่งผมเห็นน้ำตาของยัยนั่นผมยิ่งสะใจ ยิ่งเห็นเธอเจ็บปวดผมยิ่งตื่นเต้นจนแทบบ้า! และผมสาบานเลยว่าผมจะทำให้ยัยนั่นเจ็บปวดยิ่งกว่าใครในโลกนี้เเน่!
-จบ วินทัพ-
ต่อไปไรท์จะอัพวันละ 2 ตอนนะคะ ตอนแรก 09:00 น. ตอนสอง 12:00 น. งับ ตรงเวลาแน่นอน
ใครชอบฝาก กดใจ+คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ
ส่วนใครที่อยากได้รับการแจ้งเตือนอัพสามารถกดเพิ่มเข้าหนังสือด้วยนะคะ><~ ส่วน E-Book ตอนนี้กำลังเร่งทำอยู่นะคะ><~